ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 423 ผู้กําหนดชะตากรรม (2)
ความมืดยังคงพัดมาทางวิลเลียมอย่างรวดเร็ว ชวนให้นึกถึงปาก ขนาดใหญ่ที่พยายามจะกลืนกินทุกสิ่ง แต่ก่อนที่มันจะมาถึงตัว เธอก็ชิง เคลื่อนไหว
วิลเลียมชักดาบแล้วฟันฉับขึ้นด้านบน
แสงสว่างปรากฏขึ้นต่อหน้าความมืด เธอได้จดจ่อขัดเกลากับ เจตจํานงหัวใจแห่งดาบไปถึงระดับสูงสุด โดยเน้นพลังของมันไปที่ ปลายดาบ ด้วยการฟาดฟันนี้ วิลเลียมได้ปลดปล่อยคลื่นดาบอันโชติ ช่วงซึ่งพยายามจะแบ่งโลกออกเป็นสองส่วน
ทันใดนั้น พลังเวทย์ที่เต้นเป็นจังหวะก่อนหน้านี้ของวิลเลียมก็ หายไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับว่าทุกอย่างถูกควบคุมไว้ในดาบเดียวนี้ หัวใจแห่งดาบของเธอดูเหมือนจะทําให้ท้องฟ้าสว่างขึ้นในทันที แต่แล้ว มันก็หายไป
คลื่นดาบสีขาวพุ่งวาบผ่านความมืด ราวกับว่ามีคนลากเส้นบน กระดานดําขนาดใหญ่ ทีแรกดูเหมือนว่าจะไม่มีความหมายอะไรต่อ หน้าความมืดมหึมา แต่มันกลับทําให้เกิดการระเบิดอันยิ่งใหญ่ที่ทําลาย ความมืดลง
ตูม!!!
การระเบิดขนาดมหึมาจากการปะทะกันของพลังเวทย์ทําให้เหล่า ผู้ชมอ้าปากค้างด้วยความตกใจ แม้จะมีอุปสรรคจากคลื่นกระแทกอัน ทรงพลังและแสงจ้าจากการระเบิดครั้งก่อน แต่ก็ไม่ได้ทําให้การต่อสู้ช้า ลงเลย วิลเลียมเปลี่ยนพลังเวทย์ของตัวเองกลับไปที่ปลายดาบ พร้อมที่ จะโจมตีโรเอลเป็นครั้งที่สอง
ร่างกายของโรเอลแข็งทื่อ สามารถสัมผัสได้ถึงอันตรายร้ายแรงที่ กําลังเข้ามาหา
วิลเลียมเหวี่ยงดาบไปด้านข้าง
ชิ้ง!
มีเสียงก้องกังวานดังออกมา ตามด้วยคลื่นดาบสีขาวอันน่า สะพรึงกลัวในทันทีที่ผ่าออก พลันคลื่นกระแทกก็มุ่งตรงไปยังโรเอล
อาร์เทเชียปิดตาลงส่งพลังเวทย์ปกคลุมร่างกายไว้พร้อมเถาวัลย์ที่ เริ่มเลื้อยยาวออกมาจากมือ ผลิดอกสีดําและสีน�าเงินเข้มผสานเบียด แน่นเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็วเป็นกําแพงดอกไม้อันสวยงาม
คลื่นดาบกระทบกําแพงดอกไม้อย่างรวดเร็ว ทําให้กลีบดอก จํานวนมากร่วงกราวลงสู่พื้นอย่างไร้ชีวิตชีวา ทว่าที่น่าประหลาดคือ คลื่นดาบกลับไม่สามารถเจาะทะลุกําแพงดอกไม้ได้แต่อย่างใด
เหมือนนักดาบที่พยายามฟันใบไม้ที่ปลิดร่วง ทําให้ดอกไม้ถูกทิ้งไว้ ในความระส�าระสาย แต่แทบจะไม่ได้รับความเสียหายใดๆ
“ป่าเถื่อนชะมัด จริงๆ แล้วข้าก็ไม่จําเป็นจะต้องเตือนวีรบุรุษของ ข้าหรอกนะ แต่ว่าถ้ามันยังเป็นแบบนี้ต่อไป เจ้าต้องมีปัญหาตามมา แน่ๆ”
หลังกําแพงดอกไม้ อาร์เทเชียหันไปมองเด็กหนุ่มผมดําที่อยู่ข้างๆ ด้วยรอยยิ้ม และใบหน้าของคนหลังก็แสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวรู้แล้ว
จากการโจมตีครั้งแรกที่ล้มเหลวไปจนถึงกําแพงดอกไม้ที่ใช้ในการ ป้องกันการโจมตีของวิลเลียม โรเอลใช้พลังเวทย์ในอัตราที่น่ากลัว ไม่ ต้องสงสัยเลยว่าคาถาเวทย์ของราชินีแม่มดนั้นแข็งแกร่ง แต่พวกมันก็ กินเชื้อเพลิงมากเช่นกัน อย่างน้อยๆ ในแง่ของความจุพลังเวทย์ โรเอล ก็เสียเปรียบหากเทียบกับระดับแก่นแท้ 3 อย่างของอีกฝ่าย
โรเอลรู้ดีว่าเขาต้องพึ่งพาพรของเปตราเพื่อยกระดับตัวเองเป็น ระดับแก่นแท้ 3 เพื่อที่จะชนะการต่อสู้ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา สําหรับสิ่งนั้น
ในทางกลับกัน วิลเลียมรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะเอาชนะ โรเอลด้วยการโจมตีระยะไกล ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจที่จะไม่ใช้พลังเวทย์
โดยสิ้นเปลืองไปกับการโจมตีที่ไร้ความหมาย และเปลี่ยนเป็นพุ่งไป ข้างหน้าแทน
เด็กสาวเข้าใจจุดแข็งและจุดอ่อนของโรเอลเป็นอย่างดี ในแง่ของ การระเบิดพลัง วิลเลียมไม่สามารถพูดได้อย่างมั่นใจว่าจะสามารถ เอาชนะโรเอลได้ 100% ตลอดเวลา แต่ในแง่ของคุณภาพและ ความสามารถของพลังเวทย์ เธอมีข้อได้เปรียบอย่างแน่นอน
จังหวะเริ่มต้นการต่อสู้ของพวกเขานั้นรุนแรงมากจนแม้แต่วิ ลเลียมยังต้องหอบหายใจ และนั่นคือเหตุผลที่เธอรู้ว่าโรเอลอยู่ในสภาพ ที่แย่กว่าเธออย่างแน่นอน
นี่เป็นโอกาส
ในขณะที่โรเอลฟื้ นตัวจากความพยายามก่อนหน้านี้ วิลเลียมก็จะ สามารถกําจัดระยะห่างระหว่างตนกับโรเอล และเอาชนะอีกฝ่ายด้วย ทักษะการต่อสู้ระยะประชิดแทน นี่เป็นกลยุทธ์ที่เด็กสาวมักใช้เมื่อต่อสู้ กับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่มีพลังระเบิดสูง
คนในชุดเกราะพุ่งผ่านเมฆฝุ่นสีแดงที่ลอยอยู่ในสนามประลองไป ยังตําแหน่งของเด็กหนุ่มโดยไม่ลังเล
ตามที่วิลเลียมคาดไว้ โรเอลยังคงพยายามอย่างใจจดใจจ่อที่จะฟื้ น ตัวจากการออกแรงมากเกินไปก่อนหน้านี้ พลังเวทย์ของเขาติดขัดจน ชะงักนิ่ง จนถึงจุดที่อาร์เทเชียไม่สามารถอยู่เคียงข้างเขาได้อีกต่อไป
เมื่อยืนยันการคาดเดาได้ วิลเลียมก็เพิ่มความเร็วขึ้นอีก ดาบในมือ เริ่มส่องแสงเพื่อเตรียมพร้อมสําหรับการโจมตีครั้งต่อไป
ในช่วงเวลานั้นเอง ในที่สุดโรเอลก็หันมามองเธอราวกับถูกดึงดูด ด้วยแสงอันฉับพลัน แต่ที่ทําให้เธอแปลกใจก็คือไม่มีความกลัวใดๆ ใน สายตาของอีกฝ่ายเลย
“ในที่สุดก็มาแล้วสินะ”
เขาพึมพํา
พรที่รอคอยมานานจากเทพธิดาแห่งผืนปฐพี เดินทางข้ามกาล อวกาศมาหาโรเอล ทําให้เขาอยู่ในขอบเขตพลังเวทย์สีเหลืองจางๆ พลังเวทย์ที่สงบนิ่งอยู่นั้นปะทุขึ้นทันทีราวกับภูเขาไฟที่เดือดดาล
เงาของงูยักษ์ขนาดมหึมาปรากฏอยู่ข้างหลังเด็กหนุ่ม แต่ที่สําคัญ กว่านั้น พลังเวทย์ของเขาเริ่มเพิ่มสูงขึ้นจนในที่สุดก็ไปถึงระดับแก่นแท้ 3 ภาพอันน่าเหลือเชื่อนี้ทําให้วิลเลียมเบิกตาด้วยความตกตะลึง
ความโกลาหลเกิดขึ้นท่ามกลางฝูงชนในสนามประลองเช่นกัน
“ระดับแก่นแท้ 3? นี่มันเป็นไปได้ยังไง?”
“มันเป็นคาถาเวทย์หายสาบสูญไปตั้งแต่ยุคโบราณงั้นเหรอ?!”
ผู้คนต่างแสดงความเห็นอย่างตื่นเต้นไปกับเหตุการณ์ที่พลิกผัน นักเรียนจากอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์ทุกคนล้วนอ้าปากค้าง
นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มงานประลองที่โรเอลใช้คาถาเวทย์เพื่อ เพิ่มระดับแก่นแท้ การกระทําดังกล่าวน่าจะเป็นไปไม่ได้ นั่นจึงเป็น สาเหตุที่ทําให้ฝูงชนตื่นตระหนก
ไม่มีใครคาดคิดว่า รอบชิงชนะเลิศจะกลายเป็นการประลอง ระหว่างผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้ 3 สองคน ก่อนหน้านี้มี โอกาสที่วิลเลียมจะชนะอย่างท่วมท้น แต่การพัฒนาอย่างกะทันหันนี้ ทําให้ทุกอย่างสั่นคลอนและไม่สามารถคาดเดาได้อีกต่อไปว่าจะเกิด อะไรขึ้นต่อไป
เสียงปรบมือดังกึกก้องในสนามแข่ง
ขณะเดียวกันที่ภูเขาเกรียม ดวงตาสีทองของโรเอลเริ่มเปล่ง ประกายราวกับแสงเทียนจางๆ ด้วยพลังเวทย์ที่พุ่งสูงขึ้นนี้ เขาสามารถ ทํากับดักมรณะสําเร็จได้ในพริบตา
พลังเวทย์สีแดงเข้มกลืนร่างของโรเอลในขณะที่โครงกระดูกสีขาว ซีดผุดตัวขึ้นรอบๆ เขาอย่างรวดเร็ว ร่างสูงตระหง่านของกรันด้าปรากฏ ขึ้นท่ามกลางชั้นหมอก สายฟ้าสีเลือดนกแตกกระจายรอบๆ หมัดโครง กระดูกที่กําแน่นนั้นมอบพลังทําลายล้างให้เต็มที่ ด้วยพลังของ คุณสมบัติแก่นแท้ต้นกําเนิดความแข็งแกร่ง กรันด้าเหวี่ยงหมัดไปที่ดาบ ของวิลเลียม
นี่คือการแสดงถึงความแข็งแกร่งทางกายภาพสุดขีดที่โรเอล สามารถทําได้
หมัดที่พุ่งไปนั้นดูเหมือนการลงทัณฑ์จากสวรรค์ เป็นดาวหางที่ตก ลงมาจากสวรรค์เพื่อลงโทษผู้ที่ได้รับความพิโรธจากเทพเจ้า จนแทบ จะเป็นไปไม่ได้ที่จะต้านทานพลังขนาดนี้
ระหว่างนั้น เสียงครวญครางก็ดังก้องมาจากข้างหลังวิลเลียม งู ยักษ์สีทองผุดขึ้นจากดิน เปตราได้นําลาวาที่ร้อนแรงที่สุดมาจากส่วน ลึกของดินแดนที่ไหม้เกรียมมาด้วย ซึ่งเธอได้สูบและปล่อยลาวาที่ ร้อนแรงนั้นใส่ศัตรูราวกับเปลวเพลิงอันเลวร้าย
เทพเจ้าโบราณสององค์จากยุคต่างๆ ร่วมมือกันเพื่อโจมตีวิลเลียม
การสูญเสียพลังเวทย์อย่างรวดเร็วทําให้ใบหน้าของโรเอลซีดเผือด แต่เขารู้ดีว่าจะต้องยุติการต่อสู้นี้ให้เร็วที่สุด
พรของเปตรามาพร้อมกับผลข้างเคียงที่รุนแรง ดังนั้นเขาจึงไม่ สามารถต่อสู้ในการต่อสู้ที่ยืดเยื้อได้ ยิ่งไปกว่านั้นคุณสมบัติแก่นแท้ต้น กําเนิดของวิลเลียมยังเป็นปัญหาอีกด้วย
คุณสมบัติแก่นแท้ต้นกําเนิดความกล้าหาญของตระกูลแคมบอน ไนต์เหมาะสมที่สุดสําหรับการต่อสู้เมื่อเทียบกับคุณสมบัติแก่นแท้ต้น กําเนิดหลักสามประการ ไม่มีอะไรดีไปกว่าการต่อสู้กับอุปสรรคด้วยสิ่ง นี้ เป็นที่ทราบกันดีว่าผู้ครอบครองคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกําเนิดความ กล้าหาญนั้นแข็งแกร่งและกล้าหาญมากขึ้นในระหว่างการต่อสู้ ซึ่งยิ่ง ต่อสู้ก็ยิ่งเพิ่มพลังให้กับพวกเขามากขึ้นไปอีก
เราจะต้องยุติการต่อสู้นี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด!
ด้วยความคิดดังกล่าวโรเอลจึงเพิ่มพลังเวทย์ลงไป
ในที่สุดกําปั้ นของกรันด้าก็ปะทะเข้ากับดาบของวิลเลียม
มันเป็นการปะทะกันระหว่างนักรบสองคนที่มาถึงจุดสูงสุดของ พลัง
หมัดของกรันด้าควบคุมความตั้งใจที่จะทําลายอุปสรรคทั้งหมดที่ ขวางทางเขา หัวใจแห่งดาบของวิลเลียมเป็นตัวแทนของวิญญาณที่ไม่ ยอมแพ้ของเธอ มันคือการต่อสู้ด้วยเจตจํานงที่มากพอๆ กับการต่อสู้ เพื่อความแข็งแกร่ง
ในที่สุด การปะทะจบลงด้วยชัยชนะของโครงกระดูกยักษ์
วิลเลียมจะเอาชนะตัวตนที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความแข็งแกร่งได้ อย่างไร? คลื่นดาบแสงที่เธอปล่อยออกมาแตกเป็นเสี่ยงๆ และเธอก็ถูก ส่งกระเด็นไปจากแรงกระแทก
ขณะเดียวกัน เปลวเพลิงแห่งความหายนะของเปตราก็พุ่งตรงมาที่ เธอ และทั้งหมดก็จบลงด้วยระเบิดทําลายล้าง
ตูม!!!
พลังเวทย์ที่ถูกบีบอัดก่อตัวเป็นเสาเพลิงสูงตระหง่าน และวิลเลียม ก็ถูกส่งไปในระยะไกล หลายคนในสนามแข่งส่งเสียงเชียร์อย่างตื่นเต้น โดยคิดว่าการประลองได้จบลงแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในสนามประลองโรเอลจับตาดูภาพเงาของวิลเลียม อย่างมั่นคงไม่ผ่อนปรน เขายังคงสัมผัสได้ถึงพลังเวทย์ของอีกฝ่ายที่ยัง ไหลเป็นห้วงๆ ได้อย่างชัดเจน