ถ้าผมเกิดใหม่ใน RPG? (So What if it’s an RPG World !?) - ตอนที่ 28
ตอนที่ 28 M
“คือว่าถึงไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร แต่ก็ช่วยเหลือได้มากทีเดียว ขอบคุณจริงๆ”
หลังจากพวกโจรหนีหัวซุกหัวซุน หัวหน้าหมู่บ้านก็เดินเข้ามาขอบคุณผม
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ เรื่องเล็กน้อยเอง แต่ตอนนี้พวกคุณรีบย้ายออกจากที่นี่เถอะ โจรพวกนั้นต้องกลับมาอีกแน่ และผมก็คงอยู่ที่นี่นานไม่ได้”
“เรื่องนั้น”
หัวหน้าหมู่บ้านมองผมอย่างกระอักกระอ่วน จากนั้นก็มองไปยังเหล่าชาวบ้านข้างหลัง
“ พวกเราก็จนปัญญา พวกเราไม่มีเงินให้ย้ายออกจากที่นี่แล้วตั้งถิ่นฐานใหม่หรอก”
พูดแบบนี้ก็ถูก ผมมองรอบๆ หมู่บ้าน บ้านที่ทําจากไม้ บวกกับภายนอกที่เต็มไปด้วยพื้นที่เพาะปลูกแม้คนเหล่านี้ดูเหมือนอาศัยการล่าสัตว์เพื่อดํารงชีวิต แต่สภาพโดยรวมกลับต้องใช้คําเดียวมาอธิบายนั่นคือ จน!
ย้ายบ้านเหรอ นั่นหมายความว่าต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้นทุกสิ่งทุกอย่าง สําหรับหมู่บ้านธรรมดาสักแห่ง มันถือว่าทําได้ยากทีเดียว
ผมเปิดแถบเครื่องมือ ตอนนี้เหลือเงินเพียงหนึ่งหมื่นกว่าเหรียญทองเท่านั้น ถึงมันจะเป็นเงินที่คนหลายร้อยชีวิตในหมู่บ้านนี้จะหาได้ แต่ว่า
การช่วยเหลือพวกเขาตามใจชอบ พอใช้เงินจนหมด พวกเขาก็จะยิ่งลําบากน่ะสิ
คิดไปคิดมา สุดท้ายผมก็ตัดสินใจ
“งั้นผมจะอยู่ที่นี่ไปก่อนแล้วกัน คราวหน้าถ้าพวกเขามาอีก ผมจะคิดหาทางไปพบกับพี่ใหญ่พวกเขา แล้วจัดการเรื่องนี้”
“นั่น…ข้าขอบคุณจริงๆ!”
“ขอบคุณโอยาโดะเถอะ ถ้าเธอไม่พบผม วันนี้พวกคุณคงจบเห่”
พูดจบ ผมก็ลูบศีรษะโอยาโดะ
ในขณะนั้นเอง จู่ๆ ผมก็เห็นแสงประกายจากเศษน้ําแข็งกองนั้นไม่หยุด ด้วยแรงกระตุ้นจากโรคย้ําคิดย้ําทํา ผมเลยเดินเข้าไป คุ้ยเศษน้ําแข็ง ดึงหอกที่หักเป็นหลายท่อนกับชุดขาดรุ่งริ่งออกมาจากข้างใต้
ผมยื่นมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อที่ส่องแสง จากนั้นก็หยิบกระเป๋าเล็กๆ ออกมา
“นี่มัน… กระเป๋าเงินเหรอ”
“มันคือกระเป๋าเงินของพ่อ!”
โอยาโดะจับกระเป๋าเงินไว้ น้ําตาก็ไหลโซกออกมา
“มันคือกระเป๋าเงินของพ่อเธอเหรอ”
“อื้ม..มัน..มันคือกระเป๋าที่ข้าเคยให้ในวันเกิดพ่อ…ข้าเย็บมันให้พ่อด้วยตัวเอง..ก็เลย…”
ผมหมุนตัวไปมองหัวหน้าหมู่บ้าน
“ดูท่าพวกนั้นคงคิดจะปล้นพวกคุณมาตลอด เลยส่งคนมาขโมยเงิน วิธีต่ําช้าแบบนี้ถึงกับทําให้โอยาโดะกลายเป็นเด็กกําพร้าตั้งแต่เล็ก…หม”
จู่ๆ ผมก็รู้สึกว่ามีคนดึงเสื้อผม เมื่อก้มหน้ามอง ก็พบว่าเป็นโอยาโดะ
ผมรู้สึกเหมือนจะโดนละลายในพริบตา เพราะการดึงชายเสื้อผมนี่มันดูแบ๊วเหลือกเกิน…ดีนะที่ผมไม่ใช่โลลิคอน!
“มีอะไรเหรอ”
“ฆ่าพวกเขาที!”
“เอ๋”
ผมฟังผิดหรือเปล่า โลลิที่ดึงชายเสื้อผมกําลังบอกให้ผมฆ่าคนเหรอ
“โปรดฆ่าสารเลวที่ฆ่าพ่อแม่ด้วย!”
“โอยาโดะ เธอรู้ไหม ว่าเธอกําลังบอกฉันให้ฆ่าคน”
“การฆ่าคน…ถึงจะไม่ดี แต่ว่า…”
มือข้างหนึ่งของโอยาโดะจับชายเสื้อผมไว้ มืออีกข้างก็กํากระเป๋าเงินไว้แน่น
“แต่พอคิดว่าคนเลวแบบนี้ยังมีชีวิตบนโลก แต่พ่อแม่ข้ากลับอยู่อีกโลกหนึ่ง นี่มัน..นี่มันไม่ยุติธรรมเลย!”
“โลกนี้มันก็ไม่ยุติธรรมอยู่แล้ว”
ผมมองเธอ แล้วจับมือเธอไว้
“ถึงจะไม่ใช่การมอบหมายอย่างเป็นทางการ แต่ยกหน้าที่นี้ให้ฉันเถอะ วางใจได้ ฉันจะทําให้พวกเขาทําชั่วไม่ได้อีก”
“อื้ม”
เฮ้อ ดูท่าคงต้องฆ่าคนอีกแล้ว
แม้จะฆ่าคนไปแล้วหลายคนเมื่อมาถึงโลกนี้ แต่เรื่องอย่างการฆ่าคนนี้ช่วยไม่ได้นะ ในเมื่อมือผมสกปรกไปแล้วจะสกปรกเพิ่มอีกหน่อยก็คงไม่เป็นไร ยังไงซะ เมื่อเทียบกับเมล็ดพันธุ์ของความแค้นที่ฝังอยู่ในใจเด็กตัวเล็กๆ ก็ไม่สู้ให้ผมกวาดล้างมันไปยังดีซะกว่า
“แต่ว่ามีใครรู้บ้างว่ารังพวกนั้นอยู่ที่ไหน”
เมื่อได้ยินคําพูดของผม ทุกคนก็มองผม ผมมองพวกเขา แล้วเผยสีหน้าไม่รู้เรื่องออกมา
พระเจ้าผมคงพลิกภูเขาตามหาไม่ได้หรอกนะ
“งั้นดูท่าผมคงต้องอยู่เป็นแขกที่นี่ไปสักพักแล้วล่ะ”
“การแจ้งเตือนทํางานอยู่จริงหรือเปล่าเนี่ย”
ตั้งแต่วันนั้น ผมก็อยู่ในหมู่บ้านที่ไม่มีแม้แต่ชื่อมาได้สามวันแล้ว
ตั้งแต่วันแรกผมก็นั่งดื่มชาพลางรอโจรพวกนั้นทุกวัน จนมาถึงวันที่สาม ผมก็เริ่มค้นหาตามทางที่อีกฝ่ายจากไปอย่างอดรนทนไม่ได้
“ล้อเล่นอะไรเนี่ย อย่าว่าแต่เนวิเกเตอร์เลย แม้แต่ป้ายบอกทางยังไม่มีแล้วฉันจะหายังไงเนี่ย”
หลังจากผ่านไปสองวัน ทุกพื้นที่ในระยะทางประมาณหนึ่งร้อยเมตรต่างก็ถูกผมตั้งโทเท็มน้ําแข็งเพื่อแบ่งแยกพื้นที่ที่เคยสํารวจไปแล้ว แต่ว่า ผมก็ยังหาร่องรอยของโจรพวกนั้นไม่เจออยู่ดี
เหมือนกับโจรพวกนั้นไม่เคยปรากฏตัวมาก่อนเลย
เสียดายที่ผมไม่มีสกิลแกะรอยเลย นายพรานในหมู่บ้านอาจคุ้นเคยกับเหยื่อต่างๆ แต่พวกเขากลับไม่เชี่ยวชาญด้านการแกะรอย
“พวกเธอไม่มีข้อเสนออะไรเลยเหรอ แถวนี้มีสถานที่ไหนที่เหมาะจะซ่อนตัวไหม ถ้ําหรือโบราณสถานที่ถูกทอดทิ้งอะไรแบบนี้น่ะ”
คืนวันที่ห้า ผมกินอาหารเย็นไปด้วย พร้อมพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“พี่ฟีล ไม่ต้องใจร้อน ถ้าหาไม่เจอก็ช่างเถอะ…”
โอยาโดะที่อยู่ข้างๆ มองผมพร้อมยิ้มพูด
แม้ไม่รู้ว่าทําไมเธอถึงเรียกว่าพี่นําหน้าชื่อผม แต่ว่า
ผมไม่ใช่ซิสคอน1หรอกนะ
“แหม…”
ผมเทซุปลงไปในถ้วย แล้วพูดต่อ
“ฉันก็จนปัญญา แต่พวกเขามาหาเรื่องพวกเธอก็ไม่ดีนี่”
“ที่แท้พี่ก็ห่วงความปลอดภัยของเรา ในเมื่อพวกเขาไม่กลับมา งั้นมันก็ไม่สําคัญแล้ว”
“หวังว่างั้นนะ…”
ประสบการณ์นับไม่ถ้วนบอกผมว่าถ้าไม่ตัดรากถอนโคนปัญหาในอนาคตคงยากจะจบด้วยดีนี่เป็นความชอกช้ําของเหล่าบรรพบุรุษที่เปลี่ยนมาเป็นคําสอน
ถ้าสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดคืออีกฝ่ายกําลังวางแผนจะมาโจมตีผม งั้นมันก็แย่แล้ว
จู่ๆ เลือดผมก็ลดลงนิดหน่อย แล้วมันก็ค่อยๆ ลดลงไปหนึ่งครั้งต่อวินาที!
“เอ๋ เอ๋ๆๆ”
ผมรีบวางถ้วยลง แล้วมองรอบตัวดีๆ..มันไม่มีบาดแผลเลย! แต่สัญลักษณ์การติดพิษกลับปรากฏขึ้น!
“พี่เป็นอะไร”
“ฉันไม่รู้…”
เวลาแบบนี้จะทําไงดี นอกจากเลือดแล้วก็ไม่มีอะไรผิดปกติอีก แล้วให้ผมทําไง
ใช่แล้ว! ยาถอนพิษ!
ผมรีบเปิดแถบไอเทม กดยาทุกอย่างอย่างละครั้ง แต่ว่ามันกลับไม่มีผลเลย!
บ้าเอ๊ย ผมต้องเลือดลดจนตายไปแบบนี้เหรอ! ล้อเล่นอะไรเนี่ย!
บ้าจริง ช่วงนี้สมองผมเต็มไปด้วยความรุนแรง ความสามารถในการวิเคราะห์ที่ควรมีเลยเสียหายไปแล้วเหรอ
เหตุการณ์ที่เลือดลดแบบนี้อยู่ในกรณีที่ได้รับการโจมตีแน่ ใช่แล้ว หรือก็แปลว่า ตั้งแต่เมื่อกี้ผมอยู่ในสถานะ “ถูกโจมตี
แต่ปัญหาคือ ในกรณีทั่วไปถ้าถูกโจมตี แจ้งเตือนการโจมตีจะแสดงออกมา อย่างน้อยก็มีสัญลักษณ์ทิศทางบ้าง…หรือมันถูกยกเลิกไปตอนอัพเดทระบบ
เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้แน่ เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่ต่อสู้กับโจร แจ้งเตือนการโจมตียังเอ๋ตอนนั้นมีแจ้งเตือนไหมนะ จําไม่ได้เลยแฮะ….เป็นเพราะช่วงนี้ต่อสู้บ่อยจนชินแล้วหรือไง
ไม่ๆๆ ผมนึกออกแล้ว มันมีการแจ้งเตือนจริงๆ ตอนที่กําจัดหมูป่าประหลาดตัวนั้นเมื่อเช้าผมเห็นสัญลักษณ์สีแดง หรือก็แปลว่าสิ่งที่โจมตีผมตอนนี้ไม่อยู่ในรัศมีที่ผมมองเห็น
ระยะไกลเกิน…ไม่สิ ถึงเป็นระยะไกลเกินก็ควรแสดงทิศทางถึงจะถูก นี่มัน..
มองเลือดที่ลดลงไม่หยุด ผมก็อดกําหมัดไม่ได้
เลือดลดเร็วขึ้นงั้นเหรอ
การกําหมัดแน่นเท่ากับกล้ามเนื้อหดตัวเหรอ
กล้ามเนื้อเหรอ การซดน้ําซุปเหรอ ไม่ใช่เลย..
“แบบนี้เองเหรอ”
ขณะที่พูด ผมก็หยิบสิ่งของไร้สีขวดหนึ่งออกมาจากแหวนเก็บของเอาเถอะ ถ้าไม่จําเป็นผมคงไม่ปล่อยของแบบนี้ไว้ในแถบไอเทมแน่
“พี่ มันคืออะไร”
“สิ่งของที่น่ากลัว ฉันจะออกไปหน่อย…”
“เอ๋”
พูดไป ผมก็วิ่งออกไปทันที ดื่มยาเพิ่มเลือดพลางวิ่งอย่างบ้าคลั่ง พุ่งไปทางสุสานปรักหักพัง
“ผลิตภัณฑ์ที่ผิดพลาดจากการเล่นแร่แปรธาตุก็ไม่นับว่าล้มเหลวหรอก อย่างน้อย ก็ยังทํากรดซัลฟิวริกออกมาได้เลย”
พูดจบ ผมก็กางปีก แล้วเงยหน้าขึ้น ดื่มกรดซัลฟิวริกลงไป
ถึงใช้เรียงความพันอักษรก็คงบรรยายความรู้สึกของผมในตอนนี้ไม่ได้ ตอนแรกเริ่มด้วยความรู้สึกถึงกลิ่นประหลาด แต่หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ผมก็ไม่รู้สึกถึงการรับรู้ใดๆ อีก
สิ่งเดียวที่ผมกําลังทําก็คือกดสกิลเพิ่มเลือดไม่หยุด!
“แหวะ!”
สุดท้าย ผมอาเจียนของเหลวประหลาดออกมา พื้นที่ถูกของเหลวส่งเสียงดังซ่า ทั้งยังตามมาด้วยสิ่งของนับไม่ถ้วนที่ไม่รู้ว่าคืออะไร
ทั่วทั้งร่างผมแผ่แสงสีขาวออกมาอย่างไม่รู้ตัว ดูท่าคงใช้สกิลเยอะเกินไปหน่อย
แต่เอฟเฟกต์ของมันกลับชัดเจนมาก ร่างกายของผมคืนความรับรู้อย่างรวดเร็ว มันแค่ชานิดหน่อยจากนั้นก็กลับเป็นปกติ
อีกทั้งหลังจากแสงสีขาวหายไปก็ไม่มีความผิดปกติอะไรเลย
เพียงแต่
“พระเจ้า ฉันมีชุดนี้แค่ชุดเดียวนะ สวรรค์…”
ชุดผมพังทั้งตัว บริเวณคอปกก็กลายเป็นสีดําเกรียม
แม้ผมฟื้นฟูร่างกายได้ แต่กลับไม่สามารถฟื้นฟูเสื้อผ้าได้
“ไหนดูซิ มันคืออะไรกันแน่…”
ผมย่อตัวลง ใช้เวทแฟลชส่องลงไปยังสิ่งของบนพื้น
“อืม…ไม่ใช่อันนี้ไม่ใช่อันนี้เดี๋ยวนะ อันนี้”
ผมหยิบเศษโลหะขึ้นจากพื้น
“นี่มันชิ้นส่วนผิวเคลือบโลหะ ที่นี่มีของแบบนี้ได้ไง”
ชิ้นส่วนนับไม่ถ้วนผุดขึ้นในสมองผม พร้อมเทียบกับชิ้นส่วนตรงหน้า แต่ผ่านไปนานผมก็นึกชิ้นส่วนบนโลกใบนี้ที่เป็นประเภทเดียวกันกับของชิ้นนี้ไม่ออก
“ไม่ใช่ของบนโลกนี้เหรอ”
ผมมองไปในหมู่บ้าน
“มอเตอร์ขนาดเล็กของแบบนี้มาขายส่งที่นี่แล้วเหรอ น่าสนใจนี่”
1 อาการบ้าน้องสาว