ถ้าผมเกิดใหม่ใน RPG? (So What if it’s an RPG World !?) - ตอนที่ 17
ตอนที่ 17 เทวดาศักดิ์สิทธิ์แห่งความตาย
“ชื่อ”
“ฟีลครับ”
“หลินหรือ เป็นนามสกุลที่หายากจริงๆ”
“ฮ่าๆ ที่จริงผมเป็นเด็กกําพร้า”
“อ่า….ขอโทษด้วย”
“ไม่เป็นไรครับ”
“แล้ว..อายุล่ะ”
“สิบเจ็ดครับ”
“อ่า หนุ่มจัง”
“ไม่หรอกๆ”
“เพศ คงเป็นเพศชายล่ะมั้ง”
“เอ่อ…”
“ขอโทษด้วย เพราะช่วงนี้การแต่งตัวแปลกๆ กําลังเป็นที่นิยม ข้าจึงยืนยันสักหน่อยดีกว่า”
“แบบนี้นี่เอง…ผมเป็นผู้ชายครับ”
คุณช่วยบอกผมได้ไหมว่าช่วงนี้ฮิตการแต่งตัวแบบไหน
“อืม…แล้ว…เผ่าพันธุ์เจ้าล่ะ”
“ดูเหมือนจะเป็นเทวดาศักดิ์สิทธิ์แห่งความตาย”
“…”
ปากกาของอีกฝ่ายตกลงบนโต๊ะ แล้วที่นี่ก็เงียบเชียบผิดปกติทันที
ที่นี่คือที่ไหนน่ะเหรอ
ก็ต้องเป็นที่ทําบัตรประชาชนอยู่แล้ว เพราะคนที่ทะลุมิติได้เป็นราชาปีศาจ ทั่วทั้งขุมนรกเลยถูกปรับปรุงให้เป็นเมืองที่เหมือนกับเมืองหลวงยุคปัจจุบัน และสิ่งของที่น่าอัศจรรย์อย่างบัตรประชาชนเลยปรากฏขึ้นทั้งยังถูกนํามาใช้
ดังนั้น เพื่อให้ใช้ชีวิตในขุมนรกได้อย่างปกติ ผมกับมิสสโนว์มันสเตอร์จึงทําได้เพียงมาทําบัตรประชาชน
คนที่ทําบัตรประชาชนให้ผมเป็นโลลิ…ไม่สิ เธอเป็นโลลิจริงๆ แวบแรกที่ผมเห็นเธอก็คิดว่าการจ้างแรงงานเด็กจะไม่เป็นไรเหรอ แต่ว่า
ตอนผมเห็นนามบัตรของเธอที่วางบนโต๊ะผมก็
ยัยนี่เป็นคนแคระ
คนแคระ! คนแคระก็เป็นโลลิกันหมดนี้! พระเจ้า!
เอาเถอะ ผมต้องใจเย็นๆ ผมพบความอัศจรรย์บนโลกนี้มาไม่น้อยแล้ว เพราะงั้นใจเย็นไว้จะดีกว่า และโชคดีที่ผมไม่ใช่โลลิคอน ไม่งั้นผมคงประกาศว่าจะครอบครองชนเผ่าคนแคระแน่
เอาเถอะ ออกทะเลไปหน่อยแล้ว พวกเรากลับเข้าประเด็นดีกว่า
อย่างแรกคือโลลิ…ไม่สิ หญิงสาวคนแคระตรงหน้าอ้าปากกว้างเพราะความตกใจ…แต่ที่จริงเรียกว่าโลลิก็คงไม่เป็นไรมั้ง
สิ่งสําคัญคือคุณมองผมแบบนี้ เหมือนกับผมเพิ่งสารภาพรักกับคุณเลย ผมคงไม่ได้เว่อเกินหรอกนะ
“เจ้าเพิ่งสารภาพรักกับนางหรือ”
จู่ๆ มิสสโนว์มันสเตอร์ที่อยู่อีกด้านก็วิ่งเข้ามาถาม
“จะเป็นไปได้ไง!”
“อ่า ข้าคิดว่าเจ้าชอบพวกคนตัวเล็กซะอีก”
“ฮะ คุณไปได้ข้อสรุปแบบนี้จากไหน”
“มิสอาร์ย่ากับมิสสโนว์”
สองคนนั้นเป็นข้อยกเว้นโอเคไหม ทําไมคุณไม่ไปดูญารินล่ะ
“ถึงข้าจะไม่มีความเห็นต่อรสนิยมของเจ้า เพราะอย่างไรนิสัยของแต่ละคนก็…”
“พอแล้ว! หยุดเถอะ มันเป็นเรื่องของสุขภาพน่ะ! เราเปลี่ยนประเด็นกันเถอะ”
พูดจบ ผมก็หันไปถามโลลิแคระที่ชื่อว่า “ชีมีล” คนนั้น
“เฮ้ๆ ทําไมคุณถึงนิ่งล่ะ”
“อ่า…อ๊า! ขอโทษด้วย ข้าแค่ข้าแค่เห็นเทวดาศักดิ์สิทธิ์แห่งความตายครั้งแรก เลย ตกใจนิดหน่อย”
“ อย่างนี้นี่เอง”
ผมจับศีรษะ แล้วหมุนตัวไปหาออร์แลนโด
“เทวดาศักดิ์สิทธิ์แห่งความตายหายากในขุมนรกด้วยเหรอ”
“รวมเจ้าก็มีหกร้อยหกสิบหกคน เจ้าว่าไงล่ะ”
บ้าเอ๊ย สายพันธุ์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์! มังกรยังมีเยอะกว่าพวกคุณอีกมั้ง มังกรยังยากที่จะออกลูกเลย แล้วพวกคุณทําไมถึงขยายพันธุ์ช้าขนาดนี้!
“ทําไมถึง…”
“อ่า เรื่องนั้นนะ เพราะความเหนียวแน่นของพวกเจ้ากลายเป็นกําลังการต่อสู้อันแข็งแกร่งในสนามรบ ดังนั้นจึงถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว ถ้าไม่ใช่ราชาปีศาจองค์นี้ค่อนข้างให้ความสําคัญต่อความหลากหลายทางสายพันธุ์ เกรงว่าเจ้าคงเป็นคนสุดท้ายแล้วก็ได้”
บ้าเอ๊ย! ผมต้องขอบคุณเพื่อนคนนี้สักหน่อยแล้ว!
“ความเหนียวแน่นเหรอ เทวดาแห่งความเสื่อมก็มีความเหนียวแน่นเหมือนกันนี่ อีกทั้งเวทมนตร์สายมืดยังส่งต่อง่ายกว่าเวทมนตร์สายอันเดดอีกนี่”
“เทวดาแห่งความเสื่อมสามารถเปลี่ยนแปลงมาจากเทวดาได้ทันที เจ้าล่ะทําได้ไหม”
ไม่ได้!
“เอาเถอะ…”
ผมหันไปทางโลลิคนแคระอีกครั้ง
“ผมรู้ว่าตอนนี้คุณตกใจมาก แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาตกใจนะครับ ถ้าทําได้ก็ช่วยจัดการบัตรประชาชนให้ผมเร็วๆ ที่ ผมยังต้องไปในเมืองอีก”
“อ่า…ได้คือ…เจ้าช่วยวางมือลงบนเครื่องตรวจจับนี้ที”
“นี่มัน…”
“มันคืออุปกรณ์ที่ใช้ตรวจสอบเผ่าพันธุ์ของเจ้า…ไม่สิ เรื่องนั้นข้าไม่ได้สงสัยหรอก ข้าเพียงแต่ข้าเพียงแต่ทํางานของข้าสําเร็จแล้ว”
พูดจบ ยัยนี่ก็เริ่มร้องไห้
“เฮ้ๆๆ อย่าร้องสิ ทําอย่างกับผมรังแกคุณงั้นแหละ”
พูดจบ ผมก็วางมือบนเครื่องทันที
จู่ๆ พลังเวทอันแข็งแกร่งก็พุ่งเข้าไปในร่างผมจากเครื่องนั้น ผมรู้สึกเจ็บแปลบที่หลัง เมื่อได้สติก็พบว่าปีกเทวดากับปีกอันเดดกางออกแล้ว!
“ว้าว เท่สุดๆ! ปกติเจ้าหุบไว้ทําไมเนี่ย”
มิสสโนว์มันสเตอร์ถาม
“ล้อเล่นแล้ว กางมันออกก็นอนตะแคงได้อย่างเดียวสิ!”
“ก็จริงนะ”
“เอาละ ตรวจสอบเสร็จหรือยังครับ”
“อืม เสร็จแล้ว นี่คือบัตรประชาชนใหม่ของเจ้า”
พูดไป เธอก็หยิบบัตรโปร่งใสใบหนึ่งส่งให้ผม
ตัวอักษรสีดําบนนั้นเขียนชื่อและเผ่าพันธุ์ของผมไว้ นอกจากสิ่งที่ดูเหมือนชิปตรงกลางที่ทําให้ผมรู้สึกถึงความเลวร้ายแล้ว อย่างอื่นก็ดูดีทีเดียว
“เอาละ พวกเราต้องทําอะไรต่อ”
ผมมองออร์แลนโดที่อยู่ข้างๆ
อีกฝ่ายเงยหน้าครุ่นคิด…แล้วพูด
“พวกเราไปเดินเล่นกันก่อนไหม”
“ทําไมต้องไปเดินเล่นล่ะ! ผมต้องการเดินเล่นจนต้องมาถึงรอยร้าวหรือไง!”
“แหม เพราะผู้นําเผ่าพันธุ์ของเจ้าในนรกเยือกแข็งต้องการพบเจ้า แต่นางกําลังเติมพลังงานให้เรือเหาะอยู่อย่างไรซะเรื่องที่เจ้ามาถึงก็ไม่ได้อยู่ในแผนการของนางนี่”
“เฮ้ๆๆ แค่มาถึงผมก็ต้องพบผู้นําแล้วเหรอ มันใช่เหรอ!”
“หากเจ้าไม่เต็มใจจะพบ…”
“เต็มใจสิ…”
หมอนี่ไม่เข้าใจความหมายของผมเลย ช่างเถอะ ตามนั้นก็แล้วกัน
“งั้นก็ดี สโนว์มันสเตอร์ ไปเถอะ พวกเราไปเดินเล่นกัน”
“ได้สิๆ”
“ออร์แลนโดจะออกเงินให้ ไม่ต้องห่วง”
“ฟีลเจ้า”
“มันเป็นความเห็นของคุณนี่ ฮ่าๆ…”
ในขณะเดียวกัน ในอาคารแห่งหนึ่ง ณ ศูนย์กลางขุมนรกที่ห่างจากนรกเยือกแข็งไปห้าหมื่นกิโลเมตร
“เทวดาศักดิ์สิทธิ์แห่งความตายคนที่หกร้อยหกสิบหกหรือ ข่าวนี้เป็นความจริงหรือ”
เมื่อผู้เฒ่าที่กําลังอ่านหนังสืออย่างสบายใจได้ยินประโยคนี้ ก็ผุดลุกขึ้น แล้วตบโต๊ะทันที
“ใช่ขอรับ พวกเราเพิ่งยืนยันข้อมูลจากสํานักงานลงทะเบียนตัวตน อีกทั้งสายที่ทําหน้าที่จับตาดูเมืองหลวงของนรกเยือกแข็งยังบอกว่ามีคนเห็นปีกอันเดดและปีกเทวดาปรากฏขึ้นที่นั่นอีกด้วยขอรับ”
“ฮ่าๆๆ ดีมาก! คราวนี้ ข้าต้องชิงตัวเขามาก่อนเทวดาศักดิ์สิทธิ์แห่งความตายให้ได้!”
“ขอรับ!”
คนที่พูดถอยหลังแล้วหายไปในอากาศ ส่วนผู้เฒ่าก็ฉีกยิ้มพลางหยิบหนังสือบนโต๊ะขึ้นอีกครั้ง
“น่าสนใจ นึกไม่ถึงว่าในวินาทีสุดท้าย สวรรค์จะให้โอกาสนี้แก่ข้า ฮ่าๆๆๆ!”
เขายิ้มไปด้วย แล้วปีกสีดําคู่นั้นก็แผ่แสงสว่างประหลาดออกมาในขณะเดียวกัน..