ตำนานวีรสตรีอันไร้ค่าของเด็กสาวต้องสาป - ตอนที่ 9 เซเลเน่และเบรี่
บทที่ 9 เซเลเน่และเบรี่
คริชและเบรี่กำลังเพลิดเพลินไปกับชาและคุกกี้ พลางเฝ้ามองการฝึกดาบในสนามหญ้าเบื้องล่างผ่านทางหน้าต่าง
โบแกนกำดาบไว้ในมือขวาอย่างสบายๆ ในขณะที่เซเลเน่ตั้งดาบด้วยมือทั้งสองข้าง
ท่ายืนของเธอทั้งหนักแน่นและมั่นคง ถ้าเทียบกันแล้วเธอทำได้ดีกว่าเด็กคนอื่นๆที่คริชเคยเห็นมา
ฝีมือเธอน่าจะสูสีกับคนฝึกดาบในหมู่บ้านที่เป็นทหารเก่า แต่ยังเก่งไม่เท่าซาร์ล น่าจะประมาณนั้น? คริชวิเคราะห์ในใจ
หลังจากที่ทั้งคู่จ้องกันอยู่ซักพัก ท่าทีของเซเลเน่ตึงเครียดขึ้นเล็กน้อย—- และพุ่งเข้าหาโบแกนด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว
เธอฟาดดาบลงในแนวเฉียงอย่างเฉียบคม—- แต่นั่นเป็นเพียงการตบตา
เธอใช้ประโยชน์จากร่างเล็กๆของเธอในการย่อต่ำและแทงดาบต่อไปข้างหน้า
ด้วยร่างกายที่ยืดหยุ่นของเธอ ทำให้ปลายดาบถูกแทงออกไปไกลอย่างคาดไม่ถึง
แต่โบแกนก็หลบได้ด้วยการก้าวถอยหลังและโจมตีสวนกลับไป
เซเลเน่บิดตัวและรับการโจมตีด้วยใบดาบ ดาบที่ทั้งคู่ใช้เป็นดาบจริงที่ถูกลบคมแล้ว
ซึ่งมันหนักกว่าดาบไม้มาก
แรงกระแทกที่เกิดขึ้นทำให้เธอขมวดคิ้ว ร่างของเซเลเน่กำลังถูกดันกลับไป
เพราะโบแกนถือดาบด้วยมือเดียว เซเลเน่จึงสามารถปัดดาบของเขาออกและพุ่งเข้าใส่อีกครั้ง—- แต่นั่นก็เป็นแผนของโบแกน
เขาจงใจปล่อยให้เซเลเน่ปัดดาบของเขาออกและใช้แรงนั้นในการหมุนตัวหลบการโจมตีของเธอ
จากนั้นเขาก็พุ่งไปทางด้านหลังและใช้ปลายดาบจ่อที่หลังคอของเธอ
“…หนูแพ้แล้ว”
“อืมม การเคลื่อนไหวช่วงแรกทำได้ไม่เลว แต่ลูกใจร้อนที่จะจบเกมไปหน่อย มันทำให้การเคลื่อนไหวของลูกอ่านทางได้ง่ายและหลงกลที่พ่อวางไว้”
ถึงโบแกนจะเป็นผู้ชายร่างใหญ่ แต่ทักษะดาบของเขาละเอียดอ่อนอย่างมาก
เขาไม่ได้พึ่งกำลังในการปัดป้องดาบของอีกฝ่ายอย่างเดียว
แน่นอนว่าส่วนหนึ่งเพราะคู่ต่อสู้คือเซเลเน่ แต่เพลงดาบของเขานั้นงดงามไร้ที่ติ
มันค่อนข้างต่างจากวิชาดาบจากสนามรบของซาร์ล
“…..คริช คิดว่ายังไงบ้าง อยากจะลองดูหน่อยมั้ยล่ะ?”
“…..!”
โบแกนเอ่ยปากชวนคริชที่กำลังมองลงมาผ่านหน้าต่าง ทำให้เซเลเน่หน้าบูด
“ฉันเคยได้ยินมาจากตาของเธอบ้างแล้ว แต่ก็อยากลองเห็นด้วยตัวเองล่ะนะ… อีกอย่างนี่คงเป็นแรงกระตุ้นที่ดีให้เซเลเน่ด้วย”
“ท่านพ่อ!”
คริชเห็นว่าเซเลเน่จ้องเธอเขม็ง แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าเธอไม่สามารถขัดคำสั่งของโบแกนได้
โดยเฉพาะหลังจากที่เธอล้มเหลวในการ ‘เป็นเพื่อนคุยให้เซเลเน่’ มาตลอด
เธอจะไม่ปล่อยให้ภาพลักษณ์ของเธอในสายตาโบแกนตกต่ำลงไปมากกว่านี้
“ได้ค่ะ นายท่าน”
“…ท่านคริช”
เบรี่มองคริชด้วยสายตาเป็นห่วง คริชหันกลับไปมองและเอียงคอสงสัย
แต่ไม่นานเธอก็นึกได้ว่าเบรี่กังวลเรื่องอะไรและพยักหน้า
“ไม่เป็นไรค่ะ คริชจะไม่บาดเจ็บหรือทำให้เขาบาดเจ็บหรอกค่ะ”
“เอ่อ… โอเคค่ะ… ?”
คำพูดของคริชนั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจจนทำให้เบรี่ประหลาดใจ
==================================
หลังจากที่เต็มอิ่มกับชาและคุกกี้ คริชลงมาที่สวนชั้นล่างพร้อมกับเบรี่
เซเลเน่ที่ดูอารมณ์เสียหนักกว่าเดิมยังคงจ้องเขม็งมาที่คริช แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
ตามคำขอจากโบแกน เธอส่งดาบฝึกของเธอให้คริชและถอยไปยืนกอดอกพิงกำแพง
คริชตรวจสอบสัมผัสของดาบในมือ
มันค่อนข้างหนักและมีใบดาบที่ยาว ทำให้จุดศูนย์ถ่วงไม่สมดุล
เพราะคริชสามารถควบคุมร่างกายด้วยมานา ทำให้พละกำลังไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอ
แต่ในทางกลับกัน บาลานซ์เป็นสิ่งสำคัญมาก
ตอนที่เธอเหวี่ยงดาบ ร่างของเธอจะถูกดึงไปตามโมเมนตัมทำให้เธอเสียสมดุล
ดาบไม้ที่เธอเคยใช้บ่อยๆไม่ได้หนักขนาดนี้ และดาบที่เธอยืมมาจากโจรป่าก็เป็นแค่ดาบโค้งสั้นๆ
ดาบยาวเล่มนี้ต่างจากดาบจริงแค่ความทื่อของคมดาบเท่านั้น มันยังคงใช้ยากนิดหน่อยสำหรับคริช
“มันเป็นแบบเดียวกับที่ทหารใช้กัน เลยอาจจะหนักนิดหน่อยน่ะ แต่พวกเราก็ใช้ดาบนี้สำหรับฝึกด้วย พอจะไหวรึเปล่า?”
“ขอลองเหวี่ยงดาบดูหน่อยได้มั้ยคะ?”
“ได้สิ แน่นอน”
คริชลองเหวี่ยงดาบออกไปซ้ำๆ
และเธอเสียสมดุลทุกครั้งจนต้องขมวดคิ้ว
แม้จะพยายามจัดท่ายืนและใช้เท้าต้านแรงเหวี่ยงของดาบที่ดึงเธอไป
แต่ดาบเล่มนี้ก็ยังหนักเกินไปอยู่ดี
เมื่อเห็นคริชเหวี่ยงดาบอย่างเฉียบคม ดวงตาของโบแกนก็เบิกกว้าง เซเลเน่เองก็เช่นกัน
แต่ทุกๆครั้ง เพลงดาบของเธอจะถูกทำลายด้วยการเสียสมดุล
โบแกนคิดว่าเขาน่าจะเปลี่ยนดาบใหม่ให้เธอ ในขณะที่เซเลเน่ดูโล่งใจแปลกๆ
แต่ท่าทีงุ่นง่านของคริชนั้นเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว
ถ้าร่างกายของเธอถูกดึง ก็แค่ปล่อยตัวตามดาบไป
คริชล้มเลิกความพยายามที่จะรักษาท่ายืน และทิ้งน้ำหนักทั้งหมดไปกับตัวดาบ
“…..นั่นมัน”
โบแกนพึมพำกับตัวเอง
คริชย่อตัวลงต่ำและเหวี่ยงดาบไปในแนวขวาง
ใช้ขาข้างที่อยู่ข้างหน้าเป็นจุดหมุน คมดาบของเธอวาดเป็นวงกลมในขณะที่เธอร่ายรำ
บางจังหวะ เธอใช้ดาบจ้วงแทงไปข้างหน้า ตวัดขึ้น และฟาดลง
เธอเปลี่ยนมือจากขวาไปซ้ายเพื่อผลัดดาบจากหน้ามือเป็นหลังมือ
กายกรรมดาบของคริชนั้นมุ่งเน้นเพียงประสิทธิภาพและถูกขัดเกลาด้วยความเร็วอันน่าตกตะลึง
เมื่อพายุสงบ เมื่อการร่ายรำของคริชจบลง โบแกนขมวดคิ้วด้วยสีหน้าจริงจังและเซเลเน่ก็นิ่งค้างด้วยสีหน้าเหม่อลอย
มีเพียงเบรี่ที่ยิ้มอย่างโล่งอกและปรบมือให้เธอ
“สุดยอดเลยท่านคริช เหมือนระบำดาบของนักกายกรรมศิลปะการต่อสู้เลยค่ะ”
คริชสามารถเรียนรู้เอกลักษณ์ของอาวุธแต่ละชิ้น วิเคราะห์หลักเหตุผลจากทุกท่วงท่าที่ใช้และขัดเกลาจนกลายเป็นเทคนิค
เธอลบจุดอ่อนที่มีและมองหาการเคลื่อนไหวที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
เมื่อเธอเข้าใจหลักสำคัญของการต่อสู้อยู่แล้ว ชนิดของอาวุธก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ
สำหรับเธอมันเป็นเรื่องธรรมดา——ก็แค่การอุ่นเครื่องเล็กน้อย
“…..? ขอบคุณมากค่ะ…”
ด้วยความไม่แน่ใจว่าเธอถูกชมเรื่องอะไร คริชผงกหัวและขอบคุณเบรี่
คริชมักจะมองข้ามสิ่งที่เธอคิดว่า ‘เป็นเรื่องธรรมดา’ และประเมินค่ามันต่ำเกินไป
ความคิดนี้เป็นต้นเหตุของมุมมองอันบิดเบี้ยวที่ทำให้เธอมักจะตอบแทนผู้อื่นมากกว่าสิ่งที่เธอได้รับมาเสมอ
คริชโยนความสงสัยทิ้งไปและตรวจสอบสภาพร่างกายของตัวเอง
เพราะเธอไม่ได้ขยับตัวแบบนี้มานานแล้ว ทำให้ข้อต่อของเธอรู้สึกเจ็บ
แม้ว่าคริชไม่เคยมีปัญหาเรื่องปวดกล้ามเนื้อ แต่การเคลื่อนไหวแบบนี้ก็สร้างภาระให้ร่างกายของเธอเช่นกัน
เธอหน้าขึ้นสีเล็กน้อยและเริ่มหายใจหอบเบาๆ
“…โฮ่ นี่เรอะที่เขาเรียกว่าอัจฉริยะ เข้าใจเลยว่าทำไมกัปตันพูดถึงขนาดนั้น… คริช มาลองประดาบกับฉันดูหน่อยได้มั้ย?”
“ค่ะ ขออภัยที่ให้รอนาน”
คริชหมุนดาบในมือ เธอเริ่มคุ้นกับมันแล้วและตั้งท่าอย่างสบายๆ
ตอนนี้เธออยู่นอกระยะโจมตีของเขา ปกติแล้วคริชจะเลือกท่ายืนที่มีประสิทธิภาพที่สุดในสถานการณ์นั้นๆเสมอ
แม้จะดูเหมือนยืนอยู่นิ่งๆไร้การป้องกัน แต่โบแกนมองออกว่าเธอไม่มีช่องโหว่อยู่เลย
เขายื่นมือซ้ายที่ว่างเปล่าออกไปข้างหน้า
มันเป็นเทคนิคดาบในสนามรบ เรียกว่า รูปแบบโรลคา เป็นการใช้โล่ที่มือซ้ายปัดป้องการโจมตีของศัตรู ทำให้เสียการทรงตัว และจู่โจมด้วยดาบในมือขวา ซึ่งต่อให้ไม่มีโล่ในมือซ้าย เทคนิคนี้ก็ไม่ได้ด้อยประสิทธิภาพลงเลย
ในกรณีนี้ มือซ้ายที่ว่างเปล่าสามารถใช้จับตัวหรือแขนของศัตรูเมื่อมีโอกาส ใช้เป็นตัวล่อการโจมตี หรือใช้กันไม่ให้ศัตรูเข้าใกล้เกินไปก็ได้
คริชจ้องมองท่ายืนที่ไม่คุ้นเคยด้วยสายตาเยือกเย็นผิดมนุษย์
เธอประเมินจุดแข็งและจุดอ่อนของท่านั้นและคิดหาวิธีเอาชนะมัน
ถ้าเธอโจมตีที่มือที่ยื่นออกมา โบแกนจะชักมือกลับและปัดการโจมตีของคริชออกด้วยดาบของเขา
แต่ถ้าเธอเข้าไปใกล้เพื่อโจมตีใส่ลำตัว เขาจะมือซ้ายที่ว่างอยู่จับตัวคริชได้
คริชมองเห็น ‘เจ้าปุกปุย’ —— หรือสิ่งที่โบแกนเรียกว่ามานาอยู่รอบๆตัวเขา ดังนั้นความเร็วของทั้งคู่คงไม่แตกต่างกันมากนัก
ตราบใดที่โบแกนยังไม่ขยับ ก็ไม่มีทางที่จะเจาะผ่านการตั้งรับของเขาได้ด้วยการโจมตีครั้งเดียว
เมื่อได้ข้อสรุปดังนั้น คริชจึงวางแผนต่อไปในขณะที่รอให้โบแกนเป็นฝ่ายโจมตีก่อน
ทางด้านโบแกนเองก็สัมผัสได้ถึงอันตรายจากการจู่โจมคริชโดยไม่ระมัดระวัง
แววตาของคริชเยือกเย็นเหมือนผิวน้ำในทะเลสาบ
เป็นสายตาที่จะไม่ปล่อยให้การเคลื่อนไหวใดหลุดรอดไปแม้แต่นิดเดียว
เธอสงบนิ่งเหมือนกับนักรบผู้เจนศึก
โบแกนมีข้อได้เปรียบสำคัญในเรื่องระยะการโจมตี
ถ้าคริชต้องการจะเอาชนะโบแกน เธอจะต้องย่นระยะเข้าประชิดมากกว่าเมื่อเทียบกับเขา
เพราะนั่นเป็นจุดอ่อนสำคัญของเธอ โบแกนจึงไม่สามารถโจมตีก่อนได้
ถ้าโบแกนเป็นฝ่ายเข้าไปใกล้ คริชก็จะสามารถพาเขาเข้าไปในระยะโจมตีของเธอได้ง่ายขึ้น
“… โธ่–”
คริชเริ่มก้าวออกไปอย่างไร้การป้องกัน
เธอเดินวนรอบเขาเป็นวงกลมตามเข็มนาฬิกา
พยายามก่อกวนการตั้งท่าของฉันเหรอ?
โบแกนคาดเดาความตั้งใจของคริชในระหว่างที่รักษาท่ายืนให้หันหน้าตามตำแหน่งของเธอไปด้วย
เมื่อคริชเดินมาถึงฝั่งที่ใกล้กับกำแพงคฤหาสน์ ในที่สุดเธอก็เริ่มเคลื่อนไหว
เธอพุ่งเข้าไปและเหวี่ยงดาบที่มือขวาในแนวนอน
เธอตัดสินใจเล็งไปที่แขนซ้ายของโบแกน
ด้วยความเร็วและความยืดหยุ่นที่เหนือธรรมดา
ร่างของเธอบิดเหมือนกับแส้และทุ่มแรงทั้งหมดลงไปในคมดาบ
— ก่อให้เกิดเสียงแหวกอากาศอันน่าสะพรึงกลัว
แต่โบแกนมองดาบของเธออย่างใจเย็น เขารู้ดีว่าเธอเคลื่อนไหวและเหวี่ยงดาบได้เร็วแค่ไหน
ทั้งหมดอยู่ในการคาดการณ์ของเขาหมดแล้ว
เธอใจร้อนเกินไปเหรอ? เขาชักมือขวากลับและตั้งท่าใหม่
เขาใช้ดาบปัดการโจมตีของคริชออกไปด้านข้าง—— และชั่วพริบตานั้นเอง เขาก็รู้ตัวว่าเขาทำพลาด
มันไม่มีแรงต้านอยู่ในดาบที่เขาปัดออกไป
เธอปล่อยตัวตามโมเมนตัมของดาบและกระเด็นออกห่างจากโบแกน
คริชกระเด็นไปหยุดบนกำแพงและถีบตัวออกมา เธอกระโดดตีลังกาผ่านหัวโบแกนและลงสู่พื้นเหมือนกับแมว
“…..!”
อย่างไรก็ตาม โบแกนเองก็เป็นนักรบมากประสบการณ์
เขารู้ได้ในทันทีว่าตัวเองกำลังเสียเปรียบและจงใจล้มตัวลงไปทางด้านหลัง
“อ๊ะ……”
ด้วยความที่นี่เป็นแค่การฝึก เธอจึงไม่สามารถฟันเขาได้จริงๆ
คริชต้องลดความเร็วของดาบลงเพื่อให้เธอสามารถหยุดมันได้ทันเวลา
ส่งผลให้ดาบของคริชผ่านตาของโบแกนไปอย่างเฉียดฉิว ในขณะที่ปลายดาบของโบแกนก็จ่อที่คอของคริชเป็นที่เรียบร้อย
“อุ… แพ้ซะแล้ว”
คริชที่ตั้งใจว่าจะชนะให้ได้รู้สึกเขินอายกับความพ่ายแพ้ของเธอ แต่เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะยอมรับมัน
เมื่อได้ยินน้ำเสียงสบายๆของคริช ผู้ชมทั้งสองที่ปล่อยลมหายใจที่กลั้นไว้โดยไม่รู้ตัวออกมา
โบแกนเองก็ถอนหายใจและลดดาบลง
เขาจับมือของคริชที่ยื่นมาหาและลุกขึ้นยืน
“คริชคิดว่าน่าจะชนะได้ถ้าใช้วิธีนี้… แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผล”
“… ไม่หรอก ได้ผลดีเลยล่ะ”
ถ้าเธอมีดาบที่เหมาะมือกว่านี้ หรือถ้านี่ไม่ใช่การซ้อมแต่เป็นการต่อสู้จริง—— ฉันคงโดนเด็กคนนี้ฆ่าตายไปแล้ว
โบแกนรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
ในฐานะขุนนางชั้นผู้น้อย โบแกนทุ่มเทชีวิตให้กับวิชาดาบและไต่เต้าขึ้นมาจนได้เป็นนายพล เขาจึงมั่นใจในฝีมือพอสมควร
ในการฝึกครั้งนี้เขาไม่ได้ออมมือเลยแม้แต่น้อย เขาถึงกับใช้เวทย์เสริมกำลังกายเพื่อสู้กับคริชเลยด้วยซ้ำ
แต่ถึงอย่างนั้น เธอกลับสู้กับเขาด้วยความตั้งใจที่จะชนะ
ความผิดปกติของเธอไม่ใช่แค่ระดับอัจฉริยะ เมื่อเขาได้มาเห็นกับตาก็เข้าใจว่าทำไมเธอถึงถูกขับไล่ออกจากหมู่บ้าน
แต่ในทางกลับกัน คริชมองว่านั่นไม่ใช่ข้ออ้างสำหรับผู้แพ้
เพราะทั้งคู่ใช้ดาบแบบเดียวกัน ภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน คือจะต้องหยุดก่อนที่อีกฝ่ายจะบาดเจ็บ
มันเป็นการแข่งขันที่ยุติธรรม
เธอเชื่อว่าที่เธอแพ้เพราะว่าเธอยังขาดประสบการณ์และรู้สึกเขินอายกับเรื่องนั้น
คริชขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอใช้มือนวดบริเวณข้อมือและหัวไหล่ในขณะที่ส่งดาบคืนให้โบแกน
“เจ็บรึเปล่า?”
“…..ไม่เป็นไรค่ะ คริชแค่ไม่ได้ขยับตัวแบบนี้มานานแล้ว… ไม่ได้บาดเจ็บอะไร”
“…..เบรี่ ฝากดูแลเธอหน่อย ดาบนี่คงจะหนักเกินไปสินะ”
“ค-ค่ะ… ท่านคริช รีบกลับไปที่ห้องก่อนเถอะค่ะ”
คริชตามเบรี่กลับเข้าไปในคฤหาสน์
โดยมีเซเลเน่มองตามหลังพลางกำหมัดแน่นด้วยตัวที่สั่นเทา
ตั้งใจว่าจะสร้างแรงกระตุ้นให้เธอซักหน่อย แต่นี่คงจะมากเกินไปแฮะ โบแกนคิดพลางใช่มือเกาหัวอย่างลำบากใจ
“บนโลกก็มีคนที่เหนือสามัญสำนึกแบบนั้นอยู่ด้วยล่ะนะ ลูกอย่าเก็บไปคิดมากเลย”
เซเลเน่ผ่อนไหล่ที่แข็งเกร็งและปรับลมหายใจของตัวเองใหม่ เธอคว้าดาบที่คริชใช้มาจากมือโบแกน
“….. ท่านพ่อ ขออีกรอบค่ะ”
ครั้งนี้เพลงดาบของเซเลเน่รุนแรงมากกว่าเดิม ราวกับกำลังระบายความเกรี้ยวกราดที่อัดแน่นอยู่ภายใน
==================================
“พร้อมรึยัง?”
“ค่ะ คริชพร้อมเสมอ”
คริชและเซเลเน่ยืนประจันหน้ากันภายใต้แสงจันทร์
หลังจากกลับไปที่ห้อง เบรี่พันผ้าพันแผลให้คริชก่อนที่จะไปเตรียมมื้อเย็น
เธอพยายามบอกให้คริชพัก แต่ก็ต้องยอมแพ้เมื่อคริชดึงดันที่จะไปทำอาหารด้วยให้ได้
สุดท้ายทั้งคู่จึงเตรียมมื้อเย็นด้วยกันตามปกติ
วันนี้เซเลเน่ไม่ได้ลงมาทานด้วย หลังจากที่เบรี่นำอาหารไปให้เซเลเน่ที่ห้องแล้ว สมาชิกบนโต๊ะจึงเหลือแค่สามคน
ในระหว่างที่ทานอาหาร โบแกนถามคริชว่าเธอไปเรียนวิชาดาบที่ไหน เขาถามเรื่องช่วงเวลาที่เธอใช้ชีวิตในหมู่บ้านอย่างละเอียด
ก่อนจะโดนเบรี่ดุว่าเขาซักไซร้มากเกินไป และสุดท้ายมื้อเย็นวันนี้ก็จบลงอย่างสงบสุข
หลังอาหาร พวกเธอก็ไปที่ห้องอาบน้ำ
โดยปกติแล้วจะไม่มีอ่างอาบน้ำในบ้านทั่วไป แต่ในโรงอาบน้ำสาธารณะหรือบ้านของขุนนางชั้นสูงอย่างคฤหาสน์คริสแตนด์จะมีอ่างอาบน้ำส่วนตัวอยู่
แม้จะไม่ใหญ่ขนาดกินพื้นที่ทั้งห้อง แต่ก็ใหญ่พอที่จะให้คนสองถึงสามคนลงไปแช่ด้วยกัน
ตอนที่เห็นครั้งแรก คริชถึงกับตกตะลึงกับความหรูหราของมัน
ด้วยความที่คริชเป็นพวกบ้าความสะอาด เธอจะไปอาบน้ำที่แม่น้ำทุกวันแม้จะเป็นช่วงหน้าหนาว
และนั่นทำให้เธอหลงใหลในอ่างอาบน้ำที่เธอสามารถล้างตัวด้วยน้ำอุ่นๆและผ่อนคลายจากการแช่น้ำได้
ยกเว้นช่วงที่ติดงาน โบแกนจะเข้ามาอาบเป็นคนแรก ถัดไปคือเซเลเน่ หลังจากนั้นก็จะเป็นตาของคริช แต่คริชชอบอาบพร้อมกับเบรี่มากกว่า
ในตอนแรกทั้งคู่อาบพร้อมกันเพื่อเบรี่จะได้สอนวิธีใช้อ่างอาบน้ำให้คริช
แต่ด้วยความที่คริชชอบที่เบรี่คอยล้างตัวให้เธอ สุดท้ายทั้งคู่เลยอาบด้วยกันตลอด
หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ พวกเธอก็ไปดื่มชาที่ห้องของคริชต่ออีกเล็กน้อย ก่อนที่คริชจะปลีกตัวออกมาเพื่อไปหาเซเลเน่ที่ห้องตามเคย
คำขอของโบแกนที่ให้ ‘เป็นเพื่อนคุยกับเซเลเน่’ นั้นเป็นหน้าที่ที่คริชต้องรับผิดชอบ
สำหรับคริชมันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะตอบรับคำขอของผู้ปกครองอย่างโบแกน ที่มอบชีวิตสุขสบายนี้ให้เธอ และเธอทำมันไปโดยไร้ซึ่งข้อกังขาใดๆ
เพราะเธอตั้งมาตรฐานของตัวเองไว้สูงว่าจะต้องเหนือกว่าใครอื่น เธอเชื่อว่าเธอจะต้องทำงานที่ได้รับมอบหมายมาอย่างไร้ที่ติและรู้สึกสมเพชตัวเองที่จนป่านนี้แล้วเธอยังทำมันไม่สำเร็จซักที
ทั้งโบแกนและเบรี่ต่างประทับใจที่คริชยังไม่ยอมแพ้แม้จะโดนไล่กลับไปด้วยถ้อยคำเย็นชาทุกครั้ง แต่ไม่ว่ายังไงคริชไม่สนใจสิ่งอื่นนอกจากมาตรฐานของตัวเองอยู่แล้ว
ถึงพวกเขาพยายามบอกเธอว่าไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองก็ได้ แต่วันนี้เธอก็ยังดึงดันที่จะไปหาเซเลเน่เหมือนเดิม
ดูเหมือนว่าเซเลเน่พอจะรู้อยู่แล้วว่าคริชจะต้องมา
และคืนนี้ แทนที่เธอจะสวมชุดนอนตามปกติ เธอกลับนั่งกอดอกรอบนเก้าอี้ในชุดฝึกดาบ และสิ่งแรกที่เธอพูดเมื่อเห็นคริชคือ…
“มาซ้อมกับฉันหน่อยได้มั้ย?”
คริชที่หาโอกาสที่จะ ‘คุย’ มาตลอดไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ และนั่นทำให้เธอมาอยู่ในสถานการณ์ตอนนี้
เบรี่เฝ้ามองทั้งคู่ด้วยความเป็นห่วงและเซเลเน่ก็กำดาบในมือแน่น
เซเลเน่รู้วิธีใช้เวทย์เสริมกำลังกายแบบเดียวกับที่โบแกนใช้ แต่จากที่คริชดูแล้ว เธอยังควบคุมการไหลของมานาได้ไม่มีประสิทธิภาพอย่างมาก
เซเลเน่อยากซ้อมกับคริชทั้งๆที่เธออ่อนกว่าโบแกนตั้งเยอะ แปลว่าเธอคงอยากให้คริชช่วยฝึกสินะ คริชที่ได้ข้อสรุปดังนั้นจึงพูดสิ่งที่เธอคิดออกไปอย่างใสซื่อ
“คุณหนูคะ คุณรวมมานาไว้ที่มือขวากับขาซ้ายมากเกินไป”
เมื่อดูจากความเข้มข้นของมานาแล้ว เห็นได้ชัดว่าเซเลเน่ตั้งใจจะพุ่งเข้ามาด้วยแรงถีบจากขาซ้ายและฟันเข้าใส่ในแนวเฉียง
คริชสามารถคาดเดาการเคลื่อนไหวของเธอได้อย่างง่ายดาย
“…หา?”
ใบหน้าบึ้งตึงของเซเลเน่เริ่มแดงขึ้นมา
ที่พูดเมื่อกี้มันเข้าใจยากไปรึเปล่านะ? คริชจึงลองเปลี่ยนไปใช้คำง่ายๆที่เธอใช้บ่อยๆแทน
“เอ่อ…… คุณหนูเตรียม ‘เจ้าปุกปุย’ สำหรับการเคลื่อนที่ไปข้างหลังไม่พอ ไม่อย่างนั้นคุณจะทำได้แค่พุ่งไปข้างหน้า… แบบนี้”
คริชพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็วและเหวี่ยงดาบลงที่คอของเซเลเน่
เบรี่กรีดร้องออกมา แต่คมดาบหยุดลงก่อนที่จะสัมผัสคอของเซเลเน่ และชั่วพริบตาถัดมา เซเลเน่ก็กระโดดถอยไปข้างหลัง
เซเลเน่ใช้ท่าพื้นฐานคือการถือดาบและยื่นขาขวาไว้ข้างหน้า
ด้วยวิธีนี้ ขาซ้ายที่อยู่ด้านหลังจะช่วยส่งแรงในการเคลื่อนไปข้างหน้า แต่มันจะยากสำหรับการหลบถอยหลัง
“นั่นทำให้คุณแพ้ได้จากการโจมตีแค่ครั้งเดียว แต่ถ้า——”
เมื่อสัมผัสได้ว่าเซเลเน่ย้ายเจ้าปุกปุย ไปที่ขาขวา
คริชก็เข้าโจมตีอีกครั้ง
ครั้งนี้เซเลเน่ถอยหลบได้ก่อนที่คมดาบของคริชจะถึงตัวเธอ
“ถ้าคุณย้ายเจ้าปุกปุยไปที่ขาที่อยู่ด้านหน้า คุณจะสามารถหลบการโจมตีแรกได้”
“ธ-เธอ… คิดว่าตัวเองเป็นใครกันยะ!”
คราวนี้เซเลเน่เป็นฝ่ายโจมตีบ้าง
คริชมองเห็นการเคลื่อนไหวของเซเลเน่ทะลุปรุโปร่งและรออย่างใจเย็น
ปล่อยให้ดาบของเซเลเน่ฟันอากาศ และใช้ปลายดาบจ่อที่คอของเซเลเน่ด้วยรอยยิ้ม
“ครั้งนี้ตรงกันข้ามค่ะ คุณเตรียมเจ้าปุกปุยสำหรับการพุ่งไปข้างหน้าไม่พอ อีกอย่างตอนนี้คุณเกร็งเกินไป มันจะไปขัดขวางแรงจากปุกปุย”
เซเลเน่รีบกระโดดถอยกลับไป จากการประดาบสั้นๆเมื่อซักครู่ เม็ดเหงื่อเริ่มปรากฏให้เห็นบนหน้าผากของเธอ
“เจ้าปุกปุยเป็นเหมือนกล้ามเนื้อที่แข็งแรงมากๆ ดังนั้นสิ่งสำคัญคือคุณต้องทำตัวให้ผ่อนคลาย ถ้าคุณพยายามใช้กล้ามเนื้อของตัวเองมันจะไปขัดขวางการเคลื่อนที่ของปุกปุย คริชเลยผ่อนคลายอยู่ตลอด”
“เธอ เป็นตัวอะไรกันแน่……”
—สร้างกล้ามเนื้อในจินตนาการขึ้นมา—
มันคือคำจำกัดความของการเสริมกำลังกายด้วยมานา
ด้วยการห่อหุ้มมานากึ่งกายภาพไว้รอบๆร่างกาย คุณจะสามารถควบคุมและใช้มันแทนการยืดหดของกล้ามเนื้อได้
ด้วยเหตุนี้จึงไม่จำเป็นต้องออกแรงและการใช้กล้ามเนื้อจริงมักจะไปขัดขวางการทำงานของกล้ามเนื้อจินตภาพ
แต่โดยปกติแล้วการหดเกร็งของกล้ามเนื้อมักจะเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว
มันเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้และเหล่าปรมาจารย์ที่ใกล้บรรลุทักษะนี้ต่างใช้เวลาฝึกฝนมาทั้งชีวิต
เซเลเน่รู้เรื่องทฤษฎีการบรรลุจุดสูงสุดของเวทย์เสริมกำลังกายดี แต่เด็กสาวที่อายุแทบไม่ต่างจากเธอกลับทำมันให้เห็นได้ง่ายๆ
ผู้ใช้เวทย์เสริมกำลังกายที่สามารถตัดการเคลื่อนไหวที่ไม่มีประสิทธิภาพได้อย่างสมบูรณ์แบบจะสามารถขยับร่างกายทุกส่วนได้ดั่งใจนึก
เหมือนหุ่นเชิดที่ถูกชักใยด้วยความคิดผ่านมานา
คริชจึงปล่อยร่างกายให้ผ่อนคลายโดยสมบูรณ์ ไร้ซึ่งการหดเกร็งส่วนใดๆในร่างกาย
“……? คริชก็คือคริช”
“ฉันไม่ได้ถามเรื่องนั้น!”
เซเลเน่พุ่งเข้าใส่อีกครั้ง
เด็กสาวตรงหน้าคือตัวตนที่เธอไม่อาจเข้าใจ
เธอหลบการโจมตีที่ดีที่สุดของเซเลเน่ได้อย่างง่ายดายและอธิบายข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นอย่างสุภาพ
คริชมองเห็นจุดบกพร่องของเซเลเน่และอธิบายมันราวกับกำลังแก้สมการที่ผิดพลาด
ราวกับว่ากำลังเฝ้ามองเซเลเน่จากจุดที่สูงกว่า
——ครอบครัวของเซเลเน่อยากได้ลูกชาย โบแกนอยากได้คนที่จะมารับช่วงต่อจากเขา และแม่ของเธอก็เช่นกัน
มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ขุนนางอยากมีลูกชาย โดยเฉพาะในตระกูลทางการทหาร
แน่นอนว่าเธอก็ยังคงได้รับความรัก และเซเลเน่ก็ไม่ได้ไม่พอใจกับความรักที่พวกเขามอบให้เธอ
ในตอนแรก เซเลเน่ฝึกดาบเพียงเพื่อให้ใช้ชื่อตระกูลได้อย่างสมศักดิ์ศรีเท่านั้น
เธอเป็นเด็กขยันและเป็นที่รู้จักในฐานะผู้มีพรสวรรค์ในหมู่เด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน—— แต่นั่นก็ตามมาด้วยคำพูดที่ว่า ‘ถ้าเธอเป็นผู้ชายล่ะก็—’
แม้พ่อแม่ของเธอจะบอกว่าเธอไม่จำเป็นต้องฝืน แต่เซเลเน่ก็ยังขุ่นเคืองในใจ
พวกเขายังคงอยากได้ลูกชาย ลูกคนที่สอง และถึงขั้นปรึกษาหมอเรื่องปัญหาการมีบุตรยาก
จนในที่สุดแม่ของเธอก็ตั้งท้องลูกคนที่สอง แต่ด้วยความที่เธอร่างกายอ่อนแอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทารกจึงเสียชีวิตในครรภ์
และหลังจากนั้นแม่ของเธอก็เสียชีวิตจากภาวะติดเชื้อหลังคลอด
เซเลเน่คิดมาตลอดว่าเรื่องทั้งหมดนี้คงไม่เกิดขึ้นหากเธอเกิดเป็นผู้ชายตั้งแต่แรก
และในตอนนั้นเอง เซเลเน่ก็ได้ยินเรื่องของคริชมาจากกาเรน
แม้ว่ากาเรนจะใช้เวทย์เสริมกำลังกายไม่ได้ แต่เขาก็เคยเป็นครูฝึกของพ่อและมีทักษะดาบที่ยอดเยี่ยม นอกจากนี้เขายังเป็นอาจารย์ที่ดี
เซเลเน่มักจะขอร้องกาเรนที่ลำบากใจให้ช่วยฝึกดาบกับเธอ และในช่วงพักเบรก บางครั้งกาเรนก็จะเล่าเรื่องของหลานสาวให้เธอฟัง
เรื่องของเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับเซเลเน่ที่แข็งแกร่งจนไร้เทียมทาน ไม่ใช่แค่กับเด็กๆแต่รวมถึงพวกผู้ใหญ่ด้วย เธอเป็นที่หวาดกลัวในหมู่ผู้ชายและแม้แต่กาเรนก็ไม่มั่นใจว่าเขาจะเอาชนะเธอได้หรือไม่
กาเรนพูดด้วยความเป็นห่วงเรื่องอนาคตของคริช แต่เซเลเน่ยังจำได้ขึ้นใจ ตอนที่โบแกนบอกว่าอยากเจอกับเด็กที่กัปตันเรียกว่าอัจฉริยะดูซักครั้ง
ตั้งแต่นั้นมาเซเลเน่ก็พยายามมากขึ้น
เธอไม่อยากยอมรับว่ามีเด็กผู้หญิงที่เก่งกว่าเธอ เธอเองก็อยากมีพลังพอที่จะเอาชนะพวกผู้ใหญ่บ้าง
นั่นจึงเป็นเหตุให้เธอเริ่มวิตกกังวลเมื่อได้ยินว่าโบแกนจะรับเด็กคนนั้นเป็นลูกบุญธรรมเพราะเธอฆ่าโจรป่าไปสิบกว่าคนและไม่สามารถอยู่ในหมู่บ้านได้อีกต่อไป
การยอมรับว่าคริชเหนือกว่าก็ไม่ต่างจากการยอมรับว่าความพยายามทั้งหมดของเธอมันสูญเปล่า
แม้เซเลเน่จะรู้อยู่ลึกๆว่าเธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมดา แต่เธอรับไม่ได้ที่เด็กผู้หญิงอายุพอๆกับเธอทำได้ดีกว่า เธอไม่อยากจะยอมรับมัน
แต่ทว่า เด็กสาวตรงหน้ากลับแสดงให้เธอเห็นอย่างชัดเจน
ไม่ว่าเซเลเน่จะเหวี่ยงดาบไปเท่าไหร่ คริชจะหลบมันและชี้ข้อบกพร่องของเธอทุกครั้ง
คริชจะเว้นระยะห่างที่มากพอ หรือไม่ก็โจมตีสวนกลับ เพื่อหยุดไม่ให้เซเลเน่โจมตีต่อ
ทั้งหมดที่เซเลเน่ทำได้มีแค่การหลบ เธอทำได้เพียงจ้องมองนัยน์ตาสีม่วงไร้ชีวิตของคริชที่กำลังอธิบายข้อผิดพลาดของเธอในระหว่างที่ทั้งคู่อยู่นอกระยะโจมตี
มันคำพูดของผู้ที่อยู่เหนือกว่า เธออธิบายปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมาในสิ่งที่เซเลเน่ก็สัมผัสได้ แต่ไม่รู้ว่าต้นตอมันคืออะไร
แม้เซเลเน่จะไม่อยากฟัง แต่เธอก็ยังได้ยินและแก้ไขมันไปโดยไม่รู้ตัวอยู่ดี
เซเลเน่ยังคงสู้ต่อด้วยความรู้สึกประทับใจและคับแค้นใจที่ผสมปนเปกัน
ไม่ว่าการโจมตีของเธอจะล้มเหลวซักกี่ครั้ง แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้
หลบหลีก ตั้งรับ และจู่โจม
แต่มันก็คงอยู่ได้ไม่นาน
ร่างกายของเธอมาถึงขีดจำกัดและไม่สามารถอดกลั้นน้ำตาแห่งความคับแค้นใจไว้ได้อีกต่อไป
“เอ่อ… เป็นอะไรรึเปล่าคะ?”
“ฮึก ห-หุบปาก…”
คริชตกใจที่จู่ๆเซเลเน่ก็คุกเข่าลงและเริ่มร้องไห้
สอนโหดเกินไปเหรอ? คริชสงสัย แต่ถ้าเทียบกับมาตรฐานของเธอ นี่ถือว่าเธอปรานีสุดๆแล้ว เซเลเน่ควรจะรู้สึกขอบคุณด้วยซ้ำ ไม่เห็นมีเหตุผลอะไรที่เธอต้องร้องไห้เลย
สำหรับตอนนี้ คริชตัดสินใจวางดาบลง และโดยไม่ลังเล—เธอโอบกอดเซเลเน่
วิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับเด็กที่กำลังร้องไห้คือการกอด
คริชนำสิ่งที่เธอเคยได้เรียนรู้มาประยุกต์ใช้
แน่นอนว่าเซเลเน่พยายามต่อต้าน แต่คริชก็ไม่คิดที่จะปล่อย
ตรงกันข้าม คริชลูบหัวเซเลเน่ที่กำลังร้องให้อย่างอ่อนโยนแทน
เบรี่เดินวนรอบๆทั้งคู่ด้วยความเป็นห่วง แต่ก็ตัดสินใจว่าจะไม่เข้าไปยุ่ง
เธอเห็นแล้วว่าคริชพยายามปลอบเซเลเน่อยู่
“ย-หยุดเลย ทำอะไรของเธอ…”
“คริชรู้มาจากท่านแม่ว่าให้ทำแบบนี้ตอนเจอเด็กร้องไห้ แต่คริชไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมคุณหนูถึงร้องไห้”
คริชตอบพลางลูบหัวเซเลเน่ต่อไปโดยไม่สนใจท่าทีขัดขืนของเธอ
จนท้ายที่สุดเซเลเน่ก็ยอมแพ้ที่จะต่อต้านและปล่อยตัวตามสบายในอ้อมกอดของคริช
“คริชยังไม่เคยได้คุยกับคุณหนูเลย ถ้าเป็นไปได้คริชอยากให้คุณหนูหยุดร้อง เราจะได้คุยกัน มันคงเป็นไปไม่ได้ถ้าคุณหนูยังร้องไห้อยู่แบบนี้ และมันคงน่าเสียดายมากๆถ้าวันนี้เราไม่ได้คุยกัน”
“คุย……?”
“อื้ม คริชอยากคุยกับคุณหนู ผ่านมาตั้งอาทิตย์นึงแล้วเรายังไม่ได้คุยกันเลย”
เซเลเน่สะอื้น
“งี่เง่าชะมัด คุยเนี่ยนะ แล้วเธออยากคุยเรื่องอะไร……”
“อ๊ะ—”
ยังไม่ได้คิดเรื่องนั้นเลย คริชตอบด้วยใบหน้าเขินอาย
เซเลเน่มองคริชด้วยความประหลาดใจ เธอเอ่ยถามพร้อมน้ำตาที่ยังไหลอาบแก้ม
“…เธอนี่มัน ทั้งที่มาหาฉันทั้งอาทิตย์แถมโดนทำตัวไม่ดีแบบนั้นใส่อีก เธอไม่เกลียดฉันรึไง?”
“…? คริชจำไม่ได้ว่าถูกคุณหนูทำตัวไม่ดีใส่นะ?
“เธอจะชิลไปไหนเนี่ย…”
“ชิล…?”
คริชเอียงคอด้วยความสับสน เซเลเน่สะอื้นก่อนจะถอนหายใจออกมา
“เฮ้อ… รู้สึกเหมือนเป็นตัวตลกเลย ฉันมันโง่เองที่ไปคิดอะไรจริงจังกับเธอ…”
“คริชว่าคุณหนูเรียนเก่ง แล้วก็ฉลาดมากๆเลยนะ”
“ฉันไม่ได้หมายถึงแบบนั้น โอ้ย ให้ตายเหอะ…”
อากาศข้างนอกค่อนข้างเย็น
คริชที่เริ่มอยากกลับเข้าไปในคฤหาสน์หันไปหาเบรี่
เบรี่สับสนอยู่พักหนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา เธอเก็บดาบขึ้นมาจากพื้นและเรียกทั้งคู่เข้ามาข้างใน
คริชพยักหน้าตอบแล้วอุ้มเซเลเน่ขึ้นมา
“ท-ทำอะไรของเธอเนี่ย ปล่อยเลยนะ ฉันเดินเองได้!…”
“ฟุฟุ ท่านคริชช่วยอุ้มคุณหนูกลับไปส่งที่ห้องด้วยนะคะ ฉันขอเก็บกวาดที่เหลือก่อนแล้วจะตามไปทีหลัง เดี๋ยวจะเตรียมชาไปให้ด้วยค่ะ”
“ได้ค่ะ…”
คริชพยักหน้าด้วยรอยยิ้มและวิ่งแจ้นกลับไปที่ห้องของเซเลเน่ โดยอุ้มเจ้าตัวที่พยายามขัดขืนไว้ในอ้อมแขน
สำหรับคริช คำสั่งของเบรี่สำคัญกว่าของเซเลเน่อยู่แล้ว
==================================
คงเป็นเพราะถูกเห็นตอนที่กำลังร้องไห้ หรือไม่ก็เพราะโดนอุ้มกลับมา
หลังจากที่กลับมาถึงห้อง เซเลเน่ที่งอนตุ๊บป่องก็ซุกหน้าแดงก่ำของเธอไว้ใต้ผ้าห่ม
เบรี่ลากเธอออกมาด้วยกำลัง ก่อนจะเตรียมคุกกี้ที่เหลือจากเมื่อตอนกลางวันและเริ่มชงชา
ในคืนนี้ปาร์ตี้น้ำชาเล็กๆได้ถูกจัดขึ้น
ระหว่างที่พวกเธอดื่มน้ำชากับของหวาน คริชก็ประเมินผลการฝึกในวันนี้เพราะเธอคิดเรื่องอื่นที่จะคุยไม่ออกแล้ว
ถึงเซเลเน่จะไม่เต็มใจเท่าไหร่แต่เธอก็ยังฟังอยู่ดี
ไม่ว่าเธอจะรู้สึกยังไง คำอธิบายของคริชนั้นทั้งชัดเจนและเข้าใจง่าย
เซเลเน่ที่ชื่นชอบในวิชาดาบจึงไม่สามารถมองข้ามเรื่องนี้ได้
ไม่นานเธอก็เริ่มถามคำถามต่างๆ ตั้งแต่เรื่องที่คริชไปเรียนทักษะพวกนั้นมาจากไหน ไปจนถึงเรื่องที่ว่าที่ผ่านมาเธอใช้ชีวิตยังไง
คริชตอบไปตามข้อเท็จจริงโดยไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ แต่เรื่องราวของเธอทำให้เซเลเน่จินตนาการถึงความรู้สึกที่ต้องผ่านเหตุการณ์เหล่านั้นด้วยตัวคนเดียว
ด้วยความรู้สึกผิด เซเลเน่จึงเล่าเรื่องราวของตัวเองบ้างและสาเหตุที่เธอทำตัวไม่ดีใส่คริช ก่อนจะขอโทษคริชจากใจจริง
คริชมองว่ามันไม่มีเรื่องอะไรที่เซเลเน่จะต้องขอโทษ แต่เซเลเน่ก็ดึงดันที่จะขอโทษให้ได้
หลังจากที่เถียงกันไปมาซักพัก เบรี่ที่ยิ้มอย่างขบขันก็จับทั้งคู่โยนขึ้นเตียงและบอกให้พวกเธอไปเถียงกันต่อบนนั้น
เมื่อมีหมอนข้าง(เซเลเน่)นุ่มๆอุ่นๆให้กอด คริชก็ผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว
เซเลเน่มองเธอด้วยสีหน้าหงุดหงิด แต่ด้วยความเหนื่อยล้า เธอจึงหลับไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
==================================
“……ให้ตายสิ”
เมื่อเซเลเน่ตื่นขึ้นมาในเช้าวันถัดไป
คริชยังคงนอนหลับอย่างมีความสุขอยู่ข้างๆ
ในขณะที่มองดูคริช เซเลเน่ก็คิดย้อนไปว่าที่ผ่านมาเธอทำตัวงี่เง่าแค่ไหน
เธอลูบหัวคริชพลางยิ้มขำออกมา
คริชลืมตาขึ้นเล็กน้อย อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณหนู เธอขยี้ตาและทักทายเซเลเน่ด้วยน้ำเสียงสะลึมสะลือ
“เรียกฉันว่าเซเลเน่ก็ได้”
“เซเลเน่…?”
“…อื้ม ตอนนี้ยังเช้าอยู่ จะหลับต่ออีกหน่อยก็ได้นะ”
“โอเค…”
เมื่อเซเลเน่ลูบหัวคริชอีกครั้ง คริชก็ดึงเซเลเน่เข้ามากอดและนอนหลับอย่างมีความสุข
เซเลเน่ที่นอนฟังเสียงหายใจของคริชก็ผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว
เป็นการนอนตื่นสายครั้งแรกในรอบหลายเดือน ทั้งคู่หลับยาวจนกระทั่งเบรี่มาปลุกพวกเธอด้วยรอยยิ้มขี้เล่น
เซเลเน่และเบรี่
สำหรับคริช นี่เป็นเรื่องราวการพบพานของคนสองคนที่จะอยู่ร่วมกับเธอไปอีกนาน
TL note: สาวซึนจงเจริญ!!!!
ลองวาดแฟนอาร์ตของเซเลเน่กับโบแกนดูเผื่อจะเพิ่มอรรถรสในการอ่านขึ้นมาหน่อย 55555
ถ้าว่างๆอยากลองวาดภาพประกอบตอนดูเหมือนกัน
ผู้มีจิตศรัทธาสามารถโดเนทให้ผู้แปลได้ที่
——————————
พร้อมเพย์: 0943075995
——————————
คำเตือน: การโดเนทไม่ได้ทำให้แปลเร็วขึ้นแต่อย่างใด