ตำนานวีรสตรีอันไร้ค่าของเด็กสาวต้องสาป - ตอนที่ 8 ทำอาหาร
บทที่ 8 ทำอาหาร
“หวา—”
คริชมองไปรอบๆด้วยแววตาเป็นประกาย
ทั้งชั้นวางเต็มไปด้วยหม้อ กระทะ มีด และทัพพี
แม้จะเป็นอุปกรณ์ทั่วๆไป แต่พวกมันมีความหลากหลายทั้งในรูปร่างและขนาด ซึ่งแค่มองปราดเดียวก็รู้ได้ว่าเป็นของคุณภาพดี
ครัวนี้กินพื้นที่ไปหนึ่งห้องเต็มๆ และวัสดุอุปกรณ์ทุกอย่างในการทำอาหารก็สามารถหาได้จากที่นี่
คริชถามเบรี่ไม่หยุดด้วยความตื่นเต้น ในขณะเบรี่ก็ตอบคำถามเหล่านั้นอย่างใจเย็น
เครื่องครัวทุกอย่างถูกออกแบบมาให้ใช้กับมานา จึงไม่มีการใช้ไฟ
แต่จะมีการติดตั้งคริสตัลสีฟ้าที่รู้จักกันในชื่อ ผลึกเวทย์ เพื่อสร้างความร้อนและความเย็นแทน
ปั๊มน้ำจะดึงน้ำจากบ่อและส่งผ่านท่อมายังห้องครัวโดยตรง
ส่วนวัตถุดิบและอาหารต่างๆก็ถูกยืดอายุด้วยการเก็บไว้ในตู้เย็น
——ห้องครัวที่ขับเคลื่อนด้วยมานา
แค่เรื่องนี้ก็เพียงพอที่จะทำลายแนวคิดการทำอาหารในอดีตของคริชไปจนหมด
ที่ผ่านมาห้องครัวเธอมีแค่เขียงที่วางกับพื้นเท่านั้น
คริชตกตะลึงในความหรูหราของการใช้ห้องทั้งห้องเป็นครัวโดยเฉพาะ
“ท่านคริชคงจะชอบทำอาหารมากจริงๆ นึกไม่ถึงเลยว่าจะขอมาดูครัวก่อน”
“เอ๋ อ่า… ใช่ค่ะ คริชชอบ ทำอาหาร”
ในที่สุดคริชก็รู้ตัวว่าเธอกำลังทำตัวระริกระรี้แค่ไหนและตอบด้วยความเขินอาย
เธอบิดตัวไปมาอย่างกระวนกระวาย เส้นผมสีเงินสวยงามพลิ้วไปตามการเคลื่อนไหว ในขณะที่แก้มของเธอค่อยๆแดงขึ้นเรื่อยๆ
ดวงตากลมโตที่สั้นไหว รายล้อมด้วยขนตางอนยาวนั้นดูน่ารักน่าเอ็นดูอย่างมากจนเบรี่อดใจไม่ไหวอีกต่อไป
“หวา?”
เบรี่กอดคริชแน่นและลูบหัวเธอไม่หยุด
“อุฟุฟุ ทำไมถึงน่ารักขนาดนี้กันนะ… ถ้าอยากรู้อะไรถามฉันได้เลยนะคะ อยากลองทำอาหารด้วยกันดูมั้ยคะ?”
“เอ่อ……? ได้ค่ะ… ”
เพราะดูเหมือนคริชจะไม่ได้ว่าอะไร เบรี่จึงเพลิดเพลินไปกับการกอดเธออีกซักพักก่อนจะผละตัวออกมา
เธอเอามือแตะคางพลางครุ่นคิด
“ไหนดูซิ ตอนแรกฉันตั้งใจจะเตรียมมื้อเย็นหลังจากที่พาคุณไปส่งที่ห้อง….. ว่าแต่ ท่านคริชอยากจะทำอาหารกับฉันรึเปล่าคะ?”
“ได้เหรอ…?”
“ได้สิคะ มันอาจจะฟังดูแย่ไปหน่อยที่แขกต้องมาช่วยทำอาหารล่ะนะ… แต่ถ้าท่านคริชอยากจะช่วยจริงๆ ฉันก็ไม่มีสิทธิที่จะปฏิเสธค่ะ”
“…ถะ ถ้างั้น คริชก็ด้วย อยากทำอาหารค่ะ!”
“เยี่ยมเลย เยี่ยมเลย! ดีล่ะ… ฉันได้รับอนุญาตจากนายท่านมาแล้วด้วย มาเริ่มทำมื้อเย็นสุดพิเศษกันเลยดีกว่า”
“โอเคค่ะ”
คริชพยักหน้าด้วยรอยยิ้มกว้าง
=============================
ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังทำอาหารด้วยกัน เบรี่ก็สอนคริชใช้อุปกรณ์เวทย์ต่างๆไปด้วย
แต่เพราะว่าคริชควบคุมมานาเป็นกิจวัตรมาโดยตลอด ทำให้เธอเรียนรู้วิธีใช้ผลึกเวทย์สร้างความร้อนได้อย่างง่ายดายและสร้างความประทับใจให้กับเบรี่เป็นอย่างมาก
วัตถุดิบต่างๆถูกจัดเตรียมอย่างรวดเร็วในระหว่างที่เบรี่กำลังสอนคริช
เพราะเบรี่เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ดีและมีโอกาสได้เรียนรู้จากการอ่านตำรา ฝีมือในการทำอาหารของเธอจึงเหนือชั้นจนทำให้คริชต้องหวั่นเกรง
ที่ผ่านมาคริชทำอาหารผ่านการลองผิดลองถูกและวัตถุดิบที่จำกัดมาตลอด เธอยังขาดความรู้อีกมากและทำทุกอย่างตามประสบการณ์เท่านั้น
เธอจึงซึมซับวิธีการจัดการกับวัตถุดิบต่างๆจากเบรี่เหมือนกับทรายดูดน้ำ
ชั้นวางและโต๊ะแต่ละตัวถูกจัดวางอย่างระมัดระวังเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในการทำอาหาร
ซึ่งเบรี่ก็ใช้ประโยชน์จากพวกมันอย่างเต็มที่
ไม่เพียงแค่นั้น เบรี่ยังเปี่ยมไปด้วยความรู้และความสามารถ เธอมีประสาทรับรสที่เฉียบคมและพร้อมจะทุ่มเททุกอย่างให้กับการทำอาหาร
สำหรับคริชแล้ว เบรี่เป็นครูที่ยอดเยี่ยม คำอธิบายของเธอชัดเจนและเข้าใจง่าย
ทักษะการใช้มีดและวิธีที่เธอจัดการกับวัตถุดิบก็งดงามราวกับงานศิลปะ
การทำอาหารของเบรี่นั้นเหนือกว่าคริชมาก และคริชที่ยอมรับเรื่องนั้นก็เริ่มติดเบรี่มากขึ้น
สำหรับเบรี่แล้ว คริชก็เป็นนักเรียนที่ดีเช่นกัน และหัวใจของเธอถูกขโมยไปเมื่อเห็นคริชมองมีดทำครัวในมือด้วยแววตาเป็นประกาย
หลังจากที่เตรียมอาหารไปไม่กี่จาน สายสัมพันธ์แห่งความเชื่อใจระหว่างทั้งคู่ก็ก่อตัวขึ้นและเบรี่ก็ตกหลุมรักคริชสุดขั้วหัวใจ
“อร่อยรึเปล่าคะ?”
“อื้ม อร่อยค่ะ…”
คริชที่กำลังชิมเนื้อในซุปยิ้มออกมา
เบรี่ก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
“นี่คือผลลัพธ์จากการเตรียมวัตถุดิบอย่างเหมาะสมค่ะ แค่เอาเนื้อไปลนไฟนิดหน่อยก่อนจะใส่ลงไปในซุปก็จะช่วยเก็บความอร่อยไว้ในเนื้อได้ แต่ถ้าคุณอยากน้ำสต็อกก็ต้องใช้วิธีที่ตรงกันข้ามค่ะ”
“อย่างนี้นี่เอง…”
“ถ้าเราหันผักเนื้อแข็งเป็นชิ้นเล็กๆแบบนี้ น้ำซุปจะแทรกซึมเข้าไปได้ง่ายขึ้นและทำให้มันนุ่มลง เห็นความแตกต่างชัดเจนเลยใช่มั้ยล่ะคะ?”
“ค่ะ วิเศษไปเลย…”
สตูเนื้อแกะหั่นเต๋า เนื้อย่างราดซอสเปรี้ยวจากผลไม้ พิซซ่าหน้าเบค่อนปรุงด้วยชีสและมะเขือเทศอบใหม่ๆจากเตา
ด้วยกลิ่นสมุนไพรโรยหน้าอ่อนๆที่ลอยเตะจมูก ทำให้ความคาดหวังของคริชเพิ่มสูงขึ้นไปอีก
——เธอไม่เคยเห็นอาหารที่น่าอร่อยขนาดนี้มาก่อน
โครกก— เสียงที่ดังมาจากกระเพาะของคริชทำให้เธอหน้าแดง
เบรี่ยิ้มและพูดขึ้นมา
“ปกติฉันใช้เวลานานกว่านี้ในการเตรียมมื้อเย็น แต่เพราะมีท่านคริช วันนี้พวกเราเลยทำเสร็จเร็วขึ้นเยอะ รีบทานก่อนที่มันจะเย็นดีกว่านะคะ”
“ได้ค่ะ…..”
เบรี่ยกหม้อสตูและตะกร้าขนมปังออกไป ส่วนคริชถือจานเนื้อย่างและพิซซ่า
ห้องครัวเป็นห้องที่อยู่ท้ายสุดฝั่งซ้ายของโถงทางเดินและอยู่ถัดจากห้องทานอาหารไปสองห้อง
ภายในห้องทานอาหาร โต๊ะยาวที่มีเก้าอี้แปดตัวขนาบข้างถูกตั้งอยู่
มันไม่ได้เป็นห้องที่ใหญ่มาก แต่ถ้าเทียบแล้วมันก็ยังใหญ่กว่าบ้านทั้งหลังของคริชอยู่ดี
ระหว่างที่เตรียมโต๊ะอาหาร คริชและเบรี่ก็จัดแจงวางช้อน ส้อม และมีดไปด้วย
“ฉันจะไปบอกทุกคนว่ามื้อเย็นพร้อมแล้ว นั่งรอที่นี่ซักครู่นะคะ”
“ได้ค่ะ”
คริชนั่งลงในขณะที่เบรี่เดินออกจากห้องไป
เธอยืดหลังตรงและรออย่างมีมารยาท
อากาศในห้องนี้ค่อนข้างอุ่น อุณหภูมิของอาหารคงไม่เย็นลงเร็วนัก
คริชสัมผัสได้ถึงน้ำลายที่ค่อยๆเอ่อล้นอยู่ในปาก
แต่เธอก็ยังนั่งนิ่งอย่างใจเย็น เหมือนกับสุนัขที่โดนสั่งให้รอ
ไม่นานนักประตูก็เปิดออก
เด็กสาวผมบลอนด์ที่มีหน้าตางดงามเดินเข้ามา
เธอมีคิ้วคมและในดวงตาที่เหมือนแมวของเธอมีแววของความดุดันซ่อนอยู่
จมูกโด่ง ริมฝีปากได้รูปงดงาม
เธออยู่ในชุดวันพีชสีฟ้าที่เปล่งประกายและกำลังใช้นิ้วม้วนผมยาวสลวยด้วยสีหน้าไม่พอใจ
เธอขมวดคิ้วเมื่อเห็นคริช ก่อนจะเบือนหน้าหนี
“เอ่อ… ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฉันชื่อคริช”
“อ้อ เหรอ”
เพียงแค่ขานรับแบบขอไปที เธอทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามกับคริช
เธอคนนี้คือ ‘คุณหนู’ ที่เบรี่พูดถึงรึเปล่า? คริชคิดในใจ
จากที่ได้ยินมา คุณหนูคนนั้นเป็นคนมุ่งมั่นและไม่ชอบงานบ้านงานเรือนอย่างการทำอาหาร
เธอชอบฝึกดาบและศึกษากลยุทธ์สงครามโดยมีเป้าหมายที่จะรับช่วงต่อจากพ่อของเธอในอนาคต
อายุของเธอน่าจะใกล้ๆกับคริชที่จะขึ้นอายุสิบสามในปีนี้
เด็กสาวกอดอกมองคริชด้วยสีหน้าหงุดหงิด
ด้วยความไม่แน่ใจว่าเด็กสาวตรงหน้ากำลังอารมณ์เสียเรื่องอะไร คริชจึงก้มลงไปเช็คการแต่งกายของเธอ
หรือมันไม่สุภาพที่ใส่ผ้ากันเปื้อนบนโต๊ะอาหารกันนะ?
คริชลุกขึ้นและถอดผ้ากันเปื้อน เธอพับมันให้เรียบร้อยก่อนที่จะเอาวางบนตัก
แต่เด็กสาวยังคงหรี่ตามองมาที่เธอ
“พึ่งมาถึงก็ทำคะแนนแล้วเหรอ? แม่เด็กดี”
“…..? ทำคะแนน?”
“อย่าได้ใจไปเพราะแค่ช่วยทำอาหารเชียวล่ะ สมแล้วที่เป็นเด็กจากบ้านนอก หน้าด้านหน้าทน”
เธอโกรธอะไรอะ?
คริชเอียงคอพลางครุ่นคิด
“ดูเหมือนว่าเบรี่จะชอบเธอพอตัว แต่ฉันไม่เห็นด้วยที่จะให้เธอมาอยู่ที่นี่ รู้เอาไว้ด้วย”
หลังจากที่ประกาศออกไปแบบนั้น เด็กสาวก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
คริชจึงวิเคราะห์คำพูดเหล่านั้นโดยอ้างอิงจากสถานะปัจจุบันของเธอ
จากนี้ไปคริชจะมีอาหารกินและมีชีวิตที่สุขสบายกว่าที่เคยมีมา
แต่สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่คริชได้รับมาจากโบแกน
แปลว่าก่อนหน้านี้ เด็กคนนี้จะเป็นคนเดียวที่ได้รับผลประโยชน์ทั้งหมดจากเขา
แต่ตอนนี้ เมื่อส่วนแบ่งพายของเธอลดลง แน่นอนว่าเธอต้องไม่พอใจ
เหมือนพายฟักทองสามชิ้นที่เธอตั้งใจจะกินคนเดียว แต่ก็โดนขโมยไปชิ้นนึง
คำว่า ‘แค่ช่วยทำอาหาร’ อาจจะสื่อถึงการตอบแทนเล็กๆน้อยๆของคริช
เธอชมคริชว่าเป็น ‘เด็กดี’ เพราะช่วยทำอาหาร แปลว่าสิ่งที่คริชทำไม่ใช่เรื่องแย่
เธอคงต้องการบอกว่าคริชยังตอบแทนผลประโยชน์ที่ได้รับไปไม่พอ
และเธอกำลังขอให้คริชตอบแทนเธอให้เท่าเทียมกับส่วนแบ่งของพายที่ถูกแย่งไป
ด้วยความเข้าใจแบบนั้น คริชพยักหน้ากับตัวเอง
“ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นคริชจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะได้รับการยอมรับจากคุณหนู”
“หา…?”
คริชตอบกลับคำถากถางอย่างตรงไปตรงมาของเธอด้วยรอยยิ้ม
ด้วยความสับสน เด็กสาว— เซเลเน่ ขมวดคิ้วใส่คริชด้วยสีหน้างุนงง
แม้เธอเพิ่งจะปฏิเสธความพยายามของเด็กสาวผมเงินอย่างหยาบคาย แต่เธอกลับไม่มีท่าทีว่าจะโกรธเลยซักนิด
บนใบหน้าของเธอมีเพียงรอยยิ้มบางๆเท่านั้น
ด้วยการตอบสนองที่ไม่คาดคิดนี้ทำให้เซเลเน่ถึงกับพูดไม่ออก
ระหว่างที่เธอพยายามคิดและล้มเหลวที่จะหาคำพูดเถียงกลับไป
ประตูก็เปิดออกอีกครั้งโดยมีโบแกน กาเรน และเบรี่ก้าวเข้ามา
“โอ้ วันนี้มาเร็วดีนี่ เซเลเน่ คุยกับคริชอยู่เรอะ?”
“คะ-ค่ะ ท่านพ่อ แค่นิดหน่อย… “
โบแกนเอียงหัวเมื่อสังเกตว่าน้ำเสียงของเซเลเน่ดูบึ้งตึงเล็กน้อย
แต่เมื่อเห็นว่าคริชกำลังยิ้ม โบแกนจึงคิดว่าพวกเธอคงจะพึ่งทักทายกันเฉยๆ
โบแกนได้ยินมาจากกาเรนว่าถึงเธอจะไม่ค่อยแสดงออก แต่คริชเป็นเด็กที่เรียบร้อย เอาใจใส่ และขยันขันแข็ง
พวกเธอน่าจะเข้ากันได้ดีนะ โบแกนคิดในใจอย่างมีความสุข
“งั้นเหรอ นี่คริช เด็กคนนี้ออกจะหัวดื้อไปหน่อย แต่ช่วยสนิทกับเธอไว้ด้วยล่ะ”
“ค่ะ นายท่าน”
“ฮะฮะ ไม่ต้องเป็นทางการขนาดนั้นก็ได้”
โบแกนหัวเราะอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเดินไปนั่งลงที่หัวโต๊ะ
กาเรนนั่งเฉียงถัดจากเขา และอยู่ทางด้านขวาของคริช
เบรี่รินไวน์และน้ำให้กับสมาชิกทุกคน รวมถึงแจกจ่ายอาหารต่างๆก่อนจะนั่งลงที่ด้านซ้ายของคริช
เมื่อเห็นแบบนั้น เซเลเน่ยิ่งอารมณ์เสียหนักขึ้นไปอีก
โบแกนที่ไม่ทันสังเกตเรื่องนั้น ยกแก้วขึ้นแล้วพูดเสียงดัง
“ขอเริ่มมื้ออาหารนี้… เพื่อเป็นเกียรติแก่อาจารย์ของฉันและหลานสาวของเขา”
คนอื่นๆยกแก้วขึ้น คริชรีบยกตามและจรดปากดื่ม
รสชาติเปรี้ยวและขมเป็นเอกลักษณ์ของไวน์ทำให้คริชขมวดคิ้วเล็กน้อย
เพราะเธอถูกสอนไม่ให้เป็นเด็กเลือกกิน เธอจึงไม่ได้พูดอะไรออกมา
แต่คริชไม่ชอบไวน์ ลิ้นเด็กๆอย่างเธอไม่สามารถทนต่อความขมและดื่มด่ำไปกับรสชาติที่ซับซ้อนของไวน์ได้
เบรี่ที่นั่งมองคริชยิ้มออกมา เธอเทน้ำผลไม้และยื่นให้คริชแทน
คริชรับน้ำองุ่นและจิบมันอย่างเขินอาย
เบรี่ยังคงมองคริชด้วยสายตาเอ็นดูในขณะที่ทุกคนเริ่มทานอาหาร
โดยปกติแล้วคนรับใช้จะต้องแยกไปทานอาหารที่อื่น แต่ที่บ้านนี้ไม่มีกฎแบบนั้น
คริชเอื้อมมือไปหยิบพิซซ่าก่อนและกัดลงไปเต็มคำ
เธอสัมผัสได้ถึงแผ่นแป้งที่กรุบกรอบและชีสที่ละลายเยิ้ม พวกเธอใช้ชีสจำนวนมากในการทำพิซซ่าสุดหรูถาดนี้ และคริชก็พึงพอใจกับรสสัมผัสของชีสที่อยู่ในปากเป็นอย่างมาก
ต่อไปก็เป็นซุป จากนั้นก็เนื้อย่าง
คริชค่อยๆลิ้มลองอาหารไปทีละจาน เธอมีความสุขอย่างมากที่ทั้งลิ้นและกระเพาะของเธอได้รับการเติมเต็ม
นี่เป็นมื้ออาหารที่อร่อยที่สุดที่คริชเคยกินมาอย่างไม่ต้องสงสัย
เบรี่ถือโอกาสสอนมารยาทบนโต๊ะอาหารเล็กๆน้อยๆให้กับคริชไปด้วยในขณะที่เธอกำลังเพลิดเพลินไปกับกิน
“อร่อยรึเปล่าคะ?”
“…ค่ะ มากๆเลย”
“ฟุฟุ ต้องขอบคุณที่ได้ท่านคริชช่วยนะคะ ซุปวันนี้ก็เป็นฝีมือท่านคริชเกือบทั้งหมดเลย”
“งั้นเรอะ?”
โบแกนถามออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ใช่ค่ะ เธอมีความรู้ทั้งเรื่องการปรุงอาหารกับการเคี่ยวสตู แถมยังใช้มีดทำครัวได้คล่องแคล่วมากเลย… ฉันสอนเธอแค่สูตรเท่านั้นเอง อีกอย่างเธอยังเรียนรู้ในการใช้คริสตัลเวทย์ได้เร็วมากๆด้วย”
“ทะ ที่คริชทำได้… เพราะคุณเบรี่สอนคริชเยอะแยะ ตัวคริชเองไม่ได้…”
แม้ที่ผ่านมาเธอจะเรียนรู้จากประสบการณ์มาตลอด แต่คริชมีเซนส์ในเรื่องพื้นฐานการทำอาหารและการใช้อุปกรณ์ทำครัวอยู่แล้ว
เบรี่เพียงแค่สอนสูตรและคอยช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆเท่านั้น
เบรี่จึงหมายความตามที่เธอพูดจริงๆ แต่คริชไม่เห็นด้วยกับเรื่องนั้น
คริชทำอาหารผ่านการลองผิดลองถูกมาตลอด
และการทำอาหารในครั้งนี้แตกต่างจากที่เธอเคยทำมาอย่างสิ้นเชิง
ถ้าแค่เธอตัวคนเดียวจะต้องใช้เวลากี่ปีถึงจะรังสรรค์อาหารแบบนี้ออกมาได้กันนะ?
สำหรับคริช เบรี่เป็นตัวตนอันสูงส่งที่คอยชี้นำเธอในการทำอาหารเหล่านี้
คริชจึงปฏิเสธอย่างเอาเป็นเอาตายเพราะไม่อยากแย่งความดีความชอบ
แต่เบรี่ก็ยิ้มตอบกลับมา
“นั่นเป็นแค่ความได้เปรียบจากความรู้ค่ะ ฉันโชคดีที่ได้เติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ถ้าสถานะของฉันกับท่านคริชสลับกัน ทุกอย่างก็คงแตกต่างออกไปเหมือนกัน แต่เพราะประสบการณ์ของท่านคริช ทำให้พวกเราทำอาหารแสนอร่อยเหล่านี้ขึ้นมาได้ค่ะ”
“เอ่อ แต่ว่า…”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้าเบรี่พูดถึงขนาดนี้ก็คงจะจริงล่ะนะ เบรี่น่ะไม่เคยออมมือเรื่องการทำอาหารหรอก ยอมรับไว้แต่โดยดีเถอะ”
“…โอเคค่ะ”
แม้คริชจะไม่เห็นด้วย แต่ตอนนี้เธอทำได้แค่พยักหน้า
เธอละความสนใจจากบทสนทนาและกลับไปกินต่อ
ทุกๆคำคือช่วงเวลาแห่งความสุข
ความอร่อยที่เติมเต็มในจิตใจทำให้สติปัญญาของเธอทื่อลง
“ว่าแต่ คริสตัลเวทย์ด้วยเหรอ? ก็พอเดาได้ว่าเธอน่าจะมีเซนส์อยู่หรอก แต่ว่า… ใช้ได้ทั้งหมดเลยเหรอ?”
“ใช่ค่ะ ขนาดบางชิ้นที่ปกติแล้วจะใช้งานยาก เธอยังใช้มันได้ง่ายๆเลย”
“…งั้นเหรอ เธอมีพรสวรรค์ในเรื่องนั้นด้วยสินะ”
คริชยังคงกินต่อและปล่อยให้บทสนทนาของโบแกนและเบรี่ไหลผ่านหูไป
แต่ทันใดนั้นเอง—
“ขอบคุณสำหรับอาหาร!”
จู่ๆเซเลเน่ก็ทุบโต๊ะและลุกขึ้นยืน ด้วยความตกใจเล็กน้อยจากเสียงที่ดังลั่น คริชเงยหน้าขึ้นมองเธอ
ส่วนเซเลเน่ก็จ้องคริชกลับ
โดยที่ไม่พูดอะไรอีก เธอกระชากประตูเปิดออกและก้าวออกจากห้องไป
“…เฮ้อ เด็กคนนั้น ขอโทษแทนเธอด้วยนะ พักหลังมาเธอเป็นแบบนี้บ่อยๆน่ะ”
โบแกนบ่นพึมพำ
“เป็นความผิดฉันเองที่ยุ่งกับงานมากไปเลยไม่ค่อยมีเวลาให้เธอ เธอคงจะเหงาน่ะ… ฉันหวังว่าถ้ามีเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันแบบเธอคอยอยู่ด้วยก็คงจะดี ถ้าเป็นไปได้ช่วยเป็นเพื่อนคุยกับเธอหน่อยได้รึเปล่า?”
“ได้ค่ะ ถ้าคุณโอเคที่จะให้คริชทำ”
“…ขอบใจนะ”
กาเรนที่นั่งกินอยู่เงียบๆยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำตอบของหลานสาว
“ตอนนี้เรามากินอาหารกันก่อนเถอะ… เบรี่ เดี๋ยวฉันจะตามไปดูเธอทีหลัง”
“ค่ะ นายท่าน งั้นเดี๋ยวฉันไปเตรียมชามาให้นะคะ”
“อา ขอบใจ”
=============================
ในวันถัดมา กาเรนก็นั่งรถม้าส่งสินค้ากลับไปที่หมู่บ้าน
ส่วนคริชที่ถูกทิ้งไว้ก็ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ในบ้านคริสแตนด์
แม้ในสายตาของอัจฉริยะอย่างคริช เบรี่ก็ถือเป็นคนที่มีความสามารถ
ในฐานะที่เป็นคนดูแลคฤหาสน์หลังใหญ่และเตรียมอาหารสำหรับทุกคนด้วยตัวคนเดียว
เบรี่นั้นเป็นบุคลากรที่มีทักษะรอบด้าน
ดูเหมือนว่าเธอเคยเป็นขุนนางมาก่อน เธอจึงค่อนข้างรอบรู้และตอบคำถามคริชได้ทุกเรื่อง
เบรี่มีศักดิ์เป็นน้าของเซเลเน่
เธอเป็นน้องสาวที่อายุห่างกันมากของภรรยาของโบแกน ลาซุร่า
ตอนที่โบแกนแต่งงานกับลาซุร่า เขาก็รับเบรี่เข้ามาทำงานในคฤหาสน์ด้วย
แม้ภายนอกเบรี่จะดูเหมือนเป็นวัยรุ่นตอนปลาย แต่ความจริงตอนนี้เธออายุขึ้นเลขสองแล้ว
จากคำอธิบายของเบรี่ คนที่มีมานาและควบคุมมันได้จะแก่ตัวช้ากว่าคนทั่วไป
“วันนี้เราพอแค่นี้ก่อนดีกว่า”
“จะดีเหรอคะ?”
“ค่ะ มันจะดีกว่าถ้าเราทำความสะอาดแต่พอประมาณ การทำความสะอาดบ่อยเกินไปอาจทำให้เครื่องใช้และตัวอาคารเสียหายได้ แถมยังเหนื่อยด้วย”
การที่คริชอาสามาช่วยงานของเธอบ่อยๆทำให้เบรี่อารมณ์ดี
ด้วยความที่คริชชอบจัดการอะไรให้สะอาดเรียบร้อยอยู่แล้ว
เธอจึงไม่มีปัญหากับการทำงานบ้านอย่างการปัดกวาดซักรีด และการช่วยเบรี่ก็ถือเป็นการตอบแทนที่เบรี่สอนเธอทำอาหารไปในตัว
ช่องว่างระหว่างความรู้ของทั้งสองคนค่อยๆแคบลงทุกวัน
เบรี่แสดงทักษะและถ่ายทอดความรู้ของเธอให้คริชอย่างเต็มที่
คริชเคยคิดว่าเธอจะสามารถไล่ตามเบรี่ได้ในไม่ช้า แต่ว่าเบรี่ก็เป็นคนที่หลงไหลในความสมบูรณ์แบบเช่นเดียวกับคริชและพยายามรังสรรค์รสชาติใหม่ๆขึ้นมาเสมอ
คริชนับถือในตัวเบรี่ที่ไม่ยอมหยุดอยู่กับที่และปรารถนาที่จะพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด
การรับรสของคนนั้นเปลี่ยนไปได้ตามสภาพร่างกายและจิตใจ
อาหารบางจานอาจจะเป็นเมนูที่สมบูรณ์แบบในวันนี้ แต่ถ้าต้องกินแบบเดิมทุกๆวันก็คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะเบื่อ
แม้จะมีพรสวรรค์เพียบพร้อมกว่าใครในทุกด้าน แต่ด้วยสิ่งนี้คริชจึงหลงไหลในการทำอาหาร
และเบรี่เองก็หลงใหลในสิ่งเดียวกัน
ในสายตาของคริช เบรี่เป็นเหมือนทั้งสหายร่วมอุดมการณ์และผู้ชี้ทางสว่าง
ความชื่นชมที่คริชมีต่อเบรี่นั้นมีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนชีวิตประจำวันของเธอวนเวียนอยู่แต่กับเบรี่——คอยเดินตามเบรี่ต้อยๆทั้งวัน
แน่นอนว่าหัวใจเบรี่ก็ถูกขโมยไปโดยเด็กสาวที่คอยตามติดเธออย่างใสซื่อตลอดเวลา
เพราะความสัมพันธ์ของพวกเธอส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับเรื่องอาหาร ซึ่งเป็นหัวข้อที่ละเอียดอ่อนสำหรับคริช
คริชจึงดูเป็นเด็กขี้อายในสายตาเบรี่ ในฐานะที่เธอเป็นคนเดียวที่ได้เห็นมุมน่ารักๆของคริชอยู่ทุกวี่วัน
เบรี่มองว่าคริชเป็นเด็กที่ค่อนข้างแปลกแต่ก็น่ารักมากๆคนหนึ่ง
เบรี่รู้อยู่แล้วว่าสติปัญญาของคริชนั้นสูงกว่าเด็กทั่วไปและเธอมีมุมมองที่แตกต่างจากคนอื่น
แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกที่เธอมีต่อคริชเปลี่ยนแปลงไป
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเบรี่เคยได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นกับคริชในหมู่บ้านและสถานการณ์อันน่าสงสารที่เธอต้องเผชิญ
เธอจึงโอ๋คริชเป็นพิเศษเพื่อให้คริชรู้สึกสบายใจ
และการที่คริชไม่กลายเป็นเด็กเอาแต่ใจจากการโดนโอ๋ก็ยิ่งทำให้เบรี่รู้สึกชื่นชมในตัวเธอขึ้นไปอีก
ในฐานะผู้ที่ยึดถือในความสมบูรณ์แบบอย่างคริช เธอไม่ลังเลที่จะ ‘ตอบแทน’ ความปรารถนาดีที่ได้รับมาอย่างเต็มที่
ยิ่งเธอโดนโอ๋มากเท่าไหร่ เธอก็จะยิ่งทำงานเพื่อตอบแทนเบรี่มากเท่านั้น
เหมือนลูกเจี๊ยบที่ตามติดแม่ไก่ คริชคอยติดตามเบรี่ตลอดเวลาและพยายามที่จะ ‘ช่วย’ อย่างเต็มที่
ไม่มีคำอื่นใดที่จะอธิบายสิ่งนี้นอกจากความน่ารัก
“เอาล่ะ ตอนนี้ยังเร็วไปหน่อยที่จะเริ่มทำมื้อเย็น เรามาดื่มชากันก่อนดีมั้ยคะ?”
“…..ชา”
“ฟุฟุ จริงๆแล้ว… ฉันอบคุกกี้ทิ้งไว้ด้วย ฉันอยากจะให้ท่านคริชช่วยชิมพอดีเลย”
“คุกกี้…”
คริชหน้าแดง
แน่นอนว่าเธอชอบของหวาน
แต่คริชมองว่ามันเป็นเรื่องน่าอายและไม่เหมาะสมที่จะทำอะไรตามใจปาก
เหตุผลหนึ่งก็เพราะระดับสติปัญญาของเธอจะลดลงอย่างเห็นได้ชัดตอนที่เธอกินมัน
แต่สำหรับเบรี่ คริชที่หลงใหลในของหวานเป็นอะไรที่ดูน่ารักเอามากๆ
เพราะเธออยากเห็นด้านนั้นของคริช เบรี่จึงทำทุกวิถีทางที่จะป้อนขนมให้เธอ
ทางด้านของคริชที่กลัวว่าตัวเองจะเสพติดของหวาน พยายามปฏิเสธด้วยความยากลำบาก
แต่ศัตรูของเธอแข็งแกร่งเกินไป
เบรี่เริ่มหาทางป้อนขนมให้คริชด้วยข้ออ้างว่าเพื่อการชิมรสชาติ
ถ้าเป็นการชิมรสชาติล่ะก็ ในฐานะคนที่ตั้งเป้าที่จะเป็นที่สุดเรื่องการทำอาหารแล้ว คริชไม่สามารถปฏิเสธได้
ซึ่งเบรี่ที่รู้เรื่องนี้ดีก็เอามันมาใช้เพื่อป้อนขนมให้คริช
“ท่านคริชช่วยชิมให้หน่อยได้รึเปล่าคะ? ครั้งนี้ฉันลองใส่น้ำผึ้งเยอะเป็นพิเศษด้วยนะ”
“เยอะพิเศษ งือ…..”
“ถ้างั้น ฉันจะเอาไปเตรียมไว้ที่ห้องก่อนนะคะ”
สุดท้ายแล้ว คริชก็พ่ายแพ้ให้กับความปรารถนาเหมือนทุกครั้ง
คริชเป็นเด็กที่จริงจังและขยันหมั่นเพียร แต่เธอชอบฝืนตัวเองมากไป
ยังไงซะ การพักผ่อนก็เป็นเรื่องสำคัญล่ะนะ นั่นคือความตั้งใจของเบรี่ในช่วงแรก แต่พักหลังๆมาเธอแค่อยากจะเห็นคริชนั่งแทะคุกกี้ด้วยความเขินอายเท่านั้น
ภายในเวลาไม่ถึงอาทิตย์ ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ก็เข้าขั้นหวานมดขึ้น ทั้งคริชและเบรี่ต่างเข้ากันได้เป็นอย่างดีและไม่เคยมีปัญหาอะไรระหว่างกันเลย แต่เมื่อพูดถึงปัญหาแล้วล่ะก็…
“…….”
“โอ๊ะ คุณหนูคะ ท่านคริชกับฉันกำลังจะไปดื่มชาพอดี อยากมาด้วยกันรึเปล่าคะ?”
เซเลเน่นั่นเอง
เซเลเน่จองเขม็งไปที่คริชและตอบปฏิเสธ
“ฉันยุ่งตลอดไม่เหมือนยัยนั่นหรอกนะ… แล้วก็เธอน่ะ วันนี้ไม่ต้องมาอีกนะ มันน่ารำคาญ”
ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ คริชก็คอยไปหาเซเลเน่ที่ห้องทุกวัน
ด้วยความใสซื่อ เธอไปที่ห้องของเซเลเน่ทุกคืนพร้อมกับพูดว่า ‘คริชถูกขอให้มาเป็นเพื่อนคุยกับคุณหนู’
และแน่นอนว่ามันไปได้ไม่สวยนัก
คริชถูกเซเลเน่ที่กำลังหงุดหงิดไล่กลับไปทุกครั้ง
มันถือเป็นความล้มเหลวของคริชโดยสมบูรณ์แบบ
“แต่ว่า พวกเรา…”
“ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าฉันไม่มีอะไรจะคุยกับเธอ”
“จะ-ใจเย็นก่อนสิคะ…”
เบรี่พยายามควบคุมสถานการณ์และเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนา
“เห็นว่าท่านเบลน่ากลับไปแล้ว ฉันเลยคิดว่านี่น่าจะเป็นโอกาสดี”
“…..เฮ้อ ฉันต้องไปฝึกดาบกับท่านพ่อต่อ ไม่มีเวลามาดื่มชาหรอกนะ”
ทุกๆวันจะมีครูส่วนตัวมาที่คฤหาสน์แห่งนี้เพื่อสอนเซเลเน่
วันนี้เป็นวิชาประวัติศาสตร์ เมื่อวานเป็นวิชาคณิตศาสตร์ วันก่อนหน้าเป็นนิติศาสตร์
และวันไหนที่พ่อของเธออยู่และมีเวลาว่าง คาบฝึกดาบก็จะถูกเพิ่มเข้ามา
มันไม่ใช่เรื่องโกหกที่เธอบอกว่าเธอยุ่งมาก
เซเลเน่เป็นเด็กที่จริงจังและชอบทำอะไรเกินตัว และเธอเริ่มเป็นแบบนี้มากขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่ที่แม่เธอเสียไป
ตอนนี้เธอตั้งใจที่จะรับช่วงต่อหน้าที่ในกองทัพจากพ่อของเธอ
และนั่นก็นำไปสู่การถกเถียงกับเบรี่หลายต่อหลายครั้ง ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ค่อยสู้ดีนัก
“…..งั้นเหรอคะ ได้โปรด ระวังตัวอย่าให้บาดเจ็บนะคะ”
“การบาดเจ็บก็เป็นส่วนหนึ่งของการฝึก”
เมื่อพูดจบ เซเลเน่ก็เบือนหน้าหนีและเดินลงบันไดไป
“…ฉันพูดอะไรให้เธอไม่พอใจไปรึเปล่า? แต่คุณหนูไม่ใช่เด็กผู้ชาย แค่เห็นเธอเหวี่ยงดาบฉันก็อดเป็นห่วงไม่ได้แล้ว…”
เบรี่ถอนหายใจเบาๆ
“ตระกูลคริสแตนด์เป็นตระกูลทางการทหาร ฉันรู้ดีว่าที่เราใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบายในคฤหาสน์นี้ได้ก็เพราะเรื่องนั้น แต่ฉันไม่คิดว่าคุณหนูจำเป็นจะต้องทำตามธรรมเนียมพวกนั้นหรอกนะคะ”
เธอพูดราวกับว่ากำลังสารภาพความในใจออกมา
คำพูดของเบรี่ทำให้คริชนึกถึงแม่ของเธอ
“…..ท่านแม่ของคริชก็พูดแบบเดียวกับคุณเบรี่เลย ท่านแม่เป็นห่วงมากตอนที่คริชบอกว่าจะไปฝึกดาบ”
“อย่างนั้นเหรอคะ?”
“ค่ะ”
ทั้งคู่เข้าไปในห้องของคริชและเริ่มเตรียมชา
คุกกี้บนโต๊ะยังคงอุ่นอยู่ และกลิ่นหอมของคุกกี้ที่พึ่งอบใหม่ๆก็ลอยฟุ้งไปทั่ว
คริชเม้มปากแน่น พยายามที่จะไม่เผลอยิ้มออกมา
“แต่สุดท้ายแล้วคริชเชื่อว่ายังไงคนเราก็ต้องพึ่งพาตัวเอง อย่างน้อยๆ มันก็มีประโยชน์กับคริชมากๆ”
“…ท่านคริช”
เมื่อนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับคริชที่หมู่บ้าน
เบรี่ก็หลุบตาลงต่ำ
“…..คำพูดของฉันคงเป็นความเห็นของคนที่ไม่เคยเผชิญกับอันตรายสินะคะ ฉันต้องขอโทษด้วยถ้านั่นเป็นการดูหมิ่นคุณ”
คริชส่ายหน้าตอบ
การฝึกซ้อมสำหรับการต่อสู้เป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นก็จริง
แต่ในสังคมมันมีอะไรมากกว่านั้น
คนที่ชอบต่อสู้มักจะมีอารมณ์ที่รุนแรงกว่าคนทั่วไป
พวกเขามั่นใจในตัวเอง หุนหันพลันแล่น และชอบความรุนแรง
แม้พวกเขาจะเป็นส่วนสำคัญ แต่นิสัยของพวกเขาแตกต่างจากชาวบ้านที่เป็นรากฐานของหมู่บ้านอย่างสิ้นเชิง
ในตอนที่ไม่มีศึกสงคราม พวกเขาก็เป็นแค่ตัวปัญหาที่คอยรบกวนความสงบสุขเท่านั้น
คริชเชื่อว่าถ้ามองจากมุมนั้น คนที่คิดแบบเบรี่คือการถ่วงสมดุลที่สำคัญและขาดไม่ได้
โดยส่วนใหญ่แล้ว คริชหลงใหลในความสมดุล
ต้องขอบคุณพ่อแม่ของเธอที่ทำให้คริชเข้าใจความสำคัญของกฎและการจัดระเบียบ
เธอจึงไม่ชอบคนที่มาทำลายความสงบสุขและเรียนรู้การใช้ดาบเพื่อปกป้องสมดุลนั้น
ดังนั้นคริชจึงไม่ชอบความขัดแย้งที่มีแต่เสียกับเสีย ถ้าให้เทียบกันแล้วคริชให้ค่าคนอย่างเบรี่มากกว่าพวกบ้าการต่อสู้ซะอีก
“คริชมองว่าการฝึกดาบเป็นเรื่องจำเป็นในการปกป้องบ้านเมือง เพราะมีคนอย่างเบรี่และท่านแม่คอยเป็นห่วงอยู่ข้างหลัง คริชคิดว่าทั้งคุณหนูและคุณเบรี่ไม่มีใครผิดหรอกค่ะ”
เบรี่มองที่คริชด้วยความประหลาดใจก่อนจะยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน
“…ขอบคุณมากค่ะ ถึงท่านคริชจะยังเด็กแต่ท่านมีความคิดที่แตกฉานทีเดียว”
“คริช… ยังห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบอีกเยอะเลยค่ะ”
คริชตอบขณะที่จ้องมองคุกกี้ เธอรู้สึกได้ถึงน้ำลายที่กำลังเอ่อท่วมปากและหน้าแดงกับท่าทีที่น่าขายหน้าของเธอ
เบรี่หัวเราะเบาๆและยื่นคุกกี้ให้คริช
“มันมีเยอะไปหน่อย คงต้องให้ท่านคริชช่วยชิมอีกเยอะเลย”
“เยอะเลย…”
คริชหยิบขึ้นมาชิ้นหนึ่งและเอาใส่เข้าปากเล็กๆของเธอ
เบรี่ตั้งใจอบคุกกี้ให้เล็กพอที่คริชจะกินได้แบบพอดีคำ
รสหวานของน้ำผึ้งแผ่กระจายไปทั่วปากในขณะที่เธอเคี้ยวคุกกี้ที่กรุบกรอบ
ใบหน้าของคริชเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข
“ฟุฟุ เห็นแบบนี้แล้วบอกไม่ได้เลยว่าท่านคริชโตเป็นผู้ใหญ่หรือยังเป็นเด็กอยู่กันแน่นะ”
เบรี่พูดพลางหัวเราะออกมาเบาๆ
=============================
TL Note: ใช่ครับ น้องโดนของหวานล่อลวงไปแล้วเรียบร้อย
อาทิตย์ที่แล้วหยุดไปเพราะติดสอบปลายภาคครับ จริงๆตอนนี้ก็ยังสอบไม่เสร็จแต่พอเจียดเวลามาแปลได้หน่อยนึง
ผู้มีจิตศรัทธาสามารถโดเนทให้ผู้แปลได้ที่
——————————
พร้อมเพย์: 0943075995
——————————
คำเตือน: การโดเนทไปไม่ได้ทำให้แปลเร็วขึ้นแต่อย่างใด แต่เงินทุกบาททุกสตางค์ของท่านจะถูกเปลี่ยนเป็นต้นไม้อย่างคุ้มค่าอย่างแน่นอนครับ55555