ตำนานวีรสตรีอันไร้ค่าของเด็กสาวต้องสาป - ตอนที่ 5 ความผิดพลาดของเธอ
บทที่ 5 ความผิดพลาดของเธอ
“… ท่านแม่?”
คริชที่รู้สึกตัวตื่น สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและพึมพำออกมา
ปกติแล้วคริชจะนอนกอดเกรซทุกคืน เธอจึงเข้าใจผิดว่านี่เป็นไออุ่นจากแม่ของเธอ และต้องใช้เวลาซักพักกว่าเธอจะรู้ตัวว่าแท้จริงแล้วความอบอุ่นนั้นมาจากกาล่า
กาล่าที่ดูเหนื่อยล้ากำลังหลับสนิท และยังมีคราบน้ำตาอยู่บนใบหน้า
พอมองไปรอบๆ คริชก็รู้ตัวว่านี่ไม่ใช่บ้านของเธอ
เมื่อพบว่าตัวเองกำลังอยู่ในบ้านของกาล่า คริชจึงกวาดสายตาเพื่อมองหาแม่
——อ๊ะ จริงสิ
และในที่สุด เธอก็จำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานได้
==============================
ทั้งเสียงกรีดร้องและเสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งดังระงมไปทั่วหมู่บ้าน
เหล่าผู้หญิงและเด็กๆมารวมตัวกันใกล้ๆบ่อน้ำบริเวณใจกลางลานกว้าง
และถูกล้อมรอบโดยกลุ่มชายติดอาวุธที่มีรอยยิ้มอันชั่วร้าย
โจรป่าเหล่านี้น่าจะเคยเป็นทหารมาก่อน
ทั้งถุงมือและเกราะหน้าอกที่พวกเขาสวมเป็นแบบเดียวกับของกองทัพ
มีศพกระจัดกระจายอยู่เต็มลานกว้าง
บ้างก็มีเครื่องในไหลทะลัก บ้างก็ถูกทุบจนกะโหลกแหลก หรือบ้างก็ถูกตัดแขนขาด
ทุกร่างล้วนเคยเป็นสามี พ่อ หรือลูก——ของคนที่อยู่ที่นี่
บางคนพยายามเรียกชื่อของร่างไร้วิญญาณที่แน่นิ่งอยู่กับพื้น ก่อนจะอาเจียนออกมาเพราะกลิ่นของเครื่องในที่กระจัดกระจาย
ผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่อาจทนรับความจริงที่เกิดขึ้นได้ ก็หัวเราะออกมาราวกับคนบ้าแม้ในตอนที่โจรป่าเริ่มลวนลามร่างกายของเธอ
เมื่อถูกรายล้อมด้วยความสิ้นหวัง พวกเธอก็ไม่เหลือกำลังที่จะต่อต้านอีกต่อไป
ใครก็ตามที่พยายามจะหนี ต่อให้เป็นเด็ก ก็จะถูกฆ่าอย่างไร้ปราณี
พวกผู้ชายที่เห็นเหตุการณ์เหล่านั้นจากบนเพดานรีบปีนลงมาด้วยความจำนน
พวกเขาทิ้งธนูและดาบ ก้มลงคุกเข่าร้องขอความเมตตา
เมื่อคนที่พวกเขาปกป้องถูกจับเป็นตัวประกัน ก็ไม่มีสิ่งใดที่พวกเขาทำได้อีกแล้ว
มันเป็นโศกนาฏกรรมทั่วๆไป—— ถูกโจมตีโดยโจรป่าและสูญเสียทุกสิ่งอย่าง
หมู่บ้านคาลคาตั้งอยู่ในป่าลึก ไม่มีถนนใหญ่เข้าถึง ห่างไกลจากความช่วยเหลือ
การข่มขืนและปล้นฆ่าที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ จะพรากเอาวิถีชีวิต ความภาคภูมิใจ และทุกๆอย่างของหมู่บ้านนี้ไป
ถ้ายังโชคดี ตัวหมู่บ้านอาจจะยังคงเหลืออยู่
แต่สำหรับใครหลายๆคน นี่เป็นจุดจบของความสุขในชีวิตของพวกเขาแล้ว
“โอ้ อยู่นี่เอง แม่หนูน้อย มานี่สิ”
ท่ามกลางสิ่งเหล่านั้น ชายที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าของโจรป่าเอ่ยปากเรียกเด็กสาวคนหนึ่งออกมา
เด็กสาวที่สวมชุดกระโปรงเก่าๆ———อายุราวๆสิบสอง-สิบสามปี
เส้นผมสีเงินทอประกายจากแสงจันทร์ ดวงตากลมโตสีม่วงของเธอสอดส่องไปรอบๆอย่างสงบนิ่ง
แม้จะถูกรายล้อมด้วยความสิ้นหวัง แต่สีหน้าของเธอไร้ซึ่งความตื่นตระหนกหรือหวาดกลัวใดๆ
เธอนับจำนวนศพและจำนวนของโจรป่าอย่างใจลอย ก่อนจะหันไปหาชายที่เรียกเธอ
——โดนฆ่าไปเยอะเลย
ระหว่างกำลังคิดว่าจะทำอะไรต่อ เด็กสาวผมเงิน—คริช เดินไปหาชายคนนั้นตามคำสั่ง
เธอไม่คิดว่าสถานการณ์จะแย่ขนาดนี้
ปล่อยให้พวกมันได้เปรียบมากไปหน่อยสินะ ความสำนึกผิดเล็กๆนี้เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เธอรู้สึก
แม้ในขณะที่เธอจ้องมองไปยังโจรป่าหรือศพของคนคุ้นตา เด็กสาวก็ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย
แต่เมื่อสาวน้อยเริ่มก้าวออกไปตามคำสั่ง หญิงสาวร่างใหญ่คนหนึ่งก็เข้ามาหยุดเธอไว้—— กาล่านั่นเอง
“อย่าไปนะ…ป้า-ป้าจะหาทาง….”
กาล่าส่ายหัวไปมาขณะกอดเด็กสาวไว้แน่นด้วยตัวที่สั่นเทา
คริชมองเธอด้วยสีหน้ากังวล
“แต่ว่า ถ้าคริชไม่ไปคุณจะโดนฆ่านะ”
คริชพูดอย่างใจเย็น
เธอไม่มีอาวุธติดตัว ในสถานการณ์แบบนี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องเชื่อฟัง
คริชผลักตัวกาล่าออก แล้วยิ้มออกมาเพื่อปลอบเธอ
ถ้ากาล่ายังดึงดันแล้วถูกฆ่าตาย คริชก็จะไม่ได้ใช้เตาอบอีก
แม้คำพูดของเธอถูกจะกลั่นออกมาจากความเห็นแก่ตัวล้วนๆ แต่กาล่ายังคงกำหมัดละกัดริมฝีปากแน่นจนมีเลือดไหลซึมออกมา
“เป็นหนูน้อยที่กล้าหาญจังนะ”
เมื่อชายตรงหน้าหัวเราะ หญิงสาวอีกคนก็เข้ามาเพื่อกันตัวคริช
“ฉะ ฉัน… ฉันยอมทำทุกอย่าง… เพราะงั้นได้โปรด ช่วยปล่อยเด็กคนนี้ไป”
เธออายุประมาณสามสิบ ผมยาวสีดำถูกมัดรวบไว้ข้างหลัง
แม้ใบหน้าจะตกกระ แต่ก็ยังดูงดงาม
เกรซนั่นเอง
เสียงผิวปากดังมาจากเหล่าผู้ชายรอบๆ
เมื่อได้ยินเสียงเหล่านั้น เธอเริ่มหน้าซีด เสียงของเธอเริ่มสั่นเทา แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังไม่ยอมถอย
เด็กสาวมองแม่ของเธอด้วยความประหลาดใจ
เธอมองแม่ที่กำลังสั่นกลัวและขบคิดถึงความหมายของคำพูดเหล่านั้น
“…… ท่านแม่ คริชไม่เป็นไร”
แม่ของเธอส่ายหน้าและยังคงกอดเธอไว้
เกรซไม่ใช่คนเข้มแข็ง ไม่ว่าจะในด้านร่างกายหรือจิตใจ
จริงๆแล้วเธอเป็นคนซุ่มซ่าม ขี้อาย ขี้หลงขี้ลืม
—— แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังพูดออกไป
“ฉันขอร้อง… ได้โปรด ปล่อยเด็กคนนี้ไป”
ชายตรงหน้าเผยรอยยิ้มที่ไม่น่าพิสมัย พลางใช้สายตาโลมเลียไปทั่วร่างกายของเธอ
“เยี่ยมไปเลย ช่างน่าเย้ายวนจริงๆ…. อะไรมันจะดีไปกว่าได้จัดหนักต่อหน้าลูกสาวกันล่ะ ยิ่งกับสาวๆสวยๆแล้วด้วย”
“…!”
แม่ของเธอตัวสั่น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังบอกว่าตนจะยอมทำทุกอย่าง
ได้โปรด ฉันขอร้อง——เธอพูดคำนั้นซ้ำไปซ้ำมาราวกับเป็นแผ่นเสียงพังๆ
พยายามร้องขอความเมตตาจากชายผู้ชั่วร้าย
เด็กสาวยังคงจ้องมองแม่ของเธอ
มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเชื่อว่าชายคนนี้จะทำตามสัญญา
ทั้งๆที่เกรซน่าจะเข้าใจดี แต่ก็ยังพูดแบบนั้นออกไป
ภาวนาให้เขารู้สึกเมตตาคริชขึ้นมาซักนิดก็ยังดี
คริชเอามือกุมที่อก แล้วเอียงคอเล็กน้อย
ที่ตรงนั้นมีความรู้สึกที่เบาบาง และหวั่นไหว —— เป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาด
เธอมองแม่ที่ยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อปกป้องเธอ
มันเป็นสิ่งที่ไม่อาจทดแทนโดยสิ้นเชิงได้ในแง่ของผลประโยชน์และผลเสีย
การกระทำของแม่ดูเป็นสิ่งที่ไร้สมดุลและเหตุผล
แต่ถึงอย่างนั้น เกรซก็พร้อมที่จะสละชีวิตเพื่อคริช
เธอตั้งใจจะสละสิ่งที่คริชมองว่าสำคัญที่สุด ให้กับคริช
—— ถ้าเป็นแบบนี้ จะตอบแทนยังไงดีล่ะ?
คริชคิด ความรู้สึกที่อบอุ่นค่อยๆก่อตัวขึ้นในหัวใจของเธอ
“ยังไงก็เหอะ เรื่องสนุกเอาไว้ทีหลัง เป็นอันตกลง ข้าจะไม่ทำอะไรกับแม่หนูนี่ก็ได้ ทีนี้พวกแกทั้งสองคนตามมานี่”
“…อืม ตกลง”
แม้จะไม่พอใจเล็กน้อยที่ความคิดของเธอถูกขัดจังหวะ คริชเดินเข้าไปหาชายคนนั้นอย่างช้าๆ ด้วยก้าวย่างที่ดูเป็นปกติ
—— ระยะห่างเท่านี้ยังไกลไปหน่อย
เกรซรีบตามคริชไปอย่างรวดเร็วแล้วกุมมือเธอไว้
คริชหรี่ตาเล็กน้อย ความอบอุ่นจากมือของเกรซทำให้เธอมีความสุขและยิ้มออกมาบางๆ
เมื่อเห็นภาพนั้น ชายตรงหน้าก็ยิ้มออกมาด้วยความเจ้าเล่ห์
“…ถึงงั้นก็เหอะ ยัยเด็กนี่ยิ่งดูยิ่งสวยแฮะ รับประกันได้เลยว่าต้องขายได้ราคาดี…”
“ดะ ได้โปรด…”
“เห้อ รู้แล้วๆ สบายใจได้”
“…!”
เขาเอื้อมมือไปจับหน้าอกของเกรซโดยไม่ลังเล
แต่เกรซได้แต่หลับตาแน่น และไม่อาจต่อต้าน
“ไม่ใช่ว่าข้าจะเอามันไปขายในที่แย่ๆซักหน่อย อาจจะมีพ่อค้าหรือขุนนางมาซื้อตัวมันไปก็ได้ มันจะได้อยู่ดีกินดีกว่าในหมู่บ้านบ้านนอกนี่เยอะ”
เขายิ้มออกมาขณะที่เพลิดเพลินไปกับสัมผัสจากหน้าอกของเกรซ
ปากของเกรซบิดเบี้ยวไปด้วยความรังเกียจและอับอาย
แต่เธอก็ไม่ต่อต้านและปล่อยให้เขาทำตามต้องการ
“เธอต่างหากที่ต้องมาบำเรอข้า ถึงมีไอ้บ้าบางตัวชอบเด็กแบบนี้อยู่บ้าง แต่สบายได้ ข้าไม่ปล่อยให้ใครมาแตะต้องลูกสาวเธอหรอก”
“ขอบ คุณ…”
เกรซทำได้เพียงพยักหน้าให้กับข้อเสนอนั้น
คริชขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อเห็นเกรซที่ก้มหน้าด้วยความอับอาย พร้อมน้ำตาไหลอาบแก้ม
นั่นเป็นฟางเส้นสุดท้าย
มาถึงจุดจุดนี้ คงไม่ต้องสนใจกฎหมู่บ้านแล้ว
ถึงหลังจากนี้อาจจะมีปัญหานิดหน่อย แต่เพราะสถานการณ์ตอนนี้มันเลวร้ายเกินแก้ —— ถ้าไม่มีทางเลือกอื่น มันก็ช่วยไม่ได้
ไออุ่นจากแม่ของเธอยังอยู่บนฝ่ามือของคริช
ต่อให้แย่ที่สุด เธอก็ยังมีแม่ที่จะใช้ชีวิตประจำวันร่วมกันแบบที่ผ่านมาได้
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม่จะยังอยู่เคียงข้างคริช
แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้เธออุ่นใจ
นั่นคือความปรารถนาเดียวของคริช แค่อยากใช้ชีวิตสงบสุขแบบเดิมเหมือนกับที่ผ่านมา
คริชปล่อยมือจากแม่แล้วเดินเข้าไปหาหัวหน้าโจรป่า
“หืม?”
เธอดึงดาบโค้งของเขาออกมาจากฝักอย่างไหลลื่น
มันเป็นดาบที่โค้งเหมือนนางินาตะ*ที่รวมน้ำหนักไว้ที่ปลายดาบ
ใช้ง่ายดีจัง เด็กสาวคิดอย่างเหม่อลอย
จากนั้นเธอก็สะบัดแขนราวกับแส้——
“!…..?”
——และตัดผ่านคอที่ไร้การป้องกันของเขาด้วยปลายดาบ
ท่ามกลางความมืดยามค่ำคืน เพียงแสงจากเปลวไฟที่กำลังลุกไหม้ไปทั่วหมู่บ้าน——
น้ำพุเลือดสาดกระเซ็นออกมาจากคอของหัวหน้าโจรป่าและเปรอะเปื้อนไปตามตัวของเด็กสาว
แต่คริชก็ไม่สนใจ เธอควงดาบโค้งบนมือไปมา
มันเป็นดาบที่เหมาะมือเธอมาก
โดยไม่แม้แต่จะเหลียวมองชายที่กำลังล้มลง เธอลองเหวี่ยงดาบสอง-สามครั้งเพื่อตรวจสอบน้ำหนัก แล้วพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
ความเงียบได้เข้าปกคลุม
ทุกคนกำลังตกตะลึงกับภาพของเด็กสาวที่ถูกอาบด้วยฝนเลือด
พวกเขาทุกคนเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่การลงมือของเด็กสาวนั้นรวดเร็วเกินไป
มันดูเป็นธรรมชาติเสียจนความคิดของพวกเขาตามไม่ทัน
ในสถานการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้ ไม่มีใครที่สามารถพูดอะไรออกมาได้
คริชหันมองบรรยากาศรอบข้างที่เงียบสงัดด้วยสีหน้าเรียบเฉยตามเดิม
มีโจรป่า 22 คน
ถ้าแค่นี้ก็ไม่มีปัญหาสำหรับเธอ
เธอมองหน้าพวกเขาทีละคน และจัดลำดับว่าจะฆ่าใครก่อนดี
ราวกับเวลาหยุดนิ่ง และมีเพียงเธอที่เคลื่อนไหว
“…ทีนี้ คนต่อไป”
เสียงของเด็กสาวนั้นทั้งเบาและดูไร้เดียงสา
เมื่อพูดจบ คริชก้าวเข้าไปหาโจรป่าที่อยู่ใกล้ๆ
ย่นระยะห่างด้วยการถีบตัวเพียงครั้งเดียว เธอบิดแขนและเหวี่ยงดาบที่โค้งยาว
โดยที่ไม่รู้ตัวว่าคอถูกตัด ชายคนนั้นก็ล้มลงกับพื้น
เช่นเดียวกับอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ
——สามคนแล้ว
เธอห่อหุ้มแขนขาเรียวบางด้วยกล้ามเนื้อสมมติที่สร้างจากมานาและควบคุมมันอย่างอิสระ
ไร้ซึ่งความกดดัน ไร้ซึ่งความกลัว เธอเปลี่ยนร่างกายให้เป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยให้เธอบรรลุเป้าหมาย
ด้วยพละกำลังเหนือมนุษย์ที่ได้จากมานา
เฉียบคม รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
ชั่วพริบตา คมดาบก็ตัดผ่านคอของชายอีกคน
โดยไม่คิดจะหันหลังกลับไปมอง เธอพุ่งเข้าหาเหยื่อรายถัดไปด้วยความเร็วราวกับสัตว์ป่า
คริชนั้นไม่ลังเล
การเคลื่อนไหวของเธอเป็นธรรมชาติราวกับกำลังเกี่ยวข้าวสาลี และโจรป่าอีกคนก็ถูกฆ่าโดยที่ไม่มีใครทันได้ขยับตัว
“! ยืนทำบ้าอะไรอยู่ หยุดยัยเด็กนั่นซะ!”
ในพริบตาถัดมา เสียงตะโกนและกรีดร้องของโจรป่าก็ดังก้องไปทั่ว
พวกเขาเริ่มเคลื่อนไหวราวกับห้วงเวลาที่หยุดนิ่งไปเมื่อครู่กลับมาเป็นปกติ
แต่ก็มีลูกธนูสามดอกพุ่งทะลุตัวพวกเขาไป
“——พวกเรามีเยอะกว่า! บุกเข้าไป!!”
เสียงตะโกนที่แหบพร่า—แต่ทรงพลังของกาเรน ดังกลบเสียงของโจรป่าจนหมดสิ้น
ขณะที่เตรียมใจที่ต้องเห็นชาวบ้านถูกสังเวย
เขารอคอยโอกาสอยู่ในเงามืดมาตลอด
เมื่อเสียงตะโกนดังก้อง พวกผู้หญิงที่ใจแข็งพอก็เริ่มลุกขึ้นสู้
นำโดยกาล่า พวกเธอจับแขนของโจรป่าแล้วดึงให้พวกเขาล้มลงและกดไว้กับพื้น
ส่วนพวกผู้ชายที่ถูกจับมัดไว้ก็พุ่งตัวเข้าชนโจรป่าเช่นกัน
ความสิ้นหวังกลับกลายเป็นความโกลาหล
สถานการณ์กลับตาลปัตรสำหรับพวกโจรป่า พวกเขาทั้งถูกจับและฆ่าโดยไม่ทันได้ตั้งสติ
ท่ามกลางเหตุการณ์เหล่านั้น สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือเส้นผมสีเงินที่พริ้วไหวไปตามสายลม
เธอพุ่งเข้าหาโจรป่าและปาดคอของพวกเขา
เนื้อถูกแยกออกด้วยเสียง ฉัวะ เบาๆ
มันเป็นเสียงที่ดี และทำให้รู้สึกสดชื่น
เธอไม่ได้กำลังสู้ เธอทำราวกับว่ามันเป็นเพียงกิจวัตรประจำวัน
ก้าวย่างของเธอแผ่วเบา เธอเต้นรำผ่านเลือดที่สาดกระเซ็น
บางครั้งก็ก้มต่ำเหมือนงู
บางครั้งก็แอบซุ่มเหมือนแมว
แต่ทุกๆครั้งเธอจะย่นระยะเข้าหาศัตรูโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัวเสมอ
ร่างกายของเธอยืดหยุ่นราวกับแส้
คมดาบของเธอหลบเลี่ยงกระดูก และฟันเฉพาะส่วนที่อ่อนนุ่มอย่างแม่นยำ
เนื้อที่ขาดกระจุยร่วงลงสู่พื้น
เธอบิดเอวและหมุนตัว การแสดงระบำดาบแห่งความตายยังคงดำเนินต่อไป
เลือดจำนวนมากไหลซึมผ่านเสื้อและย้อมเส้นผมของเธอเป็นสีแดงก่ำ
ทุกครั้งที่เธอร่ายรำ ของเหลวสีแดงฉานจะสาดกระเซ็น
บรรยากาศแห่งความสิ้นหวังนั้นมลายหายไปแล้ว กลายเป็นเพียงการล่าเท่านั้น
เอาชนะด้วยจำนวนที่มากกว่า
ข้อได้เปรียบนั้นของโจรป่าไม่มีอีกแล้ว ถูกแทนที่ด้วยความโกลาหล
คราวนี้โจรป่ากลับกลายเป็นฝ่ายที่สิ้นหวังเสียเอง
และนั่นทำให้เด็กสาวสามารถตัดคอโจรป่าได้อย่างสบายใจ
ขณะที่เธอบั่นคอไปแล้วสิบคน ขยี้ไหปลาร้าด้วยส้นรองเท้าอีกสิบเอ็ดคน
เธอก็วาดฝันถึงรางวัลที่เธอจะได้รับหลังจากนี้
ฟักทองที่เธอยังไม่ได้ลิ้มลอง
ที่แน่ๆจะต้องทำพาย แต่ถ้างั้นจะเอายังไงกับซุปดีล่ะ?
ระหว่างที่คมดาบตัดผ่านเนื้อ ในหัวเธอเต็มไปด้วยฟักทอง
เธอไม่ได้นึกสนใจชีวิตที่ดับสิ้นไปเลยแม้แต่น้อย
เธอไม่ได้สนุกไปกับมัน เธอก็แค่ทำงาน เหมือนกับทำธุรกิจ—— ธุรกิจผลิตศพจำนวนมากตามความจำเป็น
คริชไม่ใช่มนุษย์อีกแล้ว ตอนนี้เธอไม่ต่างอะไรจากยมทูต
“ยะ อย่าขยับนะโว้ย! ไม่งั้นยัยนี่ตาย!”
เสียงตะโกนของชายคนหนึ่งทำให้เด็กสาวหยุดชะงัก
มีดในมือของเขากำลังจ่อไปที่คอของหญิงสาวคนหนึ่ง
ถ้าเป็นคนอื่น เธอก็คงไม่สนใจ
แต่หญิงสาวคนนั้นคือแม่ของเธอ
“———ท่านแม่”
เมื่อเห็นเกรซ การเคลื่อนไหวอันไหลลื่นของเธอก็หยุดลง
เด็กสาวหรี่ตาอย่างเยือกเย็น
แม้จะมีเกรซเป็นตัวประกัน แต่ใบหน้าของกาโดก็ยังบิดเบี้ยวไปด้วยความกลัว
ภาพที่เขาเห็นคือเด็กสาวผมเงินที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด
แม้จะดูงดงามราวกับภูติ แต่แท้จริงแล้วเป็นสัตว์ประหลาดที่สามารถบั่นคอเขาได้อย่างง่ายดายและไม่ลังเล
——ยัยเด็กน่าขยะแขยง
กาโดสังเกตเห็นความผิดปกติของคริชมาตั้งนานแล้ว
ในอดีตเขาเคยเป็นคู่ซ้อมให้เธอมาก่อน
แม้ภายนอกจะดูเหมือนมนุษย์ แต่เด็กสาวนั้นเป็นตัวตนบางอย่างที่น่ากลัวยิ่งกว่าสัตว์อสูรใดๆ
เธอนั้นไม่ปกติอย่างแน่นอน
และยิ่งจากภาพที่เห็นในตอนนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอแปลกประหลาด
เป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง
เขารู้ดีว่าเขาไม่มีทางเอาชนะเธอด้วยดาบได้
ขืนเป็นแบบนี้ เขาคงต้องลงไปนอนเป็นศพไม่ต่างจากคนอื่นๆ
นั่นเป็นสิ่งที่กาโดเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง และเขาที่กำลังหวาดกลัว ก็เลยจับตัวผู้หญิงที่อยู่ใกล้ๆ—— นั่นก็คือเกรซ
แล้วใช้ดาบจ่อที่คอของเธอ เพื่อกันคริชให้ห่างจากตัวเอง
“อย่าขยับ กูบอกว่าอย่าขยับ….!”
ถ้าเกรซตายไปจะเป็นปัญหาสำหรับคริช
เธอคือคนที่อยู่ด้วยกันกับคริชมาตลอด
คริชหยุดการเคลื่อนไหวระหว่างที่กำลังครุ่นคิดว่าจะทำยังไงต่อ
“! ปล่อย ฉัน…!”
———แต่โชคร้ายนัก
ทั้งคริชที่อยู่ไกลเกินกว่าที่จะฆ่ากาโด
เกรซที่ไม่อยากเป็นตัวถ่วงให้ลูกสาว
และกาโดที่กำลังตื่นตระหนกสุดขีด
ผลลัพธ์ก็คือ——
“คริช……!”
“ฮึ่ย! อีห่านี่——”
——ด้วยความปรารถนาที่จะหนีจากความหวาดกลัว
กาโดนั้นลืมไปแล้วว่าตัวประกันเป็นสิ่งเดียวที่ยื้อชีวิตของเขาไว้
เมื่อเกรซพยายามจะดิ้นหนี มีดของเขาก็ปาดเข้าไปที่คอของเธอ
เลือดสาดกระเซ็นออกมาพร้อมกับเสียงกรีดร้อง
ดวงตาของเกรซเบิกกว้าง โดยมีภาพของคริชสะท้อนอยู่ภายใน
หัวของคริชขาวโพลนไปพักหนึ่ง
แต่ในเสี้ยววินาทีถัดมา คริชที่ได้สติก็กระโจนเข้าไปและเหวี่ยงดาบ
ชีวิตของกาโดดับสิ้นลงในทันที
——ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก จนมีข่าวลือหลังจากนั้นว่าคริชปลิดชีพแม่ของเธอไปพร้อมกับกาโด
เธอถีบศพของกาโดทิ้งไปและรับร่างแม่ของเธอเอาไว้
คริชมองไปรอบๆเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอันตรายอื่น แล้วรีบวางเกรซลงกับพื้นเพื่อตรวจสอบแผลที่คอ
มีเลือดไหลออกมาเยอะมาก—— คริชพยายามกดแผลไว้ด้วยมือ แต่แน่นอนว่าเลือดก็ยังไม่หยุดไหล
แม้จะรู้ดีว่ามันไร้ความหมาย แต่คริชก็ยังกดแผลไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง
เธอเติบโตมาในหมู่บ้านที่ไม่มีหมอ
คริชไม่มีความรู้ทางด้านการแพทย์
เธอรู้แค่ว่าเลือดจากคอจะไหลออกมาได้ง่าย และสิ่งมีชีวิตจะตายถ้าเสียเลือดมากเกินไป
“……เลือด มันไม่ยอมหยุด”
“ไม่เป็น ไร…”
เกรซพยายามยกมือขึ้นอย่างยากลำบากเพื่อลูบแก้มของคริช
แต่คริชยังคงกดแผลต่อไป ยังคงพยายามหยุดเลือดที่ไหลรินอย่างสิ้นหวัง
“ท่านแม่ นี่มันไม่โอเค เลือด เราต้องรีบหยุดเลือด…”
ดูเหมือนว่าเกรซพยายามจะส่ายหน้า แต่ร่างกายของเธอทำได้เพียงกระตุกเบาๆ
เธอจึงยอมแพ้และยิ้มออกมา
“ค ริช…… แม่ รัก ลูกนะ…”
“……ท่านแม่”
แล้วมือของเกรซก็ร่วงลง
คริชตัวแข็งค้างเมื่อเห็นเกรซหมดลมหายใจไปต่อหน้าต่อตา
——คริชล้มเหลว
ทั้งที่น่าจะผลักเกรซไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่นตั้งแต่แรก
ทั้งที่น่าจะรู้ตัวเร็วกว่านี้แล้วรีบขว้างดาบใส่กาโดซะ
ในหัวของคริชเต็มไปด้วยความสำนึกผิด
ความรู้สึกแย่เอ่อล้นขึ้นมาจากช่องท้องของเธอ
ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์นั้นต่างนิ่งชะงักและพูดไม่ออก——ในหมู่พวกเขาเหล่านั้น มีเพียงกาล่าที่วิ่งออกมา
“ไม่นะ ได้ยังไง… เป็นไปไม่ได้……ทำไม…”
น้ำตาเอ่อล้นขึ้นมาจากดวงตาของกาล่า และไหลรินออกมาขณะที่เธอล้มตัวลงคุกเข่า
เธอทุบพื้นอย่างแรงจนกำปั้นของเธอถลอก
ส่วนคริชนั้นทำได้เพียงจ้องมองศพของเกรซอย่างเหม่อลอย
==============================
——คริชยังคงซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มและนึกถึงเรื่องราวอันเลือนลางที่เกิดขึ้นเมื่อวาน
โดยไร้ซึ่งความรู้สึก เธอเรียบเรียงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นออกมาอย่างเรียบง่าย
กอร์คาไม่อยู่แล้ว ตายไปแล้ว
เกรซก็ไม่อยู่แล้วเหมือนกัน คริชช่วยเธอไว้ไม่ได้
คนที่คอยอยู่กับเธอมาตลอดจากไปแล้ว
เป็นความผิดพลาดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
แม้ความรู้สึกผิดจะหมุนวนอยู่ในอก แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว
เป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างมาก
แต่มันก็แค่นั้น เธอย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้
ต่อให้คริชกลับบ้าน เธอก็จะไม่มีวันได้เห็นหน้าพวกเขาอีก
ไม่มีวันได้นอนกอดเกรซอีก
แม้จะน่าเสียดาย แต่เธอแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วไม่ได้
“……ยังไม่ได้ ตอบแทนพวกเขาเลย”
คริชพึมพำออกมาด้วยความกังวลขณะที่หลับตาลง
พยายามไม่คิดอะไรไปมากกว่านี้ เธอกอดกาล่าและนอนหลับไป
———และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง คริชก็กลับเป็นปกติ
==============================
ในบ่ายวันถัดมา งานศพครั้งใหญ่ถูกจัดขึ้นที่พื้นที่ชายขอบของหมู่บ้าน
หลุมขนาดใหญ่ถูกขุดขึ้นเพื่อเผาศพก่อนจะนำไปฝังตามที่ต่างๆ
ความตายเป็นเหมือนการหวนคืนสู่ธรรมชาติ
จึงเป็นประเพณีที่จะมีการจัดงานเลี้ยงเล็กๆ และส่งผู้ตายไปสู่โลกหน้าด้วยรอยยิ้ม
แต่หลังจากโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น แม้จะมีการกินดื่มอยู่บ้าง แต่ไม่มีใครยิ้มออก
ทุกคนต่างจ้องมองเปลวเพลิงด้วยความโศกเศร้า
บางคนกรีดร้องออกมาเหมือนคนบ้า
บางคนหมดอาลัยตายอยากจากการสูญเสียคนที่รัก สภาพไม่ต่างอะไรจากเปลือกที่ว่างเปล่า
แต่คริชยังทำตัวเป็นปกติ ไม่มีน้ำตาไหลออกมาซักหยด
สีหน้าเรียบเฉยของเธอไร้ซึ่งความเปลี่ยนแปลงใดๆ
ถ้าเธอหลั่งน้ำตา และร้องไห้ออกมาเหมือนเด็กทั่วๆไป ทุกอย่างคงไม่เป็นแบบนี้
แต่การแสดงออกของคริชนั้นดูน่าขนลุกสำหรับใครก็ตามที่ผ่านมาเห็น
ทั้งๆที่เธอพึ่งเสียพ่อและเห็นแม่ของตัวเองตายไปต่อหน้าต่อตา แต่เธอยังคงสงบนิ่ง
ยิ่งไปกว่านั้น ภาพที่เธอสังหารโจรป่าอย่างเลือดเย็นยังคงสลักลึกในจิตใจของพวกเขา
พวกเขาเห็นเธอฆ่าโจรป่าอย่างไม่ลังเล
แม้นั่นจะเป็นสิ่งที่ช่วยพวกเขาไว้ แต่ความหวาดกลัวได้ผสมปนเปไปกับภาพสีหน้าที่เรียบเฉยของคริชไปแล้ว
นอกจากนั้นยังมีข่าวลือที่ว่าเธอเป็นสัตว์ประหลาด
บางคนเล่าว่าคริชฆ่าแม่ของเธอไปพร้อมกับกาโด
แม้ในหมู่ผู้หญิง ก็มีบางคนที่เชื่อเรื่องนั้น และคริชก็เริ่มถูกกีดกันมากขึ้นกว่าเดิม
พวกผู้หญิงที่สนิทกับเกรซและคริชพยายามจะปกป้องเธอด้วยเหตุผลว่า เธอแค่กำลังช็อกและยังทำใจไม่ได้
แต่ถึงอย่างนั้นข่าวลือก็ยังคงแพร่สะพัดออกไป
สาเหตุส่วนหนึ่งก็คือชาวบ้านนั้นกำลังโกรธ
พวกเขาต้องการใครซักคนที่จะระบายความโศกเศร้าและเกรี้ยวกราดใส่ และคริชก็ตกเป็นเหยื่อ
สมดุลอันเปราะบางของเธอพังทลายลงแล้ว และข่าวลือเกี่ยวกับเธอก็แพร่ไปไกลก็เกินกว่าจะควบคุมได้
เรื่องราวคงไม่เป็นแบบนี้หากเกรซยังมีชีวิตอยู่
ความโศกเศร้าของเกรซที่สูญเสียสามีไปจะช่วยดึงเป้าสายตาออกจากคริช
ภาพแม่ลูกที่สนิทสนมกันจะทำให้ชาวบ้านหวนนึกถึงคืนวันเก่าๆ
และซักวันนึงคริชอาจจะถูกยกย่องให้เป็นผู้กล้าตัวน้อยของหมู่บ้าน
แต่เมื่อไม่มีเกรซ สถานะของคริชมีแต่จะแย่ลงเรื่อยๆ
ด้วยเหตุนั้น สิ่งต่างๆจึงไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกและคริชก็ถูกแบ่งแยก
สองสัปดาห์ผ่านไปหลังจากที่โจรป่าบุกโจมตี ก็มีพ่อค้าเร่แวะเข้ามา
มีผู้คนอยู่ที่ลานไม่มากนัก พวกเขาต่างหลบเลี่ยงคริช และส่งเสียงซุบซิบนินทา
แต่คริชก็เดินเข้าหาพ่อค้าเร่อย่างไม่ใส่ใจ พ่อค้าชรามองเธอด้วยความสงสาร
เขารู้ว่ามีการสูญเสียเกิดขึ้นมากมายในการโจมตีที่ผ่านมา
นั่นเป็นเหตุผลที่เขาเลื่อนกำหนดการเดินทางมาหนึ่งสัปดาห์เต็มเพื่อเป็นการเฝ้าระวัง
และขายสินค้าในราคาที่ถูกลงเล็กน้อยแทนการขอโทษ
ปกติแล้วคริชจะเป็นคนแรกๆที่มาถึง แต่ว่าครั้งนี้ไม่เป็นแบบนั้น
เขาที่เตรียมใจฟังข่าวร้ายไว้แล้ว เอ่ยปากถามชาวบ้านเกี่ยวกับเธอ
และนั่นทำให้เขาเข้าใจสถานการณ์ของคริชในตอนนี้
พ่อค้าเร่เคยแวะเวียนไปตามหมู่บ้านมากมาย——และเขาคุ้นชินกับเหตุการณ์เช่นนี้
หมู่บ้านเป็นสังคมปิดที่เมื่อข่าวลือถูกแพร่ออกไปมากพอ มันจะถูกเปลี่ยนเป็นความจริงอย่างรวดเร็ว
เมื่อกลายเป็นเช่นนั้นแล้ว ก็ไม่มีทางลบล้างมันไปได้
“…หนูโอเครึเปล่า?”
เด็กสาวผู้ที่ทั้งน่ารักและขยันหมั่นเพียร เธอไม่เคยถูกอิจฉา แต่กลับเป็นที่รักในหมู่ผู้หญิงคนอื่นๆ
เขาเป็นชายที่อ่อนโยนและเมื่อรู้ว่าตอนนี้เธอถูกปฏิบัติอย่างไร ก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงและถามออกมา
“……? เอ่อ ค่ะ”
คริชเอียงคอเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า
แม้เธอจะใส่ใจเรื่องภาพลักษณ์ทางสังคม แต่เธอไม่ได้สนใจสายตาที่คนอื่นมองมาที่เธอ
ไม่ว่าพวกเขาจะนินทาว่าร้ายเธอยังไง มันก็เป็นแค่เรื่องยุ่งยากชวนปวดหัว
เธอจึงไม่คิดที่จะสนใจมันอีก—และจะไม่เจ็บปวดจากมันอีกแล้ว
เธอจึงไม่เข้าใจว่าพ่อค้าเร่กำลังกังวลเรื่องอะไร
สาเหตุที่เธอมาสายก็เพราะเธอต้องไปขอเงินค่าขนมจากกาเรน
ต่างจากเกรซที่จะอยู่ในหมู่บ้านตลอด กาเรนมักจะออกไปล่าสัตว์และคริชต้องรอซักพักกว่าเขาจะกลับมา
แต่พ่อค้าเร่เข้าใจว่าที่คริชมาช้าเพราะสภาพจิตใจของเธอไม่เหมือนเดิม
“คุณพ่อค้า ขอซื้อฟักทองได้มั้ยคะ?”
พ่อค้าเร่มีสีหน้าที่เศร้าหมอง แต่คริชก็ยังพูดออกไปด้วยรอยยิ้ม
ในคืนที่มีการโจมตี ฟักทองที่เหลือถูกกระแทกหล่นจากชั้นวางในตอนที่โจรป่าบุกเข้าไปในบ้าน
และแหลกเละอยู่กับพื้น
ทั้งๆที่คริชตั้งใจจะกินมันหลังจากที่งานศพจบลง ถือเป็นการคำนวณที่ผิดพลาดครั้งใหญ่
ยิ่งไปกว่านั้น เพราะพ่อค้าเร่ไม่ได้แวะมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เธอจึงต้องรอนานกว่าเดิม
ทำให้อาการลงแดงฟักทองของเธอหนักข้อขึ้นไปอีก และในที่สุดเธอก็จะได้กินฟักทองที่รอคอยมานานเสียที
วันนี้คริชจึงอารมณ์ดีอย่างมาก—— แต่ในสายตาของชายที่กำลังเป็นห่วงเธอ สิ่งที่เขาเห็นคือเด็กสาวที่กำลังฝืนยิ้มออกมา
“อา… รอเดี๋ยวนะ”
เขาจัดแจงเอามันฝรั่ง ผัก และผลไม้ ใส่ตะกร้ารวมไปกับฟักทอง และส่งให้คริช
“…? แต่คริชซื้อแค่ฟักทอง…”
“ไม่เป็นไรหรอก เธอคงลำบากแย่ ถือว่าเป็นบริการพิเศษสำหรับหนูคริชที่คอยอุดหนุนมาตลอดก็แล้วกัน ไม่ต้องจ่ายเงินหรอกนะ”
“เอ่อ แต่ว่า—”
“ไม่เป็นไรๆ”
เขาดันตะกร้าใส่มือเด็กสาวแล้วลูบหัวของเธอเบาๆ
“…ตอนนี้อาจจะลำบากหน่อย แต่เด็กแบบหนูจะต้องตามหาความสุขได้แน่ ถึงมันจะไม่ใช่เรื่องที่พูดกันง่ายๆก็เถอะ แต่ก็… พยายามเข้าล่ะ”
“ได้ค่ะ…?”
มื้อเย็นวันนี้จะเป็นพายและซุปฟักทองที่เธอใฝ่ฝันมานาน
ตอนนี้คริชได้พบความสุขแล้ว เธอจึงสับสนกับคำพูดของเขา แต่ก็ยังพยักหน้าไว้ก่อน
พ่อค้าเห็นดังนั้นจึงยิ้มออกมา แล้วลูบหัวเธออีกสอง-สามที
“ไว้ฉันจะแวะมาอีก คริชเป็นลูกค้าที่ดี หวังว่าจะมาอุดหนุนต่อไปนะ”
“ขอบคุณมากค่ะ”
คริชโค้งตัวลงต่ำก่อนจะหันหลังกลับไป
ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่วันนี้เธอได้อะไรมาเยอะแยะ
คริชที่มองอะไรผ่านผลลัพธ์เป็นหลัก จึงเดินเตาะแตะกลับบ้านอย่างอารมณ์ดี
ในขณะเดียวกัน พ่อค้าเร่ที่มองเธอเดินจากไปก็ได้แต่หลับตาและสวดภาวนาแก่อนาคตของเธอคนนั้น
==============================
TL note: จบไปแล้วสำหรับอีเว้นท์แรกของเรื่อง ขนาดคนแปลยังจุกตับไม่เบาเลยทีเดียว
ด้วยความที่คริชเข้มแข็งเกินไปเลยสลัดความเศร้าทิ้งได้ง่ายกว่าคนอื่น แต่นั่นก็เป็นดาบสองคมเหมือนกัน ;w;