ตำนานวีรสตรีอันไร้ค่าของเด็กสาวต้องสาป - ตอนที่ 4 พังทลาย
บทที่ 5 พังทลาย
คำเตือน: เนื้อเรื่องในตอนนี้มีเนื้อหาและถ้อยคำที่รุนแรง โปรดใช้จักรยานในการรับชม
มื้อเช้าวันนี้คือพายฟักทองที่เย็นชืด
แม้เป็นพายที่ถูกทำขึ้นอย่างพิถีพิถัน แต่เพราะปล่อยทิ้งไว้จนเย็น มันจึงทั้งเหนียวและเคี้ยวยาก
เกรซและกาล่าพยายามปลอบคริชที่นั่งแทะพายด้วยความหดหู่
ตอนนี้กอร์คากับกาเรนไม่อยู่ และหมู่บ้านก็ไม่ครึกครื้นเหมือนอย่างที่เคย
——- โจรป่าถูกไล่กลับไปแล้ว
แต่มันก็แค่การไล่กลับไป พวกเขาไม่ได้ถูกกำจัด และหัวหน้าโจรก็ยังไม่ตาย
นั่นหมายความว่าอาจมีการบุกโจมตีอีกครั้งในคืนที่สอง ทั้งหมู่บ้านจึงอยู่ในสภาวะเฝ้าระวัง
คริชจำใจยอมแพ้เรื่องการไปอาบน้ำที่แม่น้ำ และทำความสะอาดตัวด้วยผ้าชุบน้ำจากถังแทน
หลังจากนั้นเธอต้องหิ้วถังไปที่ลานกว้างเพื่อตักน้ำเพิ่มสำหรับอุปโภคบริโภค
ปกติแล้วเธอจะถือโอกาสตักน้ำจากแม่น้ำระหว่างที่ไปอาบน้ำ
แต่เมื่อป่าถูกปิด แหล่งน้ำที่ใกล้ที่สุดก็คือบ่อน้ำที่ลานกลางหมู่บ้าน
ที่ลานกว้างมีชาวบ้านหลายคนมารวมตัวกัน
พวกเขากำลังพูดคุยเรื่องการจัดแนวป้องกันของหมู่บ้าน
พ่อค้าเร่และคนคุ้มกันทั้งสี่คนก็อยู่ด้วย แต่ดูเหมือนลูกหาบจะหายตัวไป
เมื่อทั้งคู่บังเอิญสบตากัน พ่อค้าเร่ก็ปลีกตัวจากวงสนทนาที่ตึงเครียด แล้วเดินเข้ามาหาคริชด้วยรอยยิ้ม
“ดีใจที่เห็นเธอปลอดภัยนะ”
“….อรุณสวัสดิ์ค่ะ จะออกไปแล้วเหรอคะ?”
“ฮ่าฮ่า พูดเป็นเล่นไป ไม่มีทางที่เราจะออกจากที่นี่โดยที่มีโจรป่าป้วนเปี้ยนอยู่ข้างนอกหรอกนะ….. จะว่าไป บ้านของหนูอยู่ทางฝั่งที่ติดกับป่าเรอะ?”
คริชไม่ตอบ
แม้เธอจะไม่มีเซนส์เรื่องการจับเจตนาร้าย แต่เธอรู้อยู่แล้วว่าชายคนนี้เป็นโจรป่า
เธออยากจะทรมานและฆ่าเขาซะ ข้อหาที่เป็นต้นเหตุทำให้เธออดกินซุปฟักทอง
แต่ที่นี่มีคนอื่นๆอยู่
ต่อให้เธอล่อเขาออกไปข้างนอก ก็ยังมีพรรคพวกของเขาที่ซ่อนตัวอยู่ในป่า
เธอสัมผัสได้ถึงสายตาที่จ้องมองออกมาจากในป่าหลายครั้ง
จึงมีโอกาสสูงที่เธอจะถูกขัดจังหวะ และคงจะแย่ถ้ามันกลายเป็นเรื่องเอิกเกริกขึ้นมา
แม้การฆ่าพวกเขาจะเป็นเรื่องง่าย แต่การฆ่าคนหลายคนก็ต้องใช้เวลา
และถ้าเธอก่อเหตุฆาตกรรมอย่างเปิดเผย มันก็จะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของเธอ
คริชจึงยอมแพ้อย่างไม่เต็มใจและเอ่ยปากตอบ
“คริชอุตส่าห์ตั้งใจทำซุปกับพายจากฟักทอง แต่ต้องขอบคุณเรื่องนั้น(คุณนั่นแหละ) ที่ทำให้คริชอดกิน”
“ขนาดโจรป่าบุกยังกังวลเรื่องแบบนี้เหรอนี่? เป็นคุณหนูที่กล้าหาญจังเลยนะ”
พ่อค้าเร่หัวเราะอย่างร่าเริงและยื่นถุงใบเล็กให้คริช
“น่าเสียดายนะ….. เอ้า กินนี่แทนสิ”
ข้างในเป็นลูกอมแบบเดียวกับเมื่อวาน
ที่คริชพูดออกไปแบบนั้นเพราะความหวังเล็กๆว่าเขาจะให้อะไรซักอย่างเพื่อปลอบใจเธอ
และมันก็เป็นไปตามแผน
เพราะได้ชดเชยผลเสียบางส่วน คริชจึงรู้สึกยินดีในใจ
“จริงเหรอ?”
เกรซเคยสอนไว้ว่ามันเสียมารยาทที่จะรับของที่คนอื่นให้ในทันที
คริชจึงถามก่อนหนึ่งครั้ง แต่ก็ยังแสดงความอยากได้ออกมาอย่างชัดเจน
พ่อค้าหัวเราะออกมาและพยักหน้า
“แน่นอนสิ”
คริชชั่งน้ำหนักผลได้ผลเสียระหว่างลูกอมและซุปฟักทอง แต่สุดท้าย ผลเสียจากซุปฟักทองก็ยังมากกว่านิดหน่อย
ซุปกับพายนั่นเป็นผลงานชิ้นเอกของคริช
การทำลายมันถือเป็นโทษมหันต์ ——- แต่ลูกอมนี่ก็ไม่เลวเหมือนกัน
จะฆ่าคุณแบบไม่เจ็บปวดก็แล้วกัน คริชเปลี่ยนใจก่อนจะหันไปมองรอบๆ
กอร์คาและกาเรนกำลังอยู่กลางวงสนทนา เช่นเดียวกับซาร์ล
ดูเหมือนว่าคริชจะยังไม่สามารถแทรกตัวไปหาพวกเขาได้
“…. ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ที่นี่คนไม่น้อยไปหน่อยเรอะ? ได้ยินมาว่าต้องใช้เวลาซักพักกว่าพวกคนที่ทำงานในเหมืองจะกลับมา…. เราคงจะต้องผ่านคืนนี้ไปด้วยตัวเองล่ะนะ”
“คุณพ่อค้าจะสู้ด้วยเหรอคะ?”
“ฉันทำได้แค่พอป้องกันตัวเองน่ะ แต่คนคุ้มกันทั้งสี่คนของฉันพึ่งพาได้กว่าเยอะ วางใจได้เลย พวกเขาค่อนข้างมีฝีมือทีเดียว”
คนคุ้มกันสี่คนดูเหมือนจะเป็นสมาชิกหลักในวงสนทนาเช่นกัน
นอกจากคนที่เคยเป็นทหาร ผู้ชายในหมู่บ้านตอนนี้ส่วนใหญ่มีแต่พรานป่าและช่างฝีมือ
คนคุ้มกันที่เป็นทหารรับจ้างจึงได้รับความไว้วางใจเพราะเขามีประสบการณ์ในการต่อสู้จริง
เพราะอย่างนี้เองสินะ
“ลูกหาบของคุณไม่ได้อยู่ที่นี่เหรอคะ?…. หรือว่าเขาจะ เอ่อ”
“อา…. หมอนั่นวิ่งหนีหางจุกตูดหายไปเมื่อคืนน่ะ ฉันก็หวังว่ามันจะรอดล่ะนะ”
ลูกหาบคนนั้นเป็นคนส่งสาร เขาน่าจะเป็นคนไปอธิบายโครงสร้างและตำแหน่งต่างๆในหมู่บ้าน
คนคุ้มกันรับหน้าที่ในการแทรกแซงและชี้นำการวางแนวป้องกัน
เท่าที่คริชดู พวกเขาแสดงได้อย่างแนบเนียน และชาวบ้านก็เชื่อพวกเขาสนิทใจ
มอบความไว้วางใจให้กับผู้มีประสบการณ์ที่บังเอิญโผล่มาในจังหวะที่พอเหมาะพอเจาะ
พวกเขาตั้งใจจะปล้นทุกอย่างและจากไปก่อนที่คนเหมืองจะกลับมา คืนนี้จะมีการโจมตีครั้งใหญ่แน่
คริชคิดอย่างเหม่อลอย ต่อให้เธอทำซุปฟักทองอีก ก็มีโอกาสสูงที่มันจะเสียเปล่า
——ทั้งๆที่คริชอยากกินฟักทองมากแท้ๆ
ความทรมาณและไม่พอใจกำลังเดือดพล่านในอกของเธอ
“อ้า ขอโทษที มีงานต้องทำสินะ? ส่งถังมาสิ เดี๋ยวฉันช่วยตักน้ำให้”
ขณะมองชายคนนั้นห้อยถังไว้กับรอกเพื่อตักน้ำขึ้นจากบ่อ คริชก็คิดถึงสิ่งที่จะทำต่อไป
============================================
เพราะมีโอกาสที่จะมีการบุกโจมตีในช่วงกลางวันเช่นกัน คริชจึงไม่เสี่ยงที่จะใช้ฟักทองอันมีค่าที่เหลือ
เธอจำใจเก็บฟักทองไว้คราวหลัง แล้วทำซุปเนื้อตากกับมันฝรั่งตามปกติแทน
เธอวางฟักทองไว้บนชั้นอย่างระมัดระวัง
กาเรนและกอร์คากลับมาในตอนเที่ยง คริชเคี้ยวขนมปังและดื่มซุปพลางฟังพวกเขาพูดคุยกัน
เมื่อคืนมีคนตายสิบเจ็ดคน และมีผู้หญิงสองคนถูกลักพาตัวไป
ในทางตรงข้าม ฝ่ายเราฆ่าโจรป่าได้แค่สามคน
หมู่บ้านแห่งนี้มีประชากรประมาณสามร้อยคน ผู้ชายครึ่งหนึ่งไปทำงานที่เหมือง เหลือแค่ประมาณหกสิบคนที่เป็นกำลังรบได้
รวมถึงผู้หญิงและเด็กๆที่กล้าพอที่จะสู้
ในการโจมตีเมื่อคืน มีโจรป่าอย่างน้อยยี่สิบคน
คนที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า พวกเขาไม่ได้ปล้นอะไรไปมากและหนีไปทันทีที่พวกเดียวกันถูกฆ่า
ซาร์ลจึงคิดว่านี่น่าจะเป็นการโจมตีเพื่อลองเชิง และกลุ่มโจรป่าน่าจะมีประมาณสี่สิบคน
ทหารรับจ้างของพ่อค้าเร่บอกว่า มันจะแย่ถ้าคนในหมู่บ้านแยกกันอยู่แล้วถูกจัดการไปทีละกลุ่ม
ซึ่งซาร์ลและคนอื่นๆก็เห็นด้วย
ผลก็คือพวกเขาตัดสินใจที่จะรวมผู้หญิงและเด็กๆไว้ในโกดังของหมู่บ้าน
แล้วให้ผู้ชายตั้งแนวป้องกันล้อมรอบ
พรานป่านั้นมีความสามารถและคอยขัดเกลาทักษะการใช้ธนูอยู่ทุกวัน
ถ้าพวกเขาสมัครเข้ากองทัพ คงได้รับการตอบรับอย่างดีในฐานะนักธนู
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พรานป่าจะได้รับตำแหน่งเป็นครูฝึกธนูภายในเวลาไม่กี่เดือนหลังเข้าทำงานในกองทัพ
ดังนั้นหากได้เตรียมตัวเตรียมใจซักหน่อย ลูกธนูของพวกเขาก็เพียงพอแล้วที่จะสังหารโจรป่า
มันเป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่พวกเขาจะเข้าร่วมในศึกตัดสินที่ความสามารถของพวกเขาจะได้เปล่งประกาย
แต่นั่นก็น่าจะเป็นแผนของโจรป่าเหมือนกัน คริชคิด
ถ้าพวกเขาสามารถรวมผู้หญิงที่เป็นเหมือนสินค้าไว้ในโกดังได้ โจรป่าก็จะสามารถจับตัวพวกผู้หญิงทั้งหมดโดยไม่มีใครเล็ดลอดหนีไปได้
คนคุ้มกันของพ่อค้าก็จะหาจังหวะเหมาะๆที่จะเข้าร่วมกับกลุ่มโจรและสร้างความโกลาหลให้กับชาวบ้าน
และเมื่อกำลังรบที่ขาดประสบการณ์ตกอยู่ในความอลหม่าน พวกเขาก็จะได้เปรียบ
หลังจากที่อิ่มท้องจากมื้ออาหาร คริชจิบน้ำและถอนหายใจ
เมื่อทุกคนพูดคุยกันเสร็จ คริชมองตากอร์คาแล้วเอ่ยปากออกมา
“ท่านพ่อคะ”
“มีอะไรเหรอคริช?”
“คริชคิดว่าพ่อค้ากับคนคุ้มกันของเขาไว้ใจไม่ได้”
ทุกคนถึงกับชะงัก
กาเรนและกอร์คาทำหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง
ส่วนกาล่าและเกรซมองคริชด้วยความประหลาดใจ
“คริชจัง พวกเขาทำอะไรหนูรึเปล่า….?”
“เปล่าค่ะ แค่ว่า….”
คริชบอกพวกเขาเรื่องฟักทอง
ตอนแรกเธอก็ไม่ได้ใส่ใจ แต่พอเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นเธอเริ่มรู้สึกว่ามันน่าสงสัย
เธอเล่าว่าพวกเขาอาจจะเป็นคนฆ่าพ่อค้าเร่คนเก่าแล้วสวมรอยเพื่อแทรกซึมเข้ามาในหมู่บ้าน
ถ้าคริช ที่เป็นแค่เด็ก เอาเรื่องนี้ไปเล่าให้คนในหมู่บ้านฟัง พวกเขาก็คงไม่ใส่ใจ
เธอไม่คิดว่าผู้ชายในหมู่บ้านจะชื่นชอบเธอขนาดที่จะเชื่อในสิ่งที่เธอพูด
ด้วยเหตุนั้น เธอจึงตัดสินใจพูดเรื่องนี้กับชายสองคนที่น่าจะฟังเธอมากที่สุด
เมื่อคริชพูดจบ สายตาของกอร์คาก็จริงจังขึ้น
“คริช ลูกแน่ใจเหรอว่ามันเป็นอันเดียวกัน”
“ค่ะ เว้นแต่ว่าพวกเขาจะบังเอิญมีฟักทองที่เหมือนกันเป๊ะๆ แต่มันก็แปลกที่จู่ๆก็มีโจรป่าบุกมาพร้อมกันพอดี”
“…อย่างนี้นี่เอง”
กาเรนและกอร์คามองหน้ากัน
ทุกอย่างไปได้ดีเกินไป
กาเรนที่รู้สึกสงสัยตั้งแต่แรก บอกเรื่องนี้กับคนที่ไว้ใจได้ รวมถึงกอร์คา
และหลักฐานจากสิ่งที่คริชเล่าช่วยยืนยันข้อสงสัยของเขาได้
“ขอบคุณนะคริช พวกเราเองก็รู้สึกว่าทุกอย่างดูราบรื่นเกินไปเหมือนกัน”
“…ไม่เป็นไรค่ะ แล้ว เราจะเอายังไงกันต่อเหรอคะ?”
“ต้องบอกคนที่เชื่อใจได้ให้คอยจับตาดูพวกพ่อค้าเร่ไว้ แต่ถึงยังไง มันก็เป็นความคิดที่ดีที่จะให้พวกเธอมาอยู่รวมกัน… ทุกอย่างต้องไม่เป็นไร ไม่ว่ายังไงพวกเราก็จะปกป้องหลานให้ได้ เชื่อใจตานะ”
“ค่ะ ท่านตา”
คริชพยักหน้าและเหลือบมองฟักทองที่อยู่บนชั้นวาง
แค่เธอจินตนาการว่าจะได้กินมัน เธอก็รู้สึกเหมือนว่าฟักทองลูกนั้นกำลังทอแสงประกาย
คริชอยากให้เรื่องทุกอย่างจบไวๆ เธอจะได้กินพายและซุปฟักทองที่เธอพลาดไปเมื่อวานซักที
นั่นเป็นสิ่งเดียวที่อยู่ในหัวของคริช
“เมื่อวานคริชไม่ได้กินซุปฟักทองเลย ส่วนพายเองก็เย็นหมด… ถ้าทุกอย่างจบแล้ว ขอแก้มือใหม่อีกทีได้มั้ยคะ”
“อา แน่นอนสิ ดูเหมือนเราจะตายไม่ได้แล้วล่ะ กอร์คา”
“ใช่ครับ… กาล่า ฉันฝากคริชกับเกรซด้วยได้รึเปล่า?”
“ได้เลย ฉันจะดูแลพวกเธอให้เอง”
เธอตอบพลางลูบหัวคริช
“คราวนี้หนูจะชวนป้ามาอีกรึเปล่า?”
“ค่ะ คริชอยากฟังความเห็นของคุณป้า จะขอยืมใช้เตาอบอีกได้มั้ยคะ?”
“แน่นอนสิ… ร้องไห้ทำไมเนี่ย เกรซ?”
“ขะ ขอโทษที… แค่มัน…”
เกรซปาดน้ำตาแล้วโอบกอดคริช
เพราะเธอทั้งนุ่มและอบอุ่น การกอดของเกรซทำให้คริชรู้สึกดีเสมอ
“…พอทุกอย่างจบแล้ว… พวกเราทุกคน มากินด้วยกันนะ”
“ค่ะ ท่านแม่”
กอร์คาก็เข้ามาร่วมวงด้วย เขากอดคริชและเกรซไว้แน่น
งูววว คริชที่ถูกเบียดอยู่ตรงกลางส่งเสียงครวญครางออกมา ทำให้กอร์คาหัวเราะลั่น
“สบายใจได้ พวกเราจะปกป้องลูกเอง”
เขาพูดออกมาอย่างมั่นใจ
==========================================
การมารวมตัวอยู่ในโกดังก็ไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิด
ที่นี่มีแต่ผู้หญิงและเด็กๆ ซึ่งคริชก็เป็นที่นิยมในหมู่พวกเขา
เพราะแบบนั้นแทนที่จะเบื่อ ตอนนี้เธอกลับงานล้นมือสุดๆ
“เอ้านี่ เอาไปแบ่งๆกันนะ”
คริชปอกผลไม้ที่ถูกเก็บไว้ในโกดังแล้วส่งให้พวกเด็กๆ
ที่นี่มีอาหารอยู่มากมาย
แม้อาหารจำพวกเนื้อจะถูกเก็บไว้ที่อื่น แต่โกดังนี้ก็ยังเต็มไปด้วยพืชผักและพวกผลไม้สามารถที่เก็บได้
ทันทีที่มาถึง คริชก็เริ่มวางแผนที่จะกินผลไม้เหล่านี้
ความจริงแล้วแค่เธอเอ่ยปากขอ พวกผู้ใหญ่ก็คงอนุญาตในทันที
แต่เป็นความทระนงตัวของเธอที่ไม่อนุญาตให้ทำแบบนั้น
ระหว่างที่เธอกำลังหาทางว่าจะทำยังไงดี พวกเด็กๆก็เริ่มบ่นที่ต้องถูกกักตัว—— และนั่นทำให้คริชได้ไอเดียในการกินผลไม้อย่างชอบธรรม
คริชเสนอเรื่องนี้ให้กับกลุ่มผู้หญิงและก็ได้รับการสนุบสนุนเป็นอย่างดี นั่นคือการเอาผลไม้ที่เก็บเกี่ยวได้ง่ายมาแจกเด็กๆในโกดังนั่นเอง
ที่นี่มีผลไม้หลากหลายชนิดให้เธอเลือกกิน
แม้คริชจะเป็นคนหิวบ่อย แต่เธอไม่ได้กินจุ
ด้วยความกังวลที่ว่าเธออาจจะอิ่มก่อนที่จะได้ลิ้มลองผลไม้ทั้งหมด คริชจึงคิดแผนที่แยบยลยิ่งขึ้น
และนั่นก็คือเหตุผลที่มาเธอรับหน้าที่ในการปอกและแจกจ่ายผลไม้นั่นเอง
“หยุดเลย! ห้ามแย่งกัน ไปต่อแถว ไม่มีผลไม้สำหรับเด็กดื้อที่ไม่ยอมทำตามกฎหรอกนะ”
ใช่แล้ว ตอนนี้แค่ตามน้ำไปก่อน คริชคิดขณะปอกผลไม้ หั่นเป็นชิ้น และแจกจ่ายอย่างรวดเร็ว
แผนของเธอคือแอบกินผลไม้บางส่วนในระหว่างที่ทำงาน แต่เรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
นั่นคือฝูงเด็กๆที่หิวโหยจำนวนมหาศาล
ความเร็วในการปอกผลไม้ของเธอไม่สามารถไล่ตามการกินของเด็กๆได้ทัน
“พี่สาว ผมพึ่งได้กินชิ้นเดียวเอง”
“กิด้า นายกินไปสองแล้ว! พี่คริช ต่อไปตาหนู”
“อะ เอ่อ… รอเดี๋ยวนะ”
ไม่มีเด็กคนไหนที่มีอคติกับคริช ในสายตาพวกเขา เธอเป็นพี่สาวแสนสวยที่พวกเขาชื่นชม
จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะอยากได้ผลไม้จากเธอ
แม้คริชจะพยายามปอกผลไม้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่แผนของเธอก็ล้มเหลว
ไม่มีผลไม้ตกถึงท้องเธอเลยซักชิ้น
กระเพาะของคริชกำลังต้องการผลไม้และประท้วงออกมาผ่านความหิว
“ฟุฟุ เป็นที่นิยมจังเลยนะ เอ้า คริชจัง อ้ามมม”
“อ๊ะ… เอะเฮะเฮะ”
เหล่าผู้หญิงที่อยู่รอบๆยิ้มออกมาขณะป้อนผลไม้ที่พวกเธอปอกให้กับคริช
ต้องขอบคุณกาล่าและเกรซ ที่ทำให้ทุกคนที่นี่รู้ดีว่าคริชเป็นเด็กที่กินเก่งผิดคาด
‘ข้ออ้างอันสมบูรณ์แบบ’ของคริชใช้ไม่ได้ผลกับพวกเธอ
พวกเธอแอบหัวเราะกันเบาๆพลางป้อนผลไม้ให้คริชต่อไป
โดยที่ไม่รู้เรื่องนั้น และความต้องการของเธอก็ถูกเติมเต็มแล้วเรียบร้อย
ตอนนี้คริชจึงอารมณ์ดี และทำหน้าที่ในฐานะเครื่องปอกผลไม้อย่างมีความสุข
เมื่อเห็นคริชทำตัวเป็นปกติ สีหน้ามัวหมองของพวกผู้หญิงก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม และพวกเธอก็เริ่มหาเรื่องพูดคุยกัน
แม้จะไม่รู้ตัว แต่คริขเป็นเสาหลักที่ช่วยยึดเหนี่ยวจิตใจของทุกคนที่นี่ หัวข้อของบทสนทนาจึงหนีไม่พ้นเรื่องของเธอ
“คริชจังไม่มีคนที่ชอบเลยเหรอ? แบบว่า ไม่มีจริงๆเหรอ?”
บางครั้งก็จะมีคำถามแบบนี้ผุดขึ้นมา และปกติคริชก็จะตอบกลับอย่างใจเย็น
เพราะคริชจะได้ประโยชน์อีกมากจากการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกเธอ
เมื่อความคาดหวังของพวกเธอแสดงออกมาอย่างชัดเจน คริชจึงไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องตอบ
“คนที่ชอบ…”
คริชเอียงคอพลางขบคิด
‘ความชอบ’ คืออะไรกันนะ? มันเป็นคำถามที่ค่อนข้างยากสำหรับคริช
รูปแบบความคิดของเธอเป็นไปในทางธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์และผลเสียมากกว่า
คนที่เป็นประโยชน์ จะเป็นคนที่ ‘น่าชอบ’ มากกว่าคนที่สร้างแต่ผลเสีย
ผู้คนจะ’ชอบ’คนที่ทำงานเพื่อคนอื่น และในทางกลับกัน จะ‘ไม่ชอบ’คนที่เอาแต่รับประโยชน์ แต่ไม่ยอมทำงาน
นั่นคือนิยามความ ‘ชอบ’ และ ‘ไม่ชอบ’ ของคริช
และจากมุมมองนั้น คำถามนี้จึงเป็นสิ่งที่คลุมเครือเกินกว่าที่คริชจะเข้าใจ
“เอ่อ คริชชอบทุกคน”
“อ๊ะ ไม่ได้หมายถึงแบบนั้น…… ผู้ชายน่ะ พูดถึงผู้ชาย”
“ผู้ชาย…… อ๊ะ คริชชอบท่านพ่อกับท่านตามากๆ”
ผู้หญิงที่ถามทำท่าเหมือนยอมแพ้และเอามือกุมหน้าผาก ขณะที่คนอื่นๆหัวเราะร่า
เกรซเข้ามากอดคริชด้วยสีหน้าที่เขินอายเล็กน้อย
“หยุดเลย ห้ามล้อคริชนะ เธอยังเด็กไปสำหรับเรื่องแบบนั้น”
“ตอนเธออายุเท่าคริชเธอก็ตามติดกอร์คาเป็นปลิงเลยนี่นา”
“หะ-ห้ามล้อฉันเหมือนกัน!”
นั่นเป็นคำตอบที่ถูกรึเปล่านะ? คริชเอียงคอ
เธอมองพวกผู้หญิงที่กำลังหัวเราะลั่น ก่อนจะกลับไปปอกผลไม้
กาล่าป้อนผลไม้เข้าปากคริชพลางหัวเราะอย่างร่าเริง
“สามีของคริชจะเป็นคนแบบไหนกันนะ? ถ้าเป็นผู้ชายไม่เอาถ่านที่ตั้งจะฮุบคริชจังไว้คนเดียวล่ะก็ป้าจะอัดให้ยับเลย”
เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้ง แต่คริชก็ไม่ได้สนใจ
เมื่อเธอเคี้ยวแอปเปิลที่ถูกป้อน รสชาติเปรี้ยวอมหวานก็แผ่ซ่านออกมา เกิดเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขสำหรับคริช
คริชฆ่าเวลาแบบนี้ไปเรื่อยๆ ระหว่างรอให้โจรป่าบุกเข้ามา —— และในที่สุดการโจมตีก็เริ่มขึ้นเมื่อพระอาทิตย์ตก
==========================================
ดวงจันทร์สีเงินห้อยประดับบนฟ้ายามค่ำคืน กองไฟถูกจุดขึ้นโดยรอบหมู่บ้าน
จริงอยู่ที่โจรป่าอาจนำไฟเหล่านี้ไปใช้ในการเผาหมู่บ้าน
แต่พรานป่าก็ต้องการแสงเพื่อยิงธนู
แม้ในหมู่นักธนูมืออาชีพ ก็มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถจัดการเป้าหมายที่เคลื่อนไหวในความมืดได้
ซาร์ล เป็นคนออกคำสั่งจากกองบัญชาการ
ส่วนกอร์คาและกาเรนนำกลุ่มนักธนูของตนไปประจำตำแหน่งบนหลังคา
เมื่อเสียงระฆังเตือนภัยดังขึ้น
กอร์คาก็อดที่จะหันกลับไปมองโกดังที่คริชและเกรซอยู่ไม่ได้
เขากลับตาลงและกำหมัดแน่น ก่อนหันไปมองชายที่อยู่ข้างๆ
“ซาลบา พร้อมมั้ย?”
“แน่นอน”
บนหลังคามีเพื่อนที่เขาเชื่อใจที่สุด ซาลบา
และชายอีกคนที่คอยคุ้มกันแนวหลัง
“กาโด้! แล้วนายล่ะ?”
“ดูด้วยว่าแกกำลังพูดกับใคร กอร์คา คนอย่างฉันมีเหรอจะพลาด”
“ไม่หรอก ฉันรู้ว่านายเก่ง ฝากข้างหลังด้วยล่ะ”
“อ้า”
กาโด เข้าประจำตำแหน่ง
ถึงเขาจะเป็นนักเลงติดเหล้า แต่เขาก็เป็นคนมีฝีมือ
“ถ้าทุกอย่างจบลงด้วยดีเดี๋ยวฉันเลี้ยงเบียร์นายเอง”
“ฮ่า หายากนะเนี่ยที่แกจะพูดแบบนี้ เอาเป็นว่าถ้าทุกอย่างไปได้สวย ให้ฉันจับหน้าอกเกรซแทนเป็นไง”
“ตลกแล้ว แต่พอเป็นนายพูดแล้วดูไม่เหมือนมุกเลยแฮะ”
กอร์คาได้แต่ยิ้มแห้งๆ
“คิดว่าคงมีไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ถ้าพวกมันบุกเข้ามาฝั่งนั้นก็บอกด้วยล่ะ”
“อา แกห่วงตัวเองเถอะ ระฆังดังแล้วนะ”
“รู้แล้วน่า”
กอร์คาตอบกลับพลางเพ่งสายตาไปข้างหน้า
ทีมของกอร์คามีนักธนูน้อยกว่าของกาเรน
แต่นั่นก็ถูกก็ทดแทนด้วยฝีมือที่มากกว่า
และอีกอย่าง ฝั่งนี้มีชาวบ้านที่ใช้ดาบประจำตำแหน่งอยู่ข้างล่างมากกว่าเช่นกัน
กำลังรบของพวกเขาถูกจัดสรรอย่างเท่าเทียม
ไม่มีปัญหา กอร์คาคิดพลางยกคันธนูขึ้น
เป็นไปตามคาด มีโจรป่ามากกว่าสี่สิบคน
แต่การ์คาก็ยังคงออกคำสั่งนักธนูที่อยู่บนเพดานบ้านหลังอื่นๆต่อไป
ถ้ารวมในส่วนของเขาด้วย ตอนนี้พวกเขาจัดการโจรป่าไปประมาณสิบคนแล้ว
ทุกคนที่นี่เป็นพรานป่ามืออาชีพ
ทุกคนมีประสบการณ์ในการไล่ล่าสัตว์ป่าที่แตกกระเจิง
ดังนั้น เมื่อใดที่พวกเขาก้าวข้ามความลังเลในการเล็งลูกธนูไปที่คน—— ความลังเลที่จะฆ่า ได้แล้วล่ะก็
การยิงคนก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร
ถือเป็นโชคดีที่พวกเขาสามารถฆ่าผ่านลูกธนู โดยที่ไม่ต้องสัมผัสประสบการณ์ในการสะบั้นร่างคนเป็นๆ
และด้วยหน้าที่ในการปกป้องหมู่บ้านและครอบครัว ทำให้พวกเขาสามารถก้าวผ่านความลังเลไปได้
คิดได้เช่นนั้น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับโจรป่าที่มีดาบในมือแล้ว พวกเขาจะปล่อยให้ความกลัวทำให้หวั่นไหวไม่ได้
ทั้งเพื่อนและคนรู้จักของเขากำลังเสี่ยงชีวิตอยู่ด้านล่าง
ต้องขอบคุณการฝึกซ้อมของหมู่บ้าน ที่แม้ว่าจะเป็นมือสมัครเล่นก็สามารถปฏิบัติตามคำสั่งได้อย่างพร้อมเพรียง
ยิ่งกอร์คาส่งเสียงตะโกน ความตึงเครียดยิ่งทำให้คอของเขาแห้งผากและเสียงของเขาก็เริ่มขาดช่วง
แม้จะตกอยู่ภายใต้แรงกดดันที่ต้องเล็งยิงมนุษย์แทนที่จะเป็นสัตว์
กอร์คาก็ยังทำหน้าที่ออกคำสั่งได้เป็นอย่างดี
ทันใดนั้นเอง ซาลบาก็เอ่ยปากเรียกเขา
“…กอร์คา มันแปลกๆนะ”
พวกทหารรับจ้างและพ่อค้าเร่แยกตัวออกเป็นกลุ่มสองและสามคน
กลุ่มสามคน มีพ่อค้าเร่รวมอยู่ด้วย มุ่งไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของโกดัง
แม้ว่าชาวบ้านกลุ่มอื่นๆกำลังได้รับความเสียหายอย่างมาก แต่ดูเหมือนว่าพวกพ่อค้าเร่จะแทบไม่ได้ต่อสู้เลย
และทันทีที่พวกเขาประดาบกับโจรป่า โจรเหล่านั้นก็จะวิ่งหนีไปทันที
“พวกนั้นมีลับลมคมในแน่… ไปกันเถอะ”
แม้สถานการณ์จะไปได้สวย แต่ทุกอย่างก็กลับตาลปัตรได้ถ้ามีคนทรยศ
แม้เขาจะเห็นด้วยกับซาลบา แต่กอร์คาก็ยังลังเล
จริงอยู่ที่เขาสามารถยิงโจรป่าได้
แต่ถ้าพวกเขาไม่ใช่โจรล่ะ———
กอร์คาสลัดความหวั่นไหวนั่นทิ้งไปในทันที
เขานึกถึงสิ่งที่คริชเคยบอก แล้วปรับอารมณ์ตัวเองเสียใหม่
“…เข้าใจล่ะ ซาลบา นายจัดการคนคุ้มกันทางซ้ายนะ”
“แล้วนายล่ะ”
“ฉันจะเล็งเจ้าพ่อค้าเร่จอมปลอมนั่น ถ้าพวกเขาเป็นโจรป่าจริง หมอนั่นต้องเป็นหัวหน้าแน่”
“รับทราบ”
“อย่าพลาดล่ะ”
“อา นี่มันง่ายกว่ายิงกวางซะอี—— อุ อุก!?”
“……!?”
กอร์คาหันไปทางซาลบาที่ส่งเสียงออกมาด้วยความทรมาน
มีดาบแทงทะลุออกมาจากอกของเขา
เกิดอะไร—- ไม่ทันที่กอร์คาจะทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น ความรู้สึกเย็นเฉียบก็เสียดแทงเข้ามาที่อกของเขา
“กา โด……… ทำ ไม…?”
“โอ้ ยังพูดได้อยู่อีกเรอะ? ฮะฮะ…”
เมื่อครู่กาโดพุ่งเข้าใส่กอร์คาและแทงเขาด้วยดาบสั้น
“พวกมันตอบรับข้อเสนอฉัน ก็นะ ฉันเริ่มเบื่อหมู่บ้านโกโรโกโสนี่แล้ว…… ถือว่าประจวบเหมาะพอดี”
“กา โด…”
“ใจเย็นน่า ฉันไม่อยากได้เบียร์หรอก แต่ฉันจะดูแลเกรซของแกให้เป็นอย่างดีเอง ผู้หญิงเด็ดๆแบบนั้นต่อให้หาในเมืองก็ไม่ค่อยจะมีหรอกนะ… ส่วนอีเด็กน่าขยะแขยงนั่นถ้ามองแค่ภายนอกก็ถือว่าสวยใช้ได้ น่าจะขายได้ราคาดี”
“—— อั่ก!?”
กอร์คากัดฟันเหวี่ยงหมัดด้วยความคับแค้น แต่คมดาบของกาโดก็ปลิดชีวิตเขาราวกับเป็นแค่สัตว์ตัวหนึ่ง
จากนั้นกาโดก็โยนหินเป็นสัญญาณให้พ่อค้าเร่—— ผู้เป็นหัวหน้าของกลุ่มโจรป่านั่นเอง
===============================================
“….มันแปลกๆนะ”
เมื่อการต่อสู้ผ่านไปซักพัก กาเรนสังเกตเห็นความวุ่นวายทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ที่กอร์คาเป็นคนดูแล
กอร์คาพลาดเหรอ? แต่นั่นเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อ เพราะกาเรนรู้ถึงความสามารถของกอร์คาเป็นอย่างดี
ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่อนุญาตให้กอร์คาแต่งงานกับลูกสาวของเขาแน่
กอร์คาคือชายผู้ที่กาเรนฝากฝังลูกสาวสุดที่รักให้
แม้ว่ากอร์คาจะอยู่ที่นั่น แต่มีบางอย่างที่ไม่ปกติเกิดขึ้น
หรือว่าจะมีเหตุการณ์บางอย่างที่แม้แต่กอร์คายังรับมือไม่ไหว
สัญชาตญาณในสนามรบของกาเรนกำลังร้องเตือน
ทันใดนั้นกาเรนก็หมุนตัวไปหาใครบางคนที่อยู่ข้างหลังเขา
กำปั้นของกาเรนจมเข้าไปที่ช่องท้องของคนทรยศอย่างสวยงามโดยไม่ทันได้จับดาบ
กาเรนเคยผ่านประสบการณ์เฉียดตายมาแล้วหลายต่อหลายครั้งขณะไต่เต้าขึ้นมาเป็นนายร้อย
แม้ร่างกายจะแก่ชราลง แต่เขาไม่เคยลืมแรงกดดันในสนามรบ
ชายคนนั้นล้มลงพร้อมเสียงกระอัก
แบบนี้นี่เอง กาเรนกัดริมฝีปากแน่น
—— หมายความว่าเป็นฝีมือไอ้เวรพวกนั้นสินะ
กาเรนลังเลมาตลอดว่าพวกพ่อค้าเร่เป็นมิตรหรือศัตรู แต่ตอนนี้เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่และเยือกเย็น
นี่ไม่ใช้เวลามาเจรจาแล้ว กาเรนแทงดาบสั้นใส่หลังชายคนนั้น
เขาเป็นชาวบ้านคนนึงที่กาเรนเคยดื่มด้วยกันหลายครั้ง
แต่กาเรนเองก็เคยผ่านนรกในสนามรบมานาน
ด้วยความป่าเถื่อนที่ได้เรียนรู้ในตอนนั้น เขาเหวี่ยงดาบสั้นแล้วเปลี่ยนชายคนหนึ่งให้กลายเป็นศพอย่างง่ายดาย
ก่อนจะกระชับคันธนูในมือแน่น
เขาขึ้นลูกธนูแล้วดึงสายเอ็น ก่อนจะยิงออกไปโดยไม่ลังเล
ลูกธนูปักลงบนหลังของคนคุ้มกันคนหนึ่ง เขากระโดดลงจากหลังคาและชักดาบที่ห้อยไว้ที่เอว
ร่างที่แก่ชราปวดร้าวจากแรงกระแทก แต่เขาก็ไม่สนใจ
คนคุ้มกันล้มลงด้วยความเจ็บปวด——ส่วนอีกคนกำลังมองพรรคพวกของตนด้วยความสับสน
กาเรนหรี่ตาและย่นระยะเข้าหาคนที่ยังยืนอยู่
ไม่ทันที่เขาจะดึงสติกลับมา
ก็ถูกคมดาบไร้ปราณีของทหารผ่านศึกอย่างกาเรนก็ฟาดลงบนบ่า
มันตัดผ่านไหล่ของโจรป่า ผ่ากระดูก และเปลี่ยนเขาให้เป็นซากศพ
จากนั้นกาเรนก็แทงดาบเข้าที่หัวใจของอีกคนที่นอนอยู่เพื่อปิดบัญชี
สีหน้าของเขาผสมปนเปไปด้วยความเย็นชาและเกรี้ยวกราด
ชาวบ้านที่ประจำการอยู่บนหลังคาโดยรอบต่างมองกาเรนด้วยความประหลาดใจ
“พ่อค้าเร่เป็นพวกเดียวกับโจรป่า!! มีคนทรยศอยู่ในหมู่บ้าน! ฝั่งกอร์คาโดนตีแตกแล้ว พวกนายทุกคนรออยู่นี่ ฉันจะไปจัดการทางนั้น! อลัน, ดิค ตามฉันมา!”
ชายสองคนที่ถูกเรียกกระโดดลงจากหลังคาแล้วตามเขาไป
ถึงไม่น่าจะมีไส้ศึกเยอะขนาดนั้น แต่ถ้าจะให้สู้พลางต้องพะวงหลังไปด้วย
เขาเลือกที่จะไปกับคนที่เชื่อใจได้มากกว่า
ถึงกำลังคนจะน้อย แต่นี่เป็นทางที่ดีที่สุดแล้ว
หลังพยักหน้าให้ทั้งสองคนที่เข้าใจสถานการณ์เช่นกัน กาเรนก็วิ่งออกไป
แต่ทว่า มีกลุ่มที่ฝ่าแนวป้องกันฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังพังทลาย และไปถึงโกดังได้เร็วกว่ากาเรน
แม้ว่าพวกชาวบ้านจะเคยฝึกดาบมาบ้าง แต่นอกจากคนที่เคยมีประสบการณ์การต่อสู้จริงแล้ว พวกเขาก็แค่มือสมัครเล่น
เมื่อไร้ผู้สั่งการ ก็ไม่ต่างอะไรจากฝูงชนที่แตกกระจาย
“กอร์คาถูกฆ่างั้นเรอะ?”
“ใช่ เขาตายแล้ว”
ซาร์ลได้รับข่าวอันน่าตกใจเรื่องการตายของกอร์คา
เขาเป็นผู้มีอำนาจในการสั่งการ และสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือจัดแนวป้องกันใหม่ เขากำลังเค้นสมองที่เป็นสิ่งเดียวในร่างกายที่ยังไม่แก่ชราไปตามอายุ
———ทางเลือกเดียวคือร่นแนวป้องกันกลับ
เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้ชาวบ้านที่ไม่คุ้นเคยกับการต่อสู้และการฆ่า พวกเขาจะต้องรวมกลุ่มกัน…
เขาสูดหายใจลึกเพื่อจะตะโกนให้ทุกคนมารวมตัวกัน—-
“เพราะงั้นน่ะนะตาแก่ แกเองก็ควรยอมแพ้แล้วไปนอนเหมือนกัน”
ทว่ามีเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายออกมาจากปากของซาร์ล
ชายคนหนึ่งที่หนีกลับมาจากแนวป้องกันฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ ——— พ่อค้าเร่ เผยธาตุแท้ของเขาออกมา พร้อมกับรอยยิ้มอันชั่วร้าย
คนอื่นๆยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ชายที่เคยคิดว่าเป็นพันธมิตร ใช้มีดแทงเข้าที่สีข้างของผู้นำของพวกเขา
ซาร์ลทรุดตัวลงนั่งคุกเข่า
ส่วนคนอื่นๆก็ถูกทหารรับจ้างและคนทรยศที่แฝงตัวอยู่สังหารอย่างรวดเร็ว
ชาวบ้านที่หนีความอลหม่านจากฝั่งตะวันออกเฉียงใต้มาเห็นฉากอันน่าสะพรึงกลัวนี้ก็ได้แต่กรีดร้อง
พวกเขารู้ตัวว่าไม่มีที่ให้หนีอีกแล้ว
ไร้ซึ่งผู้นำ ชาวบ้านก็ถูกฆ่าตายไปทีละคน
และพื้นดินทุกหัวระแหงก็ถูกย้อมไปด้วยเลือด
“อาววล่ะ เรียบร้อยซักที พวกทางปีกขวายังไม่ตาย เพราะงั้นอย่าเพิ่งประมาทนะเฟ้ย”
“ฮี่ฮี่ บอส ถึงเวลาสนุกแล้วรึยัง?”
“เร็วที่สุดก็เย็นวันพรุ่งนี้กว่าพวกคนเหมืองจะกลับมา พอจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยคืนนี้เราจะได้สนุกกัน… เฮ้ย เปิดโกดังได้แล้ว”
พ่อค้าเร่——— หัวหน้าโจรป่าออกคำสั่งกับกลุ่มคนที่ถือค้อนในมือ
แม้จะมีการกั้นประตูเอาไว้ แต่ก็ทำได้แค่ถ่วงเวลา
เดิมทีแล้วมันก็เป็นแค่โกดังธรรมดา
แต่ให้ทนทานแค่ไหนก็เป็นแค่ประตูโกดังธรรมดา
ทุกครั้งที่ค้อนถูกเหวี่ยง รูทะลุจะปรากฏขึ้นบนบานประตูเสมอพร้อมกับเสียงกรีดร้องของเด็กๆและผู้หญิง
จนในที่สุดเมื่อเสียงฟาดของค้อนสิ้นสุดลง บานประตูก็พังครืนลงมา
มีผู้หญิงบางส่วนพุ่งตัวออกไป
พวกเธอตื่นตระหนกและพยายามที่จะหนี แต่คนเหล่านั้นถูกจับและฆ่าในทันทีเพื่อแสดงเป็นตัวอย่าง
บ้างก็ถูกแทงด้วยดาบ บ้างก็ถูกค้อนทุบกะโหลก
เสียงกรีดร้องดังขึ้นผ่านความมืดยามค่ำคืน
“ทำตัวดีๆหน่อย เราจะไม่ฆ่าใครถ้าพวกแกเชื่อฟัง เข้าใจมั้ย? แต่ถ้าคิดจะขัดขืนล่ะก็——”
“ฮึก กรี๊ดดดด……!?”
หัวหน้าโจรตัดนิ้วของผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกจับด้วยดาบ
คนอื่นๆในโกดังได้แต่ปิดหูและหลับตาแน่น
“แกจะถูกลงโทษและฆ่าข้อหาต่อต้าน”
ริมฝีปากของเขาบิดเบี้ยวด้วยรอยยิ้มที่เหมือนสัตว์ป่า
“ทีนี้ เดินออกมาช้าๆ อย่างคิดจะทำอะไรตุกติกล่ะ”
เด็กๆบางคนที่ทนความหวาดกลัวไม่ไหวพยายามจะวิ่งหนี ก่อนจะถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม
พวกเขาไร้ซึ้งความปราณี
จะผู้หญิงหรือเด็ก ใครก็ตามที่ขัดขืนจะถูกฆ่าทิ้งอย่างไม่ไยดี
เมื่อไร้ซึ่งทางเลือกอื่น
ชาวบ้านค่อยๆทยอยกันออกมาจากโกดัง และรวมตัวกันอยู่ที่ลานกว้างพลางโอบกอดกันและกัน
หลังจากที่มองหาซักพัก หัวหน้าโจรก็ตะโกนเรียกเด็กผู้หญิงคนหนึ่งด้วยรอยยิ้ม
“โอ้ อยู่นี่เอง แม่หนูน้อย มานี่สิ”
แม้จะอยู่ท่ามกลางโศกนาฏกรรม แต่สีหน้าของเด็กสาวผมเงินก็ยังไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ
สายตาของเธอสอดส่องสถานการณ์โดยรอบ ก่อนจะหันไปมองชายคนนั้นช้าๆ
=================================================