ตำนานวีรสตรีอันไร้ค่าของเด็กสาวต้องสาป - ตอนที่ 17 อเลฮา ซาร์เชนคา
บทที่ 17 อเลฮา ซาร์เชนคา
ไม่กี่วันถัดมา ณ ที่ตั้งกองกำลังของจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์เอลส์เรน——กองทัพทางเหนือ
ภายในเต็นท์ แผนที่ถูกกางออกโดยมีคนประมาณยี่สิบคนนั่งล้อมรอบ
“พวกเขาเคลื่อนทัพเหรอ?”
“ใช่ครับ ไปทางตะวันออก…”
ชายผมบลอนด์ที่นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะขมวดคิ้วเมื่อได้ฟังรายงานจากผู้ติดตามของเขา…
อเลฮา คลาวเซล่า ชวินเดล ซาร์เชนคา
นายพลแห่งจักรวรรดิผู้มากพรสวรรค์และสามารถไต่เต้ามาถึงตำแหน่งนี้ทั้งที่อายุยังน้อยโดยไม่อาศัยเส้นสายใดๆ
อเลฮาเป็นลูกชายคนที่สามในตระกูลขุนนางใหญ่
เมื่อไร้โอกาสในการสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูล จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะถูกส่งเข้าไปในกองทัพ
และด้วยความสามารถของเขา อเลฮาสร้างผลงานอย่างมากในสนามรบและได้รับสมญานามอันทรงเกียรติ ชวินเดล ——[อัศวินศักดิ์สิทธิ์] จากองค์จักรพรรดิเป็นการส่วนตัว
สมญานาม ‘อัศวินศักดิ์สิทธิ์’ คือยศพิเศษที่มีไว้เพื่อเชิดชูความสำเร็จในด้านการรบและเป็นเกียรติสูงสุดของทหารคนใดก็ตามได้รับมัน
อเลฮาได้รับสมญานามนี้ในวัยสามสิบกว่าๆ และในฐานะนายพลผู้โด่งดังแห่งจักรวรรดิ เขามีบทบาทสำคัญอย่างมากในสงครามครั้งนี้
ชีวิตของเขากำลังไปได้สวย ไม่มีอะไรมาขวางทางเขาได้ —— แต่ตอนนี้รอยย่นได้ปรากฏขึ้นที่หว่างคิ้วของเขา
เขากำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับรายงานชวนฉงนที่พึ่งได้รับ
“…ตอนนี้เนี่ยนะ?”
อเลฮารับหน้าที่เป็นหัวหอกในการโจมตีชายแดนฝั่งตะวันออกของราชอาณาจักรและประสบความสำเร็จอย่างมาก
เขาเป็นคนวางรากฐานในการบุกยึดปราการไร้พ่ายวัลเฟไนท์ ด้วยการสังหารคาลเมด้า หนึ่งในนายพลของราชอาณาจักร
เขาสร้างผลงานได้คู่ควรกับสมญานามอัศวินศักดิ์สิทธิ์
แต่การประสบความสำเร็จมากเกินไปก็อาจนำมาซึ่งความริษยา
สังคมชนชั้นสูงเป็นที่ที่อันตราย
อเลฮารู้ตัวดีว่าคนส่วนใหญ่อิจฉาในตัวเขา และในหมู่ชนชั้นสูงการกอบโกยผลงานไว้คนเดียวจะมีแต่ผลเสียมากกว่าผลดี
นั่นเป็นสาเหตุที่อเลฮาเลือกทิ้งโอกาสสำคัญในการบุกยึดวัลเฟไนท์ไว้ให้คนอื่นๆและหลีกเลี่ยงที่จะเข้าร่วมการจู่โจมทางใต้ แต่กลับอาสาที่จะรับหน้าที่ที่ดูไม่เด่นอย่างการตรึงกำลังล้อมข้าศึกแทน
แน่นอนว่านั่นไม่ใช่เหตุผลเดียว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะศัตรูในครั้งนี้คือคนเขาไม่อาจมองข้าม
—— โบแกน อัลการิตเต้ เวซริเนีย คริสแตนด์
นายพลแห่งทิศเหนือผู้โด่งดังของราชอาณาจักร
อเลฮาเคยพ่ายแพ้ให้กับโบแกนหลายครั้งก่อนจะได้มาเป็นนายพล
การโจมตีของโบแกนนั้นไม่มีลดละ
เขาจะมุ่งเป้าไปที่จุดอ่อน ทำให้กระบวนทัพแตกพ่าย พุ่งทะลวงเข้าไปและสร้างความเสียหายรุนแรงในการบุกโจมตีครั้งเดียว
และเมื่อถูกโจมตี เขาจะตั้งรับและสวนกลับให้หนักยิ่งกว่า
การโจมตีของเขารวดเร็วดุจสายฟ้าและไร้ความปราณี ไม่มีใครต้านทานมันได้และเขาก็ไม่เคยพ่ายในศึกที่มีกำลังรบสูสีกัน
อเลฮาได้รู้ซึ้งถึงความสามารถของเขาในตอนที่ได้เผชิญหน้าและบุกฝ่าแนวป้องกันของคริสแตนด์หลายต่อหลายครั้ง
แต่ทุกทุกครั้ง กองทัพคริสแตนด์จะทำลายจุดอ่อนของทัพจักรวรรดิได้เร็วกว่า บีบให้อเลฮาต้องล่าถอยแม้ว่าเขากำลังได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์ก็ตาม
แม้ว่าทุกคนต่างหวั่นเกรงในการโจมตีที่ไม่ลดละของคริสแตนด์ แต่จุดแข็งที่แท้จริงของพวกเขาคือการถอยทัพ
เมื่อกองทัพของเขากำลังเสียเปรียบ แต่ละหน่วยจะมีระเบียบการล่าถอยอย่างเป็นขั้นตอน
พวกเขาจึงสามารถทำให้การโจมตีของศัตรูอ่อนกำลังลงและยื้อเวลาจนกว่าการโต้กลับจะสัมฤทธิ์ผล
อเลฮาอ่านบันทึกทุกอย่างเกี่ยวกับคริสแตนด์และเรียนรู้จากเขามากกว่าใคร
พูดได้ว่าที่อเลฮามาไกลขนาดนี้ได้ก็เพราะเขาได้เรียนรู้กลยุทธ์มากมายจากคริสแตนด์
โบแกน คริสแตนด์ คือยอดขุนพลที่ไต่เต่าขึ้นมาด้วยความสามารถอย่างแท้จริง แม้จะเกิดในตระกูลขุนนางชั้นล่างก็ตาม
อเลฮาเองก็ไม่ต่างกัน เขาเป็นลูกชายคนที่สามและถูกส่งเข้ากองทัพเพราะไม่สามารถสืบทอดผู้นำตระกูลได้
ดังนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นศัตรู แต่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของคริสแตนด์ก็เป็นแรงบันดาลใจให้อเลฮา
ถ้าหากทั้งคู่เกิดในประเทศเดียวกัน อเลฮาคงได้เป็นผู้ติดตามที่ซื่อสัตย์คนหนึ่งของโบแกนเป็นแน่
นี่เป็นครั้งแรกที่อเลฮาได้เผชิญหน้ากับคริสแตนด์ในฐานะนายพลเช่นเดียวกัน
บทบาทของเขาคือการถ่วงเวลา หาโอกาสโจมตีปั่นป่วนแต่ห้ามทำศึกตัดสิน และต้องต้อนศัตรูไว้ที่นี่
แม้อเลฮาจะอยากเอาชนะโบแกนและรู้สึกไม่พอใจกับบทบาทนี้
แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง ก็หมายความว่าไม่มีใครรับมือกับโบแกนได้ดีไปกว่าเขาอีกแล้ว
เพราะเขาเฝ้าศึกษาเรื่องคริสแตนด์มากกว่าใคร เขาจึงสามารถคาดการณ์ความคิดของคริสแตนด์ได้
อเลฮาสร้างปราการอันมั่นคงและมั่นใจว่าเขามองแผนของโบแกนออกทะลุปรุโปร่ง
นั่นเป็นสาเหตุที่การเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันของโบแกนทำให้เขาสับสน
ศัตรูย้ายค่ายไปทางตะวันออก
ไปที่ตีนเขาฝั่งตะวันออก—— เป้าหมายของการเคลื่อนไหวอันบ้าบิ่นนี้คืออะไรกัน?
ถึงโบแกนจะเคลื่อนกำลังพลเกือบทั้งหมดไปทางตะวันออกแล้ว
แต่อเลฮาก็เคลื่อนทัพผ่านผืนป่าขึ้นไปทางเหนือไม่ได้อยู่ดี
มันต้องอาศัยแรงงานมหาศาลและเป็นการขยายเส้นทางลำเลียงโดยไม่จำเป็น
พื้นที่ส่วนใหญ่ในจักรวรรดิเอลส์เรนเป็นที่ราบและทหารของจักรวรรดิก็ไม่คุ้นเคยกับการต่อสู้ในป่า
นอกจากนี้จักรวรรดิยังผลิตม้าพันธุ์ดีและรับชนเผ่าเร่ร่อนเข้ามาในกองทัพ
ขุมกำลังของกองทัพจักรวรรดิคือทหารม้าที่แข็งแกร่ง ถ้าสูญเสียมันไปความน่าเกรงขามของพวกเขาจะลดลงอย่างมาก
ไม่ว่ายังไง ถ้าพวกเขายังกำจัดกองทัพหลักของศัตรูไม่ได้ สุดท้ายก็จะถูกล้อมเหมือนลูกไก่ในกำมือ
นั่นคือข้อสรุปที่เขาได้จากการประเมินกองกำลังของตัวเอง
แน่นอนว่าอีกฝ่ายก็คงวางเดิมพันไว้สูงกับการเคลื่อนทัพครั้งนี้
ศัตรูคงมองออกว่าเขาตั้งใจจะถ่วงเวลาและจักรวรรดิไม่ได้คิดจะทำลายแนวป้องกันทางเหนือตั้งแต่แรก
ทั้งกลยุทธ์และยุทธวิธีต่างก็มีแนวทางแน่นอนอยู่
เมื่อเริ่มแผนการแล้วก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลงได้
ซึ่งแผนของการโจมตีครั้งนี้คือการบุกลงใต้
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมาเปลี่ยนใหม่เอาตอนนี้ และอเลฮาจำเป็นต้องจัดการกับสถานการณ์นี้ด้วยตนเอง
“เขาต้องการอะไรกันแน่?… แต่ไม่ว่ายังไงเราก็ต้องเคลื่อนทัพด้วย เราจะย้ายค่ายไปทางตะวันออก”
ขืนปล่อยเอาไว้ คริสแตนด์จะอยู่ในตำแหน่งที่ง่ายต่อการเข้าโจมตีเส้นทางลำเลียงของจักรวรรดิ
ยังไงข้าศึกก็มีจำนวนถึงสองหมื่นนาย พวกเขาจำเป็นต้องระวังทุกการเคลื่อนไหวของศัตรู
“…อ้อ เพราะอย่างนี้นี่เอง”
อเลฮาฉีกยิ้มออกมา
เมื่อเขาประเมินพื้นที่รอบๆตัวหมาก เขาก็เข้าใจเจตนาของคริสแตนด์อย่างรวดเร็ว
การเคลื่อนไหวที่แปลกประหลาด——การเคลื่อนไหว ‘ที่ไม่เหมือนกับคริสแตนด์’ ครั้งนี้
“มันคงเป็นยุทธวิธีร่วมกับทัพหลวงหน้าโง่ของศัตรูล่ะสิท่า พวกเขาพยายามจะสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำ”
นี่ไม่ใช่แผนของโบแกน
อเลฮามองเห็นภาพรวมในการเคลื่อนไหวของกองทัพคริสแตนด์
เมืองหลวงของศัตรูกำลังตกอยู่ในความวุ่นวายเรื่องรัชทายาท พวกเขาจึงถูกบังคับให้ทำอะไรซักอย่างแม้ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้
คงมีการลงความเห็นให้รีบยึดวัลเฟไนท์กลับคืนมาโดยเร็ว ทัพหลวงของราชอาณาจักรจึงต้องคิดแผนนี้ขึ้นมา
และโบแกนก็ได้รับสั่งให้สนับสนุนด้วยการสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำ
“เพื่อจะกั้นคูน้ำรอบวัลเฟไนท์เนี่ยนะ ไม่อยากเชื่อว่านี่คือคริสแตนด์ผู้โด่งดัง”
การกั้นแม่น้ำเป็นงานที่ยากลำบาก
เขื่อนจะกลายเป็นจุดสำคัญที่เป็นรองแค่ศูนย์บัญชาการ ทำให้พวกเขาต้องแบ่งกำลังพลมาคุ้มกัน
ทั้งๆที่กำลังเสียเปรียบด้านจำนวน แต่กลับทำเรื่องพรรค์นี้โดยที่ฝ่ายจักรวรรดิยังเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระถือเป็นความคิดที่สะเพร่าอย่างมาก
“…อย่างนี้นี่เอง ถ้าเช่นนั้น”
“ใช่ มันถึงเวลาแล้ว ถึงเป้าหมายของเราคือการถ่วงเวลา แต่ถ้าเราสามารถเอาชนะกองทัพคริสแตนด์ได้ จักรวรรดิจะได้เปรียบอย่างมาก… ถึงขุนพลจะยอดเยี่ยม แต่อาณาจักรกลับเป็นฝ่ายที่ไร้หัวคิด ช่างน่าเวทนานัก”
อเลฮาหงุดหงิดใจกับหน้าที่ถ่วงเวลานี้มาโดยตลอด
ถึงเขาจะพ่ายแพ้ให้กับโบแกน แต่ความเคารพในตัวเขาก็มีแต่จะเพิ่มพูนขึ้น
นั่นเป็นสาเหตุที่อเลฮารู้สึกพึงพอใจในการตัดสินใจครั้งนี้
“เราจะวางกองกำลังไว้ทางตะวันออก ขั้นแรกเราจะทำลายเขื่อนและหยุดยั้งแผนของศัตรูซะ ถึงความเสียหายจากการข้ามแม่น้ำจะมีมาก แต่เกียรติยศอันยิ่งใหญ่กำลังรอคอยเราอยู่ จักรวรรดิจะไม่ต้องลิ้มรสความพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของคริสแตนด์อีกต่อไป”
เหล่าทหารฉีกยิ้มและกำหมัดแน่นขณะที่ฟังคำประกาศกร้าวของอเลฮา
พวกเขาเอาชนะศัตรูที่แข็งแกร่งมามากมายภายใต้การบัญชาอันไร้ที่ติของอเลฮา
และได้เห็นทักษะนั้นจากการจู่โจมและเข้ายึดพื้นที่แบบสายฟ้าแลบมาแล้ว
ผู้ติดตามของเขาต่างเห็นว่าอเลฮาควรได้เป็นหัวหอกในการบุกลงใต้ด้วยซ้ำ —— พวกเขาจึงยินดีกับโอกาสในครั้งนี้อย่างมาก
ความนิยม ความเชื่อใจ และความศรัทธาที่อเลฮาสั่งสมมาคือหลักฐานถึงเก่งกาจของเขา
ตราบใดที่ทำตามเขา ทุกอย่างจะต้องลุล่วงไปได้ด้วยดี—— ผู้ติดตามที่ซื่อสัตย์ไม่เคยคิดเคลือบแคลง
“ครับผม!”
นั่นเป็นสาเหตุที่ไม่มีใครคัดค้านความคิดที่เหมือนโยนข้อได้เปรียบทิ้งไปอย่างง่ายดายนี้
และพวกเขากำลังย่างเข้าสู่สมรภูมิที่จะไม่มีวันได้กลับออกมา
============================================
——การส่งข่าวล่าช้า
ถึงจะมีสปายและหน่วยสอดแนมคอยเก็บข้อมูลของข้าศึกอยู่
แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็เป็นคนธรรมดา ต่อให้มีม้า ถ้าระยะทางไกลก็ยังต้องใช้เวลา
และเมื่อการส่งข่าวล่าช้า การตอบสนองก็จะล่าช้าตามไปด้วย
เมื่อกองทัพจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์เอลส์เรนมาถึง พื้นที่ทั้งหมดก็กลายเป็นโคลนตมไปหมดแล้ว
น้ำเอ่อล้นตลิ่งขึ้นมาจากแม่น้ำเบซเรนทางตะวันตกและเข้าท่วมพื้นดินโดยทั่ว
พื้นที่เป็นดินเหนียวทำให้ร่างของเหล่าทหารหุ้มเกราะจมลึกไปถึงข้อเท้า
สร้างความเหนื่อยล้าและไม่สบายตัวอย่างมาก
แม้แต่อเลฮาเองก็ไม่มั่นใจว่านี่เป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือเปล่า
ไม่หรอก ลึกๆแล้ว เขาก็เริ่มหวั่นใจ——
บางทีศัตรูอาจเป็นฝ่ายล่อเขามาที่นี่
แต่ไม่ว่ายังไง เขาต้องหยุดการสร้างเขื่อนให้ได้ และด้วยเหตุนั้นเขาต้องมาที่นี่
เพราะอเลฮามองว่ามันคือการสนับสนุนการบุกยึดวัลเฟไนท์
เขาจึงจำเป็นต้องตัดสินใจ
ถ้าจะพูดตามตรง เพราะว่าอเลฮารู้จัก โบแกน คริสแตนด์ ดียิ่งกว่าใคร เขาเลยคิดว่าการเคลื่อนทัพที่ฉุกละหุกและแปลกประหลาดนี้เป็นเพราะคำสั่งจากเมืองหลวงของราชอาณาจักร
ตอนนี้จักรวรรดิกำลังได้เปรียบด้านจำนวน
พวกเขายึดครองพื้นที่ได้มากมายจากการโจมตีแบบสายฟ้าแลบและราชอาณาจักรที่อยู่ในสภาวะเป็นอัมพาตทางการเมืองก็ไม่สามารถตอบโต้ได้
ถ้ากองทัพของคริสแตนด์พ่ายศึกที่นี่ ราชอาณาจักรจะไม่เพียงแค่โต้กลับไม่ได้ แต่จะต้องถึงคราวล่มสลายลงเป็นแน่
ไม่ว่านายพลคนไหน หากยังมีสติดีก็ย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าทุกการตัดสินใจคือความรับผิดชอบอันใหญ่หลวง
คงไม่มีใครคิดว่าคนที่อยู่ในจุดจุดนั้นจะเลือกย้ายสนามรบมาที่นี่เพียงเพื่อจะลดข้อได้เปรียบของศัตรูและจู่โจมกลับ และเหนือสิ่งอื่นใด อเลฮารู้ดีว่าโบแกน คริสแตนด์เป็นคนที่ระมัดระวังตัวมากกว่าใคร
อเลฮาไม่ใช่นายพลหัวทึบ
เขาเป็นคนมีความสามารถ และถ้าได้สั่งสมเวลาและประสบการณ์ให้มากกว่านี้ เขาคงได้เป็นสุดยอดขุนพลที่จะได้จารึกชื่อลงในประวัติศาสตร์
แต่ครั้งนี้เขายังอ่อนประสบการณ์และไม่รู้จักทบทวนการตัดสินใจของตัวเอง
นั่นแหละคือจุดเปลี่ยน
ต่อให้แม่น้ำถูกกั้น วัลเฟไนท์ก็ยังเป็นปราการที่แข็งแกร่ง
ต่อให้เป้าหมายของโบแกนเป็นไปตามที่อเลฮาคิด จักรวรรดิก็ยังรับมือได้อย่างง่ายดาย
อเลฮาควรจะตระหนักถึงความโง่เขลาในการย่างกรายเข้ามาในที่แห่งนี้ ล่าถอย และตั้งแนวป้องกันตามเดิม
แต่เขายังหนุ่มและแสวงหาเพียงความสมบูรณ์แบบ
อเลฮาตั้งค่ายที่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำกับคริสแตนด์ แต่เขาไม่ได้เข้าโจมตี
แม่น้ำในบริเวณนี้ทั้งกว้างและตื้น พื้นแม่น้ำส่วนมากเป็นหินกรวด ถึงจะยังมีน้ำอยู่แต่ก็สามารถบุกฝ่าไปได้
แต่ถ้าอเลฮาส่งทหารเข้าไปตอนนี้ มีความเป็นไปได้ว่าศัตรูจะพังเขื่อนทิ้งและพวกเขาจะได้รับความเสียหายอย่างหนักจากน้ำหลาก
การโจมตีโดยไม่คิดหน้าคิดหลังเป็นสิ่งที่อันตราย
พวกทหารเองก็กำลังเหนื่อยล้าจากการเดินทัพลุยโคลน
ตลอดทางมีรถลากติดหล่มหลายต่อหลายครั้งจนเขาต้องให้หน่วยทหารม้าเข้าไปช่วย
กองกำลังของเขาจึงกระจัดกระจายและไม่สามารถเข้าโจมตีในทันทีได้
“…ไอ้นั่นมันอะไรน่ะ?”
แต่เมื่อมาถึง ก็มีปัญหาใหม่ประเคนให้อเลฮา
ที่ริมตลิ่ง —— ทางทิศตะวันตกที่กองทัพปีกขวาของข้าศึกประจำการอยู่
มีป้อมปราการกำลังถูกสร้างขึ้นแบบลวกๆ
มันหยาบจนดูเหมือนรั้วผุๆมากกว่าป้อมปราการ
แต่การมีอยู่ของมันก็ยังถือเป็นอันตราย
พวกเขาหาทรัพยากรมาทำของแบบนี้ในระยะเวลาแค่ไม่กี่วันได้ยังไง ——
เมื่อเขาหันไปทางแม่น้ำ อย่างนี้นี่เอง อเลฮาจ้องมองกลับมาที่ป้อมปราการ
พวกเขาคงโยนท่อนซุงที่ตัดบนภูเขาลงในแม่น้ำแล้วให้มันไหลมาก่อนที่จะสร้างเขื่อนสินะ
พวกเขาคงจะรีบทำให้มันเสร็จเร็วๆ ดูจากเพดานที่เป็นแค่กิ่งไม้สานกันบางๆ ที่กำแพงก็มีรูโหว่เต็มไปหมด เป็นแค่ซุงที่ถูกตอกไว้กับพื้นโดยเว้นระยะห่างเท่าๆกันและมัดติดกันด้วยเชือก
แต่แค่กิ่งไม้ก็เพียงพอที่จะหยุดลูกธนูได้ กำแพงก็เพียงพอที่จะถ่วงเวลาการโจมตีและหยุดทหารม้าได้
ถ้ามันสร้างเสร็จเมื่อไหร่ มันจะกลายเป็นภัยคุกคามอันใหญ่หลวงแน่
ป้อมนี้ถูกสร้างในที่ที่เหมาะกับการข้ามแม่น้ำที่สุด ถ้าเลยจากตรงนั้นไปแม่น้ำจะแคบและลึกขึ้น กระแสน้ำเองก็รุนแรงกว่าอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งหมายความว่าสนามรบทางฝั่งซ้ายถูกปิดตาย
ถ้าให้อ้อมก็คงจะยาก
เมื่อเห็นการเตรียมการที่คาดไม่ถึงของศัตรูเช่นนี้ ความวิตกกังวลของอเลฮาก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นไปอีก
============================================
พอแปลบทที่ไม่มีคริชแล้วมันเนื่อยๆยังไงไม่รู้ เพื่อไม่ให้ค้างเลยแถมให้สองตอนเลยแล้วกัน!
เพราะหายไปนานเลยไม่รู้ว่าลืมตอนเก่าๆไปแล้วรึเปล่า คงต้องย้อนกลับไปอ่านกันก่อนแล้วล่ะครับ55555