ตำนานจอมราชันย์อหังการ - บทที่ 120 โลหิตของหลวงจีนผู้นี้มีปัญหา!
บทที่ 120 โลหิตของหลวงจีนผู้นี้มีปัญหา!
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของจินอวิ๋นซาน ศิษย์ของหอสวรรค์คู่ก็พากันกล่าวดูถูกและสาปแช่ง
ทว่าหลวงจีนผู้นั้นก็เพียงยืนอยู่ตรงนั้นเงียบ ๆ ครู่หนึ่ง จากนั้นก็มองไปที่ลู่เฉิน “ไม่ว่าเจ้าจะมาเองหรือถูกเขาจับมา เจ้าก็จำต้องฟังข้าเดี๋ยวนี้!”
”ฟัง? เจ้ามีสิทธิ์อันใด?” รอยยิ้มของลู่เฉินดูประหลาดนัก จนทำให้หลวงจีนขมวดคิ้วแน่น “เจ้าไม่กลัวข้าลงมือหรือ?”
“เจ้าไม่มีความสามารถหรอก!”
คำพูดของลู่เฉินทำให้ศิษย์ของหอสวรรค์คู่เดือดดาล และบางคนถึงกับตะโกนว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าท่านผู้นำของเราทรงพลังเพียงใด?”
“เจ้าหนุ่ม ข้าแนะนำให้เจ้ายอมเสียดี ๆ มิฉะนั้นพลังธรรมท่านผู้นำของเราจะทำให้เจ้าคุกเข่าลงและร้องขอความเมตตา!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลู่เฉินพลันฉีกยิ้ม “พลังธรรม? ข้าว่าควรเปลี่ยนเป็นมารมากกว่ากระมัง!”
เมื่อเห็นลู่เฉินดูถูกท่านผู้นำของพวกเขา ทุกคนก็แทบอยากจะพุ่งเข้าไป แต่จินอวิ๋นซานกลับพูดอย่างกระวนกระวายว่า “ผู้นี้บ้าไปแล้ว แม้แต่ท่านผู้นำก็ไม่เห็นอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ!”
ทางด้านหลวงจีน เขาเองก็ตกใจเมื่อได้ยินคำว่ามาร ทว่าก็รีบสงบลงอย่างรวดเร็วแล้วกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าเราต้องปรับความคิดกันเสียหน่อยแล้ว!”
จากนั้นหลวงจีนก็สวดมนต์
ฉับพลันนั้น เจดีย์สีทองขนาดใหญ่ก็ได้บินขึ้นมาบนท้องฟ้า ก่อนจะเกิดเสียงดัง ตู้ม!
แล้วลู่เฉินก็ถูกเจดีย์ ‘รวบ’ ไปทันที!!
ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดีกับภาพตรงหน้า
ส่วนหลี่ว์ซือพลันขมวดคิ้ว จนกระทั่งลู่เฉินหัวเราะออกมาจากในเจดีย์แล้วเอ่ยว่า “หลวงจีน เข้ามาคุยกันสิ ไม่อย่างนั้นหากทุกคนรู้เกี่ยวกับการฝึกฝนวิถีมารของเจ้า คงจะแย่แน่!”
วิถีมาร?
ทุกคนคิดว่าลู่เฉินกำลังใส่ร้ายท่านผู้นำ แต่ฝั่งหลวงจีนกลับกลัวว่าลู่เฉินจะพูดมากกว่านี้ เขาจึงรีบกระโดดเข้าไปในเจดีย์ทันที
จากนั้นแสงสีทองของเจดีย์สูงก็เปล่งแสงวาววับ ทำให้ทุกคนไม่ได้ยินเสียงภายใน และไม่สามารถรับรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในเจดีย์สูงนั้น
แต่คนด้านล่างเหล่านั้น พวกเขาต่างก็พากันเข้าใจว่าลู่เฉินตายไปแล้ว
ทว่าภายในเจดีย์นั้น ลู่เฉินกำลังยืนนิ่งพลางส่งยิ้มให้กับหลวงจีนที่เดินเข้ามา “เจ้ารู้จักตำหนักวิญญาณสวรรค์ดีหรือไม่? ข้าสงสัยนักว่าเหตุใดพวกเขาถึงสั่งให้จับข้า?”
“ข้าไม่รู้!” เห็นได้ชัดว่าหลวงจีนต้องการเพียงทำภารกิจให้เสร็จ และไม่อยากยุ่งกับเรื่องอื่น
ทว่าลู่เฉินกลับเอ่ยว่า “เรื่องของโถงพิสุทธิ์ ณ เขตที่หนึ่ง และการล่มสลายของพันธมิตรแมลงสวรรค์ในเขตที่หก เจ้าคงรู้แล้วสินะ?”
“ข้าได้ยินมา แต่มันเกี่ยวอะไรกับการจับกุมเจ้า?” หลวงจีนถามกลับ
เมื่อเห็นว่าหลวงจีนไม่รู้เรื่องนี้ ลู่เฉินจึงอธิบาย และดวงตาของหลวงจีนก็เบิกกว้างทันทีหลังจากได้ยิน “เป็นไปไม่ได้ เจ้าอยู่ในขั้นสร้างรากฐานเท่านั้น เจ้าจะเอาชนะผู้นำทั้งสองคนนั้นได้อย่างไร แล้วเจ้าจะแก้การควบคุมของศิลาวิญญาณโลหิตได้อย่างไร?”
“ไม่เชื่อหรือ?” ลู่เฉินหยิบป้ายสัญลักษณ์วิญญาณสวรรค์ออกมาสองแผ่น
เมื่อเห็นเลขหนึ่งและหกหลังแผ่นป้าย หลวงจีนก็หน้าเปลี่ยนสีทันที
”ถ้าเจ้าอยากเป็นอิสระ ก็ส่งป้ายสัญลักษณ์วิญญาณสวรรค์มาให้ข้า แล้วข้าจะปลดปล่อยทุกคน และแม้แต่โลหิตของเจ้าก็จะถูกบีบออกจากศิลาวิญญาณโลหิต!” ลู่เฉินเกลี้ยกล่อม
“เหตุใดข้าต้องเชื่อเจ้า?” หลวงจีนถามอย่างเป็นกังวล
”เพราะเจ้าทำอันใดข้าไม่ได้!” คำพูดของลู่เฉินทำให้หลวงจีนคิดว่าอีกฝ่ายบ้าเกินไปแล้ว ดังนั้นหลวงจีนจึงมองไปรอบ ๆ แล้วพูดว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่นี่คือที่ใด?”
”มันคือภายในศาสตราวุธวิถีพุทธ! ใช่หรือไม่?” ลู่เฉินสามารถบอกได้ทันทีว่านี่คือศาสตราวุธวิถีพุทธ เพราะผลของมันก็คือการทำให้พวกวิถีภูตผี ปีศาจ และมารอ่อนแอลง
“ถูกต้องแล้ว! ศาสตราวุธวิถีพุทธ!”
ลู่เฉินมองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม “เจ้าควรรู้ว่าศาสตราวุธวิถีพุทธมีผลแค่กับภูตผีปีศาจเท่านั้น แต่มันไม่มีผลกับข้า!”
“แต่มีคนบอกว่า เจ้าฝึกฝนวิถีภูตผี!” หลวงจีนจ้องเขม็ง
ลู่เฉินหัวเราะอย่างขมขื่น “แล้วเจ้าล่ะ? กลายเป็นมารแล้วใช่หรือไม่? เจ้าไม่กลัวที่จะถูกเจดีย์พุทธนี้โจมตีหรือ?”
“ข้าเป็นนายของมัน ดังนั้นมันย่อมไม่มีทางโจมตีข้า!” หลวงจีนพูดอย่างมั่นใจ
ทว่าลู่เฉินกลับส่ายหัวและแสยะยิ้ม “นั่นก็ไม่แน่เสมอไป!”
หลังจากพูดจบ ลู่เฉินก็คุกเข่าลงยังถ่ายเทปราณลงบนพื้น ทำให้หลวงจีนผู้นั้นสงสัย
”นั่นเจ้ากำลังทำอันใด?”
“ข้าจะทำให้มันตัดการเชื่อมโยงกับเจ้า!” ลู่เฉินยิ้มอย่างชั่วร้าย ก่อนที่อักขระยันต์ประหลาดจำนวนนับไม่ถ้วนพลันเปล่งแสงสว่างวาบในเจดีย์ทันที
หลังจากที่หลวงจีนหายจากอาการตกตะลึง เขาก็ลองควบคุมเจดีย์อย่างรวดเร็ว แต่กลับพบว่าเจดีย์นี้คล้ายกับว่าขาดการเชื่อมโยงกับเขาอย่างไรอย่างนั้น!
”นี่… นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“มันคือวิธีการผนึกศาสตราวุธชนิดหนึ่ง” ลู่เฉินถอนมือกลับมา ก่อนจะยืนขึ้นและฉีกยิ้ม
หลวงจีนที่ได้ฟังดังนั้นก็พลันตกใจและมองไปที่ลู่เฉินอย่างแปลกประหลาด “เจ้า… เจ้าเป็นใครกันแน่!”
“ไม่สำคัญว่าข้าเป็นใคร สิ่งสำคัญคือเจ้าอยากเป็นอิสระหรือไม่? เจ้าอยากที่จะออกจากการควบคุมของตำหนักวิญญาณสวรรค์หรือไม่?”
หลวงจีนพลันกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “การทรยศต่อตำหนักวิญญาณสวรรค์จะมีจุดจบไม่สวยแน่!”
หลังจากพูดจบ เขาก็หยิบสร้อยไข่มุกที่คล้องคอออกมา ก่อนจะโยนมันออกไป ทำให้ไข่มุกที่ถูกร้อยไว้กระจัดกระจาย และพากันพุ่งทะยานเข้าโจมตีไปทางลู่เฉิน!
ลู่เฉินพลันฉีกยิ้มแปลก ๆ พลางใช้ออกด้วย ‘กำแพงพันชั้น’ และเนื่องจากเขาสร้างชั้นรากฐานได้หกสิบหกชั้นแล้ว ดังนั้นจึงสามารถสร้างกำแพงได้แปดสิบหกชั้นเช่นกัน!
และเมื่อไข่มุกเหล่านี้กระทบกับผนังทีละชั้น มันก็มีเพียงห้าสิบชั้นแรกเท่านั้นที่แตกออก ส่วนประมาณสามสิบชั้นหลังนั้นไม่บุบสลายเลยสักนิด
สิ่งนี้ทำให้หลวงจีนเบิกตากว้าง “นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร!”
ลู่เฉินจ้องมองไข่มุกเหล่านั้นและฉีกยิ้มกว้าง “ดูสิ หลังจากที่เจ้าฝึกฝนวิถีมาร ไข่มุกเหล่านี้ก็กลายเป็นสีม่วงอ่อนแล้ว”
หลวงจีนชำเลืองมองแวบหนึ่ง และแน่นอนว่าไข่มุกสีทองเหล่านี้มีสีม่วงอ่อน ๆ แฝงอยู่ แต่เขาก็ยังยืนกรานว่า “แล้วอย่างไร?!”
“หรือเจ้าไม่อยากหลุดพ้น?”
”แม้ว่าข้าจะได้อิสรภาพกลับคืนมา แต่ข้าก็ยังเป็นมารอยู่ ดังนั้นการเป็นอิสระหรือไม่ย่อมไม่ต่าง!” หลวงจีนผู้นั้นเอ่ยอย่างช่วยไม่ได้
แต่ลู่เฉินกลับพูดว่า “ถ้าข้าบอกว่าข้ากำจัดไอมารในร่างให้เจ้าได้ล่ะ?”
“กำจัดไอมาร? หมายความว่าอย่างไร?”
”เจ้าถูกควบคุมโดยศิลาวิญญาณโลหิตทำให้กลายเป็นมาร แต่ข้าก็มีวิธีที่จะกำจัดไอมาร และทำให้เจ้ากลับสู่สถานะขอผู้ฝึกตนวิถีพุทธได้”
“เป็นไปไม่ได้!” หลวงจีนรู้ว่าสิ่งนี้ไม่อาจย้อนกลับไปได้
“ไม่ลองแล้วจะรู้ได้อย่างไร?”
คำพูดของลู่เฉินทำให้หลวงจีนกระตือรือร้นขึ้นมา ส่วนลู่เฉินก็ได้หลอกล่อเพิ่มว่า “ความตั้งใจเดิมของเจ้าในการเข้าร่วมวิถีพุทธคืออันใด? เจ้าเต็มใจที่จะกลายเป็นมารหรือ? เจ้าเป็นหลวงจีนคนหนึ่งมิใช่หรือ? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าท่านอาจารย์และญาติของเจ้ารู้เข้า?”
คำพูดเหล่านี้ราวกับกระทบจิตใจของหลวงจีนอย่างหนัก ทำให้เขาเหม่อลอยไปเล็กน้อย “ข้า… ข้าจะไม่ไปเจอพวกเขาอีกแล้ว!”
”ฟังข้านะ เจ้าสามารถกำจัดไอมารได้ และเจ้าก็สามารถกลับไปพบพวกเขาได้!”
คำพูดของลู่เฉินทำให้หลวงจีนเอ่ยอย่างประหลาดใจว่า “เหตุใดข้าต้องเชื่อเจ้า!”
“นำป้ายสัญลักษณ์วิญญาณสวรรค์ออกมา แล้วข้าจะทำให้เจ้าเชื่อในตัวข้า!”
ครั้งนี้หลวงจีนรู้สึกใจเต้น เขาจึงหยิบป้ายสัญลักษณ์วิญญาณสวรรค์ที่สลักเลขสองเอาไว้ออกมา ส่วนลู่เฉินก็รับไป และปล่อยเงาโลหิตของคนอื่น ๆ ในหอสวรรค์คู่ออกมา
ซึ่งหลังจากเห็นหยาดโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาและกระจายออกทีละหยด หลวงจีนก็พลันตกใจ “นี่มัน!”
”ดูสิ ข้าได้ปลดปล่อยคนอื่น ๆ ไปแล้ว”
หลวงจีนมีท่าทีคล้ายไม่อยากจะเชื่อ แต่ในขณะนี้ทุกคนในหอสวรรค์คู่ต่างก็ตกตะลึง และบางคนยังคงตะโกนอยู่ข้างนอก
เสียงตะโกนนี้ได้ยินเข้ามาข้างใน ทำให้หลวงจีนถึงกับตกตะลึง “เขา… เขามีความสามารถจริงหรือ?”
”เจ้าเองก็มาสิ!” ลู่เฉินมองไปที่หลวงจีน
หลวงจีนไม่มีทางเลือกอื่นอีก เขามองไปทางชายหนุ่มแล้วถามว่า “ข้าต้องทำอย่างไร?”
“เอาโลหิตของเจ้าออกมาหยดหนึ่ง!”
”ของข้า?” หลวงจีนมีสีหน้าสงสัย ส่วนลู่เฉินก็พยักหน้า “โลหิตหยดเดียว ข้าสามารถใช้มันดูดโลหิตของเจ้าออกจากศิลาวิญญาณโลหิตได้!”
หลวงจีนที่ได้ฟังก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะบีบให้โลหิตออกมาหยดหนึ่ง
ทว่าเมื่อลู่เฉินสัมผัสหยดโลหิตนั้น สิ่งที่คาดไม่ถึงก็พลันเกิดขึ้น!!