ตำนานจอมราชันย์อหังการ - บทที่ 119 คิดไม่ถึงว่าผู้นำนี้จะเป็นหลวงจีนตัวน้อย!
- Home
- All Mangas
- ตำนานจอมราชันย์อหังการ
- บทที่ 119 คิดไม่ถึงว่าผู้นำนี้จะเป็นหลวงจีนตัวน้อย!
บทที่ 119 คิดไม่ถึงว่าผู้นำนี้จะเป็นหลวงจีนตัวน้อย!
จินอวิ๋นซานกระวนกระวายขึ้นมาทันทีที่ถูกหลี่ว์ซือจับตัวไว้ เขาตะโกนออกมาสุดเสียง “อย่า!! อย่าทำร้ายข้า!”
ลู่เฉินจ้องเขม็งพลางเอ่ยถามว่า “ยอมแพ้แล้วหรือ?”
”ยะ ยอมแล้ว!”
และยามนี้ลู่เฉินก็สร้างชั้นรากฐานได้หกสิบเอ็ดชั้นแล้ว ทว่าลู่เฉินยังไม่คิดจะปล่อยอีกฝ่าย และยังคงถามต่อไปว่า “เม็ดยาไร้เทียมทานนั่น เจ้าเอามาจากที่ใด?!”
”เม็ดยา… เม็ดยาไร้เทียมทาน!” จินอวิ๋นซานตกใจมากจนหมวกเกราะของเขาตกลงพื้น เผยให้เห็นหัวโล้นที่เกลี้ยงเกลา
หัวโล้นรึ?
หลังจากที่ลู่เฉินและหลี่ว์ซือมองหน้ากัน จินอวิ๋นซานก็รีบพูดว่า “นั่น… นั่นมัน…”
”พูดถึงเม็ดยาไร้เทียมทาน!” ลู่เฉินไม่สนใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายถึงหัวโล้น เขาสนใจแค่เรื่องเม็ดยาไร้เทียมทานเท่านั้น
“ข้า… ท่านผู้นำของข้ามอบให้มา บอกว่าหากใช้มันแล้วก็จะทำให้จับเจ้าได้แน่!”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ ลู่เฉินก็ยิ่งรู้สึกงสับสนมากขึ้น “มีเม็ดยาชนิดนี้จึงคิดที่จะใช้? ไม่สู้หาผู้ฝึกตนขั้นหลอมแก่นแท้มาจัดการกับข้าไม่ง่ายกว่าหรือ? แต่กลับให้เจ้ามางั้นรึ?”
“คนที่อยู่ในขั้นหลอมแก่นแท้… มะ ไม่ว่าง!”
“เพราะเหตุใด?”
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ถึงอย่างไรเสียเมื่อไม่นานมานี้ ผู้ที่อยู่ในขั้นหลอมแก่นแท้ก็หายตัวไป ส่วนผู้อยู่ในขั้นสร้างรากฐานก็ตามหาผลไม้สีดำไปทั่ว ดังนั้นจึงส่งข้าซึ่งเป็นผู้สร้างรากฐานที่แข็งแกร่งที่สุดมาหาเจ้า!”
ลู่เฉินเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว จึงให้หลี่ว์ซือปล่อยตัวอีกฝ่าย
ทันทีที่ถูกปล่อยตัว ขาของจินอวิ๋นซานคล้ายอ่อนแรง เขากลัวมากจนเกือบจะทรุดตัวลงกับพื้น แต่ลู่เฉินกลับแทรกปราณเข้าไปในร่าง และหลังจากที่รับรู้ถึงมันได้แล้ว จินอวิ๋นซานก็พลันเงยหน้าจ้องมองลู่เฉิน ปากก็อ้อนวอนอย่างขลาดกลัว “ข้า… ข้ายอมแพ้แล้ว เจ้าอย่าสังหารข้าเลย!”
”จงนำทางไป!”
“ไปที่ใด?” จินอวิ๋นซานไม่เข้าใจ
”หอสวรรค์คู่ ไปพบผู้นำกลุ่มกองกำลังของเจ้า!”
“อันใดนะ?!” จินอวิ๋นซานตกตะลึง
ลู่เฉินไม่ตอบ เขาเพียงจ้องไม่วางตา ทำให้จินอวิ๋นซานไม่กล้าถามอะไรอีก ได้แต่รีบหยิบหมวกเกราะขึ้นมาสวมแล้วพูดว่า “ข้า… ข้าจะนำทางไป!”
จากนั้นจินอวิ๋นซานก็เดินนำไป
ส่วนหลี่ว์ซือ ขณะนี้เขารู้สึกงุนงงเล็กน้อย ลู่เฉินจึงเอ่ยว่า “ข้าจะไปพบกับผู้นำของหอสวรรค์คู่สักประเดี๋ยว”
”เพราะเหตุใด?”
“เพราะข้าอยากรู้ว่าผู้นำนั่นเอาเม็ดยาไร้เทียมทานมาจากที่ใด!”
หลังจากที่หลี่ว์ซือเข้าใจแล้ว เขาก็ไม่ได้ถามอะไรอีก เพราะรู้ว่าลู่เฉินมีความสามารถมากพอที่จะจัดการผู้นำของกลุ่มกองกำลังเหล่านั้น ดังนั้นเขาจึงเพียงเดินตามไปอย่างเงียบ ๆ
…
ราว ๆ สองถึงสามชั่วยามต่อมา ทั้งสามก็มาถึงเชิงเขาของหอสวรรค์คู่
ด้านในมียอดเขาสูงอยู่สองยอด และยังมีสะพานเชื่อมระหว่างยอดเขา
จินอวิ๋นซานชี้ไปยังยอดเขาที่เตี้ยกว่าแล้วพูดว่า “ขึ้นไปที่นั่น แล้วเดินไปฝั่งตรงข้าม นั่นคือที่พักของท่านผู้นำ”
”ไปกันเถอะ” ลู่เฉินบอกให้เขานำทาง
แต่ระหว่างที่จินอวิ๋นซานเดินไป เจ้าตัวก็พลันเอ่ยอย่างตะกุกตะกักขึ้นมา “ทะ ท่านผู้นำของเรา… เขาดุร้ายมาก!”
แต่ลู่เฉินกลับไม่มีท่าทีสนใจคำพูดนั้นเลยสักนิด
จินอวิ๋นซานจึงทำได้เพียงนำทางไปอย่างจนปัญญา
ระหว่างทาง เมื่อผู้คนของหอสวรรค์คู่เห็นจินอวิ๋นซานพาลู่เฉินมาด้วย หลายคนก็คิดว่าจินอวิ๋นซานสามารถ ‘จับกุม’ ลู่เฉินได้แล้ว พวกเขาจึงพากันกล่าวแสดงความยินดี
“พี่จิน ท่านช่างร้ายกาจยิ่งนัก!”
”พี่จิน ขอแสดงความยินดีด้วยขอรับ!”
“พี่จิน ท่านผู้นำจะต้องตอบแทนท่านอย่างหนักแน่นอน!”
คำชมเหล่านี้ทำให้จินอวิ๋นซานรู้สึกกระดากอาย แต่เขาก็คิดว่าเช่นนี้ก็ไม่เลวนัก อย่างน้อยลู่เฉินก็ต้องการพบท่านผู้นำเอง และเมื่อท่านผู้นำเห็นว่าเขาพาลู่เฉินมาได้ บางทีท่านผู้นำอาจจะให้รางวัลเขาจริง ๆ ก็ได้!
ด้วยเหตุนี้จินอวิ๋นซานซึ่งก่อนหน้านี้มัวแต่กังวลจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที
ส่วนลู่เฉิน เขาไม่สนใจว่าคนเหล่านี้จะพูดอะไร แต่สำหรับผู้สร้างรากฐานบางคน หากหนึ่งในคนพวกนี้เป็น ‘เป้าหมาย’ ที่ชายหนุ่มต้องการ ลู่เฉินก็จะสร้างโอกาสให้อีกฝ่ายได้กล่าวยอมแพ้ต่อเขา!!
ในตอนแรก คนเหล่านี้คิดว่าลู่เฉินบ้าไปแล้ว ถึงขั้นกล้าหาเรื่องหอสวรรค์คู่
ทว่าผู้ใดจะรู้ว่าจินอวิ๋นซานกลับพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “แค่ยอมรับความพ่ายแพ้ เรื่องก็จบแล้วไม่ใช่หรือ?”
”ศิษย์พี่จิน นี่คือที่ของเรา เหตุใดต้องยอมรับความพ่ายแพ้ให้เขาด้วย?” ศิษย์คนหนึ่งปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ จินอวิ๋นซานจึงโกหกไปว่า “ท่านผู้นำอยากพบเขาโดยเร็ว หรือเจ้าจะยอมเสียเวลาให้เขาประลองกับเจ้า?”
“เขาเป็นนักโทษอยู่แล้ว ถ้าเขาไม่ซื่อสัตย์ ท่านก็เพียงจัดการเขาก็จบแล้วมิใช่หรือ?” ชายคนนั้นถึงกับงุนงง
คนอื่น ๆ ก็ไม่พอใจเช่นกัน
แต่เพื่อให้คำโกหกดูสมจริง จินอวิ๋นซานจึงพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ท่านผู้นำกล่าวว่า อย่าให้พวกเราทำร้ายเขา”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น คนอื่น ๆ จึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องจำยอมรับความพ่ายแพ้ไปทีละคน
ขณะที่อีกด้านหนึ่งก็ได้มีกลุ่มศิษย์มากมายขึ้นเขามาเพราะอยากรู้ว่าลู่เฉินจะถูกผู้นำจัดการอย่างไร!
และด้วยเหตุนี้เอง ลู่เฉินจึง ‘เอาชนะ’ ผู้ที่อยู่ในรายชื่อไปได้หลายคน
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ลู่เฉินสามารถสร้างชั้นรากฐานได้หกสิบหกชั้นแล้ว!
แต่ดูเหมือนว่าจะถึงขีดจำกัดบางอย่างเข้าให้ เพราะคนส่วนใหญ่ที่พบในภายหลังต่างเป็นผู้ที่มีรากวิญญาณที่มีธาตุและดาวในระดับเดียวกัน
และการทำซ้ำเช่นนี้ไม่มีประโยชน์สำหรับลู่เฉิน ชายหนุ่มจึงขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจพวกเขา
ทว่าจินอวิ๋นซานกลับรู้สึกลนลาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นศิษย์กลุ่มใหญ่ล้อมรอบอยู่ เขาก็รู้สึกใจฝ่อ แต่ลู่เฉินที่ติดตามมามีท่าทีเหมือนไม่อยากให้หยุด ทำให้เขาหวาดกลัวจนจำใจต้องนำทางต่อไป
สุดท้ายจินอวิ๋นซานก็มาอยู่ด้านข้างสะพานด้วยสีหน้าหวาดกลัว และเดินนำลู่เฉินไปที่ฝั่งตรงข้ามของสะพาน กระทั่งมาหยุดอยู่ที่หน้าตำหนักขนาดใหญ่หลังหนึ่ง
ตำหนักหลังนี้มีลักษณะเหมือนวัดวาอาราม
ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังได้ยินเสียงเคาะไม้ดังมาจากข้างในอีกด้วย
ป๊อก ๆ ๆ!
เมื่อได้ยินเสียงนี้ จินอวิ๋นซานก็ถอดหมวกเกราะออก เผยให้เห็นศีรษะโล้น ๆ ของเขา และพูดด้วยความเคารพไปทางประตูของตำหนักใหญ่ว่า “ท่านอาจารย์ ข้านำคนมาแล้วขอรับ!”
ครู่ต่อมา หลวงจีนคนหนึ่งก็เดินออกมา
หลวงจีนรูปนี้ดูมีอายุไล่เลี่ยกับลู่เฉิน แต่ขั้นพลังของเขากลับอยู่ในขั้นก่อกำเนิดแล้ว ทว่าเพราะถูกจำกัดด้วยแดนวิญญาณ พลังที่แผ่ออกมาจึงอยู่ในขั้นหลอมแก่นแท้ระดับสมบูรณ์พร้อมเท่านั้น
ไม่เพียงเท่านั้น ที่คอของหลวงจีนยังมีสายประคำสีทองเส้นเล็ก ๆ สวมอยู่ และมีจุดสีแดงเล็ก ๆ แต้มอยู่บนหน้าผาก
”ประสกท่านนี้ ท่านรู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าถึงจับท่านมา?” หลวงจีนตัวน้อยจ้องมองลู่เฉินขณะเอ่ยถาม
”ตำหนักวิญญาณสวรรค์ขอให้เจ้าทำสิ่งนี้ใช่หรือไม่” ลู่เฉินมองไปที่หลวงจีน และหลังจากพิจารณาอีกฝ่ายแล้ว เขาก็พบว่าคนผู้นี้มีรากวิญญาณสวรรค์ระดับห้าดาว!
นี่เป็นรากวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ลู่เฉินได้พบหลังจากกลับมายังมหาทวีปจิ่วโหยว
คำพูดของลู่เฉินทำให้หลวงจีนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงมีท่าทีสงบและเอ่ยว่า “ถูกต้อง!”
”ถ้าอย่างนั้นข้าจะไม่พูดเรื่องไร้สาระกับเจ้า!” น้ำเสียงของลู่เฉินดูไม่เหมือนนักโทษเลยสักนิด ดังนั้นผู้คนที่อยู่รอบ ๆ จึงเริ่มถกเถียงกัน
“เจ้าหนุ่มนี่… เขาไม่บ้าไปหน่อยหรือ? กล้าดีอย่างไรมาพูดกับผู้นำของเราแบบนั้น?”
“ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริง ๆ!”
“รอดูว่าเขาจะถูกผู้นำของเราจัดการอย่างไร!”
ใบหน้าของจินอวิ๋นซานซีดเผือดไร้สีเลือดด้วยกลัวว่าจะมีใครรู้ความจริง
หลวงจีนมองไปที่ลู่เฉินด้วยความประหลาดใจ “เจ้าถูกพวกเราจับมา กล้าดีอย่างไรถึงได้ทำตัวไม่เชื่องเช่นนี้?”
“ถูกจับ? ใครบอกว่าข้าถูกจับมา?”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้เผยออกมา ทุกคนก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
หลวงจีนจึงหันมองไปที่จินอวิ๋นซานด้วยความสงสัย ส่วนจินอวิ๋นซานก็เอ่ยอย่างตะกุกตะกักว่า “ท่าน ท่านผู้นำ เป็น… เป็นเขาที่ต้องการมาพบท่าน!”
หลังจากที่ทุกคนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็แสดงท่าทีดูถูกทันที!
“พี่จิน เมื่อครู่พี่โกหกพวกเราหรือ?”
“มิน่าล่ะ ถึงได้อยากให้เรายอมแพ้ให้เขา!”
“ที่แท้ก็เป็นเพราะตัวเองพ่ายแพ้เขาก่อน!”
จินอวิ๋นซานรีบอธิบายให้หลวงจีนฟังทันทีว่า “ท่านผู้นำ เขา… เขาร้ายกาจเกินไป!”
หลังจากพูดจบ จินอวิ๋นซานก็ถอยหนีไปด้วยความตกใจ ไม่กล้าที่จะเข้าใกล้ลู่เฉินและหลี่ว์ซือ