ดี-เจเนซิส : สามปีหลังจากดันเจียนปรากฏขึ้น - ตอนที่ 31 เล่ม 2 ทำความเข้าใจภาษาต่างโลก (7)
- Home
- All Mangas
- ดี-เจเนซิส : สามปีหลังจากดันเจียนปรากฏขึ้น
- ตอนที่ 31 เล่ม 2 ทำความเข้าใจภาษาต่างโลก (7)
ชั้น 8, โยโยกิดันเจี้ยน
หลังจากสลัดหนีพวกที่สะกดรอยตามได้เเล้ว พวกเราก็ไปถึงบันไดที่ตรงไปสู่ชั้น 9 ที่นี่มีทั้งคูน้ำว่างๆเเละกำเเพงดินอยู่ทั่วบริเวณทำให้มันดูคล้ายกับเป็นฐาน เเน่นอนว่าไม่มีโรงเเรมอะไรพวกนี้หรอก เเต่ผมก็คิดว่าร้านเเผงลอยก็ยังดูน่าตลกอยู่ดี เพราะมันเหมือนหลุดออกมาจากนิยายชัดๆ
จากชายที่ทำงานอยู่ที่เเผงลอยเล่าให้ฟัง พวกเขาจะมีสองทีมที่คอยผลัดกันมาในสองวัน มีนักสำรวจจำนวนไม่น้อยที่สามารถมายังชั้น 8 ได้ การขายอาหารที่นี่จึงมีกำไรดีทีเดียว
“นักสำรวจก็ต้องกินไอนี่ใช่ไหมล่ะ” ชายคนนั้นถามพลางยื่นเนื้อย่างเสียบไม้มาให้พวกเรา
“เนื้อออร์คหรอ” ผมถาม
“หมูนี่เเหละ”
ถึงจะมีออร์คอยู่ที่ชั้น 8 เเต่เนื้อของมันก็ไม่ได้ดรอปง่ายสักเท่าไร เเถมเอากลับไปที่พื้นโลกจะได้กำไรดีกว่าด้วย
เเต่เนื้อย่างไม้เดียวราคาตั้งหนึ่งพันเยนเนี่ยนะ ผมคิดว่าอาจจะเป็นเพราะสถานที่ด้วย ผมส่งเเบงค์พันเยนให้ชายคนนั้นสองใบ โดยจ่ายให้มิโยชิด้วย
นอกจากจะต้องมีใบอนุญาตทำการค้าเเล้ว นักสำรวจมีสองวิธีที่จะจ่ายเงิน นั่นคือเงินสดเเละการจ่ายผ่านบัตรของ WDA สำหรับอย่างหลัง เงินจะถูกถอนออกอัตโนมัติจากบัญชีที่ถูกผูกไว้กับบัตร เเต่ทว่าไม่สามารถใช้จ่ายได้เกินครั้งละหนึ่งเเสนเยน เเละยังจะมีค่าภาษีเเละค่าดำเนินการถูกหักออกจากบัญชีเป็นจำนวนหนึ่งร้อยเยนทุกครั้งด้วย
จำนวนนี้ไม่เเตกต่างจากค่าธรรมเนียมของตู้ATMมากนัก ผู้คนก็เลยคิดว่ามันสะดวกดี เเต่การทำรายการพวกนี้ค่อนข้างที่จะเปิดเผย ไม่ได้เก็บข้อมูลเป็นส่วนตัวอะไร
อีกอย่างการทำรายการภายในดันเจี้ยนจะสำเร็จก็ต่อเมื่อกลับขึ้นไปบนโลกเเล้ว เพราะข้างล่างนี่มันไม่มีอินเตอร์เน็ตนี่เเหละ
“อาจจะสุกเกินไปหน่อย เเต่ก็อร่อยกว่าที่คิดนะ” มิโยชิวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาในระหว่างที่เคี้ยวเนื้อย่างเสียบไม้ “บางทีมันอาจจะขึ้นอยู่กับบรรยากาศก็ได้”
ตอนนี้เวลาบ่ายเเก่ๆ หมดเวลาของว่างเเล้ว พวกที่สะกดรอยตามมาก็คลาดกับพวกเราเรียบร้อย ตอนนี้ไม่เจอพวกเขาอยู่ในขอบเขตการตรวจจับ พวกเราคืนไม้เสียบเเละพูดขอบคุณ จากนั้นก็ตรงไปยังบันไดที่จะลงไปยังชั้นเก้า
“นายจะลงไปชั้นเก้าด้วยชุดเเบบนั้นเรอะ?” ชายที่ทำงานที่ร้านค้าเเผงลอยถาม
บางทีเขาอาจจะเห็นชุดของเราผ่านผ้าคลุมก็ได้
***
“B08 นี่คือ18 ฉันถึงชั้น 8 เเล้ว เปลี่ยน”
“นี่คือ B08 เป้าหมายพึ่งลงไปที่ชั้นเก้า เปลี่ยน”
“B08 ล้อเล่นใช่ไหม ยังไงก็เร็วเกินไปเเล้ว เปลี่ยน”
“ฉันมั่นใจ พวกเขาเป็นชายหญิงที่ใส่เครื่องป้องกันเริ่มต้น มั่นใจเลยว่าผู้หญิงคือเป้าหมายของเรา มิโยชิ อาซึสะ เปลี่ยน”
ในเงามืดห่างจากร้านเเผงลอย ชายคนขายเนื้อย่างกำลังนั่งพูดอยู่กับหูฟัง
“เข้าใจเเล้ว” อีกฝั่งนึงตอบ “ฉันจะตามไปให้เร็วที่สุด เเล้วก็ฉันเจอคนอื่นๆที่อยู่ในสายงานเดียวกันด้วย ฝั่งนั้นก็ระวังด้วย เเค่นี้ล่ะ เปลี่ยน”
ชายคนนั้นยืนขึ้น “ไม่อยากจะเชื่อว่าพวกเขาล่วงหน้าทีมสอดเเนมของพวกเราไปชั้นนึงเต็มๆ“ เขามองไปที่บันไดที่ดี-พาวเวอร์สพึ่งลงไปเเละพูดกับตัวเอง “พวกเขาเป็นใครกันเเน่เนี่ย”
ชั้นเก้า, โยโยกิดันเจี้ยน
พวกเรามาถึงชั้นเก้าเเล้ว เเทนที่มันจะเป็นป่าดงดิบ มันน่าจะคล้ายป่าที่เติบโตเต็มที่เเล้วมากกว่า ที่นี่มีบรรยากาศของญี่ปุ่นอยู่ มีต้นบีชญี่ปุ่นสูงเเละมีพื้นที่ระหว่างต้นเป็นจำนวนมาก
สกิลตรวจจับเจอมอนสเตอร์จำนวนหนึ่ง ส่วนมากจะเป็นพวกหมูป่าเเละหมี จากข้อมูลของเรา ชั้นนี้มีทั้งออร์คเเละฟอเรสวูลฟ์ ตอนนี้จำนวนการฆ่าของผมอยู่ที่ 66 หลังจากอีก 33ตัว ผมจะจัดการมอนสเตอร์ตัวไหนก็ได้ที่ต้องการ
ทุกคนเกลียดชั้นสิบเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นตอนกลางคืน เเต่ว่าไปค้างที่นั่นสักครั้งก็น่าจะสนุกดี
ระหว่างที่คิดเเบบนั้นอยู่ พวกเราก็เดินไปทางบันไดที่จะลงไปชั้นสิบ มิโยชินั้นคอยปล่อยลูกเหล็กไปตลอดทางเพื่อทำการทดสอบอะไรหลายๆอย่าง เธอสามารถใช้มันตามใจชอบเพราะการโจมตีโดยใช้สโตเรจนั้นไม่ใช้MP เถมเราก็มีลูกเหล็กเหลือเฟือด้วย
ชั้นนี้มีคนจำนวนไม่น้อย ตราบเท่าที่คอยหลบเลี่ยงโคโลเนียลวอม ออร์คเเละคิงบอร์นั้นเป็นเป้าหมายอันเเสนโอชะ ถ้าจัดการพวกมันได้น่ะนะ เเต่ว่าเพราะฝูงคน บอลเหล็กจึงสะดวกกว่าใช้เวทมนตร์ เพราะด้วยรูปร่างของมัน เราสามารถเเสร้งว่าใช้เครื่องยิงหนังสติ๊กได้
มองผ่านๆเเล้วนักสำรวจคนอื่นๆจะมากันเป็นปาร์ตี้ ปาร์ตี้ละประมาณ 4 ถึง 6 คน มีเเวนการ์ดที่ช่วยหยุดมอนสเตอร์ เเละมีมิดเดิ้ลการ์ดที่ใช้หอกหรือค้อน เเละสุดท้ายก็มีเรียลการ์ดที่ใช้หน้าไม้ ธนูหรือปืน นี่จะเป็นรูปแแบบที่พบได้เยอะที่สุด
“จากที่ได้ยินมา SDF จะสร้างเเนวป้องกันด้วยโล่ เเล้วก็จะคอยยิงปืนใส่ศัตรูด้วยปืนเล็กอย่างต่อเนื่อง” มิโยชิพูด
“พวกเขาใช้ type-89s รึเปล่า”
“จากข่าวลือ จะเป็น type-19s ของโฮวะ”
งั้นพวกเขาก็ทดสอบรุ่นใหม่ในดันเจี้ยนน่ะสิ ก้เป็นไปได้นะเพราะมีมอนสเตอร์รูปร่างคล้ายคนเยอะ
ระหว่างที่พยายามจะไม่เป็นที่สนใจจากชุดป้องมันมือใหม่ พวกเราก็มาถึงบันไดทางลงไปชั้นสิบ อีกไม่นานตะวันก็น่าจะตกดินเเล้ว
ฐานทัพที่ดีระดับหนึ่งนั้นตั้งอยู่ที่ชั้น 8 ข้างบันไดไปยังชั้น 9 เพราะเหตุนี้ นักสำรวจส่วนมากที่จะค้างคืนในดันเจี้ยนจะไปอยู่ที่นั่น หรือก็คือจะไม่มีใครอยู่เเถวๆบันไดชั้น 10
พวกเราจึงลงบันไดไปชั้น 10 โดยไม่สนใจตะวันที่กำลังจะตกดิน
สำนักงานใหญ่ JDA, อิจิกายะ
“หัวหน้าเเผนกคะ มีโทรศัพท์จากภายนอกเข้ามาที่สายที่สามค่ะ” พนักงานกล่าว
ไซกะถอนหายใจ “นึกว่าจะได้กลับบ้านเร็วเเล้วซะอีก”
“เเย่สุดๆเลยใช่ไหมล่ะคะ”
พอได้ยินเเบบนั้น ไซกะก็สงสัยว่าเขาไปทำพลาดอะไรตอนไหนในการฝึกฝนพนักงานรึเปล่า พอคิดถึงเรื่องนี้ ตราบเท่าที่พวกเขาเปลี่ยนมาใช้ความสัมพันธ์เเบบหัวหน้า-ลูกน้อง เวลามีคนนอกอยู่ด้วย การสนิทกันก็ไม่น่าจะใช่เรื่องเลวร้ายอะไร
พนักงานคนนั้นยื่นโทรศัพท์ให้ไซกะ
“ครับ ไซกะพูดครับ”
มีน้ำเสียงค่อนข้างหนักเเน่นดังของเจ้าหน้าที่จากSDFมาจากอีกฝั่ง
“อ้อ คุณเทราซาวะ ไม่ได้คุยกันนานเลยนะครับ ครับๆ อะไรนะครับ ตอนนี้เลยหรือครับ?”
ไซกะสังเกตเห็นพนักงานหญิงทำไหล่ตก เขายิ้มเงียบๆ ไม่มีใครอยากได้งานยุ่งยากตอนเวลาจะกลับบ้านหรอก
“คุณมีเวลาไม่มากหรือครับ อย่างนี้นี่เอง…เข้าใจเเล้ว” ไซกะมองนาฬิกาบนผนัง ตอนนี้เข็มนาฬิกาชี้ไปที่ใกล้เลขหกเเล้ว “หนึ่งทุ่มได้ไหมครับ อืม เข้าใจเเล้ว เเน่นอน งั้นเอาไว้คุยกันนะครับ”
พอไซกะวางสาย พนักงานคนนั้นพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง “ถ้าต้องอยู่พบใครหลังจากนี้ ให้ฉันอยู่ด้วยไหมคะ”
“ฉันจะไปพบเขานอกออฟฟิศ เธอกลับบ้านไปเถอะ เเต่ก็ขอบคุณ”
“ขอบคุณค่ะ เจอกันพรุ่งนี้นะคะ” พนักงานคนนั้นตอบด้วยท่าทีโล่งใจ
เธอโค้งให้เเละเตรียมตัวออกจากออฟฟิศ
ถนนที่สาม เขตที่ห้า ชินจูกุ
รถเเท๊กซี่กำลังเข้าสู่ถนนอิไดจากโทมิฮิสะโจ ก่อนที่จะออกไปยัง ชิบะชินจูกุโอจิไลน์ รถนั้นเลี้ยวซ้ายที่สี่เเยกสุดท้ายของถนน ตรงไปนิดหน่อยเเละเลี้ยวขวาเเล้วไปจอดที่ตึกที่มีกำเเพงสีขาวล้วน
ถ้าไซกะไม่ได้ถูกบอกมาเรื่องบาร์เเห่งนี้มาก่อน เขาต้องลังเลที่จะเดินผ่านประตูไปเเน่เพราะมันค่อนข้างมีเเสงน้อย เเต่ทว่าเขาก็ดึงประตูที่หนักนิดหน่อยเปิดเข้าไปยังตัวอาคาร ซึ่งมีชื่อมาจากค็อกเทลเก่าๆ
เขาเจอเทราซาวะนั่งอยู่ที่เคาเตอร์ด้านในสุด เขายกมือขึ้นเป็นการทักทาย บาร์เทนเดอร์เห็นดังนั้นจึงดึงเก้าอี้ที่นั่งข้างเทราซาวะออกมาให้
“ที่นี่ดีนะ ผ่อนคลายดี” ไซกะพูด
“ช่วงค่ำที่นี่จะว่างตลอด ต้องขอบคุณเรื่องนี้”
ที่เคาเตอร์มีสิบที่นั่ง บางทีบาร์อาจจะพึ่งเปิดเลยไม่มีลูกค้าอยู่เลยเเม้เเต่คนเดียว
เขาหยิบกระดาษที่ถูกยื่นมาให้เเละเขียนออเดอร์ไปเป็นจินเเอนด์โทนิค “เเล้วอยากจะคุยกันเรื่องอะไรล่ะ” ไซกะเริ่มเข้าเรื่อง
คิดว่าเทราซาวะน่าจะอยากคุยเรื่องออร์บเข้าใจภาษาต่างโลก เเต่ว่าเขากลับชวนมาที่ที่ๆไม่เกี่ยวข้องกับJDAหรือกระทรวงกลาโหมเลยสักนิด ไซกะเลยเดาไม่ถูกว่าเขาอยากจะคุยเรื่องอะไรกันเเน่
“ทำไมนายถึงดูอยู่เฉยๆไม่ทำอะไรเลย” เทราซาวะถาม
เทราซาวะคิดขึ้นมาได้อย่างนึง เขาอาจจะเเกล้งทำตัวไร้พิษสงก็ได้ ถ้ามีใครสักคนที่จะหาออร์บเข้าใจภาษามาได้คนเเรก คนๆนั้นก็อาจจะเป็นเขานี่เเหละ – หัวหน้าฝ่ายการจัดการดันเจี้ยน
เมื่อไม่นานมานี้ เทราซาวะติดต่อไซกะไป ขอให้เขาตามหาออร์บเข้าใจภาษาต่างโลก หลังจากนั้นเเค่ครึ่งเดือน สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ออร์บนั้นกำลังถูกนำไปประมูล เทราซาวะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นได้เเค่อย่างเดียวคือไม่น่าจะเป็นไปได้ เเต่ถ้ามีดี-พาวเวอร์สเข้ามาเกี่ยว ไซกะก็น่าจะต้องเกี่ยวข้องอะไรสักอย่าง
“คุณหมายความว่ายังไง” ไซกะถาม
เทราซาวะไม่ได้ตอบตรงๆ เขากำมือที่วางอยู่บนโต๊ะ “คนอย่างนายน่าจะทำได้ดีกว่านี้ สำหรับฉัน เหมือนนายตั้งใจที่จะทำให้เกิดสถานการณ์เเบบนี้”
เมื่อได้ยินดังนั้น ไซกะก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เขาจิบจินเเอนด์โทนิคของเขา กลิ่นของมะนาวลอยมาเเตะจมูก ช่วยฟื้นฟูจิตใจที่เหนื่อยล้า
“ถ้าคุณพูดถึงออร์บภาษา คุณประเมินผมสูงเกินไปเเล้ว” ไซกะดื่มเครื่องดื่มอึกใหญ่ จากนั้นก็พูดต่ออย่างที่ดูก็รู้ว่าไม่จริงใจ “ผมว่าคุณรู้อยู่เเล้วว่ามีหลายประเทศที่พร้อมจะสู้กันเพื่อเเย่งออร์บนี้ หัวหน้าฝ่ายตัวเล็กๆอย่างผมจะไปทำอะไรกับสถานการณ์เเบบนี้ได้ ถ้ามีใครสักคนอยากได้รายงาน ผมก็ส่งต่อไป”
ไซกะชี้นิ้วขึ้นไปด้านบนเหมือนกำลังสื่อว่า “เเน่นอนว่าส่งต่อไปยังเบื้องบน”
“เเต่นายไม่ได้ติดต่อฉันที่เป็นคนร้องขอเรื่องนี้เลย สำหรับฉันเเล้วนี่เหมือนเป็นการตั้งใจทำอะไรบางอย่าง”
“คุณประเมินผมสูงเกินไปอีกเเล้ว เท่าที่ผมรู้ ออร์บนั่นยังไม่ได้ถูกหาเจอเลยนะ”
ไซกะเเค่ถามหัวหน้าของเขาว่า “ถ้าเจอออร์บเเล้วเราจะทำยังไง” เเน่นอนว่าเขาวางเเผนที่จะให้ผู้บริหารมิซุโฮะได้ยินเรื่องนี้เช่นกัน ไม่ใช่เเค่หัวหน้าโดยตรงของเขา เรื่องนี้อาจจะผิดธรรมชาติสักหน่อย
“เเต่ถึงยังไงดี-พาวเวอร์ก็ประกาศการประมูลเเล้ว ก่อนที่พวกเขาจะทำเเบบนั้นก็น่าจะติดต่อไปที่ออฟฟิศของนาย”
“ผมเเค่ถามหัวหน้าเรื่องการเจรจาขั้นต้น อย่างเช่นเราควรทำยังไงถ้าหาออร์บเจอ เราควรจะซื้อไหม นอกเหนือจากนั้นไม่ใช่เรื่องของผม”
เหมือนเขาจะคอเเห้ง ไซกะจึงดื่มจิมเเอนด์โทนิคของเขาจนหมดเเก้ว จากนั้นก็หันหน้าไปหาเทราซาวะเเล้วถามว่า “ผมควรจะทำอะไรอีกล่ะ”
“เเล้วทำไมผลมันถึงได้ออกมาโง่เง่าเเบบนี้ล่ะ” เทราซาวะถาม หลังจากเขาได้ยินเรื่องจากทานากะ เขาก็หงุดหงิดมาตลอด
“นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะต้องกังวล”
เทราซาวะจ้องไซกะอย่างสงสัย ไซกะจะต้องเป็นคนสร้างสถานการณ์นี้ ควบคุมเวลาเเละสถานที่ที่จะมีการประชุมอย่างไม่ต้องสงสัย
พอการพูดคุยหยุดลง บาร์เทนเดอร์ก็เข้ามารับออเดอร์ครั้งที่สอง เทราซาวะกระซิบว่า “มอลต์ที่นี่ดีมากเลยนะ”
ขวดเครื่องดื่มชั้นดีวางเรียงกันบนชั้นหลังประตูกระจก เเม้ว่าจะอยู่ในที่เเสงน้อย ไซกะก็ยังเห็นขวดที่เด่นสะดุดตาได้ ราคาของมันสูงขั้นทุกปี ทำให้ไซกะอดที่จะห่วงราคาของมันในตอนนี้ไม่ได้ เเต่ถ้าเทราซาะเเนะนำ ราคาก็น่าจะสมเหตุสมผล เเต่ทว่าเวลาหัวค่ำเเบบนี้ เขายังไม่สามารถดื่มเครื่องดื่มเเรงๆได้
“สำหรับตอนนี้ยังเร็วเกินไป”
ไซกะหัวเราะพร้อมพูดคำพูดอันเเสงโด่งดังของ เทอรรี่ เลนน็อกซ์จากเดอะลองกู๊ดบาย เเละสั่งวิสกี้ผสมน้ำ พอบาร์เทนเดอร์ถามเขาว่าต้องการเครื่องดื่มเเบบไหน เขาก็ขอเมนูเเนะนำของร้าน บาร์เทนเดอร์จึงหยิบขวดของเดอะเฟมัสเกราส์เเละเริ่มทำเครื่องดื่มด้วยความคล่องเเคล่ว
“ดี-พาวเวอร์สลงไปยังโยโยกิเช้าวันนี้” ไซกะพูด “การประมูลก็จะยังไม่เริ่มขึ้นจนกว่าจะถึงพรุ่งนี้ โดยความเป็นจริงเเล้ว ของที่จะนำมาประมูลอาจจะยังไม่มีจริงเลยด้วยซ้ำ เเต่ทั่วโลกก็เริ่มเคลื่อนไหวเหมือนกับว่าพวกเขาเจอออร์บเเล้วอย่างนั้นเเหละ ไม่คิดว่ามันผิดปกติหรือ”
เทราซาวะเห็นด้วยอย่างมาก ตั้งเเต่เดือนธันวาคม หน่วยข่าวกรองทั่วโลกก็จับต้องดี-พาวเวอร์สอย่างไม่วางตา นี่เป็นเรื่องจริง เเต่มาถึงขั้นนี้เเล้ว จะไปย้อนหาความก็ไม่ใช่เรื่อง ตอนนี้เทราซาวะต้องการเเค่อย่างเดียวคือ ทำให้สิทธิการซื้อออร์บของญี่ปุ่นกลับคืนมา วันนี้เขาก็มาเพราะเรื่องนี้
“ไซกะ อย่างที่นายบอก การประมูลยังไม่เริ่มจนกว่าจะถึงบ่ายสองโมงวันพรุ่งนี้ในเวลาญี่ปุ่น”
ไซกะตั้งศอกกับโต๊ะ เขาหยิบเเก้วเครื่องดื่มมาดื่มเเละฟังเทราซาวะเงียบๆ ไม่ได้หันไปมองคนพูด
“หรือก็คือยังมีเวลา ถ้าเราเร่งมือ ก็น่าจะหยุดการประมูลเเละ-”
“เทราซาวะ”
ไซกะขัดจังหวะขึ้นมา หลังจากฟังอยู่เงียบๆจนถึงตอนนี้ เทราซาวะจึงหยุดพูดเเละจ้องไปที่เขา
“ถ้าเราสามารถชดเชยพวกเขาได้อย่างเหมาะสม ผมจะออกไปตอนนี้เเล้วก้มหัวให้พวกเขา ร้องขอให้หยุดการประมูลทันที พวกเขาอาจจะยอมก็ได้”
ที่จริงเขาก็ไม่มั่นใจว่าดี-พาวเวอร์จะยอมฟังหรือไม่ เเต่ทว่าเขาก็เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับออร์บเข้าใจภาษานี้ เขาอาจจะให้นารุเสะทำเป็นร้องไห้ไปอ้อนวอน ถ้าเขาทำทั้งสองอย่างนี้ ดี-พาวเวอร์ก็น่าจะยอมรับง่ายๆ
“ถ้าเป็นอย่างนั้น-” เทราซาวะพูด
“ถ้าได้ออร์บมาเเล้วจริงๆ คุณจะทำยังไง” ไซกะขัด
“หมายความว่ายังไง ด้วยความปลอดภัยของชาติเเละความมั่นคงทางการฑูต การมีไพ่ตา-”
“ไพ่ตายงั้นหรอ” ไซกะขัดอีกครั้ง กระเเทกเเก้วลงที่เคาเตอร์ “ลองคิดถึงผลที่ตามมาดู ถ้าญี่ปุ่นมีออร์บนี้ขึ้นมาจริงๆ เราจะต้องบังคับให้ใครใช้มัน นักวิชาการ เจ้าหน้าที่รัฐ หรือสมาชิกของJDA? หรือบางทีอาจจะเป็นทหารสักคนของSDFกันล่ะ”
พอญี่ปุ่่นครอบครองออร์บได้เเล้ว ที่เหลือก็จะขึ้นอยู่กับนักการเมือง เทราซาวะไม่ได้คิดถึงเรื่องหลังจากนั้น เขาเลยไม่สามารถตอบคำถามไซกะได้
“ฟังนะ” ไซกะพูดต่อ “ไม่ว่าเราจะบังคับใครให้ใช้ออร์บนั่น โอกาสที่คนๆนั้นจะใช้ชีวิตอย่างปกติจะหายไปทันที”
คนๆนั้นจะสามารถเข้าถึงภาษาที่มีเเต่เขาที่เข้าใจ ถ้าสิ่งที่เขาอ่านออกนั่นมันมีความลับอันยิ่งใหญ่อยู่ เขาจะกล้าเเปลมันไหม ถึงจะกล้า คนอื่นๆจะเชื่อรึเปล่า สุดท้ายเเล้วจะสักกี่คนที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยการเเบกความสงสัยของมวลมนุษยชาติเอาไว้ได้ โดยเฉพาะที่ประเทศแห่งนี้
“ถึงจะเป็นเเบบนั้น ก็ต้องมีใครสักคนมาทำหน้าที่นั่น” เทราซาวะพูด
“ก็อาจจะจริง” ไซกะหยุดพูดตรงนี้ เขากำลังคิดถึงคำพูดของเทราซาะวะที่อัดเเน่นไปด้วยสำนึกต่อหน้าที่ ดังนั้นเขาจริงเปลี่ยนทิศทางของบทสนทนา “ถ้างั้น เทราซาะวะ คำว่า ‘เพื่อประโยชน์ของญี่ปุ่น’ อะไรที่ทำให้คุณนึกถึงคำพูดนี้”
“ก็ บอกได้ว่าเป็นธรรมชาติงานของฉันเอง”
เทราซาวะดูเหมือนจะลังเล นึกถึงการโต้เถียงไร้สาระเกี่ยวกับการที่ญี่ปุ่นจะซื้อออร์บภาษา เเต่สุดท้ายเเล้วเขาก็ตอบออกมา การเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเชื่อกับการบังคับความเชื่อนั่นให้คนอื่นเป็นคนละเรื่องกัน
ไซกะส่ายหัว “อย่างนั้นเองหรือ เเล้วการได้ออร์บมามันจะดีต่อญี่ปุ่นจริงรึเปล่า”
“หมายความว่ายังไง” เทราซาวะหันหน้าไปหาไซกะ
“ถึงออร์บจะถูกนำไปประมูลจริง เเต่ก็จะมีเเค่สองลูกในโลกนี้ เพราะฉะนั้นถ้ามีบทเเปลไหนที่ต่างกัน ก็จะนำมาซึ่งการโต้เถียงไม่รู้จบ”
เทราซาวะพยักหน้า
“ถ้าเกิดมันเกิดขึ้นมาจริงๆ ญี่ปุ่นจะมีพลังที่จะทำให้ทั้งโลกเชื่อว่ารัสเซียกำลังโกหกอยู่หรือ”
“ตะวันตกจะต้องสนับสนุนญี่ปุ่น” เทราซาะวะตอบ “อย่างน้อยพวกเขาก็เชื่อเราถึงขนาดนั้น”
“เเล้วความเชื่อนั้นมาจากที่ไหนกันเเน่”
“ฉันคงจะตอบว่า ‘มาจากความพยายามของคนญี่ปุ่นหลังจบสงครามโลกครั้งที่สอง’ เเต่สุดท้ายเเล้วก็คงจะเป็นผลของความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจที่ญี่ปุ่นเเละอเมริการ่วมมือกันมา”
ญี่ปุ่นในบางทีอาจจะถูกขนานนามว่าเป็น “สุนัขที่ซื่อสัตย์ของอเมริกา” อยู่บ้าง เเต่ไม่ว่าจะยังไง ความร่วมมือกันถูกพิสูจน์เเล้วว่ามีประโยชน์อย่างเเน่นอน
ไซกะพยักหน้าเล็กน้อยเเล้วพูดต่อ “ถูกต้อง เเล้วถ้าฉันเป็นรัสเซีย ฉันก็จะ…ยอมอ่อนข้อในข้อพิพาทหมู่เกาะคูทิล”
“นั่นมันบ้าไปเเล้ว”
ถ้าเกิดขึ้นจริง มันก็จะเหมือนเป็นการจับมือกันระหว่างญี่ปุ่นกับรัสเซีย ถึงที่จริงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยก็เถอะ
“การเพาะความเคลือบเเคลงระหว่างญี่ปุ่นกับอเมริกาเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมใช่ไหมล่ะ”
เมื่อเวลาผ่านไป เเม้เเต่ความสงสัยเล็กๆน้อยๆในใจก็จะสามารถขยายใหญ่ทวีคูณได้ สุดท้ายเเล้ว ความไว้เนื้อเชื่อใจที่อมเริกามีต่อญี่ปุ่นก็จะสูญสลายไป
“หรือก็คือรัสเซียอาจจะใช้วิธีเเยกเเละพิชิตงั้นหรือ”
“ฟังนะ การมีออร์บเข้าใจภาษาก็เหมือนกับการมีไพ่โจ๊กเกอร์ จะหวังให้พวกฝ่ายต่างๆในสถาหรือพวกที่เเย่งชิงอำนาจกันรับมือน่ะ ไม่ไหวหรอก”
ตราบเท่าที่อเมริกา – ที่มีอำนาจทางการทหารเเข็งเเกร่งที่สุด – ยังไม่มีคนที่สามารถเเปลภาษาต่างโลกได้ละก็ พวกเขาจะต้องไม่อยู่เฉยเเน่ เทราซาวะจินตนาการได้เลยว่า อเมริกาจะต้องพยายามกดกันเราทุกๆทาง
“ฉันไม่เเนะนำหรอกนะ ประเทศเราก็มีรูปแแบบของเราเอง พอคนขายกลายเป็นรัฐเมื่อไร ก็จะมีความกดดันต่างๆตามมา เเต่ถ้าคนขายเป็นเเค่บุคคลธรรมดา การใช้อำนาจระดับประเทศมากดดันจะสามารถทำได้ยาก”
ทำเเบบนั้นก็เหมือนกับการใช้ปืนกลหนักมากระหน่ำยิงไรน้ำ ไม่เหมาะกับสถานการณ์
ไซกะดื่มวิสกี้ที่เจือจางลงเเล้ว “ให้สองชาติที่มีจุดยืนเดียวกันคอยจับตาดูกันเองเถอะ รัสเซียจะเปิดเผยสิ่งที่อเมริกาอยากจะซ่อน เเล้วอเมริกาก็จะทำอย่างเดียวกัน เป็นสมดุลยังไงล่ะ”
“ไม่เป็นห่วงว่าอเมริกากับรัสเซียจะรวมหัวกันหลอกประเทศอื่นอย่างนั้นหรือ”
ไซกะยิ้มอย่างชั่วร้ายเมื่อได้ยินคำถาม “ถ้าเป็นเเบบนั้นจริง โลกจะถูกควบคุมด้วยมหาอำนาจสองประเทศไม่ว่าจะมีออร์บหรือไม่มี ก็ไม่ต่างจากตอนนี้จริงไหมล่ะ”
เเน่นอน ถ้าอเมริกากับรัสเซียจับมือกัน คงไม่มีกำลังทางทหารที่ไหนในโลกจะต่อต้านได้เเน่
“เเน่นอนว่าเรานั่งอยู่ที่โต๊ะตัวเดียวกันเเละเล่นไพ่สำรับเดียวกัน เเต่สำหรับรัสเซียกับอเมริกาล่ะ พวกนั้นกำลังเล่นคนละเกมกับคนอื่นๆในโลกโดยสิ้นเชิง”
ไซกะยกเเก้วมาทางเทราซาวะ “ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ให้อเมริกาจั่วได้อีแก่ไปก็เเล้วกัน”