ดี-เจเนซิส : สามปีหลังจากดันเจียนปรากฏขึ้น - ตอนที่ 20 เล่ม 1 D-Powers, เริ่มทำงานได้ (10)
- Home
- All Mangas
- ดี-เจเนซิส : สามปีหลังจากดันเจียนปรากฏขึ้น
- ตอนที่ 20 เล่ม 1 D-Powers, เริ่มทำงานได้ (10)
15 พฤจิกายน 2018 (วันพฤหัส)
โยโยกิ-ฮาจิมัน
“หือ? รุ่นพี่ตื่นเช้าจังนะวันนี้”
พอผมเปิดประตูเข้าไปยังส่วนของออฟฟิศที่ชั้นหนึ่งก็เจอมิโยชิกำลังกินอาหารเช้าอยู่ เหมือนกับพวกเรานั้นเเทบไม่ได้ใช้ห้องกินข้าวส่วนตัวของตัวเองที่อยู่ที่ชั้นสองเลย
“ก็เตียงใหม่มันสบายจนหัวถึงหมอนปุปก็หลับปั๊ปเลยล่ะ”
“ก็เลยตื่นเช้าว่างั้น”
“ถูกต้อง”
“รุ่นพี่จะกินอาหารเช้าไหม เดี่ยวฉันทำออมเล็ตให้”
“เอาสิ ขอบคุณ”
ระหว่างที่กำลังปิ้งขนมปัง มิโยชิก็ทอดเบคอนเเละเริ่มทำออมเล็ต ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าว มองเธอทำอาหารอย่างเหม่อลอย
นี่มันเหมือนคู่เเต่งงานใหม่เลยไม่ใช่หรอ
ไม่ล่ะ ผมไม่เคยคิดอย่างนั้นสักนิด สาบานต่อหน้าหลุมศพเเม่ผมเลยก็ได้
ระหว่างที่กินข้าวเช้า ผมก็เปิดประเด็นขึ้นมา
“นี่ มิโยชิ”
“หือ?”
“เธอได้ลองใช้สโตเรจรึยัง”
“อื้อ ลองเเล้วล่ะ ทำเอานึกถึงโชว์มายากลเลย”
พอพูดจบ เธอก็ทำให้เเก้วกาเเฟบนโต๊ะหายไปทันที เเล้วก็ทำให้มันโผล่กลับมาใหม่ในอีกอึดใจถัดไป
“ความสามารถจะต่างกับวอลต์หน่อย สโตเรจจะไม่หยุดเวลาวัตุถาวร เเต่มีอย่างอื่นที่น่าสนใจเหมือนกัน”
จากนั้นเธอก็ไปหยิบนาฬิกาจับเวลาสองเรือนมาจากโต๊ะทำงานของเธอ กดเริ่มจับเวลาทั้งสองเรือนพร้อมกัน เหมือนว่าเธอซื้อพวกมันมาจากร้านร้อยเยนเพื่อมาทำการทดลองนี้โดยเฉพาะ
“ทีนี้ฉันจะเก็บเรือนนี้เข้าสโตเรจ จากนั้นก็รอหนึ่งนาที” มิโยชิพูดเเละทำให้นาฬิกาเรือนนึงหายไป
“เธอไปเป็นนักมายากลได้เลยนะ”
“ด้วยการทำให้วัตถุเล็กๆผลุบๆโผล่ๆน่ะหรอ อย่างมากก็ไปโชว์ได้เเค่ในบาร์นอกเมืองนั่นเเหละ”
หลังจากครบหนึ่งนาที มิโยชิก็เอานาฬิกาออกมาจากสโตเรจ เวลาของนาฬิกาเรือนนั้นพึ่งผ่านไป30วินาที
“เวลาช้าลงครึ่งนึงงั้นหรอ”
“ดูเผินๆเหมือนจะดีใช่มั้ยล่ะ เเต่พอจะเอามาใช้จริงๆก็ไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไร”
“พูดอะไรของเธอน่ะ ทำให้อาหารสดอยู่ได้นานขึ้นสองเท่าเลยเชียวนะ!”
“ถ้าเทียบกับวอลท์ที่หยุดเวลาได้โดยสมบูรณ์ นี่มันใช้ไมไ่ด้เลยนี่นา ทำให้ต้องมานั่งจัดการยุ่งยากอีก”
“นั่นมันเพราะเราเคยชินกับวอลท์เเล้วต่างหาก ถ้าเรามองเเค่ประโยชน์ของมัน สโตเรจก็ยังสุดยอดอยู่ดี ทำให้ยืดเวลาของออร์บออกไปได้เป็นสองวันเชียวนะ”
“อืมม จริงด้วย เราอยู่ในโลกที่มีเครื่องบินเจ็ทนี่ สองวันนี่สามารถไปที่ไหนก็ได้ทั่วโลกเลย”
“ใช่ เเต่ที่ฉันสงสัยมากกว่าก็คือความจุของมันนี่เเหละ”
ไม่รู้ว่ามันจะมีข้อจำกัดทางด้านขนาดหรือน้ำหนักไหม หรือว่ามีอะไรที่ไม่สามารถเอาไปเก็บในสโตเรจได้รึเปล่า
“เมื่อวันก่อนฉันลองทดลองดูว่ามีอะไรที่ใส่เข้าไปในวอลท์ได้หรือไม่ได้บ้าง”
“น่าสนใจดีนี่นา”
“มันเหมือนไอเท็มบ๊อกซ์ทั่วๆไปในนายายเเฟนตาซี ฉันไม่คิดว่ามันสามารถเก็บสิ่งมีชีวิตได้ เเต่ว่า….”
“ว่าไงนะ มันเก็บสิ่งมีชีวิตได้หรอ!”
“ใช่ เเต่มันเก็บมนุษย์ไม่ได้นะ ที่จริงฉันลองกับเธอมาเเล้ว”
“หาาาาาาาา!” มิโยชิร้อง “รุ่นพี่นี่เลวที่สุดเลย!”
“ฉันภาวนาให้มันไม่ได้ผล จริงๆนะ ถ้ามนุษย์สามารถเข้าไปอยู่ในวอลท์ได้ก็จะมีคำถามนึงเกิดขึ้น ถ้าฉันใส่ตัวเองเข้าไปล่ะ?”
ถ้ามิโยชิเข้าไปในวอลท์ได้จริง ผมคงอยากจะทดลองเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในวอลท์จนจะเป็นบ้าเเน่ๆ เพราะเวลาข้างในวอลท์นั้นหยุดนิ่ง มันเป็นไปได้ว่าผมอาจจะถูกขังอยู่ในนั้นตลอดกาล เเต่เเน่นอนว่าจะมีโอกาสเห็นโลกในอีกหลายพันปีข้างหน้าได้
“สรุปก็คือ ฉันไม่สามารถเอาเเมวกับหมาใส่เข้าไปในวอลท์ได้ เเต่จักจั่นมันได้น่ะ”
มิโยชิเอียงคอสงสัย “งั้นก็เเสดงว่าเราไม่สามารถใส่อะไรที่มีความฉลาดเกินระดับๆนึงได้หรอ”
“ไม่เเน่ใจเหมือนกัน ไม่ก็เพราะเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อ้อ ปลาก็เก็บได้นะ”
“ถ้าความฉลาดเป็นเงื่อนไขล่ะก็ รุ่นพี่น่าจะลองเอาฉันไปเก็บตอนที่กำลังหลับอยู่”
“ฉันไม่กล้าลองน่ะสิ ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอตื่นขึ้นมาในนั้น ยังไงก็ไม่น่าจะเป็นไปได้”
“เพราะวอลท์มันหยุดเวลาเอาไว้่ ฉันก็ไม่น่าจะตื่นในนั้นได้นะ หรือว่าจะเกี่ยวกับความซับซ้อนของระบบประสาท?”
“ฉันคิดว่ามันอาจจะเกี่ยวกับอะไรที่เป็นเมต้าฟิสิกส์มากกว่า พวกเจตจำนงอะไรทำนองนี้ เเต่สไลม์ก็ใส่เข้าไปไม่ได้เหมือนกัน ต้องมีข้อจำกัดอะไรเเน่ๆ”
“เป็นการทดลองที่น่าสนใจดีนะ”
“ใช่ น่าสนใจ เเต่ไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไร เเต่ยังไงก้ตาม ฉันลองเอาวัตถุยาวๆไปเก็บก็ทำได้ เหมือนวัตถุไม่ว่าจะยาวเท่าไรก็สามารถเก็บในวอลท์ได้ คิดว่าข้อจำกัดของมันน่าจะเป็นมวล”
“ก็มวลคือพลังงานนี่นา”
“เพราะงั้นสิ่งที่ฉันค้นพบก้คือ วอลท์สามารถเก็บอขงได้มากกว่า 10 ตัน เเต่น้อยกว่า 20 ตัน”
“รุ่นพี่ไปทดลองมาได้ยังไงเนี่่ย”
“ไปที่จอดรถบัสตอนกลางคืนมาน่ะ”
“ไปไหนมานะ!!”
“ส่วนมากรถบัสขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นเป็นมิซูบิชิ ฟุโซะแอโรสตาร์ มีน้ำหนักประมาณ10ตัน”
“ขอฉันถามอีกทีนะ ในตอนกลางคืนรุ่นพี่ใช้รถบัสเป็นหลักในการทดสอบวอลท์งั้นหรอ?”
“ก็ตามนั้นเเหละ คันเเรกเก้บได้ เเต่คันที่สองเก็บไมไ่ด้เเล้ว”
“เห้อออ” มิโยชิโยนขนมปังชิ้นสุดท้ายเข้าปากเเละถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ
เเยมที่เธอใช้ทาขนมปังค่อนข้างอร่อยเลยทีเดียว มันเป็นเเยมโฮมเมดจากร้านเบเกอรี่ท้องถิ่น มิโยชินั้นชอบของกินมากเเต่บางครั้งเธอก็ขี้เกียจ เธอชอบตามหาของอร่อยๆกินเเต่ว่าไม่ค่อยชอบทำอาหารเอง เธอมีข้ออ้างที่ว่า ‘ยังไงก็สู้เชฟมืออาชีพไม่ได้หรอก!’
“คงไม่มีใครคิดว่ารถบัสทั้งคันจะหายไป เเต่สิ่งที่ฉันคิดนะ คือวอลท์สามารถหยุดเวลาได้เเต่มีความจุน้อย ส่วนสโตเรจจะมีความจะมากเเต่เเค่ทำให้เวลาช้าคงครึ่งเดียว”
“งั้นเด๊่ยวฉันค่อยไปทดสอบสโตเรจบ้างละกัน ควรจะไปที่จอดรถเดียวกันนั่นไหม”
“ตรงนั้นมีรถบัสอยู่ประมาณ20คัน เป็นที่ๆใช้ทดลองได้ดีเลยล่ะ ไว้จะส่งที่อยู่ให้ทีหลังเเล้วกัน”
“โอเคค”
“เเต่ถ้าวัตุดิบสำหรับสร้างฐานดันเจี้ยนของเราหลักเกิน10ตันล่ะก็ ฉันน่าจะขนมันไม่ไหว”
“รุ่นพี่พูดถึงวัตถุดิบอะไรอยู่นะ”
“ฉันอยากจะสร้างพื้นที่อยู่อาศัยไว้ในตู้คอนเทนเนอร์ไว้ก่อน เเล้วเวลาจะใช้ก็เอาออกมาจากสโตเรจเเล้ววางไว้ในดันเจี้ยน”
“เป็นความคิดที่เยี่ยมมากเลย โคตรขี้เกียจ เเต่ก้ยังเยี่ยมอยู่ดี”
“พอเลย เเต่เรื่องการหมุนเวียนน้ำภายในตู้คอนเทนเนอร์มันก็ยากเหมือนกัน”
“รุ่นพี่…ทำอะไรกลางเเจ้งบ้างสักหน่อยมันก็ดีเหมือนกันนะ เเต่ว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวกับที่รุ่นพี่ขอให้ฉันสั่งของนั่นให้รึเปล่า”
ใช่ ผมขอให้มิโยชิซื้อรถRVให้
“หาได้ไหม?”
“ฉันลองติดต่อผู้ผลิตที่ดังๆในญี่ปุ่นเเล้วว่ามีรุ่นไหนให้เลือกบ้าง เเต่ไม่ว่าจะรีบขนาดไหน เร็วที่สุดจะได้วันที่ 21 เดือนพฤจิกายน”
“เรื่องนี้เราทำอะไรไมไ่ด้นี่นะ ถ้าเป็นออย่างนั้น พวกเราค่อยเิ่มหาออร์บแปลภาษาหลังจากที่รถRVมาเเล้วละกัน ระหว่างนั้นเดี๋ยวฉันจะทำหน้าที่เป็นเพชรฆาตสไลม์ไปก่อน”
“คิดว่าจะได้ฉายาศัตรูคู่แค้นของสไลม์รึยัง”
ผมหัวเราะ “ไม่มีก็ได้นะฉายาเเบบนั้น เเต่ว่าดันเจี้ยนมีฉายาให้ด้วยหรอ”
“ฉันได้ยินมาว่ามีคนมีชื่อเล่น เเต่ไม่เคยได้ยินเรื่องฉายา…เเล้วถึงมันจะมีเขียนบนดีการ์ด จะเเยกออกยังไงว่าอันไหนเป็นฉายาอันไหนเป็นสกิล”
จริงด้วย บนดีการ์ดจะมีเเค่สกิล
“เเล้ว สไลม์จะไม่กินรถRVตอนเรานอนรึไง” มิโยชิถาม
“ที่เราเคยคุยกันก่อนหน้านี้ สายเคเบิ้ลในโยโยกิมันพังหมดใช่ไหมล่ะ ไม่ว่าจะลากสายเคเบิลไปเท่าไรก็จบลงที่เป็นอาหารสไลม์ที่ชั้นหนึ่งอยู่ดี เเต่ว่านะ ถ้าเป็นชั้นลึกๆเเล้วจะไม่ค่อยมีสไลม์เท่าไร เเถมรถRVก็เเข็งเเรงกว่าสายเคเบิ้ลเปลือยๆด้วย เเค่คืนเดียวน่าจะไหวอยู่เเล้ว”
“เราต้องระวังพวกมอนสเตอร์ด้วย รถมันก็เหมือนกับกระดาษสำหรับพวกมอนสเตอร์เเหละ”
“เธอพูดถูก คิดดูเเล้วฉันอยากจะเอารถRVใส่ไว้ในกล่องไทเทเนี่ยม”
“ตอนนี้ฉันขอให้ผู้ผลิตรถให้เสริมความเเข็งเเกร่งของรถRVด้วยเเผ่นเหล็กไว้เเล้ว”
“เราจะทำเหมือนเเมดเเม็กสินะ!!”
“ตามที่ผู้ผลิตบอกมา รถRVของเราจะไม่ผ่านการตรวจสอบเเละการจดทะเบียน เเต่เราก็คงไม่ได้เอาไปวิ่งที่ไหนใช่ไหมล่ะ”
“ไม่หรอก เเต่ยังไงก็มีปัญหาเรื่องน้ำอยู่ดี การทดลองเวทย์น้ำของเธอเป็นไง”
“ฉันสามารถสร้างน้ำได้ไม่จำกัดนะ เหมือนไหลมาจากเเม่น้ำเลย”
“ดื่มได้ไหม”
“อืมมม” มิโยชิคิด “น้ำที่สกิลสร้างมาเป็นน้ำสะอาด จะดื่มก็ได้เเต่รสชาติไม่ดีเท่าไร อีกอย่างคือไม่รู้ว่าเมื่อไรสกิลจะใช้ไม่ได้”
“ใช่ ไม่มีอะไรรับประกันเรื่องเวทมานตร์ได้ ตอนนี้เราซื้อน้ำเเร่มาเเทนเป็นไง”
“งั้นเด๊่ยวฉันจะสั่งสัก 100 เเพ็คจากอเมซอนละกัน”
“นั่นน่าจะประมาณ 1200 กิโลกรัม น่าจะโอเคอยู่ เเล้วเรื่องอาหารล่ะ”
“เราเอาเบนโตะสักพันกล่องใส่ในวอลท์ไม่ได้หรอ” มิโยชิถาม
“เราจะอยู่ในดันเจี้ยนกันกี่วันนะ”
“จนกว่าจะเจอออร์บไม่ใช่หรอ”
“ไม่เเน่นอน เอาเป็นว่าวางแผนไว้สัก 7-10วันก่อนก็เเล้วกัน”
“รุ่นพี่ไม่น่าจะกำจัดชาเเมน100ตัวได้ในเวลาเท่านั้นหรอกนะ”
“เรื่องนั้น่ะ ฉันคิดว่าจะกำจัดตมนุษย์เเพะตัวไหนก็ได้ที่อยู่ในเผ่าจันทรา ตราบเท่าที่ตัวที่100เป็นชาเเมน ฉันคิดว่าก็น่าจะได้สกิลนั้นนะ”
“ถ้ามันไม่ได้ผลล่ะ”
“ก็กลับบ้านพร้อมน้ำตานองหน้า”
มิโยชิหัวเราะ “นี่สิรุ่นพี่ของฉัน!!”
ส่วนเรื่องเบนโตะ…เดี๋ยวไว้ค่อยไปชั้นใต้ดินของห้างสรรพสินค้าเเล้วซื้อพวกเครื่องเคียงให้มากเท่าที่จะทำได้ก็เเล้วกัน หวังว่าจะมีของที่พึ่งทำสดๆนะ
16 พฤจิกายน 2018 (วันศุกร์)
โยโยกิ-ฮาจิมัน
ในวันนี้ การประมูลครั้งที่สองก็จบลงเรียบร้อยเเล้วตอนเวลาเที่ยงคืนของญี่ปุ่น ผมสงสัยว่าผลจะเป็นยังไงตอนที่เดินลงบันไดมาที่ออฟฟิศในตอนเช้า มิโยชิเปิดไฟอยู่ที่ออฟฟิศเเล้ว เหมือนว่ากำลังทำอะไรอยู่
“อ๊ะ อรุณสวัสดิ์” เธอทักทาย
“หวัดดี เธอตื่นเช้านะ หรือว่าไม่ได้นอนเลยล่ะ”
“ยังไม่ได้นอน กำลังพยายามเขียนโค๊ดเรื่องที่เราไปวัดสเตตัสมาอยู่”
“ว้าว เธอยังไม่เข็ดจากที่ทำงานเก่าอีกหรอ”
“ใช่ เเต่นี่มันเป็นประโยชน์สำหรับพวกเราเองนะ มันจะเปลี่ยนทุกอย่างได้เลย”
“ฉันก็ว่างั้น”
มิโยชิหยุดทำงานเเละหันมาชงกาเเฟ “จะว่าไป รุ่นพี่จะเพิ่มสเตตัสก่อนลงดันเจี้ยนไหม”
จริงด้วย หลังจากการทดสอบที่ห้องวิจัยของมิโดริ ปมก็ไมไ่ด้เเตะสเตตัสอีกเลย เพราะการเด้ง-ฟู่-ตุ๊บมันไม่ต้องใช้สเตตัสอะไรขนาดนั้น
“คิดว่าควรจะต้องเพิ่มนะ ปลอดภัยไว้ก่อน”
“ลองเพิ่มสเตตัสทุกอย่างเเล้ววัดทีละสิบเเล้วให้ถึงร้อยดูไหม”
ถ้าตัวเลขเพิ่มขึ้น ค่าที่วัดได้จะเเตกต่างกันรึปล่าว ผมก็สงสัยเรื่องนี้เหมือนกัน
“น่าสนใจนะ ฉันจะเพิ่มสเตตัสทุกอย่างให้เป็น 30 ก่อน เเล้วก็เพิ่มทีละค่าทีละ10ให้ถึงร้อย มันจะเท่ากับการวัด เอ่อ… 47ครั้ง ถ้าฉันใช้SPจนหมดคงไไม่ได้วัดอีกรอบ เดี๋ยวมาลองดูกัน”
“ยิ่งมีข้อมูลมากเท่าไรก็ยิ่งดี ฝากด้วยนะรุ่นพี่”
“เเต่ว่า การวัด47ครั้งจะเท่ากับ 90ล้านเยน ว้าวว การรับรู้ค่าเงินของพวกเรานี่บิดเบี้ยวขึ้นทุกวัน”
“ใช่ เเต่ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินหรอก”
“จริง งั้นฉันจะไปเล่นกับสไลม์เพื่อนยากสักพักนะ ถ้าเธอสะดวกก็ลองทดสอบสกิลใหม่ไปก็เเล้วกัน”
“เข้าใจเเล้ว เอ้อ ฉันมีเรื่องอยากจะคุยด้วย” มิโยชิพูดพลางส่งอีเมลล์หามิโดริ
“ว่าไง”
“ฉันอยากจะลงทุกในบริษัทของมิโดริ”
“โอ๋?”
เหมือนว่าเธอคิดสูตรการคำนวนได้เเล้วจากข้อมูลที่พวกเราได้มาก เธอเลยอยากจะสร้างอุปกรณ์รุ่นต้นเเบบเพื่อใช้วัดสเตตัส
“เเค่อุปกรณ์งั้นหรอ”
“ใช่ หลังจากนี้ฉันอยากจะลองใช้มันกับรุ่นพี่เพื่อปรับปรุงมันอีกรอบให้สามารถวัดค่าสเตตีสเป็นตัวเลขได้”
ถึงการใช้AIจะดูเข้าท่ากว่าเพราะผมเป็นคนเดียวที่มองเห็นสเตตัสของตัวเองเป็นตัวเลขได้ เราสามารถให้AIเรียนรู้รูปเเบบเพื่อใช้วัดสเตตัวของคนหมู่มากไได้ สำหรับตอนนี้เราเเค่พยายามปรับปรุงโค๊ดให้มันใช้ได้ก่อน ยังไม่ต้องสมบูรณ์มากก็ได้ มิโยชิทำเรื่องพวกนี้ได้ดีอยู่เเล้ว
“ฟังดูดีนี่ เเต่พอถ้าสร้างเครื่องนี่เสร็จ เเปปเดียวก็น่าจะมีของเลียนเเบบสร้างตามนี่นา ใช่ไหม”
“เพื่อป้องกัน ฉันจะให้เครื่องวัดมีเเค่ตัวเซ็นเซอร์ หน้าจอเเล้วก็อุปกรณ์ส่งต่อข้อมูล”
“จะใช้เทคโนโลยีจำเสียงเหมือนของกูเกิ้ลหรืออเมซอนหรอ”
“คิดว่าอย่างนั้นนะ จะให้ตัวเครื่องส่งข้อมูลมาที่เดต้าเซ็นเตอร์เเล้วส่งเเค่ผลกลับไปที่หน้าจอของผู้ใช้”
อย่างทำอย่างนั้นก็จะไม่มีใครรู้ว่าเราคำนวนตัวเลขมายังไง บางคนอาจจะส่งข้อมุลจำนวนมากเพื่อนำผลลัพธ์มาคำนวนย้อนกลับมาสูตรก็ได้ เเต่ถ้าเราตัดการเชื่อมต่อที่ไม่ได้รับอนุญาตออก การสร้างของเลียนเเบบก้น่าจะทำได้ยาก
“เราควรไปเช่าคลาวด์จากที่ไหนสักที่ไหม”
“ไม่ต้องหรอก ทำเเบบนั้นข้อมูลของเราอาจจะรั่วไหลก็ได้ สำหรับการส่งรับหรือคำนวน เราน่าจะต้องใช้อเมซอนเว็ปเซอร์วิส เเต่ผลสุดท้ายของการคำนวนจะอยู่ที่คอมพิวเตอร์ในออฟฟิศของพวกเราเอง”
“เรามีสายเคเบิ้ลอะไรไว้เเล้วรึยัง”
“ไม่ค่อยมีใครใช้คอมพิวเตอร์ของพวกเราอยู่เเล้ว เลยไม่ต้องใช้เเบนวิธเยอะ ถ้าเรามีสายสัก10เส้น เส้นละ10กิ๊กก็น่าจะพอเเล้วว่าไหม”
“น่าจะนะ ก็เราใช้เเค่ทดสอบก่อนนี่นา”
“ถ้าทุกอย่างเป็นไปได้สวยเเล้วเริ่มทำกำไรได้ ค่อยไปทำสัญญาเช่าสายเอา”
“เข้าใจเเล้ว”
“เเละด้วยระบบนี้ เราก็จะสามารถปกปิดสเตตัสของเราเองได้ด้วย”
“เธอหมายความว่าไง”
“รุ่นพี่ไม่เข้าใจหรอ ถ้าเราขายเครื่องวัดสเตตัสพวกนี้สู่สาธารณะชน คนอื่นก้จะมาวัดสเตตัสของรุ่นพี่ไง”
อ๊ะจริงด้วย เพราะสเตตัสของผมเป็นพื้นฐานของสูตรคำนวน เพราะฉะนั้นเครื่องวัดจะวัดสเตตัสของผมเเม่นที่สุดเลย
“หวา ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลยเเฮะ เเต่จะว่าไป อยากให้เครื่องมีรูปร่างเหมือนเเว่นตา เธอว่าไง”
“เเว่นตาหรอ รุ่นพี่กำลังนึกถึงสเกาเตอร์ในดรากอนบอลรึไง”
“ทำไมล่ะ เท่ดีออก”
“ก็ใช่ เเต่ถ้าเป็นเเว่นตา คนใช้สามารถเเสกนใครก็ได้โดยไม่มีใครรู้นะ”
“งั้นถ้าเราลดความเเม่นยำลงล่ะ ให้เเสดงเเค่ค่าโดยรวม ทำเป็นเหมือนของเล่น”
“ของเล่น? เอาจริงหรอ เจ้าเครื่องนี้จำทำการวัดมนุษย์เเต่ละคนออกมาเป็นตัวเลขเลยนะ อืม ถึงมันจะสะดวก เเต่หวังว่าจะไม่เกิดการเเบ่งเเยกเพราะเครื่องนี้นะ”
“ใช่ ฉันนึกภาพออกเลย ไองั่งสักคนที่จะตะโกนว่า“พลังของเเกมันใกล้กับ9มากกว่า9000ซะอีก” เเบบนั้นมันเเย่สุดๆไปเลย
“คนต้องพูดถึงกันเยอะเเน่”
เธอพูดถูก ผมอาจจะกลายเป็นไองั่งที่จะโกนมีมดรากอนบอลใส่หน้าคนอื่น
“เอ่อ บางทีเราควรจะลืมๆไอเดียเรื่องสเกาเตอร์ของเล่นนี่ไปซะก็ได้”
“งั้นเรามาทำเครื่องเป็นสองประเภทก็เเล้วกัน อย่างเเรกจะมีรูปร่างคล้ายปืนของเล่นที่มีหน้าจอเเบบง่ายๆ อีกอย่างจะเป็นนเครื่อองเเบบถาวรที่สามารถวัดผลได้เเม่นยำ”
“เเบบนั้นก็คนละครึ่งทางดี ฟังดูไม่เเพงด้วย”
เเต่ว่า มิโยชิอยากลงทุนในบริษัทของมิดโริงั้นหรอ
“ที่ว่าลงทุน เธอไม่ได้หมายความว่าจะให้กู้เงินใช่ไหม เรายังไม่รู้ว่ารูปแแบบหุ้นของบริษัทนั้นมันเป็นยังไง จะให้พวกเขาเเบ่งหุ้นใหม่ให้เราน่าจะทำได้ยากอยู่นะ เเต่เหมือนมิโดริพูดถึงเงินสนับสนุนจากสปอนเซอร์อยู่ ไม่รู้ว่าพวกเขาจะเอายังไง”
“เหมือนว่าพวกเขาไม่อยากจะขายหุ้นใหม่ ถ้าเอาเเค่หุ้นเราสามารถซื้อ 1000หุ้นได้ในราคา 10000เยน”
“ถ้ามิโดริเป็นผู้ถือหุ้นคนเดียว จะซื้อหุ้นก็น่าจะง่าย เเต่ถ้ามีมหาวิทยาลัยหรือห้องวิจัยที่ไหนมีหุ้นของบริษัทนี้ด้วย อาจจะมีปัญหาเรื่องสัดส่วนของหุ้นก็ได้ เเถมเครื่องวัดสเตตัสนี้ก็ไมไ่ด้เกี่ยวกับงานของบริษัทตอนนี้โดยตรงด้วย สร้างบริษัทมาร่วมทุนน่าจะดีกว่า”
“งั้นฉันจะลองปรึกษามิโดริเรื่องที่คุยกันเมื่อกี๊ดูนะ รุ่นพี่คิดว่าฉันควรจะใช้เงินเท่าไรดี”
“ไม่รู้ว่าเราต้องใช้ทั้งหมดเท่าไร เเต่สำหรับตอนนี้หนึ่งพันล้านเยนน่าจะพออยู่ เเต่ฉันมีข้อเเม้นึง คือทางบริษัทต้องให้ความสำคัญกับการสร้างเครื่องของเราเป็นอันดับหนึ่ง เเละต้องไม่มีเซ็นเซอร์วัดอย่างอื่นนอกจากสเตตัส”
“เข้าใจเเล้ว ไว้ฉันจะไปบอกมิโดริ”
“ขอบคุณ งั้นฉันจะคอยลงดันเจี้ยนมาใช้เป็นเงินทุนของเรา…จะว่าไป การประมูลเป็นยังไงบ้าง”
ตอนเเรกผมตื่นเช้ามาจะเช็คเรื่องนี้นี่นา
“ออร์บต้านทานกายภาพเป็นที่นิยมมากเลยล่ะ”
2,422,000,000 เยน
2,658,000,000 เยน
2,855,000,000 เยน
นอกจากราคาปิดประมูลเเล้ว ชื่อคนชนะประมูลทั้งสามคนของออร์บต้านทานกายภาพก็น่าทึ่งไม่เเพ้กัน
ไซมอนจากสหรัญอเมริกา
หวงจากจีน
วิลเลียมจากอังกฤษ
นักผจญภัยเหล่านี้มีเเรงค์ 3 4เเละ6 ตามลำดับ
สมาชิกที่เหลือของทีมไซมอนนั้นอยู่ที่เเรงค์ 5 7 เเล้วก็ 8 ถ้าพวกเขาทั้งหมดมารับออร์บที่นี่ จะทำให้ท็อป8ของโลกจะมารวมตัวกันที่โยโยกิเเห่งนี้ ยกเว้นดิมิทรีที่เป็นเเรงค์2ล่ะนะ คนที่ประมูลน่าจะใช้งบประมาณการทหารของประเทศตัวเองทั้งนั้น เป็นการเเข่งกันระหว่างเเรงค์เลขตัวเดียวทั้งหมดเลย
“เป็นนักสำรวจระดับท๊อปหมดเลย สิ่งที่พวกเขาเจอมาน่าจะเป็นตัวบอกว่าการต้านทานทางกายภาพมันสำคัญขนาดไหน เเต่เธอคิดยังไงถ้าเราใช้ออร์บสกิลเดิมซ้ำกันสองรอบ”
“อยากลองมั้ยล่ะ”
อืมม น่าจะไม่เป็นอะไรนะ เเต่ผมไม่น่าจะต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงโดยไม่มีเหตุผลนี่นา
“ถ้าจำเป็นฉันค่อยลองก็เเล้วกัน”
ถ้าการใช้ออร์บเดิมซ้ำกันสองรอบจะทำให้เกิดปัญหาจริง น่าจะต้องลองกับสกิลที่ไม่ทำให้ผมเสียประโยชน์มากนัก อาจจะเป็นพวกสกิลตรวจจับอะไรประมาณนี้
ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของมิโยชิก็สั่น
“เหมือนมิโดริจะตื่นเเล้วล่ะ…” มิโยชิอ่านอีเมลล์ที่ถูกส่งมาเเล้วบอกว่า “พวกเขาไม่มีตัวทำปฏิกิริยาพอสำหรับการทดสอบอีก 43 ครั้ง ถ้าเธอจะสั่งเพิ่มก็จะได้วันที่ 19 คิดว่าไง”
“19เป็นวันจันทร์ใช่ไหม บอกเธอไปว่าตกลง”
“เข้าใจเเล้ว อ้อ เเล้วก็เรื่องออร์บฟื้นฟุสุดยอดน่ะ”
“ว่าไง”
มิโยชิเปิดหน้าเพจประมูลของออร์บฟื้นฟูสุดยอดให้ดู
“รุ่นพี่คิดว่าใครเป็นคนซื้อออร์บนี้”
5,543,000,000 เยน
“ห้าพันล้าน!! เป็นไอดีของใครล่ะ”
“ลองค้นหาเเบบปกติเเล้วไม่เจอเลย คนที่เข้าร่วมประมุลคนอื่นใช้ ไอดีที่ไม่ใช่ไอดีส่วนบุคคล เเต่คนชนะใช้ไอดีส่วนบุคคล หรือว่าจะเป็นไอดีของตัวกลางกันนะ”
“พูดอีกอย่างคือคนชนะไม่ใช่ทหารที่ดังๆ องค์การดันเจี้ยนหรือบริษัทที่เกี่ยวข้องกับด้านนี้ใช่ไหม”
“ใช่ เเต่ถ้าเป็นไอดีของตัวเเทน เราก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“พวกเราปิดไม่ให้เห็นไอดีในเวปเเล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ตัวกลางเลย”
“เอาจริงๆ ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีกับเรื่องนี้เลย”
“เธอหมายความว่ายังไง”
“ออร์บนี้ชื่อสุดยอดฟิ้นฟู เป็นออร์บที่ไม่รู้ว่าสกิลทำอะไรได้”
“เธอจะสื่ออะไร”
“ถ้าจะให้เดานะ น่าจะเป็นคนรวยมาซื้อเพราะมีสมาชิกครอบครัวป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย”
“เเล้วถ้าออร์บนี้ใช้ไม่ได้ผล…”
“คนซื้ออาจจะมาเเค้นเราก็ได้ เเถมคนๆนั้นน่าจะเป็นคนที่มีอำนวจเยอะด้วย”
อืม เธอน่าจะพูดถูก
“เเล้ว สกิลนี้มันทำอะไรได้ล่ะ”
“ฉันบอกได้เเค่ผิวเผินนะ เเต่ตอนนี้ฉันรู้สึกดีมากเลยถึงจะไม่ได้นอนมาทั้งคืน ไม่มีเหนื่อยเลยด้วยตราบเท่าที่ตื่นตัวอยู่
”เหมือนเป็นยาอันตรายเลยนะ”
“เเล้วก็…”
มิโยชิพูดไม่จบเเต่หันไปหยิบคัตเตอร์มาจากในลิ้นชัก จากนั้นก็เฉือนนิ้วตัวเอง
“เห้ย!”
“ใจเย็นๆก่อนรุ่นพี่ ดูนี่สิ”
มิโยชิมองผมที่กำลังตกใจด้วยหางตาเเละเอาทิชชู่เช็ดที่บาดเเผล ผอเช็คเสร็จมันก็เหลือเเค่รอบเเผลจางๆจากการโดนบาดเเค่นั้น
“ไม่น่าเชื่อ!!”
“เมื่อวานฉันไปชนกับตะปูที่อยู่ที่เสาข้างทางเพราะจะหลบรถที่วิ่งเข้ามา ถ้าไม่มีสกิลนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง ตอนนี้เหมือนฉันกำลังจะกลายเป็นอะไรสักอย่างที่เหนือกว่ามนุษย์ซะเเล้ว”
คำอธิบายของสกิลออร์บผุดมาในหัวของผม “ไอเทมที่จะทำให้มนุษยชาติก้าวไปอีกก้าวของของการวิวัฒนาการ”
“เเล้วก็เหมือนคนชนะจะรีบมากด้วย เขาอยากจะรับออร์บวันนี้เลย”
“วันนี้ ตอนนี้อะนะ!!”
ถ้าคนๆนั้นไมไ่ด้อยู่ในโตเกียว น่าจะต้องบินมาก่อนที่จะชนะการประมูลซะอีก ต้องอยากได้ออร์บนี้มากเเน่ๆ
หวังว่าพวกเขาจะไมไ่ด้กำลังจะตายนะ
“ใช่ เวลานัดคือ 10 โมงเช้า”
“ล้อเล่นกันรึไง ถ้าเกิดการประมูลยังไม่งบเพราะมีการต่อเวลาล่ะ พวกเขาจะทำยังไง เเถมตอนนี้เรามีเวลาเตรียมตัวเเค่สามชั่วโมงด้วย!!”
พวกเรารีบเตรียมตัวเพื่อจะไปที่อิจิกายะ