ดวงใจประมุขมาร - ตอนที่ 5
หลังจากกลับจากตลาดโม่ลี่ก็ทานมื้ออาหารกลางวันฝีมือท่านยายที่ทำคอยท่าเอาไว้ หลังจากที่เก็บสำรับเรียบร้อยนางก็ปรึกษาท่านตาท่านยายถึงแผนค้าขายที่นางคิดขึ้น โดยให้เหตุผลว่าท่านตาชรามากแล้วนางเป็นห่วงยามที่ต้องเดินทางขึ้นเขาไปหาสมุนไพร เลยอยากลองทำขนมสัก 2-3 อย่างก่อนซึ่งทั้งหน้าตาและสีสันเป็นที่แปลกตา เผื่อว่าบรรดาชาวบ้านและขบวนพ่อค้าแม่ค้าที่ผ่านเส้นทางนี้ถูกอาจถูกใจและถ้าเป็นที่ชื่นชอบนางจะได้ทำออกมาวางขายเป็นกิจจะลักษณะ ท่านตาและท่านยายก็เห็นด้วยเช่นกัน ทั้งสามเอ่ยสนทนาอยู่กันครู่ใหญ่จึงตกลงว่าวันมะรืนจะลองเอาไปวางขายในตลาดดูเสียก่อน ท่านตาจึงแยกตัวออกไปเพื่อหากระบอกไม้ไผ่ตามที่หลานสาวต้องการ ส่วนท่านยายก็กลับไปนั่งเย็บเสื้อผ้าที่ชำรุดให้กลับมาดูดี ส่วนนางเลือกจะเข้าครัวเพื่อเตรียมทำมื้อเย็นเตรียมไว้เหมือนทุกวัน
ปลายยามเซิน (15.00-16.59) ทั้งสามร่วมกันทานมื้อเย็นก่อนที่ทั้งสองจะกลับไปยังเรือนนอนของทั้งคู่ แต่โม่ลี่กับขอไปนั่งรับลมด้านนอกสักครู่ ทั้งสองก็มิได้เอ่ยห้ามเพียงแต่กำชับให้นางรีบเข้าเรือนนอนอย่ามัวแต่ชมจันทร์จนเพลิน อีกทั้งย้ำหนักแน่นว่าเกิดอันใดขึ้นให้เรียกตาเสียงดังๆ
โม่ลี่นั่งอยู่ในบริเวณกระท่อมด้านนอกนางกำลังคิดว่าจะทำขนมอะไรขายเป็นสิ่งแรกดีนั่งอยู่นานจนตัดสินใจที่จะทำขนมที่ขั้นตอนไม่ยุ่งยากนัก อีกทั้งวัตถุดิบก็หาง่ายเมื่อขบคิดจนเสร็จร่างบางก็เงยหน้ามองพระจันทร์ พลางให้คิดถึงคนทางนู้นว่าป่านนี้จะหายโศกเศร้าหรือยัง
“แก้วคิดถึงทุกคนจัง” โม่ลี่ปล่อยใจล่องลอยไปกับบรรยากาศที่เงียบสงบก่อนจะสะดุ้งตกใจกับภาพที่มีบุรุษตกร่วงลงมาจะทิศทางใดก็มิรู้ในสภาพนอนคว่ำหน้า
“ทะ…ท่านเป็นอันใดหรือไม่เจ้าคะ”โม่ลี่ถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“มะ…แม่นาง…ยะ…อย่าเข้ามามันอันตราย” หยงเป่ากัดฟันข่มอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านเอ่ยกับสตรีที่มิเห็นหน้า กว่าเขาจะสะบัดหลุดจากสตรีไร้ยางอายนางนั้นก็แทบเจียนตายนี่ยังดีที่เขาคว้าชุดคลุมรีบสวมใส่ก่อนจะใช้วิชาตัวเบากระโดดออกมาทางหน้าต่าง
“ท่านแม่ทัพใช่หรือไม่เจ้าคะ ท่านรอตรงนี้สักครู่อย่าเพิ่งขยับไปไหน ข้าจะรีบไปเรียกท่านตาให้มาดูอาการท่าน”เสียงที่คุ้นหูทำให้โมลี่รู้ทันทีว่าบุรุษผู้นี้คือใคร ก่อนรีบวิ่งออกไปทันที
ไม่นานเสียงฝีเท้าสามคู่ที่วิ่งออกมาด้วยความรีบร้อนเรียกสติชายหนุ่มที่กำลังจะขาดขึ้นอีกคราชายชราเดิมมาคุกเข่าด้านข้างพลิกร่างที่นอนคว่ำอยู่ให้หงายขึ้นสิ่งที่โดนกดทับอยู่ดีดตัวขึ้นทันที
“ว้าย!!…”โม่ลี่และเจียวฉืออุทานออกมาทันทีที่เห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นยังดีที่มีชายเสื้อชุดคลุมปิดบังอยู่
“โม่ลี่เจ้าไปนำน้ำใส่ในถังอาบน้ำ ตาจะพาท่านแม่ทัพไปแช่ตัว รีบเข้าเถิด”หลี่เจี้ยนพูดอย่างรีบร้อน เพราะอาการบุรุษตรงหน้าอาการแย่ลงเรื่อยๆ เริ่มประคองสติไม่อยู่ผิวกายร้อนผ่าว ชายชราได้แต่หวังว่าความเย็นของน้ำจะช่วยบรรเทาอาการได้ไม่มากก็น้อย
“เจียวฉือเจ้าก็ไปช่วยโม่ลี่เถิด” หลี่เจี้ยนหันมาเอ่ยภรรยา
“เจ้าค่ะท่านพี่”เจียวฉือรับคำเร่งฝีเท้าทันที ผ่านไปเกือบครึ่งเค่อผู้เป็นภรรยาและหลานสาวก็ออกมาบอกว่าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
“ท่านแม่ทัพๆ ขอรับ” หลี่เจี้ยนเรียกสติคนตรงหน้าที่เริ่มจะคลุ้มคลั่ง
“อะ…อืม…”หยงเป่าเอ่ยสั้นๆ ตอนนี้เขาแทบกระอักเลือดออกมาให้ได้ ร่างกายมันร้อนรุ่มราวกับถูกฉีกกระชาก จะเดินลมปราณก็มิได้ หากยิ่งเดินลมปราณเหมือนยิ่งกระตุ้นฤทธิ์ของธูปราคะ
“ข้าจะพยุงท่านไปแช่น้ำ ท่านพอจะลุกไหวหรือไม่”
“ดะ…ได้…” หยงเป่าพยายามทรงตัวอย่างยากลำบากหากไม่ได้ชายชราตรงหน้าช่วยก็คงจะล้มไม่เป็นท่า
“ลี่เอ๋อร์…ฉือเอ๋อร์…พวกเจ้าไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวทางนี้ข้าจัดการเอง”หลี่เจี้ยนบอกกับสตรีทั้งคู่และพยุงชายหนุ่มเข้าไปยังเรือนชำระ
“เจ้าค่ะ ท่านพี่/ท่านตา”ทั้งสองตอบรับและกลับเข้าเรือนนอนของตนเองทันที
ภายในเรือนชำระตอนนี้มีบุรุษหล่อเหลาอยู่ในอาการสั่นสะท้านเมื่อผิวกายที่ร้อนผ่าวสัมผัสกับน้ำเย็นทำให้รู้สึกทั้งร้อนสลับหนาวความทรมานก่อตัวจนกระทั่งผ่านไปราว 3 ชั่วยาม (ประมาณ 6 ชั่วโมง) ความรู้สึกที่ทรมานก่อนหน้านี้ก็บรรเทาลง บุรุษแกร่งมีสติกลับมาดังเดิมเข้าหันไปด้านขวาที่ตอนนี้มีร่างชายชราที่ช่วยเหลือตนไว้นั่งหลับพิงผนังห้องเพราะความอ่อนเพลีย
เขาจำได้เลือนรางว่าชายชราผู้นี้คอยตักน้ำราดศีรษะเข้าอยู่เป็นนานก็หยุดเมื่ออาการกระสับกระส่ายของเขาเบาบางลง เขาไม่คิดเลยว่าฤทธิ์ของธูปราคะจะทำให้เขาทรมานแทบกระอักเลือด ทั้งยังรู้สึกอับอายที่ผู้อื่นเห็นตนในสภาพนั้น อีกทั้งยังสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นเป็นอย่างมากเสียงดังจากด้านนอกดึงความคิดออกมาทันที
“ท่านแม่ทัพรู้สึกเป็นยังไงบ้างขอรับ”หลี่เจี้ยนเองก็สะดุ้งตื่นเพราะเสียงจากด้านนอกเช่นกัน ก่อนจะเห็นบุรุษตรงหน้าที่ได้สติแต่แล้วยังคงนั่งนิ่งอยู่ในถังอาบ
“ขอบคุณท่านตามากขอรับ ที่ช่วยข้าไว้” หยงเป่าผสานมือคำนับคนตรงหน้าด้วยความซาบซึ้ง ก่อนจะสงสัยในคำพูดที่อีกฝ่ายเรียกตน
“มิเป็นไรเลยขอรับ อย่าได้คิดมากคนตกทุกข์ได้ยากเห็นก็ต้องช่วยเหลือถึงจะถูก”
“อีกประการเป็นหลานสาวของข้าที่พบท่านที่ด้านหน้ากระท่อม มิใช่ข้าหรอกขอรับท่านแม่ทัพ”
“เช่นนั้นรึ ข้าจำได้เพียงเลือนรางเท่านั้น ข้าคงต้องขอบคุณนางที่ช่วยเหลือข้าไว้อีกที” หยงเป่าเริ่มจำได้ เขาได้ยินสตรีแต่มิรู้ว่าเป็นผู้ใดและมีเสียงสตรีร้องด้วยความตกใจก่อนที่ใบหน้าแดงก่ำไปทั้งหน้าและตัวเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้
“หากไม่รังเกียจเสื้อผ้าของข้า เชิญท่านแม่ทัพผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถิดขอรับ แช่น้ำมาทั้งคืนแล้วเดี๋ยวจะจับไข้เอาได้ ส่วนเสื้อผ้าของท่านข้าจะนำไปซักและนำไปตากให้แห้งเสียก่อน”
“ข้ามิรังเกียจแม้แต่น้อย กลับต้องขอบคุณท่านมากเสียมากกว่า”หยงเป่าขอบคุณคนตรงหน้าก่อนจะเข้าไปหลังฉากเพื่อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะยื่นเสื้อผ้าที่เปียกชุ่มของตนให้อีกฝ่าย
หลี่เจี้ยนรับผ้านั้นมาก่อนจะเชิญให้ท่านแม่ทัพไปนั่งภายในห้องทานข้าว และตัวเขาก็ออกไปจัดการตัวเองไม่นานก็มาพร้อมกับน้ำขิงร้อนที่หลานสาวทำไว้ให้ยื่นให้ชายหนุ่มตรงหน้า
“ทานน้ำขิงร้อนๆ ก่อนขอรับ สำรับใกล้จะเสร็จแล้ว”หลี่เจี้ยนบอกกับบุรุษตรงหน้า
หลี่หยงเป่ารับมาก่อนจะใช้ปากเป่าไล่ความร้อนแล้วจิบช้าๆ เขารู้สึกจมูกโล่งขึ้นหลังจากแช่น้ำไปนานทำให้เริ่มจะเจ็บไข้เสียไม่ได้
“หลังทานอาหารเสร็จข้าจะต้มยาบำรุงไว้ให้เพราะท่านแช่น้ำไปนานทีเดียว” หลี่เจี้ยนเดาอาการเขาได้ไม่ยากอีกฝ่ายคงเริ่มไม่สบายตัวเท่าใดนักดูจากใบหน้าที่เริ่มซีดและมีอาการสั่นน้อยๆ
“ขอบคุณมาก ข้ามิรู้จะตอบแทนท่านอย่างไรดี”
“มิต้องๆ อย่าได้คิดมาก”
นั่งรอสำรับอยู่ราวครึ่งเค่อ (15 นาที) ก็มีเสียงหวานของสตรีดังขึ้นเป็นเสียงที่เขาคุ้นเคยก่อนจะหันไปทางหน้าประตูก็ต้องตกใจถ้วยน้ำขิงแทบร่วงลงพื้น ใบหน้าที่ซีดตอนนี้กับแดงก่ำไปด้วยความอับอายเพราะเหตุการณ์เมื่อคืนดีที่เขาประคองถ้วยไว้มิฉะนั้นคงได้อับอายอีกครา
“ท่านตา ท่านแม่ทัพข้าขอเข้าไปนะเจ้าคะ” โม่ลี่มาพร้อมกับสำรับในมือ 3-4 อย่างพร้อมกับที่ท่านยายช่วยยกจานชามและข้าวสวยร้อนๆ เข้ามา
โม่ลี่จัดวางสำรับบนโต๊ะอย่างเงียบเชียบพร้อมตักข้าวให้กับทุกคนบนโต๊ะจนเรียบร้อยแล้วกลับไปนั่งประจำที่ตัวเอง หยงเป่ามองอาหารหน้าตาแปลกแต่ส่งกลิ่นหอมยั่วใจยิ่ง
“วันนี้เจ้าทำอะไรออกมาให้ตากับยายลองทานอีกเล่า”ท่านตาเอ่ยถามหลานสาวเขามันจะทำอะไรแปลกๆ ออกมาให้ทานอยู่เสมอ
“คราวนี้หลานทำสำรับที่มีสมุนไพรผสมเข้าไปเพื่อบำรุงร่างกายและบรรเทาอาการป่วยได้เจ้าค่ะ” โม่ลี่ยิ้ม
“ถ้วยนี้แกงสายบัว สรรพคุณช่วยถอนพิษไข้ น้ำพริกปลาย่างผักลวกทานคู่กับไข่เจียวและแกงไก่ฟักทอง สรรพคุณป้องกันหวัดได้ดี และสุดท้ายต้มยำรสเด็ด สรรพคุณแก้อาการคัดจมูกเจ้าค่ะ”โม่ลี่เอ่ยถึงสรรพคุณของอาหารแต่ละอย่างให้ทั้งสามรับรู้ สองตายายรู้จักอาหารถ้วยสุดท้ายเป็นอย่างดีเพราะหลานสาวตัวน้อยทำให้ทานบ่อยๆ
“เจ้าเป็นคนทำเองรึแม่นาง” หยงเป่าถามหญิงสาวที่เขาแอบมีใจ
“เจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพลองทานดูว่าถูกปากหรือไม่ ทานคู่กับข้าวสวยร้อนอร่อยยิ่งนัก”
หลี่หยงเป่าได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มลงมือทานอาหารตรงหน้าโดยเริ่มจากต้มยำที่ส่งกลิ่นหอมยั่วใจ เมื่อทานลงไปรู้สึกโล่งคอและจมูกยิ่งอย่างที่นางเอ่ยสรรพคุณมา และลองชิมอาหารตรงหน้าทีละอย่างรู้ตัวอีกทีข้าวในถ้วยก็ถูกเติมขึ้นใหม่โดยหญิงสาว ไม่คิดว่านางจะมีความสามารถในการทำอาหารทั้งหน้าตาและรสชาติแปลกใหม่ที่หาไม่ได้แม้ในโรงเตี๊ยมขึ้นชื่อในเมืองหลวง
“เสียมารยาทแล้ว อาหารของแม่นางอร่อยจนข้าเก็บอาการไม่อยู่เลยเชียว” หยงเป่าเอ่ยหน้าแดงน้อยๆ
“มิเป็นไรหรอกเจ้าค่ะท่านแม่ทัพ ข้าเสียอีกรู้สึกดีเพราะอาหารที่ข้าทำๆ ให้ท่านเจริญอาหารมากขึ้น”โม่ลี่ยิ้มรับกับคำชมโดยไร้ซึ่งจริตของสตรี
“ใช่ท่านแม่ทัพ หลานสาวข้านางทำอะไรก็อร่อยรสชาติดีไปเสียทุกอย่างจริงหรือไม่ฉือเอ๋อร์” ชายชราถามความเห็นจากภรรยาที่รัก
“จริงเจ้าค่ะ ทานข้าวต่อเถิดมีขนาดหวานรออยู่นะเจ้าคะสีสันสวยยิ่ง”หลังจากได้ยินดังนั้นทุกคนก็รีบทานของคาวตรงหน้าทันทีไม่นานสำรับก็หมดเกลี้ยงโต๊ะ โดยมีหญิงสาวและหญิงชราช่วยกันจัดเก็บชามก่อนจะนำของหวานมาวางแทน
“นี่อะไรรึแม่นางสีสันงดงามอย่างที่ท่านยายพูดมิผิด”หยงเป่ามองขนมตรงหน้าสลับกับหน้านวลอย่างสงสัย
“บัวลอยเจ้าค่ะ”
“ก้อนกลมเล็กนี่เจ้าทำมาจากสิ่งใดรึ และสีสันนี่อีกมันกินได้รึแม่นาง” หยงเป่าก็ยังสงสัยอยู่เช่นเดิม
“ทานได้สิเจ้าค่ะ ท้องไม่เสียไม่ร่วงแน่นอน”โม่ลี่เอ่ยยามอารมณ์ดี
“ก้อนกลมนี่ทำมาจากแป้ง ส่วนสีแดง เขียว เหลือง ขาว ข้าได้มาจากผลไม้และดอกไม้เป็นสีธรรมชาติเจ้าค่ะ”
“อืม…” หยงเป่ารับรู้และลองชิม ทั้งที่เขาไม่ชอบทานขนมเพราะส่วนมากมักจะหวานจนทานไม่ลง แต่พอได้ชิมขนมนี้รู้สึกถูกอกถูกใจยิ่งทั้งความหอมที่ส่งกลิ่นอ่อนๆ รสชาติหวานมันกำลังดี
“รสชาติดีจริงๆ ” หลังจากพูดจบทุกคนก็เริ่มลงมีทานจนหมดถ้วยหญิงสาวจึงขอตัวเก็บจานชามไปทำความสะอาด ส่วนท่านยายก็ไปดูชุดของท่านแม่ทัพว่าแห้งหรือยัง
“ยาขอรับท่านแม่ทัพ ดื่มบำรุงสักหน่อย” ชายชรายื่นถ้วยยาสีดำให้ชายหนุ่มตรงหน้า
“ขอบคุณขอรับ” แม่ทัพหนุ่มรับยาแล้วยกขึ้นดื่มทันที
หลังชายหนุ่มดื่มยาเสร็จก็พูดคุยสักอย่างถูกคอ ชายชราตรงหน้าเขาเป็นคนที่ดีมีน้ำใจคนหนึ่งถึงฐานะจะมิได้ร่ำรวยแต่ก็พอกินพอใช้ ยิ่งเมื่อได้รับหลานสาวบุญธรรมเช่นนางมาก็ยิ่งทำให้สองตายายมีความสุข ทั้งนางริเริ่มเพาะปลูกพืชผลไม้ และสมุนไพรที่สำคัญไว้จนรอบกระท่อมเพื่อไม่ต้องการให้ชายชราขึ้นเขาบ่อยๆ ดูแล้วนางจะรักสองตายายเป็นอย่างมาก
หลังจากที่แยกกันกับชายชรา เขาก็ขออนุญาตออกมาเดินหน้ากระท่อมสองตาสำรวจไปทั่วบริเวณพืชพรรณที่ปลูกไว้เจริญงอกงามไม่น้อยมีกลิ่นหอมของสมุนไพรจางๆ ก่อนจะเหลือบเห็นสองตาหลานนั่งปรึกษากันอยู่บนแคร่หน้ากระท่อม รอยยิ้มหวานละมุนส่งไปให้ท่านตาของนางเสียงหัวเราะกิริยาธรรมชาติไร้การปรุงแต่งช่วยให้นางดูมีเสน่ห์มากขึ้น อีกทั้งหน้าตางดงามราวเทพเซียนนั้นอีกหัวใจของเขาสั่นสะท้านอีกครั้งจนยากจะระงับ
“พรุ่งนี้หลานจะทำขนมบัวลอย ขนมกล้วย และขนมถ้วยเจ้าค่ะ”
“ชื่อแปลกเสียจริง ขนมของเจ้าแต่ละอย่างตาเชื่อว่าต้องอร่อยแน่นอน เจ้าต้องการสิ่งใดเพิ่มหรือไม่”
“ของทุกอย่างเรามีหมดแล้วเจ้าคะท่านตา แต่ข้าต้องรบกวนท่านให้ช่วยตัดกระบอกไม้ไผ่เพื่อใช่ขนมบัวลอยเจ้าค่ะ แล้วก็ต้องรบกวนท่านยายช่วยพับกระทงใส่ขนมห่อขายเจ้าค่ะ”
“อืม…ได้ๆ ตาจะรีบไปจัดการให้”
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านตา เดี๋ยวหลานจะเริ่มทำส่วนผสมบางอย่างทิ้งไว้เพื่อให้มีรสชาติกลมกล่อมมากขึ้น”
“อืม…” ชายชรารับคำสั้นๆ ก่อนจะยื่นมือที่เริ่มเหี่ยวย่นไปลูบศีรษะหลานสาวด้วยความเอ็นดู
หลี่หยงเป่ามองภาพนั้นด้วยความประทับใจ นางเป็นสตรีมิจำเป็นเลยที่จะออกไปทำงานให้เหนื่อย เพราะหน้าที่นี้เป็นของบุรุษ หลังจากที่คุยกับท่านตาทำให้รู้ว่านางมีความกตัญญูต่อทั้งสองมากเพียงใด ทั้งฉลาดเฉลียวรู้จักวางแผนในระยะยาวทั้งเพาะปลูกพืชผลสมุนไพรมากมาย รู้จักทำมาหากินด้วยความสามารถของตนเองจนเขาอดนับถือมิได้ นางช่างงดงามทั้งกายใจ
ทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างปกติทุกเหมือนวันเพียงแต่เพิ่มบุรุษกิตติมศักดิ์เท่านั้น โม่ลี่ก็วุ่นกับการเตรียมส่วนผสมที่ต้องทำค้างคืนไว้ ท่านตาก็มีท่านแม่ทัพคอยช่วยอีกแรง ส่วนท่านยายก็นั่งพับกระทงสำหรับห่อให้กับบรรดาลูกค้าในวันพรุ่งนี้จวบจนกระทั่งยามเซิน (15.00-16.59 น.) ทุกคนก็ร่วมรับประทานอาหารและแยกย้ายกันไป โดยที่ท่านแม่ทัพใช้ห้องของโม่ลี่ในการพักผ่อน ตัวโม่ลี่เองก็ไปปูฟูกเสริมนอนกับท่านตาท่านยายในคืนนี้