ดวงใจประมุขมาร - ตอนที่ 21
วันนี้เป็นวันแรกที่นางได้ออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ภายนอกได้อย่างชุ่มปอด หากให้เล่าย้อนไปเมื่อ 3 วันก่อนก็ให้รู้สึกเหนื่อยใจระคนมีความสุขที่สามีในนามเอาใจใส่รักและดูแลนาง มิให้นางหยิบจับอันใดคล้ายกับว่านางเป็นผู้ป่วยติดเตียงเสียอย่างนั้น หากนางอยากได้สิ่งใดเขาก็ประเคนทุกอย่างกองอยู่เบื้องหน้านางรอยยิ้มน้อยๆ แต้มอยู่บนใบหน้าประกายความสุขฉายชัดในดวงตาหวาน
“คิดอะไรอยู่หรือ พี่เห็นเจ้ายืนยิ้มเช่นนี้อยู่พักหนึ่งแล้ว” หยางหลงโอบกอดจากด้านหลังบอบบางน่าทะนุถนอม
“พี่หลงมานานแล้วหรือเจ้าคะ” รอยยิ้มยังคงประดับบนใบหน้า
“สักพักแล้วละ แต่พี่เห็นเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่จึงมิได้เข้ามากวน แต่ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่รึถึงได้ยิ้มอยู่เพียงคนเดียว”
“เปล่าเจ้าค่ะ พี่หลงปล่อยข้าก่อนเถิด”
“หากพี่ไม่ปล่อยเล่า” จ้าวหยางหลงยังคงไม่ยอมปล่อยมือจากเอวบาง
“ไม่ปล่อยใช่ไหม นี่แนะ…นี่แนะ” จางโม่ลี่หันหน้าเข้าหาร่างหนาพลางหยิกเข้าที่สีข้างเอวหนา จ้าวหยางหลงปล่อยมือจากเอวนางพลางวิ่งหนีรอบศาลาในสวนดอกไม้โดยมีร่างบางวิ่งตามไปห่างกาย
หนึ่งบุรุษองอาจหล่อเหลากับหนึ่งสตรีรูปโฉมงดงามราวเทพเซียนกำลังวิ่งไล่จับเป็นภาพที่พ่อบ้านม่าน ซิ่นหวา และบรรดาเงาที่แฝงตัวอยู่ในเงามืดมองภาพตรงหน้าอย่างมีความสุขไม่ต่างกัน
“วะ…ว้าย…พี่หลง” สองมือเรียวเล็กโอบคล้องรอบคอหนาไว้แน่นพร้อมเสียงอุทานตกใจ เพราะร่างหนาที่เคยวิ่งไล่หยุดชะงักหันกลับมาช้อนตัวนางขึ้นแนบอก
“ฮ่าฮ่า…เหนื่อยหรือไม่ หิวหรือยังคนดี” เสียงหัวเราะสดใสพร้อมเอ่ยถามด้วยเป็นห่วง
“พี่หลงนี่ท่านแกล้งลี่เอ๋อร์อีกแล้วนะเจ้าคะ ปล่อยได้แล้วท่านพ่อบ้านกับซิ่นหวามองใหญ่แล้วนะ” โม่ลี่ติงสามีเบาๆ แก้มนวลใสปรากฏรอยแดงชัดเจนจากความเขินอาย
“เจ้ายังมิตอบพี่เลยว่าหิวและเหนื่อยหรือไม่”
“ไม่เหนื่อยเจ้าค่ะ แต่รู้สึกหิวบ้างแล้ว แต่พี่หลงปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่”
“หึหึ…” หยางหลงหัวเราะในลำคอพลางปล่อยร่างบางลงพื้นอย่างมั่นคงก็จับจูงมือน้อยไปยังเรือนหลิ่งเฟินเพื่อทานอาหารที่พ่อบ้านจัดเตรียมไว้ให้
หลังจากทานอาหารเรียบร้อยทั้งสองก็จูงมือกันไปยังศาลาในสวนดอกไม้ที่เต็มไปด้วยดอกโม่ลี่ฮวาและกุ้ยเหมยเสียส่วนใหญ่บรรยากาศโดยรอบดูผ่อนคลายกลิ่นหอมอ่อนของดอกไม้โชยเข้าจมูกให้รู้สึกสดชื่น
ในมือของจางโม่ลี่มีเข็มและด้าย มือบางขาวนวลเนียนกำลังนั่งบรรจงนำดอกไม้มาร้อยเข้ากับด้ายสีขาวมองดูสวยและดูแปลกตา จ้าวหยางหลงมองเจ้าของร่างบางกำลังจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำก็ให้รู้สึกสงบและสบายใจสบายตา
“เจ้ากำลังทำอะไรอยู่หรือ”
“ข้ากำลังร้อยมาลัยอยู่ เสร็จพอดีเลย พี่หลงข้าขอมือหน่อยเจ้าค่ะ” ว่าจบนางก็จับมือหนาวางบนตัก จับปลายเชือกของพวงมาลัยที่ร้อยไว้ผูกติดกับข้อมือหนาพลางยิ้มสดใสอย่างพอใจ
“ชอบไหมเจ้าคะ”
“ชอบสิ ชอบมากอะไรที่เจ้าทำเพื่อพี่ๆ ชอบทั้งหมด” จ้าวหยางหลงมองข้อมือตนเองก็ให้รู้สึกพอใจ ตัวเขาชื่นชอบกลิ่นของดอกโม่ลี่ที่เหมือนกับกลิ่นกายนางนัก
“ปากหวานจริงเชียว” โม่ลี่ยิ้มหวานใบหน้าซับสีจางๆ ให้กับคำตอบของเขา
“พี่ปากหวานเพียงแค่เจ้าผู้เดียว อยากลองชิมดูหรือไม่”
“พี่หลงหยุดเย้าข้าเถิดเจ้าค่ะ” โม่ลี่ก้มหน้างุดลงแนบอกใบหน้าที่เคยมีรอยแดงจางเปลี่ยนไปเป็นสีแดงราวกับกุ้งต้มก็ไม่ปาน
“ได้ๆ พี่ไม่เย้าเจ้าแล้ว พี่ต้องไปสะสางงานเสียหน่อย แต่จงเตรียมใจกายของเจ้าไว้ให้ดี พี่จะเริ่มลงโทษเจ้าที่คิดจะทำร้ายตนเองเสียที หึหึ…” ว่าจบก็จุมพิตเข้าที่หน้าผากนวลหันหลังเดินออกไปยังห้องทำงานทันที ทิ้งให้จางโม่ลี่ตื่นตะลึงกับคำที่ได้ยินไว้เบื้องหลัง
หลังจากจ้าวหยางหลงเดินออกไป จางโม่ลี่ก็ยังนั่งนิ่งขบคิดถึงเรื่องบทลงโทษก็ให้รู้สึกตื่นตระหนก ใบหน้าเดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีดหัวคิ้วขมวดชนกันแน่น ซิ่นหวาที่เดินเข้ามาหลังจากผู้เป็นนายจากไปก็ลอบมองสีหน้านายหญิงอย่างสงสัย
“นายหญิงเป็นอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ” ซิ่นหวาตัดสินใจเอ่ยถามหลังจากที่ยืนมองอยู่สักพักนายหญิงก็ยังไม่รู้ตัว
“อะ…พี่ซิ่นหวานี่เอง คือข้า…ข้า” โม่ลี่สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงตะกุกตะกัก
“มีอะไรหนักใจหรือกังวลก็ปรึกษาข้าน้อยได้นะเจ้าคะ”
“พี่ซิ่นหวาข้ามีเรื่องจะปรึกษาแต่มันออกจะน่าอายไปเสียหน่อย” หลังจากที่นิ่งไปครู่หนึ่งก็ตัดสินใจที่จะปรึกษาหญิงสาวตรงหน้า
“เรื่องน่าอายอะไรรึเจ้าคะ ถ้าตอบได้ข้าน้อยจะตอบ”
“คือ…พี่จะลงโทษข้า แต่ข้าเอ่อ…เฮ้อ…” โม่ลี่รู้สึกพูดไม่ออกขึ้นมาดื้อจนต้องถอนหายใจ
“หึหึ…นายหญิงเลยรู้สึกกลัวและกังวลใช่ไหมเจ้าคะ” ซิ่นหวาเดาได้ไม่ยากว่าบทลงโทษที่นายหญิงจะได้รับคือสิ่งใด
“พี่ซิ่นหวายังจะมีอารมณ์ขันอีก ยามนี้ข้ารู้สึกทั้งกลัวและกังวล ไม่ใช่ว่าข้าไม่รักพี่หลง เพียงแต่ขะ…ข้า” โม่ลี่เม้มปากแน่นกับความรู้สึกของตนที่สับสนและกำลังตีกันให้วุ่นในหัว
“นายหญิงกังวลเรื่องสัมพันธ์ชายหญิงใช่ไหมเจ้าคะ” ซิ่นหวาเอ่ยถามจ้องมองนายหญิงที่พยักหน้ารับแก้มทั้งสองข้างแดงก่ำด้วยความเขินอาย
“นายหญิงอย่าได้วิตกกังวลปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติเถิดเจ้าค่ะ ข้าเชื่อว่าท่านประมุขจะรักและถนอมท่านอย่างดี อีกอย่างหน้าที่ของภรรยาคือการปรนนิบัติรับใช้สามีถือเป็นเรื่องปกติ” ซิ่นหวาเอ่ยปลอบเพื่อคลายความกังวลให้อีกฝ่าย
จางโม่ลี่รับฟังก็รู้สึกคล้อยตามเรื่องสัมพันธ์ชายหญิงสตรีทุกคนจะต้องผ่านมันไป แล้วนางจะมัวกังวลสิ่งใดในเมื่อนางแต่งเป็นภรรยาให้เขาวันใดวันหนึ่งมันก็ต้องมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี ตัวนางเองก็รักเขาและมั่นใจว่าเขาก็รักนางเช่นกัน คิดได้ดังนั้นสีหน้าก็ผ่อนคลายแต่ยังคงมีสีแดงจางๆ แต้มอยู่บนใบหน้า
จ้าวหยางหลงกำลังสะสางงานอยู่เงียบๆ เพียงลำพังใบหน้าคมประดับไปด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุขพลางคิดถึงบทลงโทษที่เตรียมไว้ก็ให้รู้สึกกระชุ่มกระชวย เมื่อสัมผัสถึงการมาของบุคคลอื่นก็กลับมามีใบหน้าเรียบเฉยแต่ทว่าดุดันเช่นเคย
“รายงานมา” เสียงเข้มเอ่ยเมื่อรู้ว่าเป็นผู้ใด
“รายงานท่านประมุขตามที่ไปสืบเรื่องของนายหญิง ข้าได้ไปยังแคว้นหลิวแล้วพบเข้ากับภาพของสตรีนางหนึ่งช่างคล้ายคลึงกับนายหญิงนักแต่ทว่านางในภาพดูมีอายุกว่า จึงตามสืบดูจึงรู้ว่าพวกเขากำลังออกตามหาตัวเด็กสาวนางหนึ่งซึ่งคาดเป็นบุตรีของพ่อค้าใหญ่ตระกูลหงที่มีเหตุต้องพลัดพรากจากกันร่วม 20 กว่าปีก่อนขอรับ” พูดจบเงาก็ส่งรูปภาพของสตรีนางนั้นให้ท่านประมุข
จ้าวหยางหลงรับมาดูก็รู้สึกไม่ต่างจากเงานัก เพราะสตรีนางนี้ถึงแม้ว่าจะอายุประมาณกลางคนแต่กลับมีใบหน้าคล้ายภรรยาเขาถึง 3 ส่วนไม่ตอบก็รู้ว่าสตรีในภาพวาดอาจเป็นมารดาของนางหรืออาจจะเป็นเพียงแค่คนหน้าคล้ายก็เป็นได้เขาไม่อาจปักใจเชื่อได้เต็มร้อยคงต้องให้คนไปสืบเรื่องราวให้ละเอียด
“ไปสืบมาว่าเมื่อ 20 ปีก่อนเกิดอะไรขึ้น และนางเกี่ยวข้องยังไงกับนายหญิงของเจ้าให้ละเอียด ข้าต้องรู้ทุกอย่าง” จ้าวหยางลงออกคำสั่งทันทีด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
“ขอรับ” เงาขานรับและหายไปดั่งสายลม
หลังจากจัดการปัญหาตรงหน้าเรียบร้อยจ้าวหยางหลงกำลังไปหาภรรยาเพียงหนึ่งเดียว หลังจากที่ได้รับรายงานจากลูกน้องที่ทำหน้าที่คอยติดตามอารักขานางอย่างลับๆ ว่านางอยู่ที่ใดและกำลังทำสิ่งใดอยู่ก็ก้าวไปยังจุดหมายปลายทางที่นางอยู่ทั้งสองขากลับหยุดชะงักกับภาพที่นางกำลังตั้งใจทำอาหารสำรับเย็น ใบหน้านางยามนี้ดูมีความสุขและสดใสยิ่งนัก สายตาคู่คมดุดันมองไปรอบบริเวณทุกคนที่อยู่ในครัวต่างค่อยๆ ก้าวออกจากที่นั่นอย่างเงียบโดยไม่เป็นที่สังเกต
“ทำอะไรให้พี่กินหรือวันนี้” หลังจากที่ทุกคนออกไปตอนนี้เหลือเพียงนางและเขา หยางหลงก็เดินตรงไปโอบเอวนางจากด้านหลัง
“อะ…โธ่…พี่หลงเหตุใดท่านจึงชอบมาเงียบๆ เสียทุกครั้ง หากข้าถือมีดอยู่ท่านอาจเป็นอันตรายได้นะเจ้าคะ” โม่ลี่อดที่จะตำหนิเขาไม่ได้
“หึหึ…เอาเป็นว่าพี่จะไม่ทำอีก แล้วเจ้าทำอะไรอยู่รึ”
“ลี่เอ๋อร์ทำสำรับเย็นเสร็จพอดีเจ้าค่ะ แต่พี่หลงปล่อยก่อนเถิด เราไม่ได้อยู่กันเพียงลำพังนะเจ้าคะ” โม่ลี่พูดโดยที่ไม่ได้สังเกตภายในห้องครัวเพราะนางกำลังง่วนอยู่กับหม้อต้มจืดที่ปรุงเสร็จพอดี
“ไหนพี่ไม่เห็นมีใครเลย ที่นี่มีเพียงเจ้าและพี่เท่านั้น ฟอด…” ว่าจบก็หอมเข้าที่แก้มนุ่มทันทีพลางจับนางหันหน้ามาทางเขา
“อ้าวหายไปไหนกันหมด เป็นท่านที่ไล่พวกเขาไปใช่ไหมเจ้าคะ” โม่ลี่หันกลับมาตามแรงจับของชายหนุ่มก็พบว่าบริเวณโดยรอบไม่พบคนที่เคยอยู่ช่วยงานเหลือแต่เขาและนางสองคนเท่านั้น
“ไปล้างเนื้อล้างตัวเสียก่อน ที่เหลือก็ให้บ่าวไพร่จัดการต่อเถิด” ว่าจบก็จับจูงนางไปล้างเนื้อล้างตัวด้วยตนเอง ทำเอานางอดที่จะนางแดงไม่ได้ เขามักหาเรื่องหลอกกินเต้าหู้นางทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน
ยามอิ่ว (17.00-18.59 น.) หลังจากได้ทานอาหารรสเลิศที่หาไม่ได้จากที่ใดทั้งสองก็พากันออกมาเดินย่อยที่สวนดอกไม้ใกล้กับเรือนเจียวอ้าย ก่อนที่จ้าวหยางหลงบ่นว่ารู้สึกเหนียวตัวใคร่อยากอาบน้ำทั้งยังจับจูงบังคับให้นางไปอาบน้ำด้วยเช่นกัน บนใบหน้าคมบัดนี้เคลือบไปด้วยท่าทางกรุ้มกริ่มเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก สตรีข้างกลับก้มหน้างุดลงแนบอกด้วยรู้ว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้และนางก็ตัดสินใจแล้วว่าเต็มใจที่จะเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว
ส่วนซิ่นหวานั้นรู้งานกว่าผู้ใดนางได้หายตัวไปตั้งแต่ที่ทั้งคู่ร่วมกันรับสำรับมื้อเย็น เพื่อมาจัดเตรียมที่เครื่องนอนรวมทั้งน้ำอาบเพื่อรอการมาของท่านประมุขและนายหญิง ริมฝีปากแดงสดแย้มยิ้มคิดแล้วก็รู้สึกดีใจที่เจ้านายตนจะมีความสุขดั่งสามีภรรยาคู่อื่นเสียที