ดวงใจประมุขมาร - ตอนที่ 14
ณ. พรรคมังกรทมิฬ
เมื่อขบวนเจ้าสาวมาถึงพิธีการต่างๆ ก็ถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว จ้าวหยางหลงเป็นผู้ยื่นมือประคองนางลงจากเกี้ยวเจ้าสาว พลางก้มหน้าพูดบางอย่างที่ทำเอาเจ้าสาวถึงกับเกร็งไปทั้งร่างด้วยไม่คิดว่าเขาจะกล่าวเช่นนี้ออกมา
“จะดีหรือเจ้าคะ” โม่ลี่เอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจ
“ดีสิเชื่อพี่” หลังจากได้ยินเช่นนั้น ว่าที่เจ้าสาวก็ทำเอาคนในบรรดาพรรคมังกรทมิฬต้องตาเบิกกว้างอ้าปากค้าง“ตึง…ตึง…ตึง…” เสียงเตะประตูเกี้ยวโดยฝีเท้าของว่าที่เจ้าสาวทำเอาบรรยากาศรอบข้างถึงกับเงียบกริบมิมีใครกล้าขยับ ด้วยกลัวโทสะผู้เป็นนาย ไม่เคยมีสตรีใจหาญกล้ากระทำการเช่นนี้มาก่อน
ผู้อาวุโสทั้งหลายถึงกับตะลึงอ้าปากค้าง ไม่เว้นแม้บรรดาเงาที่แฝงกายดูความเรียบร้อยและอารักขานายของตนเหตุการณ์ในวันนี้คงมิมีผู้ใดลืมเลือน ทั้งยังเอาไปเล่าขานเป็นตำนานให้ลูกหลานฟังได้เป็นร้อยปีเลยทีเดียว แต่ก่อนจะคิดไปไกลก็ต้องชะงักค้างอีกรอบ
“เจ้าทำได้ดีลี่เอ๋อร์” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยชมหาได้มีความโกรธเคืองไม่ ทั้งรอยยิ้มอ่อนโยนถึงดวงตาที่ปรากฏแก่สายตาทุกคนในพรรค
บรรดาอาวุโสลูกพรรคและเงาต่างเบิกตากว้างอย่างมิอยากเชื่อในสิ่งที่เห็นและได้ยิน “อันใดคือดี รอยยิ้มของท่านขายให้พวกข้าได้หรือไม่ บุรุษที่เหี้ยมโหดผู้นั้นอยู่ที่ใด นี่อย่าบอกนะว่าท่านประมุขเข้าสมาคมกลัวเมีย รักเมีย หลงเมียเข้าเสียแล้ว โธ่…ท่านประมุข” ทุกคนต่างคิดในใจแต่มิมีผู้ใดกล้ากล่าวออกมา
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีกราบไหว้ฟ้าดินก็ถึงเวลาส่งตัวเจ้าสาวเข้าหอโดยให้ซิ่นหวาอยู่เป็นเพื่อนนาง เจ้าบ่าวของงานให้วันนี้ก็ต้องก็ออกมาต้อนรับแขกซึ่งก็มีแค่เจ้าสหายน่าตายเพียงคนเดียวที่เกาะติดตัวเขาเสมือนปลิงดูดเลือดทั้งยังชวนดื่มสุรามงคลไปเกือบสิบไห บรรยากาศภายในพรรคเต็มไปด้วยเสียงเฮฮาของเหล่าบุรุษ วันนี้เป็นวันมงคลจ้าวหยางหลงจึงมิได้ว่ากล่าวอันใด
“เจ้าลูกเต่า เจ้าจะดื่มก็ดื่มไป ข้าจะเข้าหอแล้ว” เสียงเข้มเอ่ยหลังจากที่ทอดมองประตูเรือนหอมาสักระยะ
“อะไรของเจ้าเนี่ย ข้าอุตส่าห์มาร่วมแสดงความยินดีทั้งทีเจ้าจะรีบไปไย อย่างไรเสียนางก็ไม่หนีไปไหนหรอก”เย่วหย่งเซิงยังคงไม่สนใจ
“ใครเชิญเจ้า ข้าจำได้ว่ามิได้ส่งเทียบเชิญให้ผู้ใด งานแต่งข้าจัดเป็นการส่วนตัวเท่านั้น”
“ก็เจ้ามันใจร้าย รู้ไหมกว่าข้าจะหาเงินทองเก็บจนเต็มคลังต้องขูด…เฮ้ย…ต้องทำงานเหนื่อยแสนเหนื่อยแต่เจ้ากับเล่นเผาคลังสมบัติข้า สามสี่วันมานี้ข้าอดอยากปากแห้งเพียงใดเจ้ารู้หรือไม่ อีกทั้งสหายหนึ่งเดียวของข้าจัดงานมงคลทั้งที ทั้งอาหารเครื่องดื่มมากมายกลับไม่คิดชวนข้ารวมงาน มันน่าน้อยใจนัก” เย่วหย่งเซิงแสร้งดัดเสียงน้อยอกน้อยใจพรรณนาถึงการกระทำของเขาดังสตรี ทั้งที่ดวงตายังคงเจ้าเล่ห์แพรวพราว จนจ้าวหยางหลงอดหมั่นไส้ไม่ได้
“โครม…โอ๊ย…เจ็บนะโว้ย” หย่งเซิงลูบก้นตนเองน้อยๆ บรรยากาศเงียบกริบทันทีแต่ก็กลับมาครึกครื้นเหมือนเดิมด้วยรู้ว่าคนทั้งสองมักจะเป็นเช่นนี้เสมอเมื่อพบปะกัน
“หากเจ้าไม่ลักพาตัวนางไป ข้าก็คงไม่ทำถือซะว่านี่คือคำเตือนจากข้าก็แล้วกัน หากยังคิดเล่นพิเรนทร์กับนางอีกข้าคงจะไม่เผาคลังสมบัติเจ้าแค่คลังเดียวหรอก”
“เอะ…เจ้าบอกว่าคลังเดียว ระ…ระ…หรือว่า” หย่งเซิงเบิกตาโตเท่ากับไข่ห่านทันที พลางชี้หน้าสหายตน
“หึหึ…ใช่คลังเดียว อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าเก็บสมบัติไว้ที่ใดบ้าง” จ้าวหยางหลงเอ่ยอย่างผู้มีชัยก่อนจะหันหลังเพื่อเข้าเรือนหอ
“หน็อย…ไอ้สหายบัดซบ…เจ้าน่าตายจำไว้เลยอย่าให้ถึงทีข้าเชียว” เย่วหย่งเซิงตะโกนด่าขบเขี้ยวเคี้ยวฟันไล่หลังสหาย
ภายในห้องหอปรากฏร่างสตรีบอบบางในชุดเจ้าสาวสีแดงเพลิงปักดิ้นสีทองลวดลายงดงามกำลังนั่งนิ่งอยู่บนเตียงเพื่อรอเจ้าบ่าวเปิดผ้าคลุมหน้าและดื่มสุรามงคลเป็นขั้นตอนสุดท้ายของพิธีแต่งงาน จางโม่ลี่กำลังข่มความรู้สึกหลายๆ อย่างที่ตีกันให้วุ่นในหัว สองมือบางเย็นเฉียบสั่นเทากุมเข้าหากันแน่น จนหญิงสาวผู้ทำหน้าที่ดูแลและองครักษ์ส่วนตัวของนางสังเกตเห็น
“นายหญิงมีอันใดบอกข้าได้นะเจ้าคะ”
“พี่ซิ่นหวา ขะ…ข้ารู้สึกกลัวและประหม่าไม่น้อย”
“ไม่มีอันใดต้องกลัวหรอกเจ้าค่ะ ข้าเชื่อว่าท่านประมุขจะทะนุถนอมนายหญิงเป็นอย่างดี” ซิ่นหวาเอ่ยปลอบ “มิเช่นนั้นนายท่านคงไม่ให้นายหญิงเป็นผู้เตะเกี้ยวเจ้าสาวแทนตนหรอก นี่เป็นที่รู้กันทั่วแล้วว่าท่านประมุขให้เกียรตินายหญิงและทั้งรักทั้งหลงนายหญิงเพียงใด” ซิ่นหวาคิดในใจ
“จริงหรือ”
“จริงสิเจ้าค่ะ นายหญิงทำใจให้สบายเถิดปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามธรรมชาติ” เสียงนุ่มหวานของซิ่นหวายังคงปลอบผู้เป็นนายหญิงมิให้ประหม่ากลัว
“แอ๊ด…” เสียงประตูเปิดเข้ามาทำให้ซิ่นหวาที่กำลังปลอบหยุดชะงักและถอยหลังออกไปจากห้องพร้อมปิดเรือนหอให้ผู้เป็นนายอย่างรู้งาน
จ้าวหยางหลงเดินเข้าไปหาร่างบางช้าๆ เขาอดที่จะตื่นเต้นมิได้ มือแกร่งสองข้างค่อยบรรจงเปิดผ้าคลุมหน้านางออกอย่างเบามือ เผยให้เห็นเครื่องหน้าหวานที่ประทินโฉมเบาบางแต่สวยล้ำในใต้หล้ามิมีหญิงใดเทียบเคียงนางได้ จางโม่ลี่รู้สึกเขินอายไม่น้อยเมื่ออยู่กันตามลำพัง มือหนาค่อยๆ ลูบแก้มนางเบามือก่อนจะจับจูงมือน้อยให้ไปกินดื่มอาหารสุรามงคลที่อยู่บนโต๊ะ ป่านนี้นางคงหิวแย่แล้ว
“ลี่เอ๋อร์มากินอะไรสักหน่อยเถอะ พี่รู้ว่าเจ้าคงหิวไม่น้อย”พูดไปก็พลางคีบอาหารตรงหน้าให้นาง
“ขอบคุณเจ้าค่ะ พี่หลงก็ทานด้วยกันเถิด ลี่เอ๋อร์ทานคนเดียวคงไม่หมด” ว่าจบก็คีบอาหารวางในจานให้อีกฝ่าย ดวงหน้าน้อยมีรอยยิ้มประดับอยู่ตลอดเวลา ทั้งสองผลัดกันคีบให้กันจนอิ่ม
“เจ้าเคยดื่มสุราหรือไม่ รสชาติมันจะแรงไปเสียหน่อยค่อยๆ ดื่มนะ” จ้าวหยางหลงพูดอย่างเป็นห่วงก่อนจะรินสุราให้นาง
“มิเป็นไรเจ้าค่ะ แค่จอกเดียวคงมิเป็นอันใดมาก” โม่ลี่ยิ้มรับและบอกให้เขาสบายใจก่อนจะจรดริมฝีปากดื่มสุราในจอกช้าๆ จนหมด
หลังสุราไหลผ่านลำคอขาว นางก็รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งตัว ไม่คิดว่าสุราในยุคนี้จะมีกลิ่นหอมหวานชวนลิ้มลองแต่พอได้ดื่มรสชาติกลับร้อนแรงจนลำคอนางเกือบไหม้ ตอนนี้ทั่วใบหน้าและลำคอระหงแดงก่ำไปด้วยฤทธิ์สุรา นางรู้สึกว่าภาพตรงหน้าเริ่มเบลอเล็กน้อย ดวงตาที่เคยกระจ่างใสกลับปรือฉ่ำหวานมองไปยังเจ้าบ่าวของตนอย่างออดอ้อนจนคนถูกมองใจกระตุก
“ลี่เอ๋อร์คนดี เจ้าเมาเสียแล้ว” หยางหลงเย้าแหย่นางพลางประคองร่างนางไปยังเตียงอย่างทะนุถนอม
“พี่หลงงง…ข้ามิได้มาวว..เสียหน่อย” เสียงยานคางแต่น่าเอ็นดูทำเอาเขาอดจะหยิกแก้มนวลมิได้
“ไม่เมาก็ไม่เมา อยู่นิ่งๆ พี่จะถอดเครื่องประดับให้เจ้าเสียก่อนแล้วค่อยนอนนะคนดี” จ้าวหยางหลงไม่คิดจะร่วมหอกับนางในวันนี้ เพราะเขาไม่อยากบังคับฝืนใจนาง อยากให้นางพร้อมและเต็มใจเป็นของเขาเอง
“พี่หลงงง…เจ้าขา…ลี่เอ๋อร์ร้อนนน…” พูดจบก็พยายามปลดอาภรณ์ออกเผยให้เห็นไหล่ขาวนวลเนียน จนร่างหนาถึงกับกลืนน้ำลายกับภาพตรงหน้า
“ลี่เอ๋อร์ใจเย็นลงก่อนเถิด เดี๋ยวพี่จะพาเจ้าไปแช่น้ำดีหรือไม่” มือหนาจับมือบางไว้แน่น ทั้งที่ตัวเขากำลังข่มกลั้นความรู้สึกบางอย่างที่กำลังตื่นอยู่เบื้องล่าง
“อืม” โม่ลี่ครางรับคำ
จ้าวหยางหลงได้ยินคำตอบของนางก็จัดการอาภรณ์ของตนและนางเหลือเพียงแค่อาภรณ์ตัวบางไว้ติดกาย ก่อนจะช้อนร่างบางขึ้นแนบอกเดินมุ่งหน้าไปยังห้องอาบน้ำภายในเรือนหออย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่าหากช้ากว่านี้คงมิได้ทำอย่างที่ตั้งใจไว้แน่
ชั่วครู่จ้าวหยางหลงก็มาถึงจุดหมายเบื้องหน้ามีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่คล้ายน้ำตกจำลองผนังห้องเป็นหินที่เรียงตัวกันอย่างสวยงามไอน้ำมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกโม่ลี่ฮวาคล้ายกลิ่นกายนางลอยอยู่บนผิวน้ำ เขาวางร่างนางกับพื้นให้นางซบบนอกแกร่งมือหนาสัมผัสกับน้ำกำลังดีไม่ร้อนไปไม่เย็นไป ก่อนจะช้อนอุ้มนางขึ้นอีกครั้งเดินลงไปในสระปล่อยตัวนางยืนซ้อนหลังให้นางพิงอกแกร่งสองมือหนาโอบรัดเอวไว้หลวมๆ เพื่อให้นางสบายตัว
“อืม…” เมื่อผิวบางสัมผัสกับน้ำก็รู้สึกสบายครางรับอย่างพึงพอใจ
“เป็นเช่นไรบ้าง ดีขึ้นหรือไม่” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยกระซิบข้างหูหลังจากที่นางครางออกมา
แพขนตางอนงามเริ่มกะพริบ ก่อนจะลืมเปลือกตาขึ้นอย่างมองภาพเบื้องหน้า โม่ลี่สัมผัสถึงมือที่โอบรัดนางไว้ก่อนจะก้มหน้ามองตนเองที่ตอนนี้อยู่ในอาภรณ์สีขาวที่ชุ่มไปด้วยน้ำอย่างตกใจใช้สองมือบังอกอิ่มที่เห็นยอดปทุมสีชมพูหวาน
“อะ…พี่หลง”
“รู้สึกตัวแล้วหรือ”
“เหตุใดลี่เอ๋อร์ถึงมาอยู่ที่นี่เจ้าคะ เมื่อครู่ยังจำได้ว่าอยู่ในห้องหออยู่เลย” โม่ลี่ถามอย่างสงสัย
“ฮึ…เจ้าจำมิได้หรือ เจ้าบอกกับพี่ว่าร้อนหลังจากดื่มสุรามงคลไป ทั้งยังจะถอดอาภรณ์เสียให้ได้ พี่ก็เลย…”
“ละ…เลยอันใดเจ้าคะ” โม่ลี่ถามอย่างกล้าๆ กลัว
“ว้าย!! เลยพาเจ้ามาแช่น้ำอย่างไรเล่า” ไม่พูดเปล่าชายหนุ่มกับพลิกตัวนางให้หันไปเผชิญหน้ากับเขา
“บัดซบ” จ้าวหยางหลงสบถในใจ ภาพของสตรีอันเป็นที่รักอาภรณ์สีขาวเบาบางเปียกชุ่มไปทั่วทั้งร่างปรากฏออกมาทำเอาใจสั่นเกินจะระงับด้วยไฟเสน่หา ริมฝีปากหนาประกบกับปากบางทันที
จางโม่ลี่ตกใจตาเบิกกว้างมิคิดว่าเขาจะกระทำเช่นนี้ ก่อนจะถูกชั้นเชิงนำพานางให้คล้อยตามจุมพิตนุ่มนวลโหยหาและอ่อนหวานทำเอาโม่ลี่เคลิบเคลิ้มไปชั่วครู่ จ้าวหยางหลงหลังจากได้สติก็ผละออก มองหน้านางที่กำลังหลบตาเขาอย่างเขินอายใบหน้านวลแดงก่ำดั่งผิงกั๋วก็ให้เอ็นดู เขาจำเป็นต้องข่มกลั้นความปรารถนา เขาอยากให้นางพร้อมและเต็มใจเป็นของเขา แม้ความปวดร้าวของกายแกร่งเริ่มรุนแรงขึ้นจนสติเขาแทบแตกซ่าน
จ้าวหยางหลงกอดนางแนบอกหลับตานิ่งกัดฟันข่มความรู้สึกทั้งหมดไว้อย่างยิ่งยวด ก่อนจะดันตัวนางออกห่างตนดวงตาที่เคยถูกไฟปรารถนาเล่นงานตอนนี้ถูกแปรเปลี่ยนเป็นความอ่อนโยนเข้ามาแทนที่
“เจ้าขึ้นไปผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ก่อนเถิด สักครู่พี่จะตามขึ้นไป” เสียงทุ้มนุ่มยังคงเอ่ย ทั้งยังเอื้อมคว้าชุดคลุมด้านหลังให้นาง
“เจ้าค่ะ” โม่ลี่รีบรับชุดคลุมนั้นสวมทันทีก่อนจะรีบวิ่งออกไป
จ้าวหยางหลงขบขันท่าทีของนางไม่น้อย วิ่งจนลืมกิริยาแต่เขามิได้ใส่ใจใดๆ นางมักจะแสดงออกทั้งสีหน้าและการกระทำอย่างเป็นธรรมชาติทำให้เขารู้สึกดีและเพลินตาหาได้มีจริตกิริยาเสแสร้งชวนขัดตาไม่ ก่อนจะก้มมองเบื้องล่างที่ยังคงปวดร้าว “เฮ้อ…เย็นลงสักหน่อยเถิดเจ้ามังกรผู้ยิ่งใหญ่รอให้นางพร้อมเสียก่อนก็ยังไม่สาย” หยางหลงถอนหายใจ ก่อนจะหลับตาอีกครั้งเพื่อข่มกลั้นความปรารถนา
หลังจากที่จางโม่ลี่ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เสร็จก็นั่งครุ่นคิดอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ด้วยรู้สึกเขินอายกับเรื่องเมื่อครู่ ทั้งยังรู้สึกอับอายยามที่นางไร้สติจากฤทธิ์สุราดวงหน้าเห่อร้อนลามไปทั้งตัว จ้าวหยางหลงก้าวเข้ามานางก็ยังไม่รู้สึก เขายังคงยืนมองนางมิได้กล่าวอันใด จนเห็นนางเอามือปิดบังหน้านั่นแหละจึงขยับนั่งใกล้นางบนเตียง
“เจ้าไม่สบายหรือ เหตุใดจึงหน้าแดงเช่นนั้นให้พี่ตามหมอไหม”
“เปล่าเจ้าค่ะ ลี่เอ๋อร์มิได้เป็นอันใด ข้ากำลัง…เอ่อ…กำลัง…”
“กำลังอันใดบอกพี่ได้ไหม” หยางหลงแสร้งถามทั้งที่รู้ว่านางกำลังรู้สึกเขินอาย
“พี่หลง ท่านก็รู้เหตุใดยังเย้าข้าอีกเจ้าคะ” โม่ลี่ทุบอกแกร่งเบาๆ ด้วยความอับอาย
“ฮ่าฮ่า…พี่ไม่เย้าเจ้าแล้วก็ได้ นอนเถิดนี่ก็ดึกมากแล้ว”
จางโม่ลี่นิ่งค้างเกร็งไปทั้งกายไปทันทีหลังจากได้ยินคำว่านอนก็ทำตัวไม่ถูกด้วยนางยังไม่พร้อมกับเรื่องสัมพันธ์ชายหญิง หน้าผากมนเริ่มมีเหงื่อชื้นซึมทั้งที่บรรยากาศมิได้ร้อนอบอ้าวกลับเย็นสบาย
“ลี่เอ๋อร์ เจ้าคิดอันใดอยู่บอกพี่ได้หรือไม่” จ้าวหยางหลงเห็นนางเกร็งไปทั้งร่างก็รู้ทันทีว่านางกังวลสิ่งใด
“เอ่อ…” โม่ลี่ตะกุกตะกัก
“เจ้ามองและฟังพี่นะคนดี พี่มิคิดจะหักหาญน้ำใจเจ้าแม้แต่น้อย พี่สามารถรอจนกว่าเจ้าจะพร้อมและเป็นของพี่ด้วยความเต็มใจ คืนนี้พี่เพียงอยากกอดเจ้านอนไปด้วยกันเท่านั้น รู้หรือไม่ที่พี่ทำทุกอย่างก็เพราะว่าพี่รักเจ้าเข้าใจหรือไม่”
“ลี่เอ๋อร์เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” ใบหน้าของโม่ลี่ยังคงแดงก่ำยิ้มรับดวงตาเป็นประกายความสุข คำพูดเปิดเผยความรู้สึกของเขาทำให้นางรู้ว่าเขาแคร์ความรู้สึกนางมากเพียงใดและมิได้โหดเหี้ยมดังเช่นข่าวลือที่ได้ยินมา
“นอนเถอะ เจ้าคงรู้สึกเพลียมากแล้ว” พูดจบก็รั้งนางมานอนข้างกายโอบกอดนางไว้ในอ้อมแขนก่อนจะหลับตาลง ในตอนแรกนางรู้สึกเกร็งไม่น้อยแต่เมื่อเห็นว่าเขาหลับไปแล้วนางจึงคลายกังวล ด้วยความเพลียและเหนื่อยอ่อนทำให้ร่างบางเข้าสู่นิทราทันที
เสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอให้รู้ว่าร่างบางนั้นหลับสนิทไปเสียแล้ว จ้าวหยางหลงลืมตาขึ้นมองฝ่าความมืด มือแกร่งยังคงโอบกอดนางไว้ไม่ห่างกาย ริมฝีปากหนายกยิ้มบางจนถึงดวงตาทอดมองนางตรงหน้า ความสุขที่เขารอคอยและทรมานมาเนิ่นนานจบสิ้นลงแล้ว ต่อแต่นี้ไปเขาจะมีนางอยู่เคียงข้างกายไปชั่วนิรันดร์ ดวงตาอำมหิตฉายออกมาครู่หนึ่งก่อนจะสงบนิ่งและเข้าสู่ห้วงนิทราตามนางไป
อีกฟากหนึ่งเสียงปาข้าวของแตกกระจายไปทั่วทั้งห้องจากบุรุษผู้ที่เปลื้องช่วงหน้าท้องมีผ้าพันแผลปิดไว้ กำลังถูกเพลิงโทสะครอบงำ“อีกนิดเดียว อีกนิดเดียวเท่านั้นเขาก็จะได้นางมาครองแล้ว ไม่คิดเลยว่ามันจะส่งคนมาเพิ่ม” คิดแล้วยิ่งเจ็บใจ หยวนเทียนเหอกำหมัดแน่นข่มอารมณ์ที่กำลังปะทุขึ้นอีกรอบ
“พวกเจ้าจงจับตาดูนางไว้ มีโอกาสเมื่อไรชิงตัวนางมาให้ได้” น้ำเสียงดุดันสั่งการลูกน้องทันที
“ขอรับ” กล่าวจบเงาก็เร้นหายตัวไป
หยวนเทียนเหอคิดอย่างโกรธแค้นในใจ “ข้าไม่มีวันปล่อยเจ้าไป เจ้าจะต้องเป็นของข้าคนเดียว” ดวงตาอ่อนลงหลังจากคิดถึงสตรีในดวงใจ โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาไม่มีแม้แต่โอกาสจะเข้าใกล้นางอีกต่อไป