ดวงใจประมุขมาร - ตอนที่ 1
ภายในร้านอาหารของห้างดังในกรุงเทพมีชายวัยกลางคนและอีกหนึ่งหญิงสาวนั่งอยู่ด้วยใบหน้าบ่งบอกถึงความยินดีที่หญิงสาวอ่อนวัยประสบความสำเร็จไปอีกขั้นหนึ่งของชีวิต
“ลุงยินดีด้วยนะลูกที่หนูทำได้สำเร็จแล้ว”
“มา…มา…เรามาฉลองกันดีกว่าวันนี้ลุงเลี้ยงเต็มที่เลย”
“แก้วขอขอบคุณ…คุณลุงมากนะคะ แก้วมีวันนี้ได้ก็เพราะคุณลุงเมตตาสั่งสอนและให้โอกาส” แก้วยิ้มยินดี สำนึกในบุญคุณของชายกลางคนตรงหน้าที่หยิบยื่นโอกาสให้เธอ
“ขอบคุณอะไรกัน เป็นแก้วเองต่างหากที่มีความขยัน อดทนและมีความตั้งใจใฝ่รู้ลุงเพียงแค่แนะนำเท่านั้น” ชายวัยกลางคนเอ่ยอย่างใจดี
ชายตรงหน้าเปรียบเสมือนพ่อของเธอ คุณลุงเป็นเชฟใหญ่ในโรงแรมดังที่เธอทำงานอยู่ ตอนนั้นเธอเพิ่งจะเข้ามาศึกษาปริญญาตรีในกรุงเทพฯ และยังไม่รู้จักใคร อีกทั้งเธอต้องรีบหางานพิเศษทำด้วยค่าใช้จ่ายจิปาถะและค่ารายวิชาที่ลงเรียน ประจวบเหมาะที่เธอเห็นป้ายประกาศรับนักศึกษาพาร์ทไทม์ติดอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัยจึงตัดสินใจสมัครอย่างไม่ลังเลในตำแหน่งเด็กล้างจานในโรงแรม ด้วยเธอเป็นคนขยัน ตรงต่อเวลา อดทนเรียนรู้ทุกอย่างได้เร็ว ทั้งกิริยานอบน้อมจึงได้รับความเมตตาเอ็นดูจากเชฟใหญ่ เธอทำงานจนเข้าปีที่ 2 ก็ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยเชฟฝึกหัด ด้วยเชฟใหญ่เอ็นดูจึงถ่ายทอดความรู้ศิลปะด้านการทำอาหารและซอสต่างๆ ให้มากมาย
“แก้วจะทำอะไรต่อไปลูก” ลุงฮัวเอ่ยถามอย่างห่วงใย
“แก้วจะกลับเชียงใหม่หางานทำที่นู่นค่ะ แก้วเป็นห่วงแม่และน้องๆ”
“มีอะไรให้ลุงช่วยก็รีบโทรมาบอกนะลูก แล้วจะเดินทางกลับวันไหนละ”
“แก้วจองตั๋วไว้แล้วค่ะ รถออกวันนี้ตอน 5 ทุ่ม”
“ทำไมเร็วจังลูกเอ๋ย…เฮ้อ…” ลุงฮัวถอนหายใจอย่างแสนเสียดาย วันนี้เขาต้องไปดูแลอาหารสำหรับงานเลี้ยงไม่สามารถไปส่งเด็กน้อยที่ขนส่งได้
“เอาละๆ นี่ก็ทุ่มครึ่งแล้วหนูรีบกลับไปเตรียมตัวเก็บข้าวของเถอะ”
“แก้วสัญญามีเวลาว่างเมื่อไรแก้วจะรีบมาหาคุณลุงทันทีเลยดีไหมคะ” เด็กสาวเอ่ยพลางยิ้มไปทั้งดวงตา
“สัญญาแล้วนะลูก ลุงจะรอนะ อย่าหลอกให้คนแก่ดีใจเก้อเชียวละ” มือหนาขยี้ผมร่างบางด้วยความเอ็นดู
“แก้วสัญญาค่ะ แก้วไปก่อนนะคะคุณลุง” หญิงสาวพนมมือไหว้ผู้สูงวัยอย่างอ่อนช้อย และยื่นที่อยู่ติดต่อที่เชียงใหม่ให้ก่อนจะโบกแท็กซี่เพื่อไปกลับห้องพักจัดเก็บสัมภาระและเดินทางไปสถานีขนส่ง
ชายวัยกลางคนมองหญิงสาวไปจนลับตา 4 ปีจะว่ายาวก็ยาว จะว่าสั้นก็สั้นแต่เขารู้สึกผูกพันกับเด็กสาวยิ่งนัก ในใจรู้สึกเบาเหวงอย่างบอกไม่ถูก นึกกังวลสังหรณ์ใจบางสิ่งบางอย่างกำลังร้องเตือนว่าจะเกิดบางอย่างขึ้นซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ดีแน่นอน ขออย่าให้เป็นอย่างนั้นเลยในใจคิด
“เดินทางปลอดภัยพระคุ้มครองนะลูก” ชายวัยกลางคนเอ่ยอวยพรเบาๆ ก่อนจะหันหลังกลับไปทำหน้าที่ของตนต่อ
บนรถทัวร์เส้นทางจากกรุงเทพถึงเชียงใหม่ ด้านคนนั่งฝั่งซ้ายริมหน้าต่าง “หทัยรัตน์ แก้วขวัญ” หรือแก้ว อายุ 21 ปี กำลังตื่นเต้นที่กำลังจะได้กลับบ้านๆ ที่อบอุ่นมีแม่และน้องๆ กว่า 10 ชีวิตรออยู่อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็จะได้พบพวกเขาแล้ว สองแขนกอดใบปริญญาไว้แนบอก 4 ปีที่เธอใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ กัดฟันสู้ทำงานพิเศษทุกอย่างเพื่อให้ได้ปริญญาใบนี้มาครอบครองจนบัดนี้เธอทำสำเร็จแล้ว
เธอเติบโตมากับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าซึ่งอยู่ในความดูแลของแม่มะลิที่นี่เธอมีน้องๆ กลับบ้านครั้งนี้ตั้งใจจะหางานทำเพื่อแบ่งเบาภาระหน้าที่ของแม่มะลิบ้าง เธอมีความฝันอยากให้แม่และน้องมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น อยากให้น้องๆ ได้มีโอกาสเรียนหนังสือจะได้มีอนาคตที่ดีไม่ต้องลำบากในวันข้างหน้า แต่แก้วไม่รู้อะไรเลยว่าในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้เธอไม่สามารถทำความฝันให้เป็นจริงได้และต้องจากแม่และน้องไปตลอดกาล
เอี๊ยด!!!! ……….กรี๊ดดดดดดดดดด………..โครม……….เสียงล้อรถเบียดถนนลากยาวไปตามทางต่อมาเป็นเสียงกรีดร้องของคนบนรถทัวร์ดึงสติของดอกแก้วได้ดีตามด้วยเสียงรถพุ่งตกลงไปในเหวระหว่างช่องเขา
“แม่มะลิจ๋า….แก้วขอโทษที่ไม่ได้อยู่ดูแลแม่และน้องๆ แก้วรักแม่นะ ลุงฮัวแก้วขอโทษที่ผิดสัญญานะคะ” เสียงสุดท้ายของหญิงสาวที่เปร่งออกมาอย่างแผ่วเบาก่อนสติกำลังจะเลือนหายไปพร้อมกับความมืดมิด เสียงที่แผ่วเบาลอยตามกระแสลมเป็นดั่งข้อความที่ถูกส่งผ่านไปให้บุคคลที่คิดถึงสุดหัวใจ ร่างหญิงวัยกลางคนรู้สึกใจกระตุกวูบคล้ายกับมีของสำคัญหายไป หรือว่ามันถึงเวลาแล้วดอกแก้วลูกแม่เสียงครางในอกร้องเตือนในใจ เช่นเดียวกับชายวัยกลางคนที่จู่ๆ เกิดใจสั่นหวิวขึ้นมาเสียดื้อๆ
ร่างบางในชุดจีนโบราณสีขาวบริสุทธิ์กำลังหลับใหลไม่ได้สติอยู่ในทุ่งดอกไม้นานาพันธุ์ใบหน้าสะสวย ผิวพรรณขาวผ่องดังหยกใส ปากคิ้วได้รูป จมูกโด่งคมรับกับใบหน้า มองดูแล้วในอนาคตคงจะเป็นหญิงงามล่มเมืองอย่างไม่ต้องสงสัย เปลือกตาเริ่มมีการตอบสนองกับสัมผัสรอบตัวกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ลอยมากระทบกับจมูก
“อือ…ที่นี่ที่ไหน…สวยเหลือเกิน” ดอกแก้วลืมตาตื่นขึ้นมาพบกับทุ่งดอกไม้ที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้ามือบางยื่นออกมาสัมผัสกับดอกไม้งามข้างกายตน ก่อนจะนึกถึงเหตุการณ์ที่ประสบมาเมื่อไม่นานมานี้ น้ำตาหยดลงอาบแก้มนวลด้วยความเศร้าเสียใจตนคงไม่มีโอกาสพบเจอแม่และน้องที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ารวมถึงลุงฮัวเสียแล้วในชาตินี้ ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงที่รู้ข่าวของเธอ
“ตื่นแล้วรึนางหนู เอ็งอย่าร้องไห้ไปเลยทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้นเพราะโชคชะตากำหนด” เสียงชายชราใบหน้าอ่อนโยนดูอบอุ่นบอกกล่าวกับสาวน้อยตรงหน้า
“คุณลุงเป็นใครแล้วที่นี่ที่ไหนคะ และที่บอกว่าเกิดขึ้นเพราะโชคชะตากำหนดหมายความว่าอย่างไรคะ” ดอกแก้วรู้สึกสับสนกลับภาพตรงหน้าที่อยู่จู่ๆ ก็ปรากฏร่างของชายชราขึ้นอย่างกะทันหันและคำพูดแปลกๆ นั่นอีก
“นางหนูข้าคือเทพแห่งชะตา ที่จริงแล้วดวงจิตของเจ้าเป็นคนของที่นี่ แต่เกิดเหตุไม่คาดคิดทำให้ดวงจิตของเจ้าหลุดไปยังอีกภพนึง และเมื่อถึงเวลาข้าจึงดึงดวงจิตของเจ้ากลับมาอยู่ในที่ที่เจ้าควรอยู่แต่แรก” ชายชราอธิบายเหตุผลให้หญิงสาวฟัง
“ท่านเทพเจ้าคะ แก้วเป็นห่วงแม่และน้องรวมทั้งคุณลุงผู้เปรียบเสมือนบิดาในภพที่จากมา แก้วขอไปบอกลาแม่มะลิและคุณลุงเป็นครั้งสุดท้ายได้หรือไม่เจ้าคะ” แก้วกลั้นใจถามออกไปทั้งที่เธอกลัวคำตอบว่าอีกฝ่ายจะไม่อนุญาต เพราะเธออาจจะขอเขามากไป
“เฮ้อ!! ….ได้แต่ข้ามีเวลาให้เจ้าเพียงครึ่งเค่อ (15 นาที) เท่านั้น ขอให้เจ้าใช้มันอย่างคุ้มค่า” ชายชราพลางถอนหายใจก่อนสะบัดมือเพียงครั้งร่างของเธอก็หายไป
ยามค่ำคืนในบริเวณสวนหน้าบ้านหลังหนึ่งหญิงชายวัยกลางคนกำลังนั่งสนทนากันด้วยความรู้สึกเศร้าสร้อย ทันใดนั้นเกิดแสงสว่างปรากฏเจิดจ้าขึ้นภายในมุมหนึ่งของสวนตามด้วยเสียงเรียกแม่มะลิจ๋าดังขึ้น บุคคลทั้งสองหันไปตามเสียงเรียกคุ้นเคยดวงตาสองคู่เบิกตากว้างพร้อมสาวเท้าไปจุดที่มีร่างของเด็กสาวปรากฏตัว
“แก้ว…แก้วลูกรักของแม่มาหาแม่แล้ว” หญิงวัยสวมกอดถ่ายทอดความรักทั้งหมดที่มีให้แก่หญิงสาวตรงหน้าหยดน้ำตาล่วงเปียกชื้นพวงแก้มพร้อมเสียงสะอื้นแทบขาดใจ
“แม่จ๋า…แก้วมาลา…ฮึก…ฮึก…แก้วขอโทษแก้วยังไม่ได้ทดแทนคุณไม่ได้ช่วยแม่เลี้ยงน้องๆ ก็ต้องจากแม่ไปซะแล้ว แก้วอกตัญญูแล้วแม่จ๋า…ฮึก…ฮือ…แก้วรักแม่มากนะคะ” แก้วปล่อยโฮแทบพลางกอดแม่มะลิไว้แน่น
“อย่าพูดแบบนั้นลูก แม่ก็รักหนูมากเหลือเกินลูก หนูไม่ต้องห่วงทางนี้นะลูก แม่ละน้องๆ สบายดีอย่าทุกข์ใจอย่ากังวล ทุกอย่างล้วนถูกโชคชะตากำหนด แก้วจำไว้นะลูก ไม่ว่าหนูจะไปอยู่ที่ไหน แม่ขอให้แก้วจงยึดมั่นกระทำความดีๆ จะคุ้มครองหนูจากอันตรายทั้งปวงนะลูก”
“คุณลุง…แก้วขอโทษที่ไม่สามารถทำตามสัญญาที่ให้ไว้ได้…ฮืออ…ลุงเปรียบเสมือนพ่อของแก้ว แก้วรักคุณลุงนะคะ” แก้วหันหน้าไปมองผู้มีพระคุณทั้งเปรียบเสมือนบิดาพลางสะอื้น
“ไม่เป็นไรลูก ลุงก็รักหนูเหมือนลูกสาว หนูไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้ลุงจะดูแลแม่และน้องๆ ของหนูเองลูก” ชายกลางคนให้สัญญากับเด็กสาวตรงหน้าอย่างหนักแน่นเป็นดั่งคำมั่นสัญญา
“นางหนูได้เวลากลับแล้ว” เสียงชายชราเอ่ยเตือนเมื่อเลยเวลามามากพอสมควร
“แก้วของแม่ๆ ดีใจที่ได้พบหนูอีกครั้ง แม้ว่าจะเป็นครั้งสุดท้าย แม่ขออวยพรให้หนูพบเจอแต่สิ่งดีๆ ดูแลรักษาตัวเองให้ดีนะลูก แม่รักแก้วนะลูก”
“ขอให้พระคุ้มครองหนูนะลูก” ชายกลางคนเอ่ยจบทั้งสามต่างสวมกอดกันแน่นเป็นครั้งสุดท้ายส่งยิ้มอบอุ่นให้กัน แสงสว่างเจิดจ้าเกิดขึ้นอีกรอบก่อนจะค่อยๆ เลือนหายไปพร้อมคำพูดสุดท้าย “แก้วรักแม่และคุณลุงนะคะ”
“ได้เวลาที่เจ้าไปต้องแล้วร่างของเจ้าในภพนั้นกำลังจะตาย ที่นั่นยังมีคนที่รอเจ้าอยู่”
“ข้าจะให้พรเจ้า 3 ข้อ เพื่อเป็นการไถ่โทษที่ข้าทำให้ดวงจิตของเจ้าหลงไปอีกพบหนึ่งก็แล้วกัน แต่ว่าอะไรดีละ อืม…เอาแบบนี้ละกัน ข้อที่ 1 ข้าจะให้เจ้าจดจำสิ่งต่างๆ ในภพที่เจ้าจากมาเพื่อให้ใช้เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิต ข้อ 2 ข้าจะให้เจ้ามีกลิ่นกายหอมดั่งดอกโม่ลี่ ข้อ 3 ร่างกายของเจ้าสามารถต้านพิษและเลือดของเจ้าสามารถแก้พิษได้ทุกชนิดไม่ว่าจะร้ายแรงเพียงใด”
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านเทพ” หญิงสาวย่อกายทำความเคารพชายชราด้านหน้า เทพแห่งชะตาก็สะบัดมืออีกครั้งร่างหญิงสาวตรงหน้าก็กลายเป็นควันสีขาวจางหายไป
“โชคชะตาของแต่ละบุคคลล้วนเกิดจากชะตากำหนดเพียง 3 ส่วน และอีก 7 ส่วนล้วนเกิดขึ้นจากการกระทำของตนเอง ขอให้เจ้าโชคดีสาวน้อย” ชายชราลูบเคราอย่างพึงพอใจก่อนจะหายตัวไปอย่างลึกลับ