ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes - ตอนที่ 187
ตอนที่ 187 ความบ้าคลั่ง
การได้รับการยอมรับจากกลุ่มของมาเลียเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจอย่างยิ่ง ซึ่งทําให้เจสันยิ้มให้กับพวกเขาอย่างสดใส
ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็ได้ยินเสียงอีกเสียงหนึ่งจากด้านหลัง เจสันสามารถเดาเจ้าของเสียงที่วิ่งเข้าหาพวกเขาได้ทันที
“เจสัน นายมาทําอะไรที่นี่”
เกร็กรีบวิ่งไปหาพวกเขาทันทีหลังจากที่เขาเห็น
เกร็กต้องเผชิญกับความพ่ายแพ้ที่น่าอับอายด้วยฝีมือของหนึ่งนักเรียนแลกเปลี่ยนเกรด 1 ดังนั้นเขาจึงยังคงมีความเคืองและวิตกกังวลอยู่ในใจเมื่อเห็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่อยู่กับมาเลยและเจสัน
“ไม่มีอะไรหรอก… ฉันมีเรื่องสําคัญจะถามมาเลียและเพื่อนร่วมชั้นของเธออะ”
เจสันตอบโดยเลี่ยงไม่เอ่ยถึงคําขอเข้าร่วมทีมสํารวจของมาเลีย เพราะเกร็กก็จะต้องขอเข้าร่วมด้วยเช่นกัน
สิ่งนี้จะทําให้ทุกอย่างยากขึ้น ทําให้เจสันปิดบังความจริงนี้ไว้จนกว่าพวกเขาจะบุกเข้าไปในรอยแยกระดับสี่ดาว
เจสันตัดสินใจบอกลานักเรียนแลกเปลี่ยนทั้งสิบคนและมาเลียขณะพูดคุยกับเกร็กเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากการถามถึงเหตุผลที่เจสันมาหามาเลียที่นี่
เขาไม่ต้องการให้เกร็กสงสัยในสิ่งใด และเจสันก็ได้ยินแต่มาเลียเสริมว่า
“เรายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเข้าไปในรอยแยกระดับสี่ดาวหรือไม่ แต่ถ้าพวกเธอสองคนเชื่อใจในความสามารถของเจสันมากพอเราควรลองดู… ฉันมั่นใจว่าเขามีความสามารถมากกว่าที่จะรักษาความปลอดภัยของเราได้ถ้าเธอทั้งคู่มีปัญหาในการไว้วางใจความสามารถของเขาเธอสามารถทดสอบเขาได้ในแบบที่เธอต้องการ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจสันก็ส่งข้อความให้มาเลีย ซึ่งเธอเปิดออก ขณะที่เธอเบิกตากว้างก่อนจะพูดต่อหลังจากกระแอมในลําคอ
“ดูเหมือนว่าเจสันจะได้ยินฉันพูดในตอนนี้ เขาบอกมาว่า เจนนิเฟอร์มีสัตว์ร้ายที่มีวิวัฒนาการขั้นสุดยอดเป็นสายวิญญาณที่มีธาตุความมืด ในขณะที่สายใยวิญญาณของธีโอนั้นอยู่ในระดับที่มีวิวัฒนาการสูงสุดเป็นสัตว์ร้ายระดับอันเบิลมิสที่มีธาตุความมืดเช่นเดียวกัน”
มาเลียไม่แน่ใจว่าจะพูดอะไร เนื่องจากเธอไม่เคยเห็นหรือได้ยินอะไรเกี่ยวกับสายใยวิญญาณของนักเรียนทั้งสิบคนที่พวกเขาเก็บเป็นความลับ
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงตกใจที่ได้ยินอันดับของพวกเขา ขณะที่เธอรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของธีโอและเจนนิเฟอร์จากความสามารถของเจสัน
เจสันมีความหมายอย่างไรกับ “ความจริงใจต่อพวกเขาทั้งสิบคน” มาเลียสงสัย แต่การเห็นท่าที่ตกใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนักเรียนแลกเปลี่ยนทั้งสิบคนทําให้เธอเกิดความสงสัย
“เขารู้ได้ยังไง?? เราไม่เคยแสดงความสัมพันธ์ทางวิญญาณหรือธาตุแก่เขาเลย…. ทั้งหมดเป็นเพราะดวงตามานาของเขาเหรอ!!”
ธีโอถามมาเลียที่ทําได้เพียงพยักหน้า เพราะเธอไม่เคยคุยกับเจสันเกี่ยวกับนักเรียนแลกเปลี่ยน
เจนนิเฟอร์ดึงตัวเองเข้าหากัน ขณะที่รอยยิ้มสดใสปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ ขณะที่เธอเกือบจะตะโกนใส่มาเลีย
“เราต้องเสี่ยงเข้าไปในรอยแยกระดับ 4 ดาว! มาโน้มน้าวให้ลักซ์และลินอนุญาติให้เจสันไปกับพวกเรา!!”
เธอรู้คร่าวๆ ว่าเจสันให้ความหมายอย่างไรกับ “พวกเธอทั้งสิบคน” และเห็นได้ชัดว่าเด็กหนุ่มรูปงามที่มีดวงตาสีทองเขาสามารถบอกความแข็งแกร่งของเธอและสายใยวิญญาณของธีโอคร่าวๆ แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องที่ดีสําหรับพวกเธอนัก
ธีโอมีสายใยวิญญาณแบบเดียวกับที่เธอมี และความแตกต่างเพียงอย่างเดียวระหว่างทั้งสองคือสายวิญญาณของพี่ชายของเธอทรงพลังมากกว่าของเธอเล็กน้อย เนื่องจากแกนโลกวิญญาณของเขาดีกว่า
ข้อเท็จจริงนี้ทําให้เธอค่อยพอใจ แต่การประเมินของเจสันยังคงถูกต้องอยู่คร่าวๆ และได้พูดถึงความสามารถของเขาได้มากในขณะที่สามารถบ่งบอกความสามารถของเจสันในการสํารวจได้ดีแม้ว่าความสามารถในการ ต่อสู้ของเขาจะไม่มากพอ
แต่ถ้าเจสันสามารถประกันความปลอดภัยของพวกเขาได้ จําเป็นต้องมีความสามารถในการต่อสู้ที่สูงกว่านี้ ไหม
ไม่เชิง!
เมื่อพิจารณาว่าความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นมีมากพอ พวกเขาทั้งสามจึงเริ่มยิ้มเบาๆ ขณะที่เจนนิเฟอร์กดหมายเลขบนโทรศัพท์ของเธอ
มาเลียก็ทําเช่นเดียวกัน เมื่อพวกเขาเริ่มพูดคุยทุกอย่างกับเพื่อนร่วมทีมอีกสองคน
ในขณะเดียวกัน เจสันมีประสบการณ์ครั้งแรกในการขี่สายใยวิญญาณ ซึ่งเขาค่อนข้างจะรู้สึกกังวลในขณะที่เทอรัสกลับบ้านกลับเกร็ก
การเดินทางทั้งหมดใช้เวลาไม่ถึง 20 นาทีด้วยซ้ําเนื่องจากทางลัดที่พวกเขาสามารถใช้ได้ และเมื่อถึงบ้านเจสันร่วงตกจากหลังของทอรัส
กันของเขาเจ็บและบอกกับตัวเองว่าจะไม่เทอรัสอีก
เกร็กเห็นเขาและหัวเราะเบา ๆ ขณะที่เขาแสดงความคิดเห็นด้วยน้ําเสียงที่เกือบจะบูดบึงซึ่งเขาพยายามปกปิดโดยทําเสียงจริงจัง
“เดียวฉันชดเชยให้อืมมว่าไปเราไม่ได้ปะลองกันมานานละนะ….”
เมื่อเห็นเกร็กแสดงพฤติกรรมเช่นนี้ เจสันแทบจะอาเจียนในมื้อเที่ยงก่อนหน้านี้ เพราะเขาไม่แน่ใจว่าจะตอบ อย่างไร ทําให้เขาพยักหน้าเงียบๆ
เขาเป็นเด็กประถมรึยังไง
เจสันสูดหายใจเข้าลึกๆ และลุกขึ้นปัดฝุ่นเสื้อผ้าของเขา
ขณะที่ทั้งคู่เดินเข้าไปในบ้าน เจสันก็ไม่เห็นมาร์คและกาเบรียลลา เมื่อเห็นเจสันมองไปรอบๆ เพื่อมองหาพวกเขาเกร็กก็บอกเขาว่าพวกเขาออกไปไม่กี่สัปดาห์เพราะภารกิจล่าสัตว์ใหม่ที่พวกเขาได้รับ
เจสันพยักหน้าคาดการณ์ว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นในไม่ช้า เมื่อเขาเข้าไปในห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า
วันนี้เขาจะทําให้ดีที่สุดเพื่อเอาชนะเกร็ก ถึงกระนั้น เขาก็ยังสงสัยว่าความสามารถในการต่อสู้ของเกร็กเพิ่มขึ้นเพียงใด
เมื่อพวกเขาไปถึงสนามประลอง จะเห็นอาร์เทมิสกําลังทําความสะอาดขนของมันบนม้านั่งนอกสนามประลอง
เจสันหยิบมีดที่ทําเองซึ่งมีแสงเป็นประกายออกมาหลังจากที่เขาจัดหามานาให้พวกเขา ขณะที่เกร็กสวมถุงมือ
ขณะที่พวกเขาจ้องตากัน การต่อสู้เริ่มต้นขึ้น และเจสันก็พูดไม่ออกทันที เมื่อเขาสังเกตเห็นว่าความแข็งแก ร่งของเกร็กเพิ่มขึ้นสองสามระดับ
แกนมานาเริ่มต้นของเขาอยู่ที่ระดับอเด็ป 6 ในขณะที่การขยายพลังวิญญาณของเขาเพิ่มขนาดแกนมานาของเขาเกือบสองระดับ ร่างกายของเขาน่าจะผ่านระดับอเด็ปที่ 8 ได้อย่างง่ายดายเพราะเกร็กมีวิญญาณทางกายภาพ
แต่จากสิ่งที่เจสันรับรู้ในตอนนี้ ร่างกายของเกร็กดูแข็งแกร่งขึ้น
เกร็กพุ่งตัวไปและปรากฏตัวต่อหน้าเจสันในครูต่อมา ผิวของเขาดูเหมือนจะไหม้เป็นสีแดงเข้ม
เจสันตกใจกับสิ่งที่เขารับรู้ จึงใช้ความสามารถน้ําแข็งของเขาดันตัวเองออกจากตําแหน่งปัจจุบันขณะที่เขาสร้างเสาน้ําแข็งใต้เท้าตามสัญชาตญาณ
ทันทีที่เขาถูกเหวี่ยงขึ้นไปในอากาศ เจสันได้ยินเสาน้ําแข็งที่แตกเป็นเสี่ยงๆ ขณะที่เกร็กหันไปรอบๆเพื่อรีบไปยังจุดที่เขาจะลงจอดทันที
ความเร็วปฏิกิริยาและการรับรู้ของเกร็กเพิ่มขึ้นสองสามเท่าซึ่งไม่น่าเชื่อสําหรับเจสัน เขาเรียกลูกไฟสีดําออกมาแล้วขว้างไปทางเกร็กพร้อมกับปล่อยหมอกน้ําแข็งหนาทึบที่เริ่มซึมผ่านอากาศ
ขณะที่เกร็กชกต่อยลูกไฟสีดําโดยไม่สนใจกลอุบายใดๆ ที่อาจเป็นไปได้ มันระเบิดเข้าที่ใบหน้าของเขาและบดบังทัศนวิสัยของเขาโดยสิ้นเชิง
ควันดําโผล่ออกมาจากลูกไฟสีดํามีเพียงหมอกหนาสีขาวเข้ามาแทนที่
เกร็กมองไม่เห็นอะไรเลยแม้ว่าสายตาของเขาจะดีขึ้นแล้วก็ตาม ขณะที่เจสันยังคงปล่อยหมอกน้ําแข็งออกมาในขณะที่ใช้ดวงตามานาเพื่อดูทุกอย่างชัดเจน
ดังนั้นเกร็กสามารถใช้เทคนิคที่ได้มาใหม่ได้แล้ว…. นั่นไม่ใช่ความสามารถแบบ [เบอร์เซ็ก]หรอกหรือ?’เจสันคิดอย่างประหลาดใจเมื่อเขายกย่องความสามารถใหม่ของเกร็กในใจ