ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 9 ภารกิจที่โรงเลี้ยงไก่ของทีม (รีไรต์)
- Home
- All Mangas
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 9 ภารกิจที่โรงเลี้ยงไก่ของทีม (รีไรต์)
บทที่ 9 ภารกิจที่โรงเลี้ยงไก่ของทีม (รีไรต์)
บทที่ 9 ภารกิจที่โรงเลี้ยงไก่ของทีม (รีไรต์)
เซี่ยเฟยฝานชี้ไปที่ตัวอักษรในหนังสือ คาดว่ากำลังทดสอบเย่เสี่ยวจิ่น
เย่เสี่ยวจินรู้จักตัวอักษรทั้งหมด
หลี่ชุ่ยชุ่ยอยู่ข้าง ๆ เธอไม่รู้จักตัวหนังสือตัวใหญ่ ๆ สักตัว
แต่เย่เสี่ยวจิ่นกลับตอบได้ทุกคำ
หล่อนเห็นสีหน้าของเซี่ยเฟยฝานยิ่งดูมีความสุขมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่สีหน้าของลูกสาวของเธอยังคงสงบนิ่ง
“เป็นยังไงบ้าง? จิ่นเป่า ตอบถูกหมดเลยใช่ไหม?”
“คุณสอนลูกสาวยังไงเนี่ย? อายุแค่นี้เอง รู้จักตัวหนังสือเยอะขนาดนี้แล้วเหรอ?” เซี่ยเฟยฝานพูดด้วยความชื่นชม “จิ่นเป่าใช่ไหม? ถ้าหนูอยากอ่านหนังสือ ก็ไปที่ห้องสมุดในหมู่บ้านสิ ที่นั่นมีหนังสือเยอะแยะเลย”
เย่เสี่ยวจิ่นพยักหน้า
พูดตามตรง การได้เก็บผักป่าและเลี้ยงไก่ทุกวันมันสนุกกว่า เธอจึงไม่ค่อยอยากอ่านหนังสือเท่าใด
“หลี่ชุ่ยชุ่ย เธอไปทำงานเถอะ ปล่อยลูกสาวเธออยู่ที่นี่กับฉันในห้องทำงาน ฉันจะช่วยดูแลเด็ก ๆ เอง”
ปกติแล้ว เซี่ยเฟยฝานไม่ใช่คนที่ชอบเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นนัก
หลี่ชุ่ยชุ่ยกล่าวขอบคุณด้วยความยินดี ก่อนจะรีบไปทำงานของหล่อน
สายตาของเย่เสี่ยวจิ่นมองตามหลังแม่ที่เดินจากไป ทว่าเสียงเรียกข้างหูก็ทำให้เธอหลุดจากภวังค์
“จิ่นเป่า ผู้ใหญ่บ้านบอกว่าหนูรักษาไก่เป็นเหรอ”
“อาจจะค่ะ” เย่เสี่ยวจิ่นไม่กล้าพูดเต็มปาก
ถ้าเอาอาหารเสริมออกมา คงทำให้คนอื่นตกตะลึงแน่ ๆ
แบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด เธอไม่อยากเป็นจุดสนใจ เดี๋ยวจะเกิดปัญหาตามมาภายหลัง
“พอดีเลย สัตวแพทย์ประจำหมู่บ้านกำลังรักษาไก่อยู่ ไปดูกับลุงไหม?”
เย่เสี่ยวจิ่นมองทะลุจุดประสงค์ของเขาได้ในทันที “คุณลุงคะ ถ้าหนูทำงานให้คุณลุง คุณลุงจะให้คะแนนงานหนูไหมคะ หนูไม่ทำงานฟรี ๆ หรอกนะ”
เซี่ยเฟยฝานหัวเราะ เด็กคนนี้ช่างฉลาดและรู้จักหาผลประโยชน์จริง ๆ
ไม่กลัวคนแปลกหน้า แล้วยังกล้ามาต่อรองกับเขาอีก
“เด็กคนนี้นี่ พ่อแม่หนูเป็นคนพูดน้อย แต่กลับมีลูกสาวที่ฉลาดเป็นกรด ถ้าหนูรักษาไก่ในฟาร์มได้ ฉันจะให้คะแนนงานหนูตามที่ให้สัตวแพทย์!”
ดวงตาของเย่เสี่ยวจิ่นเป็นประกาย
ในโรงเลี้ยงไก่ขนาดใหญ่ริมฟาร์มไก่
หลินจวงกำลังเขียนรายงานการสังเกตการณ์ เขาดูอายุน้อยมาก เหมือนยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำ
เขาถือดินสออยู่ในมือ กำลังเขียนลงบนสมุดปกแดงว่า “เมื่อวานนี้มีไก่ป่วยสะสมยี่สิบสามตัว ได้ให้กินยาเทอร์ราไมซีนที่ละลายน้ำแล้ว วันนี้เวลา 9 นาฬิกา ตายไปสามตัว เหลือยี่สิบตัว”
“การตรวจสอบประจำวัน วันนี้มีไก่ป่วยสามตัว ตัวหนึ่งเดินไม่ได้ เซไปเซมา อีกสองตัวไม่กินอาหาร…”
หลินจวงพึมพำกับตัวเอง โดยไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีคนสองคนยืนอยู่ข้างหลัง
เขาพูดพลางหันหลังกลับ “วันนี้ตัดสินใจเพิ่มปริมาณยา…”
ทันใดนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองเห็นคนสองคน ตกใจจนสะดุ้ง
“หัวหน้า? คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมถึงพาเด็กมาด้วยล่ะ?”
“ไก่พวกนี้อาจจะเป็นโรคระบาด พวกคุณอย่าอยู่ข้างในนี้เลยจะดีกว่า”
เซี่ยเฟยฝานเห็นไก่สามตัวตาย หัวใจก็เจ็บปวดจนทนไม่ไหว
“ไก่พวกนี้ตัวใหญ่หลายกิโลกรัม ตายไปแบบนี้เสียดายแย่”
“นายคิดหาวิธีแก้ได้หรือยัง?”
หลินจวงส่ายหน้า “ผมยังต้องดูอีกหน่อย”
“นายน่ะเป็นแค่หนอนหนังสือ ดูไปดูมา ไก่จะตายกันหมดแล้ว”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะหัวหน้า ผมทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคในเล้าไก่ทุกวัน” หลินจวงแก้ตัว “แค่เราหมั่นทำความสะอาดมูลไก่และฆ่าเชื้อโรค ก็สามารถป้องกันโรคระบาดได้แล้ว”
เซี่ยเฟยฝานถอนหายใจ “แล้ว… บนเขาก็มีมูลไก่ ไม่เห็นมีใครทำความสะอาดเลยนี่”
“อันนั้นผมก็ไม่รู้เหมือนกัน บางทีอากาศบนเขาอาจจะถ่ายเทสะดวกก็ได้”
เซี่ยเฟยฝานได้แต่รู้สึกจนใจ เขาอุ้มเจ้าตัวน้อยขึ้นมา ชี้ไปที่ไก่ในเล้าที่ดูอ่อนแรง “ดูสิ พวกเราจะรักษาพวกมันได้รึเปล่า”
“กุ๊กๆๆ”
ไก่แต่ละตัวนอนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ไม่ยอมกินน้ำ เปลือกตาปิดขึ้น ๆ ลง ๆ ลูกตาก็ขุ่นมัว
ส่วนไก่ที่พอจะเดินได้ก็เหมือนกับเท้าเจ็บ เดินกะเผลก ๆ ดูไม่มีแรงเลย
“แบบนี้หรือเปล่านะที่เขาเรียกว่าโรคระบาดในไก่” เย่เสี่ยวจิ่นพยายามจดจำลักษณะอาการเหล่านี้ “หนูรักษาได้นะ แต่ต้องให้แม่ช่วยด้วย”
“หนูจะทำอาหารไก่ขึ้นมา พวกมันจะต้องหายถ้าได้กิน”
หลินจวงยืนอยู่ข้าง ๆ ทำสีหน้าเหมือนคนซื่อ ๆ “หัวหน้า คุณไม่ต้องการผมแล้วเหรอครับ”
“คุณจะให้เด็กตัวแค่นี้มาทำงานแทนผมจริง ๆ น่ะเหรอ”
“หัวหน้า ผมรู้ว่าผมยังทำงานได้ไม่ดีนัก คุณให้โอกาสผมอีกสักสองสามวันได้ไหมครับ”
“หล่อนไม่ได้จะแย่งงานนายหรอกนะ ก็แค่… ผู้ใหญ่บ้านบอกว่าเสี่ยวจิ่นอาจจะรักษาไก่ได้ ฉันก็เลยให้หล่อนลองดู” เซี่ยเฟยฝานอธิบาย “นายก็ทำหน้าที่ของนายไปเถอะ ไม่ต้องกังวล”
หลินจวงถึงได้โล่งใจ เขากลัวเหลือเกินว่าจะต้องตกงาน
หลังจากเย่เสี่ยวจิ่นกลับบ้านไป หลี่ชุ่ยชุ่ยก็ถูกให้หยุดงานหนึ่งวันอย่างงง ๆ
“เสี่ยวจิ่น เกิดอะไรขึ้นเหรอลูก”
“แม่จ๋า วันนี้ช่วยหนูทำอะไรหน่อยได้ไหม”
เย่เสี่ยวจิ่นถูมือเล็ก ๆ ไปมา เตรียมขอให้แม่ช่วยทำเล้าไก่
ส่วนเรื่องอาหารไก่นั้นเธอจัดการเองได้
งานทำเล้าไก่นี้ไม่สามารถล่าช้าได้ เพราะถ้าทำเล้าไก่เสร็จ เธอก็จะได้อาหารไก่เพิ่มอีก 100 กิโลกรัม
แบบนี้ถึงจะมีสภาพคล่องหน่อย เธอก็จะได้พัฒนาอย่างยั่งยืน
หลี่ชุ่ยชุ่ยไม่เข้าใจนัก แต่ก็ยังคงไปทำเล้าไก่
เริ่มจากขุดคู แล้วนำไม้ไผ่มาวางเรียงเป็นแถว ปักลงไปให้เป็นลักษณะล้อมรอบสามด้าน
ด้านบนก็ใช้ไม้ไผ่มาวางพาด ปูทับด้วยหญ้าคาที่กันน้ำได้
หลังจากยึดให้แน่นหนาแล้ว ก็ทำประตูเตี้ย ๆ ง่าย ๆ อีกบานหนึ่งจึงเป็นอันเสร็จ
หลี่ชุ่ยชุ่ยทำเล้าไก่ออกมาค่อนข้างสูงและใหญ่ แม้แต่ตัวหล่อนเองที่ยืนอยู่ข้างใน ก็ยังไม่ติดหัว
มองแวบแรกก็คล้ายกับว่าคนคนหนึ่งสามารถอาศัยอยู่กระท่อมหลังน้อยนี้ได้เลย
หล่อนทำงานมาทั้งวัน และยังไปตัดไม้ไผ่ใหญ่ผ่าครึ่งเพื่อทำเป็นรางใส่น้ำให้ไก่
เย่เสี่ยวจิ่นก็ไม่ได้อยู่เฉย เธอไปหาหญ้าที่ชาวบ้านใช้เลี้ยงหมู ไก่ เป็ด มาจากริมน้ำ
หลังจากใส่ตะกร้าจนเต็มสองใบ เอวของเธอก็รู้สึกปวดร้าวจากการก้มลง
“น่าจะพอแล้วละ ถึงตอนนั้นก็แค่เอาอาหารสัตว์มาบดเป็นผงละเอียด”
“เพียงเท่านี้ก็ไม่มีใครรู้ความลับของเราแล้ว”
“เฮ้อ เหนื่อยจริง ๆ เลยวันนี้”
ระบบเอ่ยชมเย่เสี่ยวจิ่นที่ขยันขันแข็งว่า [โฮสต์เก่งมากเลย ต่อไปต้องกลายเป็นเศรษฐีจากการทำไร่ทำนาได้อย่างง่ายดายแน่นอน!]
“ยังจะมาให้ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ กับฉันอีกเหรอ ตอนนี้กินก็ไม่อิ่มท้อง ยังจะหวังเป็นเศรษฐีอีกเหรอ”
เย่เสี่ยวจิ่นกลอกตา
ข้าวสารร้อยชั่งตอนนี้อาจจะพอให้เธอกับแม่กินไปได้หลายเดือน แต่ถ้าพ่อกับพี่ชายทั้งสามคนกลับมา คงไม่พอแน่ ๆ
ตอนนี้เพิ่งเดือนกุมภาพันธ์ กว่าจะถึงปลายเดือนตุลาคมที่ทางการแจกจ่ายข้าว ก็อีกตั้งครึ่งปี!
ไม่น่าจะทนหิวรอได้หรอกนะ!
“เย่เสี่ยวจิ่น บ้านแกนี่ยากจนถึงขึ้นบ้าไปแล้วหรือไง แม่แกถึงให้แกมาเก็บจูเฉ่ากินเนี่ย”
เย่จู๋เพิ่งกลับมาจากเอาตะกร้าดักปลาที่ริมแม่น้ำ เห็นเย่เสี่ยวจิ่นนั่งเฝ้าตะกร้าใส่จูเฉ่าสองตะกร้า ก็รู้สึกขำจนทนไม่ไหว
“ปู่ฉันวันนี้ตั้งใจมาหาที่บ้าน เอาเนื้อตากแห้งมาให้ฉันกับน้องชายด้วยละ” หล่อนอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ย
“ได้ยินว่าบ้านรองก็ได้เหมือนกัน ส่วนบ้านพวกแกไม่ได้แน่ ๆ ไม่งั้นคงไม่ต้องมาอดอยากกินจูเฉ่าแบบนี้หรอก”
เย่เสี่ยวจิ่นเหลือบมองเย่จู๋ “เนื้อตากแห้งเหรอ ปู่ให้มาเหรอ?”
“ใช่สิ ปลายปีที่แล้วตอนที่หมู่บ้านฆ่าหมู แบ่งเนื้อกันทุกบ้าน บ้านเราก็ให้เนื้อกับปู่ไปตั้งสิบชั่ง”
“ปู่กับย่ารมควันเนื้อไว้ให้หมดแล้วตั้งแต่ตอนฤดูหนาว แถมยังหยิบมาให้อีกตั้งหลายชั่งเลยนะ”
พอฟังถึงตรงนั้น เย่เสี่ยวจิ่นพลันหัวเราะลั่นออกมา “ใช่สิ ที่พวกเธอได้เนื้อไปเยอะ ก็เพราะมาโกงบ้านฉันนี่แหละ!”