ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 88 การหาคู่ของบ้านรอง (รีไรต์)
- Home
- All Mangas
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 88 การหาคู่ของบ้านรอง (รีไรต์)
บทที่ 88 การหาคู่ของบ้านรอง (รีไรต์)
บทที่ 88 การหาคู่ของบ้านรอง (รีไรต์)
หลี่ชุ่ยชุ่ยจัดอาหารไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว
เมื่อได้ยินเสียงพูดคุยหัวเราะจากด้านนอก หล่อนรีบบอก “พวกลูกรีบมากินข้าวเถอะ อาหารจะเย็นชืดหมดแล้ว!”
หล่อนเดินออกไปต้อนรับ เห็นเย่ฉางอันถือเจียวไป๋มา จึงร้องทัก “โอ๊ะ ได้เจียวไป๋มาเหรอ?”
“ดูอ่อนมากเลย หัวยังขาวอยู่เลย”
“พรุ่งนี้แม่จะผัดให้พวกเธอกิน”
เย่ฉางอันวางเจียวไป๋ลงในกะละมัง “ดูสิ ผมเก็บผลไม้ป่ามาให้จิ่นเป่าตั้งเยอะ”
หลี่ชุ่ยชุ่ยมอง “ตะกร้าใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ? จิ่นเป่าของเรารวยแล้ว”
“กินเยอะขนาดนั้น ท้องน้อย ๆ จะกินไหวเหรอ?”
เย่เสี่ยวจิ่นพยักหน้า “พวกเราก็กินด้วยกันสิ กินด้วยกันก็จะหมดพอดี”
หลี่ชุ่ยชุ่ยยกตะกร้าของเธอขึ้น “ดี ๆ งั้นกินข้าวก่อนแล้วค่อยคุยกัน”
เย่จวินและเย่หวายนั่งลงเรียบร้อยแล้ว
ตรงหน้าเย่จื้อผิงมีแก้วน้ำร้อนวางอยู่ ในนั้นมีใบชาอยู่สองสามใบ
เป็นชาใหม่ที่เพิ่งเก็บมาจากภูเขาและคั่วเองเมื่อเร็ว ๆ นี้
“มีลูกหลายคนก็ดีนะ ดูสิ ครอบครัวเราช่างคึกคักเหลือเกิน”
หลี่ชุ่ยชุ่ยพูดอย่างจนปัญญา “คึกคักก็คึกคักนะ แต่ค่าใช้จ่ายในบ้านก็เยอะตามไปด้วย”
เย่จื้อผิงหัวเราะพูดว่า “ก็แค่ยี่สิบปีแรกเท่านั้นแหละ หลังจากนั้นพวกเด็ก ๆ ก็โตกันหมดแล้ว ครอบครัวเราจะได้แตกหน่อออกใบ ดีทีเดียว”
“จิ่นเป่าของเราเป็นลูกรักที่ดีที่สุดในบ้าน ต่อไปห้ามแต่งงานออกไปนะ”
“ถึงตอนนั้นพ่อจะสร้างบ้านให้ลูกหลังหนึ่ง แล้วลูกก็หาลูกเขยมาอยู่บ้านเรา”
“ถ้าลูกเขยกล้ารังแกจิ่นเป่าของเรา พ่อจะเอาไม้ตะบองฟาดเขาให้เลย!”
หลี่ชุ่ยชุ่ยส่งเสียงหึแล้วตักข้าวให้ทุกคน “คุณก็โม้ไปเถอะ ไม่ดูสภาพครอบครัวเราบ้างเลย”
“มีผู้ชายคนไหนจะยอมมาเป็นเขยสู่ขอเธอล่ะ?”
“อีกอย่าง จิ่นเป่าก็ยังเด็กนัก ที่คุณคิดตอนนี้มันเร็วเกินไปแล้ว”
เย่จื้อผิงไม่ได้พูดเล่น เขาถือว่าลูกสาวคนนี้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจจริง ๆ
ถึงบ้านจะไม่มีข้าว เขายอมอดข้าวเอง แต่ต้องให้เย่เสี่ยวจิ่นได้กินก่อน
หลี่ชุ่ยชุ่ยก็เช่นกัน
“ดีเลย ต่อไปฉันจะหาลูกเขยมาอยู่บ้านเรา”
“ให้เขากตัญญูต่อพ่อแม่ ทำนาเลี้ยงไก่ให้พ่อแม่”
“ถ้าไม่ขยันละก็ ฉันไม่เอาหรอกนะ”
ทุกคนบนโต๊ะอาหารหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน
เย่ฉางอันกล่าวว่า “พ่อแม่พูดถึงเรื่องแต่งงานของจิ่นเป่า แต่ไม่มองพี่ใหญ่เลย”
“ที่คูคลอง มีคนจากหมู่บ้านข้าง ๆ จะแนะนำคู่ให้พี่ใหญ่นะ”
“พี่ใหญ่ของผมตัวสูงใหญ่ ทำงานก็แข็งแรง มีคนสนใจเยอะแยะเลย”
เย่จวินขมวดคิ้วแล้วรีบพูดว่า “ฉันเพิ่ง 20 จะรีบร้อนไปทำไม?”
เขาไม่รีบร้อน และรู้ว่าที่บ้านไม่มีเงื่อนไขให้เขาแต่งงาน
เขาตั้งใจจะช่วยเหลือครอบครัวให้มากขึ้น แล้วค่อยว่ากันทีหลัง
ช้าไปสักไม่กี่ปีก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
เย่จื้อผิงยิ้มแล้วพูดว่า “รอปีหน้า ปีหน้าบ้านเราจะขยายบ้าน ตอนนั้นจะหาภรรยาที่สวยให้พี่ชายของนาย”
เย่ฉางอันตบมือ “ดีเลย ตอนนั้นพวกเราจะสร้างบ้านด้วยกัน”
“บ้านเรามีผู้ชายตั้งเยอะ สร้างบ้านจะเร็วมาก”
เย่จวินมองดูคนในครอบครัวที่กำลังเป็นห่วงเขา
เขาส่ายหัว “รอให้เสี่ยวหวายเรียนหนังสือก่อน จิ่นเป่ารักษาโรค เรื่องของผมค่อยว่ากันทีหลัง”
เย่จวินเป็นคนที่มีวุฒิภาวะและมั่นคง
เขารู้ว่าการแต่งงานไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ
ต้องขยายบ้าน ต้องใช้เงินในการแต่งงาน
หลังแต่งงานก็ยังมีค่าใช้จ่ายอีกมากมาย
“พวกคุณไม่ต้องคิดถึงผมหรอก ตัวผมเองก็ยังไม่รีบ”
ทุกคนก็ไม่พูดอะไรอีก รีบกินข้าวกันต่อ
ลูกของบ้านสามไม่รีบ แต่ลูกของบ้านรองกลับก้าวไปก่อนแล้ว
สะใภ้เย่ของบ้านรองก็เป็นคนที่ให้กำเนิดลูกได้ดี คลอดลูกชายถึงสามคน
เย่ว่านหยวนเป็นพี่ชายคนโตที่สุด อายุ 20 ปีแล้ว รูปร่างเตี้ยและอ้วน เป็นคนที่อ้วนที่สุดในครอบครัว
แต่เพราะความอ้วนนี่เอง ทำให้เขาทำอะไรก็ไม่ค่อยคล่องแคล่ว
อีกทั้งสุขภาพก็ไม่ค่อยดีนัก
แค่ทำงานหนักนิดหน่อย ก็หอบแฮ่ก ๆ หายใจไม่ทัน
ลูกชายคนที่สองชื่อเย่กัง อายุ 15 ปี เมื่อไม่กี่วันก่อนได้ไปเรียนตัดผมในเมืองแล้ว
ลูกชายคนที่สามชื่อเย่โหย่วไฉ ยังเป็นเด็กน้อยอายุ 4 ขวบ ทุกวันแม่ต้องอุ้มไว้บนหลัง
เช้าตรู่
เย่ไฉกุ้ยก็เรียกเย่จื้อเฉียงให้ไปต้อนรับแขกที่บ้าน
เย่ไฉกุ้ยไม่ได้ทำงานในหมู่บ้าน รูปร่างผอมบาง แต่มีฝีมือในการสานไม้ไผ่ที่ดีมาก
แค่อาศัยการขายของที่สานจากไม้ไผ่ ก็พอเลี้ยงชีพได้แล้ว
เย่จื้อผิงตามเขาไป “พี่รอง ทำไมถึงรีบร้อนขนาดนี้?”
“ฉันขอให้นายช่วยไปดูหน่อย” เย่ไฉกุ้ยยิ้มเล็กน้อย “ลูกชายของฉัน ว่านหยวนก็อายุ 20 แล้วไม่ใช่หรือ?”
“แม่สื่อในหมู่บ้านบอกว่าได้จัดหาคู่ให้เขาแล้ว ตอนนี้… ฝ่ายหญิงกำลังจะมาดูตัวแล้ว”
“ฉันได้ยินมาว่าสาวคนนั้นหน้าตาก็ไม่เลวเลย แค่ตัวเตี้ยไปหน่อย นายช่วยไปให้คำปรึกษาหน่อยสิ”
ปกติแล้วเย่ไฉกุ้ยไม่ค่อยคบหาสมาคมกับใคร
เขาคิดว่าตัวเองเป็นช่างฝีมือ สามารถหาเงินได้ กลัวว่าคนอื่นจะมาเอาเปรียบ
ดังนั้นจึงไม่ออกจากบ้าน ปฏิเสธการไปมาหาสู่กับญาติพี่น้อง
ส่วนภรรยาของเขาก็มีนิสัยเหมือนกัน ด้านหนึ่งกลัวคนอื่นจะมาเอาเปรียบ อีกด้านหนึ่งก็คิดจะเอาเปรียบคนอื่น
มักจะทำเรื่องขโมยเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่เสมอ
ก่อนหน้านี้ เย่จื้อผิงเคยซื้อหวีใหม่ให้หลี่ชุ่ยชุ่ยที่ตลาดในอำเภอ
ถูกเซี่ยวเฟินฟางขโมยไป
การทะเลาะเบาะแว้งรุนแรงถึงขีดสุด สุดท้ายหลี่ชุ่ยชุ่ยยังถูกเธอด่าอีกยกใหญ่
นับแต่นั้นมา หลี่ชุ่ยชุ่ยก็ไม่ไปมาหาสู่กับพวกเขาอีกเลย
แม้แต่เจอหน้ากันก็ไม่พูดจา
หลานชายคนนี้มาดูตัว ลุงมาด้วย แต่ป้าไม่ยอมมาด้วยเด็ดขาด
เย่จื้อผิงยิ้มอย่างลำบากใจ “พี่ชายคนที่สอง ครอบครัวของพวกคุณมั่งคั่ง ว่านหยวนก็ยังหนุ่มแน่น แน่นอนว่าต้องหาสาวดี ๆ ได้”
“แม่สื่อรู้ว่าครอบครัวของพวกคุณเป็นคนดี แน่นอนว่าจะแนะนำสาวดี ๆ ให้พวกคุณ”
เย่จื้อผิงแทบไม่อยากไปนั่งที่บ้านพี่ชายคนที่สองเลย
รู้ว่าครอบครัวนี้ดูถูกคน มีแต่เวลาต้องการอะไรถึงจะเรียกใช้เขา พอเสร็จธุระก็ไล่กลับ
เขาถอนหายใจในใจ “ให้ผมช่วยคิด ผมก็ไม่รู้เรื่องหรอก”
เย่ไฉกุ้ยมีความมั่นใจในเรื่องนี้
“นายอาจจะไม่เข้าใจ แต่ช่วยดูหน่อยก็ได้” เย่ไฉกุ้ยดูอารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัด “ฉันจะไม่ปิดบังนายหรอก”
“ลูกชายของเราชื่อว่านหยวนเป็นเด็กกตัญญู อนาคตต้องมีความสำเร็จแน่นอน”
“ครอบครัวเราก็ไม่ได้ยากจน ฉันไม่อยากหาผู้หญิงธรรมดา ๆ มาเป็นลูกสะใภ้”
“ไม่ใช่แค่จะทำให้ลูกชายฉันเสียเปรียบ แต่ฉันกับภรรยาก็ยอมรับไม่ได้เหมือนกัน”
เย่จื้อผิงไม่คิดว่าพี่ชายคนที่สองจะมีมาตรฐานสูงขนาดนี้ “งั้นก็ต้องดูให้ละเอียดหน่อย”
เห็นว่าใกล้จะถึงบ้านของเย่ไฉกุ้ยแล้ว สามารถมองเห็นคนยืนอยู่หน้าบ้านหลายคน
เย่ไฉกุ้ยมองเห็นแล้วรีบพูดกับเย่จื้อผิงว่า “นายก็มีลูกชายสามคน ฉันก็มีลูกชายสามคน”
“ช่วยดูหน่อยว่าผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนจะมีลูกเป็นผู้ชายได้ไหม”
“ฉันอยากอุ้มหลานชายด้วย เสียเงินแต่งเมียมา ถ้าคลอดลูกเป็นผู้ชายไม่ได้ ก็ยังไม่คุ้มค่าเท่าแม่ไก่สักตัว”
เย่จื้อผิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “พี่ชายคนที่สอง ลูกสาวนั้นดีนะ น่ารักมาก จิ่นเป่าของผม…”
“อย่าพูดถึงเรื่องนี้เลย นายเห็นลูกสาวเป็นสมบัติ ฉันว่านายโง่นะ”
“ลูกสาวก็ต้องแต่งออกไปอยู่แล้ว ไปเลี้ยงคนบ้านอื่น ช่างน่าเสียดายจริง ๆ”
“ธุรกิจขาดทุนแบบนี้ฉันไม่ทำหรอก”
เย่จื้อผิงรู้สึกรังเกียจท่าทีแบบนี้ของเขาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
แม่สื่อพร้อมกับคนในครอบครัวฝ่ายหญิง ห้าหกคนยืนอยู่หน้าบ้าน
หลินเฟินฟางเชิญพวกเขานั่งลง ไปรินน้ำร้อนให้พวกเขาดื่มชา
เธอยิ้มมองดูเด็กสาว อายุประมาณ 18 ปี
หน้าตาก็ไม่เลวเลย ดวงตากลมโต ผมสีดำสนิทถักเปียไว้
แค่ดูเหมือนจะขี้อายหน่อย ไม่กล้ามองคน
มักจะหลบอยู่หลังแม่เสมอ
เย่ว่านหยวนนั่งอยู่บนเก้าอี้ใต้ชายคาบ้าน ร่างกายที่อ้วนท้วนอยู่แล้วดูเทอะทะมากขึ้นไปอีก
เขามองผู้หญิงคนนั้นอย่างจับผิด ในดวงตามีแววไม่พอใจอยู่บ้าง
เขาพูดกับแม่สื่อตรง ๆ ว่า “ฉันบอกให้คุณหาคนอ้วน ๆ มาให้ ทำไมถึงพาคนผอมแห้งแบบนี้มาล่ะ?”
“หน้าอกก็แทบไม่มีเนื้อ ก้นก็ไม่ใช่แบบที่จะคลอดลูกผู้ชายได้”
“คุณดูถูกบ้านฉันใช่ไหม?”
แม่สื่อรีบเปลี่ยนสีหน้าทันที “โอ้ หญิงสาวคนนี้เรียนหนังสือมานะคะ อายุยังน้อย หน้าตาก็สดใส”
“เธอยังเขียนหนังสือและคิดเลขเป็นด้วย ถ้าสอนลูกในอนาคตต้องสอนได้ดีแน่นอน”
“เธอขยันขันแข็งด้วย แค่ยังไม่ได้มีลูกเท่านั้นแหละ พอมีลูกแล้วก็จะอ้วนขึ้นเอง”
สีหน้าของหญิงสาวดูไม่ดีเลย เธอบีบมือตัวเองไว้ แต่เดิมก็กลัวท่าทางของเย่ว่านหยวนอยู่แล้ว
เขาเอ่ยปากดูถูกคนอย่างตรงไปตรงมา ทำให้เธอยิ่งรู้สึกกลัวมากขึ้น
ดวงตาของเธอเริ่มแดงก่ำ เธอดึงเสื้อของแม่พลางอ้อนวอนว่า “แม่คะ เรากลับบ้านกันเถอะ”