ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 85 ต้นท้อมีหนอน ไม่ต้องตกใจ (รีไรต์)
- Home
- All Mangas
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 85 ต้นท้อมีหนอน ไม่ต้องตกใจ (รีไรต์)
บทที่ 85 ต้นท้อมีหนอน ไม่ต้องตกใจ (รีไรต์)
บทที่ 85 ต้นท้อมีหนอน ไม่ต้องตกใจ (รีไรต์)
เย่จวินหยิบสมุดบันทึกคะแนนงานของตัวเองออกมาจากกระเป๋า “ที่บ้านต้องการอะไร เอาคะแนนงานของผมไปแลกได้”
เย่จื้อผิงรีบพูด “เจ้านี่ อย่าเอาของทั้งหมดไปแลกสิ”
“ป้าใหญ่ของนายเพิ่งพูดเมื่อไม่กี่วันก่อนว่า ลูกพี่ลูกน้องของลูกก็หาคู่ได้แล้ว”
“ลูกก็อายุ 20 แล้ว ก็ควรจะหาคนมาสร้างครอบครัวได้แล้ว”
เย่จวินยิ้มขื่น
บ้านช่องว่างเปล่าแบบนี้ จะมีผู้หญิงดี ๆ คนไหนมาสนใจเขาได้
เขายังรู้จักตัวเองดี “พ่อ ผมยังไม่มีความคิดแบบนั้นตอนนี้ ค่อยว่ากันทีหลังแล้วกัน”
หลี่ชุ่ยชุ่ยทำอาหารเสร็จแล้ว เรียกทุกคนมากินข้าว
เย่เสี่ยวจิ่นเอาสตรอว์เบอร์รีเล็ก ๆ ที่พ่อเก็บเหลือไว้กลับมาทั้งหมด แล้วเอาใส่ไว้ในชามใบหนึ่ง
“พี่ชายทั้งหลายคงไม่เคยกินสตรอว์เบอร์รีมาก่อนใช่ไหม ลองชิมดูสิคะ”
เย่หวายช่วงนี้ถูกน้องสาวยัดสตรอว์เบอร์รีให้กินบ่อยมาก
เขายิ้มพลางพูดว่า “มันอร่อยดีนะ พ่อไปขายในเมืองตั้งแปดเหมาต่อจิน”
“แพงขนาดนั้นเลยเหรอ?” เย่ฉางอันตกใจ รีบหยิบมากินหนึ่งลูก
“รสชาติเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ ทำไมถึงขายแพงขนาดนั้นได้นะ?”
“จิ่นเป่าบอกว่าเรียกว่า…” หลี่ชุ่ยชุ่ยคิดสักครู่ “เรียกว่า…ผลไม้ราคาแพง”
“ใช่แล้ว ผลไม้ราคาแพงก็ย่อมมีกลุ่มลูกค้าที่ยอมจ่ายแพง”
“ผลไม้ชนิดนี้รสชาติดี หน้าตาสวย และหายาก คนที่ต้องการก็ย่อมซื้อแน่นอน”
“อีกอย่าง สตรอว์เบอร์รีให้ผลผลิตไม่สูง ขนส่งก็ยาก ที่แพงก็มีเหตุผลของมัน”
เย่ฉางอันฟังน้องสาวพูดแล้วตาเป็นประกาย “เหตุผลนี้ดีนะ เมื่อไหร่จะขายได้อีก ฉันจะลองไปขายดู?”
เย่ฉางอันเป็นคนฉลาดหลักแหลม ชอบเรียนรู้สิ่งเหล่านี้
เขายังสนใจเรื่องการขายของอย่างมากด้วย
“ดีเลย อีกสามวันก็ได้แล้วค่ะ”
เย่ฉางอันยิ้มแย้มขณะรับประทานอาหาร ข้าวที่บ้านทั้งหอมทั้งนุ่ม
ยังมีปลาหนีชิวอร่อย ๆ อีกด้วย
เขากินข้าวไปสองชามรวด
เย่จวินก็กินจนอิ่มแปล้ ไม่ค่อยมีโอกาสได้กินอย่างสบายใจแบบนี้บ่อยนัก
ตกดึก
พี่น้องอาบน้ำเสร็จแล้วกลับห้องไปพักผ่อน
พี่น้องทั้งสามอยู่ห้องเดียวกัน นอนเตียงรวมกัน
เย่ฉางอันขึ้นเตียง พอมุดเข้าไปในผ้านวม เขาก็พูดว่า “ผ้านวมผืนนี้ช่างสบายจริง ๆ แม่เอาผ้านวมเก่า ๆ มาปูรองด้านล่างทั้งหมด นุ่มมากเลย”
ผ้านวมที่คลุมตัวเขาอยู่ก็อุ่นมาก เพิ่งนอนลงได้ไม่นาน ก็ทำให้ทั้งตัวของเขาอุ่นไปหมดแล้ว
“ผ้านวมผืนนี้อุ่นเหลือเกิน”
“พี่ใหญ่ ขึ้นมาลองนอนบ้างสิ”
เย่จวินมองน้องชายอย่างจนใจ แล้วก็ถอดรองเท้าขึ้นเตียง
เขาใช้มือกดผ้านวมดู ก็รู้สึกได้ว่านุ่มมากจริง ๆ
เขาก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ตอนกลับมาก็เดินกลับ ตอนนี้เหนื่อยจนหมดแรงแล้ว
พอนอนลง ก็หลับสนิททันที
เย่ฉางอันนอนอยู่ในผ้านวมที่แสนสบาย หาวหนึ่งที แล้วก็หลับไปอย่างรวดเร็ว
หลี่ชุ่ยชุ่ยกล่อมให้เย่เสี่ยวจิ่นนอนหลับ
หล่อนจูงเย่จื้อผิงออกมาคุยนอกประตู
“เด็ก ๆ โตกันหมดแล้ว ให้นอนด้วยกันตลอดก็ไม่สะดวก”
เย่จื้อผิงพยักหน้า “ใช่แล้ว อีกอย่างลูกชายคนโตก็ควรไปหาคู่ได้แล้ว”
“ถ้าเขายังอยู่แบบนี้ต่อไป ก็คงหาเมียยาก”
หลี่ชุ่ยชุ่ยถอนหายใจ “ก็เพราะคุณนี่แหละ อยากได้ลูกสาวนักหนา สุดท้ายก็ได้ลูกชายตั้งหลายคน”
“ตอนนี้ลูกชายก็โตถึงวัยแล้ว ยังไม่รู้จะทำยังไงดี”
“พี่สะใภ้ฉันบอกว่าจะแนะนำสาว ๆ ให้เขาด้วย”
เย่จื้อผิงอดขำไม่ได้ “แต่คุณเองก็อยากได้ลูกสะใภ้ไม่ใช่เหรอ?”
“รอถึงปีหน้า ถ้าสถานการณ์ครอบครัวดีขึ้น ดูว่าจะเก็บเงินได้บ้างไหม จะได้ต่อเติมบ้านสักหน่อย”
“บ้านเราเล็กเกินไปแล้ว”
“แขกมาพักสักคนก็ไม่ได้ ถ้าลูกสะใภ้มาเห็นสภาพแบบนี้ คงตกใจวิ่งหนีไปแน่ ๆ”
หลี่ชุ่ยชุ่ยพยักหน้า “ใช่แล้ว พอถึงช่วงครึ่งหลังของปีหน้า เสี่ยวหวายก็จะเรียนจบมัธยมต้นแล้ว”
“ตอนนั้นก็คงต้องเริ่มกังวลเรื่องของลูกคนโตแล้วละ”
“ปีนี้ให้ลูกทั้งสามคนอยู่กันไปก่อนแบบนี้แหละ”
เย่เสี่ยวจิ่นได้ยินคำพูดของพ่อแม่จากในห้อง
เธอแอบลืมตาข้างหนึ่งขึ้นมามองคนที่อยู่นอกประตู
แล้วรีบหลับตาลงแกล้งหลับต่อ
เธอได้สุ่มรางวัลบ้านหรูเวอร์ชั่นครอบครัวมาแล้ว
ไม่จำเป็นต้องสร้างบ้านใหม่อีก…
เมื่อถึงเวลาที่ต้องการ ก็แค่หยิบออกมาใช้ได้เลย
วันต่อมา
พี่ชายทั้งหลายก็ไปทำงานในทีมต่อ
เย่เสี่ยวจิ่นเห็นหยางเจวียนกำลังยุ่งอยู่ในสวนผลไม้
“ป้าเจวียน”
“จิ่นเป่า วันนี้มาเช้าจังนะ” หยางเจวียนทักทายเย่เสี่ยวจิ่นพลางถากหญ้าไปด้วย
เย่เสี่ยวจิ่นมักจะมาเช้าบ้างสายบ้าง ยังไงผู้ใหญ่บ้านก็ไม่ว่าอะไร
อีกอย่างก็มีเย่จื้อผิงคอยดูแลอยู่ที่นี่
เธอทำหน้าที่หัวหน้าทีมได้อย่างสบาย ๆ
บางครั้งยังไปเป็นที่ปรึกษาที่ฟาร์มไก่อีกด้วย
เย่เสี่ยวจิ่นยิ้มตาหยี “หนูทำปุ๋ยบำรุงมาจากบ้าน ให้ทุกคนช่วยกันใส่ปุ๋ยหน่อยนะคะ”
“อยู่แค่เชิงเขานี่เอง ให้ลุงต้าเฉียงกับพวกเขาไปขนขึ้นมาเถอะ”
หยางเจวียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ทำไมเธอถึงรู้ทุกอย่างขนาดนี้ล่ะ?”
“ฮิ ๆ”
เย่เสี่ยวจิ่นไม่ได้รู้อะไรเลย เธอแค่เอาปุ๋ยบำรุงครบสูตรที่ผ่านการแปรรูปมาอีกทีมาใช้เท่านั้น
รับรองว่าทุกคนจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร
คนในสวนผลไม้ใส่ปุ๋ยให้ต้นแพร์ตามที่เย่เสี่ยวจิ่นบอก
ยังมีคนอีกไม่กี่คนไปใส่ปุ๋ยให้ต้นไม้ผลชนิดอื่น ๆ
เธอตรวจตราสวนแพร์ แล้วไปดูต้นส้มและต้นท้อ
ต้นท้อพวกนี้แม้จะเติบโตได้ดี รสชาติก็คงไม่แย่ แต่เพราะไม่ได้ตัดแต่งกิ่ง มันจึงเติบโตอย่างไร้ทิศทาง
เย่จื้อผิงเห็นเย่เสี่ยวจิ่นกำลังเหม่อลอย จึงถาม “จิ่นเป่า เป็นอะไรเหรอลูก?”
“ต้นท้อนี้มีหนอนเข้าแล้ว เราต้องแก้ปัญหานี้สักหน่อย”
เย่จื้อผิงมองเห็นเปลือกไม้ของต้นท้อที่แห้งเหี่ยวไปบ้าง “ต้นท้อก็เป็นแบบนี้แหละ โดยทั่วไปก็มีอายุแค่ 5 ถึง 8 ปีเท่านั้น”
“แต่เราสามารถลองไล่แมลงดูได้” เย่เสี่ยวจิ่นเด็ดใบไม้ที่ถูกแมลงกัดกินจนแทบไม่เหลือสภาพ
“เราสามารถลองแขวนยาไล่แมลงบนต้นไม้ได้”
“วิธีนี้เหมาะสำหรับการไล่แมลงบนต้นท้อ และสามารถยืดอายุต้นไม้ได้”
เธอมองดูต้นไม้ “ไม่อย่างนั้นต้นท้อนี้จะถูกเจาะจนกลวง ปีหน้าก็คงต้องเอาไปทำฟืนแล้ว”
เย่จื้อผิงพยักหน้า “แล้วจะทำยังไงล่ะ จะแขวนยาไล่แมลงยังไง?”
เย่เสี่ยวจิ่นเพิ่งได้รับรางวัลระดับ B ซึ่งมียาไล่แมลงสำหรับไม้ผลด้วย
เธอแค่ต้องผสมยาให้มีความเข้มข้น 20 เปอร์เซ็นต์ แล้วแขวนไว้เหมือนน้ำเกลือ เพื่อให้ต้นไม้ใหญ่ได้รับยาก็พอ
ในยุคสมัยของเธอ ต้นไม้ริมถนนก็มักจะมีอะไรแขวนไว้คล้าย ๆ น้ำเกลือแบบนี้
จริง ๆ แล้วก็เพื่อกำจัดแมลงให้กับต้นไม้นั่นแหละ
แต่ปัญหาคือ เธอจำเป็นต้องทำชุดให้น้ำเกลือขึ้นมาสักชุดให้ได้
“ถุงน่ะใช้กระบอกไม้ไผ่แทนได้ แต่สายน้ำเกลือจะทำยังไงล่ะ?”
เย่เสี่ยวจิ่นเม้มปาก นึกถึงห้องพยาบาล…
เธอสามารถหาทุกอย่างที่ต้องการได้จากห้องพยาบาลโดยตรงนี่นา
“ใช่แล้ว ดูเหมือนว่าหนูต้องไปคุยกับผู้ใหญ่บ้านเรื่องวัสดุอุปกรณ์ที่พวกเราต้องการแล้วละ”
เย่จื้อผิงฟังคำอธิบายและแผนการของเย่เสี่ยวจิ่น
เขาดูงุนงงอยู่บ้าง “แบบนี้คงไม่ได้แน่ ๆ สิ ให้น้ำเกลือต้นไม้ผล คนอื่นจะไม่คิดว่าพวกเราหาเรื่องทำเล่นเหรอ?”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ นี่มันเทคโนโลยีกำจัดแมลงที่ล้ำสมัยนะคะ”
“ลุงซุนชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่แล้ว หนูเชื่อว่าเขาต้องสนับสนุนหนูแน่นอน”
เย่จื้อผิงรู้สึกลังเลใจ
จนกระทั่งเจ้าหน้าที่จากห้องพยาบาลหน้าบึ้งตึงนำของที่เย่เสี่ยวจิ่นต้องการมาให้ เขาถึงได้เชื่อในสิ่งที่ลูกสาวพูดจริง ๆ
พยาบาลสาวลัวเฟินจากห้องพยาบาลโกรธมาก “พวกคุณนี่ช่างสร้างความวุ่นวายจริง ๆ”
“ฉีดยาให้ต้นไม้ใหญ่เนี่ยนะ? พวกคุณคิดว่าตัวเองเป็นหมอด้วยหรือไง?”
“แถมของพวกนี้พวกเราเองก็มีไม่มาก ยังจะมาให้พวกคุณใช้สิ้นเปลืองอีก”
ทุกคนได้ยินลัวเฟินบ่นด่า ต่างก็รู้สึกสงสัย
“หัวหน้าทีมเย่มีความคิดใหม่อีกแล้วเหรอ? ถึงกับทำให้คนจากห้องพยาบาลโกรธขนาดนี้เลยนะ?”
“ก็ยังเป็นหัวหน้าทีมเย่นั่นแหละที่เก่ง ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่ได้ของพวกนี้มาแน่”
“บ่ายนี้พวกเราไปถามเย่เสี่ยวจิ่นกันดีกว่าว่าจะทำอะไร?”
ทุกคนกำลังพูดคุยกันอยู่
เย่เสี่ยวจิ่นมาถึงและกล่าวว่า “ขอบคุณที่นำของมาให้พวกเรานะคะ”
“ฮึ!” ลัวเฟินกลอกตาและเดินจากไปอย่างโกรธ ๆ
เย่เสี่ยวจิ่นลูบสันจมูกของตัวเองแล้วพูดว่า “ป้าเจวียน ช่วยเลือกคนที่มีมือเท้าคล่องแคล่วไม่กี่คน ตามหนูไปทำงานที่สวนท้อหน่อยค่ะ”
เซี่ยงเหวินเหวินมองดูหยางเจวียนเลือกคนไปสองสามคนแล้วเดินจากไป
เธอรู้สึกโกรธและไม่พอใจ จึงพูดว่า “เสี่ยวจื่อ เธอดูหยางเจวียนสิ พอได้อำนาจนิดหน่อยก็เริ่มแก้แค้นส่วนตัวแล้ว”
“พวกเราก็ไม่เคยทำอะไรให้เธอเดือดร้อนนะ แต่เธอกลับไม่เคยเลือกพวกเราเลยทุกครั้งที่มีงานดี ๆ”
ซ่งเสี่ยวจื่อถือจอบอย่างโกรธ ๆ พลางพูดว่า “น่ารังเกียจจริง ๆ”
เซี่ยงเหวินเหวินถอนหายใจ แล้วพูดว่า “ช่างเถอะ ใครจะไปทำอะไรได้ล่ะ ในเมื่อเธอสนิทกับหัวหน้าทีม…”
ซ่งเสี่ยวจื่อได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งโกรธมากขึ้น
“จะภูมิใจไปถึงไหน? อีกไม่กี่วันเซี่ยวเยว่ก็จะกลับมาแล้ว”
“พี่เขยของเธอกำลังจะมา ผู้ใหญ่บ้านคงจะให้โอกาสเซี่ยวเยว่แน่นอน เพราะเห็นแก่หน้าผู้เชี่ยวชาญคนนั้น”
“ปล่อยให้เย่เสี่ยวจิ่นคนนี้แอบอยู่ต่อไปอีกสักสองวัน รอให้มีการเปลี่ยนคน แล้วพวกเราค่อยสั่งสอนเธอ!”