ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 84 พี่ใหญ่และคนรองกลับมาแล้ว (รีไรต์)
- Home
- All Mangas
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 84 พี่ใหญ่และคนรองกลับมาแล้ว (รีไรต์)
บทที่ 84 พี่ใหญ่และคนรองกลับมาแล้ว (รีไรต์)
บทที่ 84 พี่ใหญ่และคนรองกลับมาแล้ว (รีไรต์)
ลูกเป็ดตัวน้อยในบ้านของโจวเหวินรุ่ยต่างป่วยกันหมด
เมื่อเย่เสี่ยวจิ่นเห็นเข้า เธอก็อดหัวเราะไม่ได้ “นี่เป็นเพราะในเล้าเป็ดชื้นเกินไปน่ะ”
“อ่างน้ำใบใหญ่ของนายนี่ ทำให้ลูกเป็ดอยู่ในแอ่งน้ำตลอดเวลาเลย”
“นายไม่ควรปล่อยให้พวกมันเล่นน้ำตอนที่ยังเล็กแบบนี้นะ”
โจวเหวินรุ่ยพยักหน้า “งั้นพวกมันหนาวเกินไปใช่ไหม?”
เย่เสี่ยวจิ่นคุ้ยเล้าเป็ด “อืม ประมาณนั้น ก็คือเล่นน้ำแล้วเป็นหวัดน่ะ”
“ลูกเป็ดบอบบางมากนะ นายดูสิ…”
“พวกมันยังไม่มีขนเป็ดที่จะช่วยกันความหนาวได้มากเท่าไหร่เลย”
เย่เสี่ยวจิ่นกับโจวเหวินรุ่ยช่วยกันเปลี่ยนหญ้าในเล้าเป็ดใหม่ทั้งหมด
เปลี่ยนเป็นหญ้าแห้งที่เหี่ยวเฉา
และเปลี่ยนอ่างน้ำดื่มใหญ่เป็นกระบอกไม้ไผ่เล็ก ๆ
สุดท้าย เธอไปขอยาจากหลินจวงมาผสมน้ำให้ลูกเป็ดกิน
“เรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้แค่อย่าให้พวกมันเล่นน้ำก็พอ”
โจวเหวินรุ่ยพูดอย่างจริงจัง “จิ่นเป่า ฉันจำได้แล้ว”
“ฉันจะไม่ให้ลูกเป็ดว่ายน้ำอีก ตอนนั้นฉันแค่เห็นพวกมันเล่นสนุกมาก”
เย่เสี่ยวจิ่นส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “จำได้ก็พอแล้ว”
“งั้นฉันไปก่อนนะ”
เย่เสี่ยวจิ่นยังมีงานยุ่ง เธอไปทำงานต่อที่สวนผลไม้
เย่จื้อผิงกลับมาเร็วมาก คราวนี้สตรอว์เบอร์รีส่งถึงบ้านสวีฮุ่ย 10 จิน และอีก 10 จินขายหมดอย่างรวดเร็ว
ทั้งวันกลับมาได้เงินแค่ 14 หยวน
เย่เสี่ยวจิ่นกลับมาถึงบ้าน พบว่ามีชายแปลกหน้าสองคนนั่งอยู่
เธอมองดู คนหนึ่งอายุราว 18 ปี ดูสูงผอม ท่าทางฉลาดปราดเปรื่อง
อีกคนอายุมากกว่าสองปี ดูแข็งแรง เป็นชายร่างกำยำ
“จิ่นเป่า มานี่เร็ว” เย่ฉางอันโบกมือเรียกเธอ
เขาเป็นลูกชายคนรองของบ้าน
และเป็นคนที่ร่าเริงที่สุดในบ้านด้วย
“เธอไม่ได้เจอพี่ชายนานแล้ว จำพวกเราไม่ได้แล้วใช่ไหม?”
“มาดูสิว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร เธอยังจำได้ไหม?”
เย่จวินส่ายหน้าอย่างจนใจ “อย่าแกล้งจิ่นเป่าเลย เธอยังเด็ก ความจำคงไม่ดีขนาดนั้นหรอก”
“และอีกอย่าง จิ่นเป่าเพิ่งป่วยไปเมื่อไม่นานมานี้ ตอนนี้เพิ่งจะดีขึ้นหน่อย”
แม้ว่าเย่จวินจะมีรูปร่างสูงใหญ่ แต่นิสัยของเขานั้นละเอียดอ่อนและนุ่มนวลมาก อีกทั้งยังมีความรับผิดชอบสูง
“จิ่นเป่า ช่วงนี้ยังไออยู่ไหม?”
เย่เสี่ยวจิ่นมองดูพี่ชายทั้งสองคนแล้วพูดว่า “หนูหายดีแล้ว ไม่ได้ป่วยอีกแล้ว พี่ใหญ่พี่รองไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
เย่ฉางอันหัวเราะร่า อุ้มเย่เสี่ยวจิ่นขึ้นมานั่งบนตัก “น้องสาว จิ่นเป่าของพวกเราช่างฉลาดจริง ๆ”
“แต่ก่อนพูดไม่เป็นเลย เหมือนเด็กโง่ ๆ คนหนึ่ง”
“ตอนนี้ยังรู้จักปลอบใจพี่ชายให้สบายใจอีก”
เย่จวินเห็นภาพเช่นนี้แล้ว ในใจก็รู้สึกโล่งอกไปมาก
ในฐานะลูกชายคนโตของบ้าน เขามักจะกังวลเรื่องต่าง ๆ มากมาย
มักจะเป็นห่วงสถานการณ์ของครอบครัวอยู่เสมอ
อย่างไรก็ตาม จิ่นเป่ามีร่างกายที่อ่อนแอและเจ็บป่วยบ่อย ในฤดูหนาวก็ป่วยหนักอีกครั้ง พ่อก็โชคไม่ดีได้รับบาดเจ็บที่ขา
สถานการณ์ในครอบครัวก็ไม่ดีอยู่แล้ว ก่อนที่เขาจะกลับมา เขาก็กังวลมาก
ไม่คิดว่า บ้านจะเป็นระเบียบเรียบร้อยดี
ในถังข้าวก็มีข้าว ในถังน้ำมันก็เต็มไปด้วยน้ำมัน
บนเตียงก็มีผ้านวมที่อุ่นสบายมาก
มันทำให้เย่จวินตกตะลึงจริง ๆ
หลี่ชุ่ยชุ่ยก็กลับมาในเวลานี้ เมื่อเห็นลูกชายสองคน หล่อนก็ดีใจจนทำอะไรไม่ถูก
“เสี่ยวจวิน ฉางอัน พวกลูกกลับมาแล้วเหรอ?”
“งานข้างนอกเสร็จหมดแล้วเหรอ?”
“พวกลูกกลับมาช้าเกินไปแล้ว เจ้าสามของพวกลูกกลับมานานแล้ว”
เย่ฉางอันโอบกอดเย่เสี่ยวจิ่นแล้วพูดว่า “พวกเราคิดจะหาคะแนนแรงงานเพิ่มเพื่อแลกข้าวมากินกัน”
“ก่อนหน้านี้บ้านเราไม่มีข้าวใช่ไหม? โชคดีที่พวกเราได้ดูในถังข้าว ไม่งั้นคงต้องไปแลกข้าวแล้ว”
“ตอนนี้ครอบครัวเราไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารการกินแล้ว”
เย่จวินขมวดคิ้วพูดว่า “พ่อขาไม่ดีไม่ใช่เหรอ? ทำงานไม่ได้ด้วย”
“ถ้าข้าวในบ้านหมด ก็ต้องกังวลอยู่ดี”
“ตอนนี้พวกเรากลับมา ก็เพิ่มปากที่ต้องป้อนอีกสองปาก”
หลี่ชุ่ยชุ่ยยิ้มอย่างจนใจ “พ่อของพวกลูกไปทำงานที่สวนผลไม้นะ พวกลูกยังไม่รู้ใช่ไหมว่าจิ่นเป่าตอนนี้ก็มีคะแนนแรงงานด้วย”
“น้องเป็นถึงหัวหน้าทีมของสวนผลไม้เลยนะ”
สองพี่น้องไม่คิดว่าสถานการณ์ของครอบครัวจะไม่แย่อย่างที่พวกเขาคิดไว้
และยิ่งไปกว่านั้น เรื่องที่จิ่นเป่าได้เป็นหัวหน้าทีมนั้น ทำให้พวกเขาประหลาดใจมาก
พวกเขาจ้องมองเย่เสี่ยวจิ่นอยู่นาน
“จิ่นเป่าแต่ก่อนไม่พูด แต่ตอนนี้กลับเป็นหัวหน้าทีมได้เลยเหรอ?” เย่ฉางอันทึ่งมาก รู้สึกว่าเชื่อได้ยากจริง ๆ
เย่จวินเบิกตากว้าง “จิ่นเป่าอายุเท่านี้ ก็เป็นหัวหน้าทีมได้แล้วเหรอ?”
“ไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อนเลยนะ”
“จิ่นเป่า เธอนี่เก่งเกินไปแล้วนะ”
เย่เสี่ยวจิ่นยิ้มน้อย ๆ “โอ๊ย แค่โชคดีล้วน ๆ เท่านั้นแหละค่ะ”
เย่ฉางอันลูบหัวน้องสาว “ไม่ใช่หรอก จิ่นเป่าของพวกเราเป็นดาวแห่งโชคลาภ มีความสามารถแบบนี้อยู่แล้ว”
เย่เสี่ยวจิ่นถูกพี่ชายทั้งสองชมจนเขินไปหมดแล้ว
เย่ฉางอันมองไปรอบ ๆ บ้าน “แล้วเสี่ยวหวายล่ะ? ป่านนี้ยังไม่กลับมาอีกเหรอ?”
“เขาไปเรียนหนังสือแล้ว ยังไม่ได้เดินกลับมาจากอำเภอหลังเลิกเรียนเลย”
“แม่กับพ่อของพวกลูกก็ได้พิจารณากันแล้ว เขายังเด็กเกินไป ทำงานหนักตลอดเวลาก็ไม่ใช่เรื่องดี”
เย่ฉางอันชะงักไป “ไปเรียนมัธยมต้นเหรอ? ที่บ้านมีเงินส่งเสี่ยวหวายเรียนที่ไหนกัน?”
“ปู่กับย่ายินดีช่วยเหลือเหรอ?”
เขายิ้มออกมาเล็กน้อย “จริง ๆ แล้วการได้เรียนหนังสือก็ดีนะ เสี่ยวหวายแอบอ่านหนังสือลับหลังพวกเราทุกวัน ดูแล้วน่าสงสาร”
“ส่วนฉันน่ะ แค่ไม่มีความอดทนพอจะอ่านหนังสือ”
“เขาชอบอ่านหนังสือ ถ้าได้เรียนต่อไปได้ก็เป็นเรื่องดีแน่นอน”
เย่จวินก็พยักหน้าเห็นด้วย “เสี่ยวหวายยังเด็กเกินไป ตอนนั้นที่ไปทำงานที่คูคลองด้วยกัน ร่างกายก็ทนไม่ไหวแล้ว”
ทั้งครอบครัวคุยกันถึงเรื่องราวในบ้านช่วงนี้ และเรื่องงานที่คูคลองของพวกเขา
ทำให้สองพี่น้องได้ฟังแล้วต้องถอนหายใจด้วยความรู้สึกหลากหลาย
ไม่คิดว่าในเวลาอันสั้น ที่บ้านจะเกิดเรื่องมากมายขนาดนี้
ก็ลำบากกันมากทีเดียว
เย่จวินขมวดคิ้วถอนหายใจ “แล้วพ่อยังไม่กลับมาอีกเหรอ ขาของเขาฟื้นตัวเป็นยังไงบ้าง?”
“ฉันจะไปรับที่ปากทางหมู่บ้านดีกว่า”
เย่เสี่ยวจิ่นรีบพูด “ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่ใหญ่ พ่อนั่งเกวียนมา”
“ช่วงนี้พ่อเดินได้มั่นคงดี ไม่มีอาการปวดเท้าแล้วด้วย”
“พวกพี่ไม่ต้องกังวลนะคะ”
ขณะที่กำลังพูดกันอยู่ ก็ได้ยินเสียงคนคุยกันมาจากข้างนอก
เย่จื้อผิงและเย่หวายกลับมาแล้ว
เย่จื้อผิงถือไม้เท้าเดินอย่างมั่นคง เย่หวายถือตะกร้าเดินตามมาข้าง ๆ
“วันนี้โชคดีจริง ๆ เจอเย่หวายที่ถนนพอดี เลยได้กลับมาด้วยกัน”
เย่จื้อผิงพูดพลางเดินเข้าบ้าน พบว่าลูกชายอีกสองคนก็อยู่ที่บ้านด้วย
เขาดีใจมาก หยิบเนื้อสองจินที่ตั้งใจซื้อมาออกจากตะกร้า
“วันนี้ฉันเจอคนขายเนื้อ พอดีเหลืออยู่นิดหน่อย เห็นราคาถูกก็เลยซื้อมา”
“ชุ่ยชุ่ย รีบเอาเนื้อไปผัดเร็ว วันนี้พวกเด็ก ๆ มีของอร่อยกินแล้ว”
หลี่ชุ่ยชุ่ยรับเนื้อมา “พวกลูกนี่ ได้บุญจิ่นเป่าทั้งนั้นแหละ”
“นี่ก็เงินที่ได้จากการขายสตรอว์เบอร์รีที่จิ่นเป่าปลูกไงล่ะ”
พี่ชายคนโตและคนรองยิ่งรู้สึกละอายใจ
ทั้งสองคนอายุมากขนาดนี้แล้ว ยังสู้จิ่นเป่าเด็กคนเดียวไม่ได้เลย
เย่เสี่ยวจิ่นเห็นสีหน้าของพี่ชาย อดไม่ได้ที่จะยิ้มน้อย ๆ
เธอวิ่งออกไปเก็บสตรอว์เบอร์รีมาให้พวกเขากิน
เย่หวายมองดูพวกเขาแล้วพูดว่า “พี่ใหญ่ พี่รอง พวกพี่กลับมาแล้วเหรอ”
“เสี่ยวหวาย ตั้งใจเรียนหนังสือนะ การเรียนหนังสือนั้นมีอนาคตไกลมาก” เย่ฉางอันมองดูเย่หวายพลางตบไหล่เขาเบา ๆ “ต่อไปถ้าสอบเข้าวิทยาลัยอาชีวะได้ นอกจากจะไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียนแล้ว ยังมีงานรองรับด้วยนะ”
“ได้ยินมาว่าเรียนจบแล้วยังได้ทะเบียนบ้านในเมืองอีกด้วย”
เย่หวายยิ้มอย่างเขิน ๆ “พี่รอง ผมยังเรียนตามไม่ทันเลยครับ”
เย่ฉางอันหัวเราะ “ไม่เป็นไร ค่อย ๆ ทำไป”
“พวกเราไม่ต้องคิดอะไรมาก ตั้งใจเรียนอย่างเดียว รับรองว่าต้องเรียนได้ดีแน่นอน”
“ครอบครัวเราไม่ได้โง่เขลาเหมือนครอบครัวลุงใหญ่หรอกนะ นายก็ต้องสร้างชื่อเสียงให้พวกเราด้วย!”
เย่หวายรู้สึกซาบซึ้งใจ “ครับพี่ พี่วางใจได้เลย”