ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 8 หัวหน้าเซี่ยวมาหาเรื่อง (รีไรต์)
- Home
- All Mangas
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 8 หัวหน้าเซี่ยวมาหาเรื่อง (รีไรต์)
บทที่ 8 หัวหน้าเซี่ยวมาหาเรื่อง (รีไรต์)
บทที่ 8 หัวหน้าเซี่ยวมาหาเรื่อง (รีไรต์)
เย่เสี่ยวจิ่นพอจะฟังออกว่าผู้หญิงคนนี้มาหาเรื่องแม่ แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร
เธอขมวดคิ้ว ไม่สนใจผู้หญิงบ้าคนนี้
แต่เซี่ยวเยว่กลับนั่งลงอย่างหน้าด้าน รอให้หลี่ชุ่ยชุ่ยกลับมา เพื่อจะได้ด่าทอผู้หญิงไร้ยางอายคนนั้นได้อย่างเต็มที่
ประมาณสิบนาทีต่อมา หลี่ชุ่ยชุ่ยก็กลับมาถึงบ้าน
หล่อนไม่รู้ว่าเซี่ยวเยว่อยู่ที่บ้าน จึงแบกไม้ไผ่จำนวนมาก กลับมาอย่างเหนื่อยล้า
หล่อนวางมัดไม้ไผ่เล็ก ๆ ร้อยกว่าลำลงบนลานหน้าบ้าน
“จิ่นเป่า นี่คงพอให้ลูกสร้างเล้าไก่แล้วนะ”
หลังจากทำงานที่ฟาร์มไก่เสร็จ หล่อนก็รีบไปตัดไม้ไผ่ต่อทันที ก่อนนำกลับมา
มาตอนนี้หล่อนเลยคอแห้งมาก จึงรีบไปดื่มน้ำหนึ่งแก้วใหญ่ก่อน จากนั้นจึงเดินเข้าบ้าน
ภายในนั้น เซี่ยวเยว่กำลังนั่งไขว่ห้าง มองหลี่ชุ่ยชุ่ยด้วยสายตาเหยียดหยาม
หลี่ชุ่ยชุ่ยตกใจ รีบเข้าไปดูลูกสาวตัวเอง
“แม่จ๋า หนูไม่เป็นไร แต่ป้าคนนี้นิสัยแย่มาก มาถึงก็ด่าไม่หยุด พอรู้ว่าตัวเองทำอะไรไม่ได้ก็มารังแกเด็ก ใจร้ายมาก!”
เย่เสี่ยวจิ่นพูดด้วยน้ำเสียงใสซื่อ
เซี่ยวเยว่หน้าบึ้ง “เรียกใครว่าป้า ไร้มารยาท!”
หลี่ชุ่ยชุ่ยรีบกอดเย่เสี่ยวจิ่นไว้ในอ้อมแขน ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “คุณมาทำอะไร?”
“ฉันมาทำอะไร เธอยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ? ไปสนิทสนมกับผู้ใหญ่บ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมถึงไม่มีใครรู้ ตอนนี้ใคร ๆ ต่างก็พูดลับหลังว่าฉันกลั่นแกล้งเธอ ไล่เธอออกไปอย่างไม่เป็นธรรม”
เซี่ยวเยว่ชี้หน้าหลี่ชุ่ยชุ่ย “ส่วนเธอก็ดีเหลือเกิน กล้าไปทำงานที่ฟาร์มไก่ได้อีก”
“เรื่องนี้ ฉันไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรกับคุณ”
“ไม่จำเป็นต้องบอกฉัน? เหอะ!” เซี่ยวเยว่แค่นเสียงเยาะ “หัวหน้าฟาร์มไก่ก็เพื่อนฉัน เธอเชื่อไหมว่าฉันสามารถบอกให้เขาเล่นงานเธอ แล้วไล่เธอออกได้!”
หลี่ชุ่ยชุ่ยไม่อยากเชื่อหูตัวเอง “คุณ… คุณทำแบบนี้กับฉันทำไม?”
“ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรผิดต่อคุณนี่”
“หัวหน้าเซี่ยว ทำไมคุณถึงต้องกลั่นแกล้งฉันตลอด คุณต้องการอะไรกันแน่?”
“เฮอะ ก็เพราะฉันเป็นคนพูดตรง ไม่ชอบคนตีสองหน้าอย่างเธอ” เซี่ยวเยว่ระบายอารมณ์ใส่หล่อน พูดจาข่มขู่สองสามคำ ก่อนจะสะบัดหน้าจากไปอย่างลำพองใจ
หลี่ชุ่ยชุ่ยรู้สึกเจ็บปวด ถูกต่อว่าต่อหน้าลูกสาว แม้ว่าหล่อนจะเคยชินกับการถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม…
แต่ก็อดเสียใจไม่ได้
ถ้าหล่อนอยู่ที่ฟาร์มไก่ไม่ได้แล้ว หล่อนจะทำยังไงดี?
เย่เสี่ยวจิ่นในชีวิตก่อนก็เคยบริหารทีมมาก่อน รู้ดีว่าคนที่ถืออำนาจเล็ก ๆ น้อย ๆ มักทำตัวกร่างไปทั่ว
“แม่จ๋า อย่าเสียใจไปเลยนะ” เย่เสี่ยวจิ่นรีบปลอบ “ถ้าป้าคนนั้นเก่งจริง คงไม่มาขู่เราแบบนี้หรอก”
“แม่ลองคิดดูสิ ถ้าป้าคนนั้นจัดการเรื่องที่ฟาร์มไก่ได้จริง ป้าคงย้ายแม่ไปที่อื่นแล้วล่ะ”
หลี่ชุ่ยชุ่ยได้ยินดังนั้นก็รู้สึกว่าถูกต้อง
ด้วยนิสัยของเซี่ยวเยว่ ถ้าหล่อนมีอำนาจมากขนาดนั้นจริง คงลงมือไปนานแล้ว
ความน้อยใจของหล่อนหายไป เปลี่ยนเป็นเข้าใจ “จิ่นเป่าพูดถูก แม่โดนหล่อนหลอกซะแล้ว”
“จิ่นเป่านี่ฉลาดจริง ๆ คิดได้ยังไงนะ”
เย่เสี่ยวจิ่นแลบลิ้นอย่างซุกซน
นั่นก็เป็นเพราะนิสัยเธอไม่ยอมคน ใครทำอะไรก็ไม่กลัว ส่วนแม่ของเธอนั้นเป็นคนยอมคน กลัวแต่จะไปทำให้คนอื่นไม่พอใจ
เย่เสี่ยวจิ่นเปลี่ยนเรื่องคุย “แม่จ๋า แม่ขนไผ่มาให้หนูเต็มเลย ดีจัง ก่อนหน้าหนูได้ปัดกวาดตรงที่จะทำเล้าไก่เสร็จเรียบร้อยแล้ว”
“ไว้แม่จ๋าว่างเมื่อไหร่ ต้องมาช่วยหนูทำเล้าไก่ด้วยนะ”
“ได้จ้ะ” หลี่ชุ่ยชุ่ยลูบหัวลูกสาวตัวน้อย
สักพัก ก็ได้กลิ่นไหม้ลอยมา
“อุ๊ย จิ่นเป่า หนูทำกับข้าวเองเหรอ?”
เย่เสี่ยวจิ่นขมวดคิ้ว ตกใจสุดขีด “แย่แล้ว! ข้าวไหม้!”
หลังกินข้าวเสร็จ เย่เสี่ยวจิ่นก็ไม่ได้รีบร้อนสุ่มรางวัล
ระบบสุ่ม 5 ครั้งติด จะได้รับโบนัสสุ่มฟรีอีก 1 ครั้ง คุ้มกว่ามาก
เธอจึงตั้งใจจะรอให้ครบ 5 ครั้งก่อน แล้วค่อยสุ่มทีเดียว
เผื่อว่าโอกาสได้ของดี ๆ จะเพิ่มขึ้น
เช้านี้ เย่เสี่ยวจิ่นตื่นแต่เช้า พอกินข้าวตังกับน้ำซุปผักกาดป่ากับแม่เสร็จ ก็มุ่งหน้าไปฟาร์มไก่ด้วยกัน
หลังเกิดเรื่องของเซี่ยวเยว่ หลี่ชุ่ยชุ่ยไม่กล้าปล่อยลูกสาวไว้ที่บ้านคนเดียวอีก
พวกเธอเดินประมาณยี่สิบนาที ก็มาถึงฟาร์มไก่ของหมู่บ้าน
ฟาร์มไก่อยู่ที่เชิงเขา บนเขาก็เลี้ยงไก่เต็มไปหมด
หัวหน้าทีมเน้นการเลี้ยงแบบปล่อยอิสระ จึงปล่อยไก่ไว้บนเขา ส่วนตอนกลางคืนก็จะทำการต้อนไก่กลับเข้าเล้าทุกวัน
ที่บริเวณหน้าสำนักงานของฟาร์มไก่ มีชายวัยกลางคนแต่งตัวสะอาดสะอ้านกำลังนั่งอาบแดดอยู่
เขาสวมแว่นตาขอบดำ สายตาเหมือนจะไม่ค่อยดีนัก
เขาหรี่ตาลงมองหนังสือในมือ พึมพำอะไรบางอย่าง
หลี่ชุ่ยชุ่ยชี้ไปที่ชายคนนั้น “จิ่นเป่า คนนั้นคือหัวหน้าทีม”
“ช่วงนี้เขาอ่านหนังสือสัตวแพทย์อยู่ บอกว่าอยากเรียนรู้วิธีรักษาไก่ด้วยตัวเอง”
“ถ้าโตขึ้นหนูอ่านหนังสือออกเขียนหนังสือได้ ก็ทำงานสบาย ๆ แบบหัวหน้าทีมได้นะ”
“แม่จ๋า หนูอ่านหนังสือออก” เย่เสี่ยวจิ่นยิ้มหวาน “คุณปู่เทพเซียนสอนหนูมาแล้ว”
“จริงเหรอ?”
“จริงจ้ะ”
หลี่ชุ่ยชุ่ยอยากพิสูจน์ จึงจูงมือเย่เสี่ยวจิ่นเดินไปหาหัวหน้าเซี่ย
เซี่ยเฟยฝานเงยหน้าขึ้น มองสองแม่ลูกตรงหน้า หลี่ชุ่ยชุ่ยเป็นคนงานใหม่ขยันขันแข็ง แต่ค่อนข้างขี้อายและชอบเก็บตัว
ส่วนเด็กหญิงตัวน้อยมีดวงตากลมโตเป็นประกาย จ้องมองหนังสือในมือเขา
“เธออยากอ่านเหรอ?”
เย่เสี่ยวจิ่นพยักหน้า ยิ้มหวาน “หนูอ่านได้ไหมจ๊ะ?”
“ได้สิ ๆ แต่ไม่รู้ว่าหนูน้อยจะอ่านออกหรือเปล่านะ” เซี่ยเฟยฝานยื่นหนังสือให้เย่เสี่ยวจิ่น มองเด็กหญิงตัวน้อยพลางยิ้มอ่อน
แม้ว่าในหมู่บ้านจะมีห้องสมุด และหนังสือก็ค่อนข้างจะครบครัน
แต่มีคนยืมหนังสือไปอ่านไม่มากนัก เรียกได้ว่าในหมู่บ้านมีคนที่อ่านหนังสือออก เขียนหนังสือได้น้อยมาก
ก่อนหน้านี้เขาเคยเรียนจบชั้นมัธยมต้น แต่เสียดายที่ไม่มีเงินเรียนต่อชั้นมัธยมปลาย
ถึงกระนั้น ตัวอักษรที่ใกล้เคียงกันเขาก็รู้จัก
หัวหน้าทีมแต่ละคนในหมู่บ้าน ล้วนเป็น ‘คนมีการศึกษา’ ที่อ่านหนังสือออกเขียนหนังสือได้
ยิ่งเขาเรียนรู้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าสิ่งที่เขารู้ยังน้อยเกินไป
“นี่มันหนังสือสอนฟักไข่ตามหลักวิทยาศาสตร์นี่?”
“ใช้หลอดไฟส่องลูกไก่ ใส่ในกล่องเก็บความร้อน ก็จะฟักไข่ได้เร็วขึ้นกว่าเดิม”
เย่เสี่ยวจิ่นเกาหัว ตอนเรียนหนังสือสมัยเด็ก ก็เคยทำการทดลองวิทยาศาสตร์แบบนี้
แต่เป็นเพียงเนื้อหาสั้น ๆ ในหนังสือวิทยาศาสตร์เท่านั้น
ไม่คิดว่ายุคนี้จะต้องใช้หนังสือทั้งเล่ม เพื่ออธิบายการทดลองทางวิทยาศาสตร์แค่นี้!
เธอรู้สึกว่ามันค่อนข้างไร้ประสิทธิภาพ
แต่เมื่อนึกถึงสภาพแวดล้อมในยุคนี้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
เพราะแม้แต่ที่บ้านเธอ ยังต้องจุดเทียนในตอนกลางคืนอยู่เลย!
เซี่ยเฟยฝานเห็นเด็กน้อยกำลังครุ่นคิด จึงถามว่า “เธอรู้จักตัวหนังสือเยอะไหม?”
“รู้จักค่ะ”
ก่อนหน้านี้เซี่ยเฟยฝานเคยได้ยินผู้ใหญ่บ้านพูดว่า ลูกสาวของหลี่ชุ่ยชุ่ยแปลกกว่าเด็กคนอื่น เพียงแค่ลูบแม่ไก่ก็สามารถรักษาอาการป่วยได้
เขาไม่เคยใส่ใจเรื่องนี้ คิดเพียงว่าเป็นเรื่องงมงายของชาวบ้าน
“งั้นฉันขอทดสอบหน่อยนะ”
ส่งกำลังใจ 1 เหรียญทอง