ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 79 การให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว ทำให้เย่จู๋เสียใจ (รีไรต์)
- Home
- All Mangas
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 79 การให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว ทำให้เย่จู๋เสียใจ (รีไรต์)
บทที่ 79 การให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว ทำให้เย่จู๋เสียใจ (รีไรต์)
บทที่ 79 การให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว ทำให้เย่จู๋เสียใจ (รีไรต์)
เย่จู๋นำน้ำผึ้งสองจินกลับมาบ้าน
หลี่กุ้ยฮวาไม่คิดว่าสวนผลไม้จะแบ่งน้ำผึ้งมาให้ด้วย “โอ้โห น้ำผึ้งนี่ดีจังเลย ตั้งสองจินด้วย”
“รอให้พี่ชายของเธอกลับมาตอนปิดเทอม จะได้เอาไปกินในเมือง”
“ช่วงเปลี่ยนฤดู เรียนหนังสือในโรงเรียนคอมักจะแห้ง ดื่มน้ำผึ้งจะช่วยได้มากเลยนะ”
“พี่ชายของเธอก็เลือกกินด้วย เอาน้ำผึ้งไปให้เขา ตอนหิวก็ยังกินได้”
หลี่ชุ่ยชุ่ยแบ่งบรรจุน้ำผึ้งทั้งหมด
จัดเก็บอย่างดี เหลือไว้แค่ขวดเล็ก ๆ หนึ่งขวดวางไว้ข้างนอก
อากาศอุ่นขึ้นแบบนี้ หนูก็เยอะขึ้น บางครั้งยังมีพังพอนลงมาจากภูเขาด้วย
ถ้าไม่เก็บอาหารให้ดี ก็คงหนีไม่พ้นถูกกรงเล็บอันตรายแน่นอน
เย่จู๋เม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า “นี่เป็นส่วนที่เย่เสี่ยวจิ่นแบ่งให้ฉัน เธอแบ่งให้ทุกคน”
“นั่นก็เป็นสิ่งที่เธอควรทำอยู่แล้วนี่” หลี่กุ้ยฮวาพูดอย่างดีใจพลางเก็บน้ำผึ้งเอาไว้
เย่จู๋อยากจะบอกว่า คนอื่นเขาไม่ถือสาหาความ ยังอยากแบ่งน้ำผึ้งให้เธอที่เพิ่งมาใหม่
แต่เมื่อเห็นท่าทางของแม่แบบนี้ เธอก็ไม่พูดอะไร
“ตอนที่เธออยู่ในสวนผลไม้ เย่เสี่ยวจิ่นไม่ได้จงใจกลั่นแกล้งเธอใช่ไหม?” หลี่กุ้ยฮวาหันมามองเย่จู๋แล้วพูดว่า “คนอย่างเธอนี่ ขี้แค้นจริง ๆ”
“ใจน้อยยิ่งกว่าเมล็ดงาอีก”
“ไม่มีหรอกค่ะ…” เย่จู๋พึมพำ “ปกติเธอก็ยุ่งมาก ไม่มีเวลามาสนใจฉันหรอก”
“งั้นก็ดีแล้ว ถ้าหล่อนรังแกเธอ บอกแม่นะ” หลี่กุ้ยฮวาพูดอย่างฮึดฮัด “รับรองว่าจะแก้แค้นให้เธอ”
“เธอเป็นแค่หัวหน้าทีมเท่านั้นแหละ คิดว่าตัวเองเก่งนักหรือไง ก็แค่เด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้นเอง”
“ถ้ากล้ามาเหิมเกริมกับพวกเรา เราจะไม่ยอมให้เธอลอยนวลแน่”
“แถมเธอยังเป็นที่ชื่นชอบของทุกคนด้วย ใคร ๆ ก็ชอบเธอ”
“เรื่องการเลี้ยงผึ้งนี่ก็เป็นเธอที่จัดการนะ”
น้ำผึ้งเป็นของหายาก ในหมู่บ้านยังไม่มีการเลี้ยงกันอย่างเป็นระบบเลย
ถ้าเย่เสี่ยวจิ่นเห็นแก่ตัวจริง ๆ เธอก็สามารถเอาผึ้งไปเลี้ยงที่บ้านตัวเองได้เลย
ไม่จำเป็นต้องแบ่งให้คนอื่นเลยสักนิด
“เจ้าเด็กบ้านี่ เธอไปสวนผลไม้ได้กี่วันกันเชียว? ถึงได้พูดแทนเย่เสี่ยวจิ่นแล้ว?”
“เธอรู้ไหมว่าครอบครัวของพวกเขารังแกครอบครัวเราอย่างไรบ้าง?”
“รอให้พี่ชายของเธอได้ดีเมื่อไหร่ ฉันจะต้องแก้แค้นให้ได้แน่!”
เย่จู๋ก้มหน้าลง ไม่พูดกับหลี่กุ้ยฮวาอีก
เธอลุกขึ้นเดินออกไปล้างผักข้างนอก
“แกนี่ นังเด็กบ้า จะไปไหน?”
เย่จู๋รู้สึกอิจฉาบรรยากาศในครอบครัวของเย่เสี่ยวจิ่น อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ได้ลำเอียงรักลูกชายมากกว่าลูกสาว
ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยตระหนักว่าพ่อแม่ลำเอียงกับเธอ
จนกระทั่งที่ไม่ให้เธอเรียนหนังสือ…
ตอนนี้ แม้จะได้น้ำผึ้งมาสองจิน เธอก็ไม่ได้กินแม้แต่คำเดียว!
แม่จะเอาของดี ๆ ทั้งหมดให้พี่ชายเท่านั้น!
ถ้าไม่ใช่ของที่พี่ชายไม่เอาแล้ว ก็ไม่มีทางถึงมือเธอ
“นังเด็กบ้า ยังโกรธอยู่อีกเหรอ?” หลี่กุ้ยฮวาชี้หน้าด่า “แกต้องแต่งงานออกไปในอนาคต สักวันก็ต้องโดนครอบครัวผัวสั่งสอน”
“ฉันขี้เกียจจัดการแกแล้วตอนนี้”
เย่จู๋ในที่สุดก็ทนไม่ไหวแล้ว “แค่เพราะฉันจะแต่งงานออกไป ก็ไม่ให้ฉันเรียนหนังสือเหรอ?”
“หยางเจวียนยังให้หยางลี่ลี่เรียนเลย!”
“แกเรียนไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก เสียเงินเสียเวลาเปล่า ๆ” หลี่กุ้ยฮวาพูดโดยไม่ต้องคิด “รอให้พี่ชายของแกเรียนจบและประสบความสำเร็จ เขาจะช่วยเหลือแกเอง”
“ตอนนั้นแกก็จะได้แต่งงานเข้าครอบครัวที่ดี…”
“อีกอย่าง ผู้หญิงก็สู้ผู้ชายไม่ได้อยู่แล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก”
เย่จู๋ไม่อยากฟังคำพูดแบบนี้อีกแล้ว
เธอพูดเสียงอู้อี้ “ฉันจะไปวางลอบดักปลาหนีชิวแล้ว”
พูดจบเธอก็วิ่งจากไปทันที
เย่เสี่ยวจิ่นกำลังตัดแต่งกิ่งต้นท้อที่ริมลำธาร หลังจากนี้ต้นท้อทั้งหมดจะต้องถูกกดกิ่งลง
การกดกิ่งต้นท้อลงนอกจากจะช่วยป้องกันความเสียหายจากน้ำค้างแข็งได้บ้างแล้ว ยังช่วยให้เก็บผลได้สะดวกอีกด้วย
เย่จู๋ไปปล่อยปลาหนีชิวลงในลำธารด้วยดวงตาแดงก่ำ
เย่เสี่ยวจิ่นเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง ในใจรู้สึกสงสัยเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร
เย่จู๋เห็นเย่เสี่ยวจิ่นทำงานอย่างขะมักเขม้น ในใจรู้สึกอยากรู้อยากเห็น แต่ก็ไม่กล้าพูดคุยกับเธอ
“ถ้าเราจัดกิ่งต้นท้อให้แผ่ออกตั้งแต่ยังเล็ก เมื่อโตขึ้นมันจะมีรูปทรงแผ่กว้างและเตี้ย”
เย่จู๋ได้ยินเธออธิบายให้ฟัง รู้สึกเขินอายเล็กน้อย “อ้อ”
“ความคิดพวกนี้ของเธอ…มาจากไหนกันล่ะ?”
“คนอื่นเขาไม่ได้ทำกันแบบนี้นี่”
“เรียนรู้มาจากหนังสือน่ะ” เย่เสี่ยวจิ่นตอบแบบขอไปที ถึงแม้ว่าระบบจะให้วิธีการเพาะปลูกขั้นพื้นฐานมา
แต่ก็ยังต้องอาศัยการฝึกฝนและเรียนรู้
“การอ่านออกเขียนได้นี่ดีจริง ๆ” เย่จู๋พูดอย่างอิจฉา “พี่ชายของเธอสอนให้เธออ่านหนังสือเหรอ?”
เย่เสี่ยวจิ่นอ้าปากพูด ไม่อาจบอกได้ว่าตัวเองรู้อยู่แล้ว
“ฉัน…ส่วนใหญ่เรียนรู้ด้วยตัวเอง”
เย่จู๋พยักหน้า “เธอฉลาดจริง ๆ ฉันอ่านหนังสือไม่ออกเลย”
เย่เสี่ยวจิ่นสังเกตเห็นแววตาอิจฉาของเธอ รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย “ตามหลักแล้ว เธอก็อยู่ในวัยที่ควรเรียนชั้นประถมแล้วนะ”
“การถอนหญ้าในสวนผลไม้ทุกวันไม่น่าเบื่อเหรอ?”
“ฉันอยากเรียนหนังสือ แต่พ่อแม่บอกว่าที่บ้านไม่มีเงินให้ฉันเรียน” เย่จู๋เข้ามาใกล้ ลูบใบต้นท้อ “พี่ชายฉันเรียนมัธยมปลายต้องใช้เงินเยอะมาก”
“แถมพวกเขายังคิดว่า ฉันโตแล้วก็แต่งงานไป ไม่จำเป็นต้องเรียนหนังสือ”
“ยังไงซะ…ฉันเรียนหนังสือก็ไม่มีประโยชน์”
เย่เสี่ยวจิ่นพยักหน้าเบา ๆ สามีภรรยาหลี่กุ้ยฮวาให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว
การที่พวกเขามีความคิดแบบนี้ เป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้
แต่ค่าเทอมชั้นประถมจริง ๆ แล้วก็แค่สองหยวนต่อเทอม สำหรับครอบครัวลุงใหญ่แล้วน่าจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
“เธอน่าจะรู้ดีว่าการเรียนหนังสือมีประโยชน์หรือไม่”
“แต่นี่เป็นชาติกำเนิดของเธอ ฉันก็ไม่อยากพูดอะไรมาก”
“ต่อให้พี่ชายของเธอร่ำรวยในอนาคต ก็คงไม่เกี่ยวอะไรกับเธอแล้วที่ต้องแต่งงานออกไป”
เย่เสี่ยวจิ่นพูดอย่างโหดร้ายเล็กน้อย เพราะท่าทางหยิ่งผยองของเย่เหวินชาง
ในอนาคตเขาคงไม่ดีกับเย่จู๋แน่นอน
เย่จู๋ฟังแล้วยิ่งรู้สึกเสียใจ “แล้วเธอจะเรียนหนังสือต่อไหม?”
“แน่นอนสิ”
เย่จู๋ถอนหายใจแล้วกลับบ้านไป
เย่เสี่ยวจิ่นมองเงาหลังอันเศร้าสร้อยของเธอ ส่ายหัวอย่างจนปัญญา ก็ไม่ใช่แค่เย่จู๋คนเดียวที่เป็นแบบนี้
“มีผู้หญิงจำนวนมากที่ไม่สามารถเรียนหนังสือได้”
“การเปลี่ยนแปลงแนวคิดเรื่องการให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาวนั้น เป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่และยาวไกลจริง ๆ”
หลี่ชุ่ยชุ่ยกำลังเก็บฟืนอยู่ริมลำธาร เห็นเย่เสี่ยวจิ่นพูดคุยกับเย่จู๋
หล่อนอุ้มไม้ไผ่แห้งมากอดหนึ่งเดินมา “จิ่นเป่า ลูกพี่ลูกน้องของลูกพูดอะไรกับลูกเหรอ?”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ตอนนี้เธอค่อนข้างว่าง่าย” เย่เสี่ยวจิ่นจัดการกิ่งไม้ที่กดทับเสร็จแล้ว “คนคนนี้… แค่มีจิตใจที่ชื่นชมคนเก่งนิดหน่อย”
“ชื่นชมคนเก่ง? หมายความว่ายังไง?”
“ก็หมายถึงชอบคนที่เก่งกาจน่ะค่ะ” เย่เสี่ยวจิ่นปัดมือ
เธอถามอย่างอยากรู้ “แม่คะ พ่อแม่คิดว่าหนูเป็นผู้หญิงแล้วจะไร้ประโยชน์หรือเปล่า?”
“จะเป็นไปได้ยังไง?” หลี่ชุ่ยชุ่ยขมวดคิ้ว “ผู้ชายผู้หญิงก็เหมือนกันทั้งนั้น”
“ผู้หญิงต้องได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี อนาคตผู้หญิงจะลำบากกว่าผู้ชาย”
“การเป็นผู้หญิง ต้องอุ้มท้องตั้งเก้าเดือน แล้วยังจะถูกดูถูกอีกเหรอ?”
“อย่างไรก็ตาม… ในครอบครัวของเรา เด็กผู้หญิงนั่นแหละที่มีค่าที่สุด”
สิ่งที่หลี่ชุ่ยชุ่ยไม่ได้พูดคือ ตัวหล่อนเองก็เป็นผู้หญิง แล้วจะดูถูกเด็กผู้หญิงได้อย่างไร?
นั่นไม่ใช่การดูถูกตัวเองหรอกหรือ?
“จิ่นเป่า ต่อไปลูกจะต้องได้เรียนหนังสืออย่างแน่นอน”
“พ่อแม่จะไม่ปล่อยให้ลูกต้องอยู่ในสวนผลไม้ไปตลอดชีวิตหรอก”
“ถึงแม้ว่าลูกจะยินดีเอง พวกเราก็จะไม่ยอม”
เย่เสี่ยวจิ่นยิ้มน้อย ๆ “หนูรู้ว่าพ่อแม่รักหนูที่สุด”
หลี่ชุ่ยชุ่ยยิ้มเล็กน้อย “คืนนี้ลูกต้องพักผ่อนให้เร็วหน่อยนะ พรุ่งนี้ต้องไปขายสตรอว์เบอร์รี”
“ต้องนั่งเกวียนวัวแต่เช้าอีกแล้ว ถึงเวลานั้นคงจะเหนื่อยมาก”
เย่เสี่ยวจิ่นทำท่าเขินอาย “แม่กับพ่อไปก็พอแล้ว หนูไปด้วยก็ไม่มีประโยชน์อะไร”
หลี่ชุ่ยชุ่ยคิดจะพาเย่เสี่ยวจิ่นไปหาหมอที่โรงพยาบาลพรุ่งนี้
หล่อนแกล้งปลอบใจว่า “พวกเราจะไม่ขายสตรอว์เบอร์รีของลูกหรอก ถ้าลูกไม่ไป มันคงไม่ได้แน่ ๆ”
เย่เสี่ยวจิ่นลังเลครู่หนึ่ง แล้วเบ้ปาก “งั้นก็ได้… เฮ้อ ต้องตื่นเช้าอีกแล้ว”
หลี่ชุ่ยชุ่ยลูบหัวลูกสาวด้วยความสงสาร
ทางไกลและขรุขระ หล่อนก็เป็นห่วงที่ลูกต้องลำบากไปด้วย