ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 77 เซี่ยวเยว่ทำเรื่องไม่ดีถูกจับได้ (รีไรต์)
- Home
- All Mangas
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 77 เซี่ยวเยว่ทำเรื่องไม่ดีถูกจับได้ (รีไรต์)
บทที่ 77 เซี่ยวเยว่ทำเรื่องไม่ดีถูกจับได้ (รีไรต์)
บทที่ 77 เซี่ยวเยว่ทำเรื่องไม่ดีถูกจับได้ (รีไรต์)
เย่จื้อผิงรู้สึกสงสัยมาก “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
หลี่ชุ่ยชุ่ยได้ยินจากคำพูดของพวกเขาแล้วว่ามีอะไรผิดปกติ
หล่อนลุกขึ้นยืน “พี่ซุน นี่มัน…”
ซุนหลานฮวาแค่นเสียงฮึ นิสัยของเธอไม่ใช่คนที่ใครจะมาแหย่เล่นได้ง่าย ๆ
เพียงเพราะชอบเย่เสี่ยวจิ่น เธอถึงได้ยิ้มแย้มแจ่มใสกับคนในตระกูลเย่
สำหรับ ‘คนเล็ก ๆ’ อย่างเซี่ยวเยว่ที่เธอดูถูก เธอไม่เกรงใจเลยสักนิด
“วันนี้ฉันไปทำงานในทุ่ง แล้วยังไงล่ะ? ระหว่างทางฉันเห็นหล่อนหลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่ในที่ดินของพวกเธอ”
“ยัยคนนี้ทำเกินไปมาก ถึงกับถอนต้นกล้าของพวกเธอ”
“ขณะที่ถอนก็พูดว่าจะไม่ให้พวกเธออยู่เย็นเป็นสุข”
“ตอนนั้นฉันโกรธจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ จึงจับตัวเธอมาทันที”
เย่เสี่ยวจิ่นมองเซี่ยวเยว่ แล้วขมวดคิ้ว
เธอพูดกับซุนหลานฮวาว่า “ป้าหลานฮวา ขอบคุณมากนะคะ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ พวกเราคงปลูกพืชเสียเปล่าแน่ ๆ”
ซุนหลานฮวามีท่าทีดีต่อเย่เสี่ยวจิ่น “จิ่นเป่า เรื่องแบบนี้ใครเห็นก็ต้องช่วยกันทั้งนั้นแหละ”
“คนในครอบครัวของพวกเธอใจอ่อนกันทั้งนั้น เลยมีคนคิดว่าพวกเธอใจอ่อนแล้วจะรังแกได้”
“แอบทำเรื่องน่าอายแบบนี้ลับหลัง”
สีหน้าของเซี่ยวเยว่ดูไม่ดีเอาเสียเลย
หล่อนอิจฉาที่ครอบครัวเย่กำลังรุ่งเรือง
อีกอย่าง ตอนที่หล่อนเป็นหัวหน้าทีม ก็แค่จัดการเรื่องถางหญ้าอะไรพวกนั้น
แต่พอเย่เสี่ยวจิ่นมาเป็นหัวหน้าทีม เมื่อไม่นานมานี้ก็นำทุกคนทำการต่อกิ่งไม้ผลต่าง ๆ อย่างจริงจัง
แม้แต่ผู้ใหญ่บ้านและเลขาธิการพรรคก็ยังมองเธอด้วยสายตาชื่นชม
เซี่ยวเยว่อิจฉาจนทนไม่ไหว หล่อนไม่สามารถยอมรับได้ที่เย่เสี่ยวจิ่นได้เป็นหัวหน้าทีม ยิ่งไม่สามารถยอมรับได้ที่เธอทำงานได้ดีกว่าตัวเองเสียอีก!
ดังนั้นวันนี้เมื่อเดินผ่านที่ดินของพวกเขา และคิดจะก่อกวน
ไม่คิดว่าเพิ่งถอนไปได้แค่สองต้นก็ถูกจับได้เสียแล้ว
หล่อนพูดเสียงอู้อี้ว่า “พวกเธอก็รังแกฉันสิ ยังไงฉันก็ไม่เคยทำเรื่องแบบนี้”
ซุนหลานฮวาได้ยินแล้วโมโหขึ้นมาทันที “แกหมายความว่าฉันใส่ร้ายแกงั้นเหรอ? ฉันโกหกงั้นสิ?”
เซี่ยวเยว่เงียบไป
ไม่นานหลินเซี่ยงชุนก็มาถึง
พอเห็นลูกสาวของตัวเองถูกจับตัวมาแบบนี้ เธอก็รู้สึกสงสารขึ้นมาทันที “พวกเธอทำอะไรกัน? ปล่อยลูกสาวฉันเดี๋ยวนี้!”
หลินเซี่ยงชุนยืดอกพูด “ลูกเขยของฉันกำลังจะมาแล้ว พวกเธออย่าคิดว่าบ้านเราไม่มีคนนะ!”
เย่เสี่ยวจิ่นเอียงศีรษะ ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ความสามารถในการกลับดำเป็นขาวของครอบครัวพวกคุณนี่ ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงจริง ๆ”
“ฉันไม่สนหรอกว่าลูกเขยของคุณจะเป็นใคร ในเมื่อถอนต้นกล้าของบ้านฉันไปแล้ว ก็ต้องปลูกใหม่ให้ฉัน”
“ไม่อย่างนั้นเราก็ต้องดูกันไป”
หลินเซี่ยงชุนมองลูกสาวที่ดูหวาดหลัว แล้วเม้มปาก “พวกเธอนี่กล่าวหาคนไปเรื่อย!”
“พวกเธอจะดูอะไรก็ดูไป”
“เซี่ยวเยว่ เรากลับกัน!”
เซี่ยวเยว่เดินตามแม่ไป
ซุนหลานฮวายังคงด่าทออยู่ข้างหลัง “คนอะไรกัน ถอนต้นกล้าของคนอื่นแล้วยังทำท่าเหลิง ๆ”
“คนที่ไม่รู้เรื่อง คงคิดว่าพวกเธอเป็นเจ้าหนี้ของเราหรือไง!”
“เก่งตรงไหนกัน ก็แค่อดีตหัวหน้าทีมที่ถูกปลดออกจากตำแหน่ง! ไม่ดูตัวเองบ้างว่าตอนนี้ใครมีอำนาจมากกว่ากัน”
เซี่ยวเยว่รู้สึกเจ็บปวดในใจอีกครั้ง ฝีเท้าของเธอเร่งเร็วขึ้นอีกหลายก้าว
เรื่องที่ถูกปลดออกจากตำแหน่งนั้นเป็นความเจ็บปวดของเธอ
ทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องนี้ มันเหมือนกับการแทงเข้าไปในหัวใจของเธอ
เดินออกไปไกลมาก
หลินเซี่ยงชุนจึงดึงตัวเซี่ยวเยว่ไว้ ขมวดคิ้วถาม “เซี่ยวเยว่ เธอไม่ได้ไปถอนต้นกล้าของคนอื่นจริง ๆ ใช่ไหม?”
เซี่ยวเยว่เม้มปาก สายตาดูดื้อรั้นเล็กน้อย “ฉัน…ฉันแค่ทนไม่ได้ พวกเขาทำตัวเหมือนโอ้อวดแบบนั้น…”
“ตำแหน่งหัวหน้าทีมเป็นของฉันมาตั้งแต่แรก!”
“ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน…เย่เสี่ยวจิ่นจะมีโอกาสได้ตำแหน่งนี้ที่ไหนกัน!”
“เด็กคนนี้ ทำไมเธอถึงทำเรื่องแบบนี้ แถมยังให้คนอื่นเห็นอีก” หลินเซี่ยงชุนถอนหายใจด้วยความโกรธที่เธอไม่รู้จักต่อสู้ “เธอไม่กลัวเหรอว่าคนอื่นจะมาแกล้งเธอ?”
แม้เธอจะรู้ว่าเรื่องนี้เป็นความผิดของเซี่ยวเยว่ แต่ด้วยนิสัยที่ชอบปกป้องลูก ทำให้เธอยังคงยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับเซี่ยวเยว่
“การที่เธอถอนต้นกล้าของพวกเขาออกมาจะมีประโยชน์อะไร? มันไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อพวกเขาหรอก”
“ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป มันจะส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของเธอมากกว่า”
“สิ่งที่เธอทำลงไปนั้น มันไม่ดีเลยจริง ๆ”
เซี่ยวเยว่แค่นเสียงฮึ “พี่สาวและพี่เขยของฉันกำลังจะกลับมาแล้ว!”
“ตอนนั้น พวกตระกูลเย่จะมีอะไรยิ่งใหญ่อีกล่ะ?”
เซี่ยวเยว่นวดข้อมือที่ถูกซุนหลานฮวาดึงจนเจ็บ “ตอนนั้นฉันจะให้พี่เขยช่วยหาทางให้ฉันกลับไปทำงานในตำแหน่งเดิม”
“แล้วก็จะกดดันเย่เสี่ยวจิ่นให้หนักเลย เปิดโปงเรื่องโกหกวิธีการต่อกิ่งอะไรของเธอด้วย…”
“เรื่องการต่อกิ่งอะไรนั่นน่ะ ล้วนแต่เป็นการหลอกลวงทั้งนั้น!”
สามพี่น้องตระกูลเซี่ยว แต่ละคนล้วนสวยงามทั้งนั้น
พี่สาวคนโตออกไปเรียนหนังสือหลายปี ปีนี้จะพาว่าที่เขยกลับบ้านด้วย
เซี่ยวเยว่คือลูกสาวคนที่สอง ส่วนเซี่ยวหรุยหรุ่ยเป็นลูกสาวคนที่สาม อายุยังน้อย
แฟนของเซี่ยวเสวี่ยลูกสาวคนโต เป็นคนมีการศึกษาที่จบมาจากวิทยาลัยอาชีวะ เชี่ยวชาญด้านการเพาะปลูกพืชโดยเฉพาะ
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็เป็นผู้เชี่ยวชาญ ได้รับการปฏิบัติอย่างดีและมีหน้ามีตามาก
ถือว่าเป็นคนเก่งในหมู่คนทั่วไป
หลินเซี่ยงชุนแค่นเสียงฮึ “แม้ว่าพี่เขยของเธอจะเป็นคนมีความรู้ มีตำแหน่งหน้าที่ แต่เขาก็ยังไม่ได้แต่งงานกับพี่สาวของเธอนะ”
“เธออย่าไปรบกวนพี่เขยของเธอมากนัก ถ้าทำให้เขามีความรู้สึกไม่ดีก็แย่นะ”
เธอเตือนอีกว่า “ถ้าบังเอิญส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพี่สาวกับพี่เขย เธอดูสิว่าพี่สาวจะไม่สั่งสอนเธอ!”
เซี่ยวเยว่กลอกตา “ถ้าเขาช่วยฉันแก้แค้นไม่ได้ ฉันก็ไม่อยากยอมรับว่าเขาเป็นพี่เขยหรอก”
“พี่เขยของฉันต้องยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับฉันแน่นอน ไม่งั้นจะเรียกว่าเป็นครอบครัวเดียวกันได้ยังไง?”
“พี่สาวของฉันสวยขนาดนั้น เขาได้เปรียบฟรี ๆ เลยนะ”
“เฮ้อ เธอนี่นะ” หลินเซี่ยงชุนหัวเราะอย่างจนปัญญา “พวกเธอพี่น้องผู้หญิงนี่ คนหนึ่งก็เป็นคนจริงจังกว่าอีกคนนะ!”
เซี่ยวเยว่แค่นเสียงฮึ “พวกเราทุกคนเก่งกาจ จะเป็นคนจริงจังหน่อยมันจะเป็นไรไป?”
“ต่อไปฉันจะไม่แต่งงานกับพวกบ้านนอกที่ทำงานหนักในหมู่บ้านพวกนี้หรอก”
“ฉันก็อยากแต่งงานกับคนที่มีทะเบียนบ้านในเมืองเหมือนกัน”
แม่ลูกคุยกันไปมา ความไม่สบายใจเมื่อครู่ก็ถูกโยนทิ้งไปแล้ว
ในความคิดของพวกเขา แค่ว่าที่ลูกเขยกลับมา
การให้เซี่ยวเยว่กลับเข้ารับตำแหน่งเดิมก็เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นในไม่ช้า
ที่บ้านของเย่เสี่ยวจิ่น
ซุนหลานฮวาบ่นไปยกใหญ่แล้วก็จากไป
เย่เสี่ยวจิ่นกินไข่ ปากก็เคี้ยวตุ้ย ๆ
ช่วงนี้ร่างกายแข็งแรงขึ้นมาก ปริมาณอาหารที่กินก็เพิ่มขึ้นเยอะ
เธอที่แต่เดิมมีรูปร่างผอมบาง ก็กลายเป็นอวบอิ่มขึ้นไม่น้อย
หลี่ชุ่ยชุ่ยถอนหายใจ “เซี่ยวเยว่คนนี้ช่างยากจะเอาใจจริง ๆ ยังไม่ทันทำอะไรเลย เธอก็จองเวรแบบนี้แล้ว”
“แอบไปถอนต้นกล้าลับหลัง ช่างเป็น…”
“เป็นคนที่มีจิตใจชั่วร้าย”
“เรื่องมันวุ่นวายไปหมด” เย่จื้อผิงก็ส่ายหน้าตาม “ดังนั้นฉันถึงบอกว่า ถ้าไม่จำเป็นต้องสร้างศัตรูก็อย่าไปสร้างเลย”
“ถ้าบังเอิญโดนใครจองเวรเข้า สักวันก็ต้องมีปัญหาแน่”
“ก็ไม่ใช่แบบนั้นนะ” เย่เสี่ยวจิ่นเห็นว่าพวกเขากำลังจะเริ่มพูดเรื่องการระงับเหตุอีกแล้ว จึงรีบพูดขึ้นว่า “ที่เธอกล้าทำตัวเหิมเกริมแบบนี้ ก็เพราะคิดว่าพวกเรานิสัยอ่อนแอ ง่ายที่จะรังแก”
“ถ้าเป็นคนอย่างป้าใหญ่ที่ปากจัดแบบนั้น ใครจะกล้าไปหาเรื่องล่ะ?”
หลี่ชุ่ยชุ่ยและเย่จื้อผิงคิดดู ก็เห็นว่าเป็นเหตุผลที่ถูกต้อง
หลี่กุ้ยฮวา เมื่อหล่อนเริ่มดุดัน ไม่มีใครกล้ายุ่งกับหล่อนเลย
หลี่ชุ่ยชุ่ยลังเลพูดว่า “ก็จริงนะ”
เย่เสี่ยวจิ่นพูดพลางจิบน้ำร้อน “ใช่แล้ว พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิด ต้องยืดอกผึ่งผายไว้”
“ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะคิดว่าพวกเราเป็นคนอ่อนแอ!”
หลี่ชุ่ยชุ่ยพยักหน้า “ถูกต้อง จิ่นเป่าพูดถูก”
หล่อนมองไปที่เย่จื้อผิงอย่างหมดปัญญา “นิสัยของพวกเรา ส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้มาตลอดชีวิตแล้ว”
“ถ้าจะให้เปลี่ยนเป็นเหมือนป้าใหญ่ของเธอ มันคงยากมากเลยนะ”
“งั้นก็ค่อย ๆ ทำไปสิคะ” เย่เสี่ยวจิ่นถือแก้วน้ำไว้ “ถ้าคนอื่นรังแก ก็ต้องดุกลับไป”
“พวกเราไม่ก่อเรื่อง แต่ก็ไม่กลัวเรื่อง”
มือน้อย ๆ ของเย่เสี่ยวจิ่นตบลงบนโต๊ะ “ตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป ทุกคนในครอบครัวของเราต้องเปลี่ยน!”
“ไม่ใช่แค่พ่อกับแม่เท่านั้น แต่รวมถึงพี่สามด้วย”
เธอขมวดคิ้วน้อย ๆ พูดอย่างจริงจังว่า “ฉันไม่อนุญาตให้ใครในครอบครัวของเรายอมจำนนต่อชะตากรรมอีกต่อไป”
เย่จื้อผิงยกมือลูบหัวเย่เสี่ยวจิ่น “จิ่นเป่าของเราพูดได้ดีมาก นี่แหละคือหลักการที่ถูกต้อง”
“พวกเราทุกคนจะเปลี่ยนแปลง พยายามปรับปรุงตัวเอง!”
หลี่ชุ่ยชุ่ยก็ยิ้มออกมา รู้สึกว่าตัวเองคงเปลี่ยนแปลงได้ยาก
เย่เสี่ยวจิ่นยิ้มอย่างพอใจ “งั้นทุกคนต้องจำไว้นะคะ”
“ครั้งหน้าถ้าเซี่ยวเยว่กล้ารังแกพวกคุณอีก ก็ให้สั่งสอนเธอเสียบ้าง”
“ทำแบบนี้สักสองสามครั้ง เธอก็จะไม่กล้ารังแกพวกคุณอีก”
เย่เสี่ยวจิ่นกินอาหารเสร็จแล้ว ก็ไปสวนผลไม้กับพ่อ
ขาของเย่จื้อผิงฟื้นตัวได้ดีมากในช่วงนี้ อาหารการกินในบ้านก็ดีขึ้น เขาก็ไม่ได้ผอมจนดูเหมือนคนแห้งเหี่ยวอีกต่อไป
แม้จะยังดูผอมบาง แต่อย่างน้อยก็ดูมีเนื้อมีหนังขึ้นมาบ้างแล้ว
คนในสวนผลไม้เห็นพวกเขาทั้งสองคนก็ทักทายอย่างกระตือรือร้น
“จิ่นเป่า จื้อผิง พวกเธอมาแล้วเหรอ”
“วันนี้หัวหน้าทีมเย่ดูอารมณ์ดีมากนะ”
“จิ่นเป่า เธอจะมาสอนอะไรพวกเราเหรอ”
เย่เสี่ยวจิ่นยิ้มพลางโบกมือ “ฉันไม่มีอะไรจะสอนหรอก ทุกคนเก่งมากอยู่แล้ว ต่อไปพวกคุณต้องสอนฉันแทน”
ทุกคนหัวเราะขึ้นมา แม้จะเป็นการพูดเล่น
แต่ทุกคนก็รู้สึกเชื่อถือเย่เสี่ยวจิ่นอย่างประหลาด
เย่เสี่ยวจิ่นรู้อะไรหลายอย่าง ทั้งเขียนหนังสือและคิดเลขก็เก่ง
ปกติก็อยู่กับผู้ใหญ่บ้านและเลขาฯ ด้วย
เป็นคนที่มีความสามารถและเข้ากับคนอื่นได้ดี ทุกคนชอบเธอมาก
เย่จู๋มองดูเย่เสี่ยวจิ่นที่กำลังเข้ากับทุกคนได้อย่างกลมกลืนในหมู่คน ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความอิจฉา
แม้จะเป็นเด็กเหมือนกัน แต่คนอื่นสั่งให้เธอทำงานอย่างระมัดระวัง
ส่วนเย่เสี่ยวจิ่นกลับได้รับคำชมไม่ขาดปาก
เธอพึมพำเบา ๆ “มีความรู้ช่างดีจริง ๆ ฉันอยากไปเรียนหนังสือจัง ฮือ…”