ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 71 ญาติพี่น้องมาแสดงความยินดีกันทั้งหมด (รีไรต์)
- Home
- All Mangas
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 71 ญาติพี่น้องมาแสดงความยินดีกันทั้งหมด (รีไรต์)
บทที่ 71 ญาติพี่น้องมาแสดงความยินดีกันทั้งหมด (รีไรต์)
บทที่ 71 ญาติพี่น้องมาแสดงความยินดีกันทั้งหมด (รีไรต์)
เซี่ยวเยว่ได้ยินเย่เสี่ยวจิ่นเอ่ยชื่อตนเองอย่างชัดเจน
ทันใดนั้น สีหน้าของหล่อนก็ดำมืดลงทันที
เดิมทีเซี่ยวเยว่ก็เป็นคนคับแคบอยู่แล้ว ชอบขัดขาคนอื่น
ตอนนี้เสียตำแหน่งหัวหน้าทีมไป จึงบ่นว่าฟ้าบ่นว่าดินทุกวัน เกลียดที่ความสามารถของตัวเองไม่ได้รับการแสดงออก
เมื่อวาน เมื่อได้ยินข่าวว่าเย่เสี่ยวจิ่นได้เป็นหัวหน้าทีม หล่อนก็อิจฉาจนนอนไม่หลับทั้งคืน
ตอนนี้…ยังจะต้องถูกเยาะเย้ยอีก?!
“เย่เสี่ยวจิ่น เธอพูดอีกคำ เชื่อไหมว่าฉันจะฉีกปากเธอ!”
เย่เสี่ยวจิ่นมองดูเซี่ยวเยว่ที่โกรธจนหน้าแดง “คุณลองดูสิ”
“ตอนนี้หนูก็เป็นหัวหน้าทีมแล้ว ผู้ใหญ่บ้านและคนอื่น ๆ กำลังรอให้หนูสอนวิธีการใหม่ ๆ ให้ทุกคนอยู่”
“ถ้าคุณจะทำอะไรกับหนู หนูก็ไม่สนหรอกนะ”
เย่เสี่ยวจิ่นยักไหล่ ทำท่าทางอ่อนแอน่ารักน่าแกล้ง
เซี่ยวเยว่แค่พูดเล่น ๆ ไม่กล้าลงมือจริง ๆ หรอก
ตอนนี้เย่เสี่ยวจิ่นเป็นหัวหน้าทีม ส่วนหล่อนเป็นคนผิด… ถ้าลงมือจริง ๆ หล่อนก็จะโดนด่าอีก
“เธอเป็นหัวหน้าทีม อย่าเพิ่งดีใจเร็วนัก”
เย่เสี่ยวจิ่นพยักหน้า “อ๋อ ใช่ ๆ ๆ แน่นอนว่าไม่ควรดีใจนะ”
“หนูไม่เหมือนคุณหรอกนะ”
หลินเซี่ยงชุนเห็นลูกสาวโมโห รีบออกมาพูด “หลี่ชุ่ยชุ่ย เธอรีบจัดการลูกสาวเธอหน่อยสิ”
“เรื่องราวในโลกนี้ มันหมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ”
“ไม่จำเป็นต้องดีใจเร็วขนาดนั้นหรอก ต่อไปจะเป็นยังไงก็ยังไม่รู้เลย”
หลี่ชุ่ยชุ่ยที่อยู่ข้าง ๆ เห็นเซี่ยวเยว่เสียหน้า รู้สึกสบายใจมาก
แต่ก่อนหล่อนมักจะถูกด่าบ่อย ๆ โดนเซี่ยวเยว่ระบายอารมณ์ใส่
แม้หล่อนจะเป็นคนใจเย็น แต่ในใจก็รู้สึกเจ็บปวด
เย่เสี่ยวจิ่นเอ่ยปากขึ้นก่อน “ใช่แล้ว โชคชะตาหมุนเวียนเปลี่ยนไปก็ไม่ผิดอะไรนี่”
“ไม่งั้นทำไมตอนนี้หนูถึงได้เป็นหัวหน้าทีม ส่วนลูกสาวคุณถูกปลดออกล่ะ?”
“นี่ก็คือ…การหมุนเวียนจนถึงที่สุดไงล่ะ”
เย่เสี่ยวจิ่นยิ้มหวาน พูดเสียงอ้อน ๆ “ต่อไปถ้ายังกล้ารังแกแม่ของหนู ระวังให้ดีเถอะ”
เธอดูน่ารักมาก พูดจาก็ไพเราะ
แต่เนื้อหาที่พูดออกมานั้น ช่างไม่สุภาพเอาเสียเลย
หลี่ชุ่ยชุ่ยมองเย่เสี่ยวจิ่นอย่างตกตะลึง
หรือว่า จิ่นเป่าตั้งใจมาที่นี่เพื่อหาเรื่อง…เพื่อระบายความโกรธให้หล่อน?
ใบหน้าของเซี่ยวเยว่แดงก่ำ เมื่อเห็นเย่เสี่ยวจิ่นยืนเท้าเอวแบบนั้น หล่อนโกรธจนขอบตาเริ่มร้อนผ่าว
หลินเซี่ยงชุนกลัวจะเกิดเรื่อง รีบลากเซี่ยวเยว่ออกไปทันที
คนอื่น ๆ ต่างมองดูเงาร่างที่หนีหายไปอย่างหวาดกลัวด้วยความเย็นชา
ก่อนหน้านี้ เซี่ยวเยว่นิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนอื่น เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้กันดี
“จิ่นเป่า งั้นพวกเธอทำงานต่อเถอะ พวกเราก็จะไปทำงานแล้ว”
เย่เสี่ยวจิ่นโบกมือไล่
หลี่ชุ่ยชุ่ยนั่งยอง ๆ ลง “จิ่นเป่า ลูกคนนี้นะ”
“แม่ หนูรู้ว่าแต่ก่อนแม่มักจะถูกรังแกเสมอ” เย่เสี่ยวจิ่นพึมพำ “นิสัยแบบนี้ของแม่ ก็ต้องแก้ไขบ้างนะ”
“พ่อกับพี่ชายก็เหมือนกัน พวกคุณใจดีเกินไปแล้ว”
“นิสัยอ่อนโยนเกินไปจะถูกรังแก”
หลี่ชุ่ยชุ่ยพยักหน้า “แม่เข้าใจแล้ว จิ่นเป่าพูดถูก”
เย่เสี่ยวจิ่นยิ้มออกมา
อีกด้านหนึ่ง
เซี่ยวเยว่เดินอย่างโกรธเกรี้ยวเข้าไปในภูเขา
หล่อนทิ้งตัวลงนั่งบนคันนา แล้วร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
ตั้งแต่ได้เป็นหัวหน้าทีมมา ไม่เคยถูกดูถูกแบบนี้มาก่อนเลย…
“เซี่ยวเยว่ แกไปโกรธเคืองอะไรกับเด็กคนนั้นล่ะ”
“ตอนนี้เย่เสี่ยวจิ่นเป็นหัวหน้าทีม แถมยังเป็นเด็กที่ไม่รู้หนักเบา”
“แกไปโกรธเธอ แต่ที่จริงแล้วแกกำลังทำร้ายตัวเองนะ”
เซี่ยวเยว่มองหน้าหลินเซี่ยงชุน แล้วพูดพร้อมกับสะอื้น “ฉันไม่เคยรังแกแม่ของเธอเลยนะ แต่ทำไมเธอถึงได้จงใจกลั่นแกล้งฉันขนาดนี้!”
“แค่ได้เป็นหัวหน้าทีมบ้า ๆ นั่น จะภูมิใจไปถึงไหนกัน?”
“ก่อนหน้านี้ฉันก็ไม่เคยหยิ่งผยองขนาดนั้น นี่มันคนเล็ก ๆ ได้ดิบได้ดีชัด ๆ!”
หลินเซี่ยงชุนคิดในใจว่า เย่เสี่ยวจิ่นก็แค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้นเอง
“โธ่ เธอจะรู้อะไร ก็แค่เด็กสามขวบเท่านั้นเอง”
“ดูท่าทางแบบนี้ เธอคงเป็นหัวหน้าทีมได้ไม่นานหรอก”
“แกรอดูไปเถอะ ถ้าเธอทำงานไม่ได้ดี สุดท้ายตำแหน่งหัวหน้าทีมก็ต้องกลับมาหาแกอยู่ดี ไม่ใช่เหรอ?”
“เด็กโง่ ร้องไห้ไปทำไมกัน”
เซี่ยวเยว่คิดดู ก็เห็นว่ามีเหตุผล แต่ในใจหล่อนก็ยังรู้สึกอับอายอยู่ดี
คนที่เคยก้มหัวให้ตัวเองอย่างหลี่ชุ่ยชุ่ย ตอนนี้กลับมาได้ดิบได้ดีเสียแล้ว
หล่อนจะไม่สนใจได้อย่างไร?
“ฉันจะรอดู รอดูความน่าขันของพวกเขา”
“รอให้เย่เสี่ยวจิ่นถูกปลดออกจากตำแหน่ง ตอนนั้นฉันจะต้องเยาะเย้ยเธออย่างสาสม!”
หลินเซี่ยงชุนพยักหน้า “ใช่แล้ว มันต้องเกิดขึ้นสักวัน”
คนอื่น ๆ ที่อยู่ข้าง ๆ ไม่ยอมเอาใจพวกเขา
ซุนหลานฮวาแกล้งพูดว่า “มีเวลามาร้องไห้ตรงนี้ ทำไมไม่รีบไปทำงานล่ะ?”
“เซี่ยวเยว่ เธอนี่แหละชอบขี้เกียจที่สุด”
“ตอนนี้เธอไม่ใช่หัวหน้าทีมแล้วนะ อย่าทำงานแบบนี้… พวกเราไม่อยากช่วยทำงานส่วนของเธอหรอก”
เซี่ยวเยว่ไม่พอใจ “เธอไม่เห็นเหรอว่าฉันไม่สบาย? ฉันแค่นั่งพักเดี๋ยวเดียว เธอจะบอกว่าใครขี้เกียจกันแน่?”
“พูดถึงใครล่ะถ้าไม่ใช่เธอ?” ซุนหลานฮวาแค่นเสียง “รีบทำงานเร็วเข้า ไม่งั้นพวกเราจะบอกหัวหน้าทีมว่าเธอขี้เกียจ!”
เซี่ยวเยว่โกรธจนตัวสั่น มือก็สั่นไปด้วย
ดีละ อย่าให้หล่อนได้พลิกสถานการณ์เชียว ถ้าหล่อนได้พลิกสถานการณ์ คนแรกที่หล่อนจะจัดการคือซุนหลานฮวา!
เย่เสี่ยวจิ่นและหลี่ชุ่ยชุ่ยทำงานเสร็จแล้วกลับบ้าน
ยังเหลือเวลาอีกมาก
หลี่ชุ่ยชุ่ยเก็บจอบ แล้วตักน้ำหนึ่งชามมาดื่ม
“ในที่สุดพวกเธอก็กลับมา” เสียงของหลิวต้าเม่ยดังขึ้น
หลี่ชุ่ยชุ่ยตกใจ หันไปมองเห็นประตูครัวเปิดอยู่
ข้างในมีหลิวต้าเม่ยและหลี่กุ้ยฮวาอยู่
พอมองดี ๆ ก็เห็นว่ามีญาติในหมู่บ้านอีกหลายคน
เย่จื้อผิงนั่งอยู่ข้างใน สีหน้าเต็มไปด้วยความจนใจและกลุ้มใจ
หลี่ชุ่ยชุ่ยถามอย่างสงสัย “นี่… นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
ลู่ชุ่ยฮวารีบคว้าแขนหลี่ชุ่ยชุ่ยไว้ ยิ้มอย่างเป็นมิตรสุด ๆ “โอ้ ชุ่ยชุ่ย เธอกลับมาแล้วนี่เอง”
“ลูกสาวของเธอ จิ่นเป่า ตอนนี้ได้เป็นหัวหน้าทีมแล้ว พวกเรามาร่วมแสดงความยินดีกันน่ะ”
เธอหันไปยิ้มให้เย่เสี่ยวจิ่นอย่างเป็นมิตร “จิ่นเป่า ฉันบอกแล้วไงว่าเด็กคนนี้ ตั้งแต่เล็กหมอดูก็บอกแล้วว่า…”
“ตอนที่เธอเกิดมา มีนกกางเขนมากมายมาร้องแสดงความยินดีอยู่นอกบ้านเชียวนะ”
“ต้องเป็นเด็กที่มีชะตาชีวิตที่ดีแน่ ๆ!”
เย่เสี่ยวจิ่นยังจำลู่ชุ่ยฮวาคนนี้ได้ เธอเป็นญาติจากหมู่บ้านข้าง ๆ
ครั้งล่าสุดในงานเลี้ยงฉลองการสอบเข้าเรียนต่อของเย่เหวินชาง เธอประจบสอพลออย่างหนัก พูดจาเหน็บแนมดูถูกครอบครัวของพวกเขา
ก่อนหน้านี้คนกลุ่มนี้เคยดูถูกพวกเขาราวกับเป็นตัวตลก
ตอนนี้กลับมาบอกว่าเป็นญาติที่ดีงั้นเหรอ?
เย่เสี่ยวจิ่นหัวเราะ
เธอแกล้งทำเป็นสงสัยพึมพำว่า “หมอดูคนนั้นเก่งจริง ๆ คราวที่แล้วพวกคุณไม่ได้บอกหรอกเหรอว่า หมอดูบอกว่าหนูเป็นดวงซวยน่ะ?”
“หรือว่าหมอดูทั้งหลายไม่น่าเชื่อถือขนาดนั้น?”
“นั่นเป็นเพราะคราวก่อนทำนายผิดน่ะ!” หลิวต้าเม่ยรีบพูด “ยายตาบอดคนนั้น ไม่แปลกหรอกที่เป็นคนตาบอด”
“ดูดวงไม่แม่นเลยสักนิด ทำให้พวกเราเข้าใจผิดเกี่ยวกับเธอมากมาย”
“นี่ไง วันนี้ฉันกับปู่ของเธอ ตั้งใจฝากคนไปซื้อเนื้อหมูมาสองจินเชียวนะ”
หลิวต้าเม่ยชี้ไปที่เนื้อหมูบนโต๊ะ “ตอนนี้เธอเป็นหัวหน้าทีม เหนื่อยมากเลย ต้องกินเนื้อเยอะ ๆ เพื่อบำรุงร่างกายนะ”
หลิวต้าเม่ยจับมือเย่เสี่ยวจิ่น ราวกับว่ากำลังมองดูสมบัติล้ำค่าของครอบครัวจริง ๆ
“ต่อไปนี้หน้าตาของครอบครัวเรา ก็ต้องพึ่งพวกเธอแล้วนะ”
“ปู่ย่าก็จะดีกับเธอเหมือนกับที่ดีกับเหวินชางเลยละ”
หลี่กุ้ยฮวายิ้มแย้มแต่ไม่ถึงดวงตา “ใช่แล้ว จิ่นเป่า เธอได้เป็นหัวหน้าทีม”
“พวกเราทั้งครอบครัวต่างก็ดีใจมาก เราเป็นครอบครัวเดียวกันนี่นา”
“ฉันเคยบอกไว้แล้วว่าเธอจะประสบความสำเร็จ พวกเราก็พลอยได้หน้าไปด้วย”
“ฉันสั่งให้ลุงใหญ่ของเธอส่งข้าวมาให้ 100 จิน เพื่อแสดงความยินดีกับพวกเธอด้วย”
เย่เสี่ยวจิ่นเห็นว่าพวกเขาเอาของมาให้จริง ๆ
เธอกลอกตาไปมา แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีไม่พอใจออกมาตรง ๆ
ในใจเธอรู้ดีว่า ถ้าไม่ได้เป็นหัวหน้าทีม พวกเขาคงไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้ เป็นเวลาที่ต้องยืนหยัดอย่างสง่างามแล้ว
“ใช่แล้ว เราก็เป็นครอบครัวเดียวกันนี่นา”
“แม่คะ วันนี้พวกเรานั่งคุยกับญาติ ๆ กันดีกว่า”
“ส่วนเรื่องทำอาหาร ก็ขอฝากย่ากับป้าใหญ่แล้วกันนะคะ”
หลี่กุ้ยฮวายิ้มค้าง ไม่คิดว่าเด็กนี่จะกล้าพูดขนาดนี้!