ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 7 ภารกิจสร้างเล้าไก่ (รีไรต์)
- Home
- All Mangas
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 7 ภารกิจสร้างเล้าไก่ (รีไรต์)
บทที่ 7 ภารกิจสร้างเล้าไก่ (รีไรต์)
บทที่ 7 ภารกิจสร้างเล้าไก่ (รีไรต์)
“แม่จ๋า พวกเราทำสวนเล็ก ๆ ให้แม่ไก่อยู่กันเถอะ”
หลี่ชุ่ยชุ่ยพบผักกาดป่า จึงก้มหน้าก้มตาเก็บ
หล่อนสงสัยเล็กน้อย “ทำไมต้องสร้างสวนเล็ก ๆ ให้ไก่ด้วยจิ่นเป่า พวกเรามีไก่แค่สองตัวเองนะ”
“หรือว่าลูกคิดเรื่องสนุก ๆ ได้อีกล่ะ”
หลี่ชุ่ยชุ่ยรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เอื้อมมือไปบีบแก้มของเย่เสี่ยวจินเบา ๆ ดูเหมือนว่าหล่อนจะเริ่มชินกับความเฉลียวฉลาดของลูกสาวตัวเองแล้ว
“ไม่ใช่นะ หนูเก็บไข่ไว้สี่ฟอง มันเอาไปฟักเป็นลูกเจี๊ยบได้ แล้วไข่ฟองอื่น ๆ ก็ฟักเป็นลูกเจี๊ยบได้อีก…”
“แบบนี้ ไม่นานพวกเราก็จะมีลูกเจี๊ยบเยอะแยะ ต้องมีที่ใหญ่ ๆ ถึงจะพอเลี้ยงได้”
คราวนี้หลี่ชุ่ยชุ่ยถึงกับหลุดขำออกมา
เย่เสี่ยวจินไม่เข้าใจ “ไม่ได้เหรอจ๊ะ”
“ไก่บ้านเราเป็นลูกเจี๊ยบไม่ได้หรอก เพราะมันเป็นไข่ที่แม่ไก่ไข่เอง เอามากินได้อย่างเดียว”
“ต้องเป็นไข่ที่แม่ไก่ผสมพันธุ์กับพ่อไก่ ถึงจะฟักเป็นลูกเจี๊ยบได้”
เย่เสี่ยวจิ่นนึกถึงความรู้วิทยาศาสตร์ที่เคยเรียนตอนประถม
ไข่ที่ไม่ได้รับการปฏิสนธิ จะไม่สามารถฟักเป็นตัวได้…
ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจ “ใช่แล้ว ต้องไปขอยืมพ่อไก่มาผสมพันธุ์”
“จิ่นเป่า ไม่มีใครเคยบอกเรื่องนี้กับหนูเลย หนูรู้ได้ยังไง?”
เย่เสี่ยวจิ่นรีบพูดคำแก้ตัวที่ใช้หลอกคนอื่นออกมา “เพราะหนูเป็นเทพเจ้าแห่งวรรณกรรมไง หนูรู้ทุกเรื่องเลย”
ทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างมีความสุข ไม่นานก็เก็บผักเต็มตะกร้า
เย่เสี่ยวจิ่นมองผักป่าในตะกร้า ใบสีเขียวมรกต ดูอ่อนนุ่มน่าทาน
แต่เด็กน้อยไม่เคยกินมาก่อน
หลี่ชุ่ยชุ่ยเป็นคนขยันขันแข็ง พอกลับถึงบ้านก็ก่อไฟหุงข้าวในหม้อใบใหญ่ จากนั้นก็ต้มน้ำร้อนอีกหม้อหนึ่ง ใส่ผักลงไป เติมเกลือเล็กน้อย แล้วลวกให้สุก
เธอทำอย่างคล่องแคล่ว ตักผักขึ้นมาแช่น้ำเย็น จากนั้นก็ตอกไข่สองฟองลงในชาม ตีให้เข้ากัน
ใส่เกลือลงไป แล้วใช้น้ำมันเล็กน้อยผัดให้หอม
เย่เสี่ยวจิ่นท้องร้อง กลิ่นหอมเย้ายวนน้ำลาย จนแทบอดใจไม่ไหว
“จิ่นเป่า ลองชิมดูสิ” หลี่ชุ่ยชุ่ยหยิบข้าวตังมาหนึ่งก้อน
ข้าวตังหอมมาก แต่เด็กน้อยเคี้ยวไม่ไหว
“อร่อย แต่หนูเคี้ยวไม่ไหว” เด็กน้อยพูดอย่างจนใจ
ดูเหมือนฟันของเด็กสามขวบจะยังไม่ค่อยแข็งแรง
“งั้นจิ่นเป่ากินข้าวต้มอ่อน ๆ ไปก่อนนะ” หลี่ชุ่ยชุ่ยยิ้มแล้วข้าวตัง จากนั้นก็ตักข้าวที่นิ่มที่สุดให้ลูกสาว
ผัดผักใส่ไข่อร่อยกว่าที่เย่เสี่ยวจิ่นคิดไว้มาก
ผักกาดป่าไม่ได้ขมอย่างที่คิด แต่กลับมีรสหวานกรอบ ผสานกับกลิ่นหอมของไข่ รสชาติเข้มข้น กินกับข้าวสวยร้อน ๆ อร่อยอย่าบอกใคร
หลังจากกินข้าวไปหนึ่งชาม เธอก็อิ่มแล้ว จึงลูบท้องกลม ๆ ของตัวเองเบา ๆ หาวออกมาหนึ่งที แล้วปีนขึ้นไปนอนบนเตียง
หลี่ชุ่ยชุ่ยมองใบหน้าตอนนอนหลับของลูกสาวด้วยความรัก เธอถือเสื้อผ้าที่เย่เสี่ยวจินเปลี่ยนตอนกลางวันไปซักที่ริมน้ำ หลังจากทำงานบ้านเสร็จ เธอจึงเข้านอน
เช้าตรู่ หลี่ชุ่ยชุ่ยทำอาหารเช้าเสร็จ ก็รีบไปทำงานที่ฟาร์มไก่
เย่เสี่ยวจิ่นตื่นขึ้นหลังดวงอาทิตย์ขึ้นสูง ถึงตื่นขึ้นมา มองดูผ้าห่มลายดอกไม้ บ้านทรุดโทรม ในใจยังคงรู้สึกเหมือนฝันอยู่สองสามวินาที
“ยังไม่ได้ทำภารกิจประจำวันเลย”
ภารกิจเสริมสร้างความสัมพันธ์ประจำวัน จะทำอันไหนก็ได้ทั้งนั้น
สำหรับเย่เสี่ยวจิ่นแล้ว ภารกิจที่ว่านี้ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
แต่เธอก็ค้นพบเช่นกันว่า เหตุที่ภารกิจเสริมสร้างความสัมพันธ์นั้นง่ายมาก ก็เพราะระดับรางวัลมันต่ำเกินไป
ส่วนภารกิจสุ่มก็มีเงื่อนไขในการเปิดใช้งาน ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าคืออะไร
ระบบจะปล่อยภารกิจปลูกผักผลไม้เป็นครั้งคราว รางวัลของส่วนนี้ชัดเจนกว่ามาก
เย่เสี่ยวจิ่นลูบผมตัวเอง พลางครุ่นคิด “วันนี้ไปตัดต้นไผ่มาดีกว่า จะได้สร้างเล้าไก่ให้ใหญ่ ๆ”
“ถึงตอนนี้จะมีแค่สองตัว แต่อนาคตต้องมีเพิ่มอีกเยอะแน่”
เย่เสี่ยวจิ่นหยิบตะกร้าใบเล็ก เดินไปหลังบ้านเพื่อเก็บไข่ไก่สิบฟองก่อน
จากนั้นก็เอาอาหารไก่เพิ่มผลผลิตให้แม่ไก่กิน
“ กุ๊กๆๆ”
แม่ไก่สองตัวเดินไปเดินมาใต้ต้นไม้ บางครั้งก็จิกกินใบไม้ บางครั้งก็จิกกินสมุนไพร
เย่เสี่ยวจิ่นพูดอย่างจริงจังว่า “ต่อไปนี้ฉันต้องพึ่งพาพวกแกแล้ว พยายามเข้านะ”
เธอเก็บไข่เอาไว้ในบ้าน จากนั้นใจก็อยากจะไปตัดต้นไผ่ แต่แขนเล็กขาเล็ก พยายามจะหยิบเคียวที่แม่แขวนไว้ไปตัดต้นไผ่ กลับพบว่าแม้แต่เอื้อมมือไปก็ยังไม่ถึง!
เย่เสี่ยวจิ่น “…”
อยากจะพยายามด้วยตัวเองแท้ ๆ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับความจริง ร่างกายเล็ก ๆ แบบนี้คงทำอะไรไม่ได้มาก
รอจนถึงเที่ยงกว่าแม่จะกลับมา เย่เสี่ยวจิ่นอุ่นอาหาร และกินข้าวเที่ยงพร้อมแม่
ติ๊ง!
[ทำอาหารให้แม่เสร็จสิ้น ยินดีด้วยกับโฮสต์ที่ทำภารกิจเสริมสร้างความสัมพันธ์ประจำวันสำเร็จ]
เย่เสี่ยวจินออดอ้อนขอให้แม่พาไปตัดต้นไผ่
ถึงแม้ว่าหลี่ชุ่ยชุ่ยจะรู้สึกกังวลใจ แต่ก็ทนต่อลูกอ้อนของลูกสาวตัวน้อยไม่ได้
หลี่ชุ่ยชุ่ยหยิบเคียวแล้วออกไปตัดต้นไผ่
เย่เสี่ยวจินเดินตามหลังแม่ไปติด ๆ
เธอคำนวณดูแล้ว เมื่อเทียบกับการใช้ต้นไผ่ต้นใหญ่ ต้นไผ่เล็ก ๆ ริมแม่น้ำจะต้องใช้ลำไผ่จำนวนมากกว่า
หลี่ชุ่ยชุ่ยยุ่งอยู่กับการตัดต้นไผ่ทั้งเช้า ตอนเที่ยงก็ไม่ได้พัก บ่ายนี้ยังต้องไปทำงานที่ฟาร์มไก่ต่ออีก
แต่ในที่สุดหล่อนก็ได้วัสดุมาแล้ว
ทางด้านเย่เสี่ยวจินซึ่งอยู่บ้าน เธอกำลังใช้จอบเล็ก ๆ ถางพื้นที่บริเวณต้นสาลี่ที่ตายแล้วข้างบ้านอยู่
เด็กน้อยใช้เวลาทั้งบ่ายไปกับการถางวัชพืช เหนื่อยจนแทบหมดแรง
“การทำงานนี่มันไม่ง่ายเลย ถ้าพี่ชายกับพ่ออยู่บ้าน ก็คงจะสบายกว่านี้เยอะ”
เย่เสี่ยวจิ่นถอนหายใจ ก่อนพบว่าจวนจะถึงเวลาแม่กลับมาแล้ว จึงหันไปซาวข้าวหุงข้าวแทน
เธอฉลาด เรียนรู้อะไรก็เร็ว แม้จะยังควบคุมการหุงข้าวด้วยเตาฟืนไม่ค่อยได้ แต่ก็พอจะทำได้แม้จะติดขัดอยู่บ้างก็ตาม
“หลี่ชุ่ยชุ่ย นังหน้าด้าน!”
เซี่ยวเยว่เห็นควันลอยโขมงจากบ้านหลังนี้ ก็รีบเข้ามาหาเรื่องหลี่ชุ่ยชุ่ยทันที
“มิน่าล่ะ ถึงได้แกล้งอู้งานที่สวนผลไม้ของฉันทุกวัน ที่แท้แกไปเข้าหาผู้ใหญ่บ้านจนได้ไปทำงานที่ฟาร์มไก่แล้วสินะ!”
“ยังจะมีหน้ามาทำเป็นใสซื่อต่อหน้าฉันอีก ทำให้ฉันกลายเป็นคนผิดไปได้!”
เซี่ยวเยว่มองไปรอบ ๆ ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของหลี่ชุ่ยชุ่ย มีเพียงเด็กหญิงวัยสามขวบที่กำลังปีนเก้าอี้กรอกข้าวลงหม้ออยู่เท่านั้น
เย่เสี่ยวจิ่นมองภาพเบื้องหน้าด้วยความสับสน
“มองอะไร! แม่แกอยู่ไหน!”
เซี่ยวเยว่มาเพื่อจะไล่หลี่ชุ่ยชุ่ยออก จึงวิ่งไปหลายบ้านเพื่อขอเสียงสนับสนุน วันนี้หล่อนตั้งใจจะไปหาผู้ใหญ่บ้านเพื่อให้ตัดชื่อหลี่ชุ่ยชุ่ยออก
แต่ไม่คิดเลยว่าผู้ใหญ่บ้านกลับบอกว่าหลี่ชุ่ยชุ่ยถูกย้ายไปทำงานที่ฟาร์มไก่แล้ว
พอได้ยินแบบนั้น หล่อนพลันรู้สึกเหมือนถูกตบหน้า
ใช้หัวแม่โป้งคิดก็รู้ได้ทันทีว่าเมื่อวานหลี่ชุ่ยชุ่ยต้องรู้แน่ ๆ ว่าจะถูกไล่ออก
เลยแกล้งทำเป็นน่าสงสาร ไปหาผู้ใหญ่บ้านตอนกลางคืน แล้วก็พูดใส่ร้ายหล่อน
ผู้ใหญ่บ้านก็คงจะเชื่ออย่างง่ายดาย เลยให้หลี่ชุ่ยชุ่ยไปทำงานที่สบายกว่า
แล้วถ้าหลี่ชุ่ยชุ่ยไปทำแบบนั้นจริง หลังจากนี้ผู้ใหญ่บ้านจะมองหล่อนยังไง?
คิดว่าหล่อนกลั่นแกล้งหลี่ชุ่ยชุ่ยงั้นเหรอ?
เซี่ยวเยว่คิดถึงเรื่องนี้ก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ พูดจาเหน็บแนมว่า “ทำอาหารไปทำไม แม่แกน่ะหน้าด้าน ตอนนี้ยังไม่กลับบ้านอีก”
“ฮึ่ม ๆ ป่านนี้คงไปหาผู้ใหญ่บ้านอีกละสิ สมแล้วที่เป็นนังสารเลว!”
“ฉวยโอกาสที่สามีไม่อยู่บ้าน หันไปทำเรื่องน่าอับอายกับบ้านคนอื่น!”
………………………………………………………………………………………………………………………..