ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 66 เลือกหัวหน้าทีม (รีไรต์)
- Home
- All Mangas
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 66 เลือกหัวหน้าทีม (รีไรต์)
บทที่ 66 เลือกหัวหน้าทีม (รีไรต์)
บทที่ 66 เลือกหัวหน้าทีม (รีไรต์)
วันจันทร์
แต่เช้าตรู่ หลี่ชุ่ยชุ่ยก็ตื่นขึ้นมาทำอาหาร
ผักกูดและผักดองทำเสร็จตากแห้งแล้ว
หล่อนใช้พริกแดงผัดกับผักดอง แล้วยังมีข้าวตัง หอมน่ากินมาก
เย่หวายกินไข่เสร็จแล้ว เตรียมตัวไปโรงเรียน
“เสี่ยวหวาย อย่าลืมเอาอาหารกลางวันไปด้วยนะ” หลี่ชุ่ยชุ่ยหยิบปิ่นโตเคลือบ ใส่ข้าว ผักดอง และข้าวตัง
ปิ่นโตใส่ไว้ในถุงผ้า
หล่อนอัดข้าวให้แน่น
เด็ก ๆ กำลังอยู่ในช่วงเติบโต ถ้ากินอาหารไม่มีสารอาหารเพียงพอ
ก็จะเป็นเหมือนเย่จื้อผิง กลายเป็นคนผอมแห้งและตัวเตี้ย
“รีบเอาไปสิ ถ้ากินไม่อิ่มก็บอกแม่นะ”
“คราวหน้าแม่จะต้มไข่ให้เอาไปกินเพิ่มอีก”
“ข้าวเยอะขนาดนี้ ต้องพอกินแน่ ๆ” เย่หวายรับถุงผ้ามา “แม่ครับ งั้นผมไปโรงเรียนก่อนนะ”
“หยางลี่ลี่กับพี่ชายของเธอ หยางจิ่น กำลังรอผมอยู่”
“ได้ รีบไปเถอะลูก” หลี่ชุ่ยชุ่ยเตือนอีกว่า “เย็นนี้กลับบ้านเร็ว ๆ หน่อยนะ คืนนี้จิ่นเป่าจะไปเลือกหัวหน้าทีม”
เย่หวายพยักหน้า “เรื่องสำคัญขนาดนี้ ผมจำได้แน่นอนครับ”
พูดจบ เย่หวายก็ถือของวิ่งเหยาะ ๆ ไปโรงเรียนทันที
เย่เสี่ยวจิ่นตื่นขึ้นมา ได้กลิ่นหอม ๆ ทั้งหอมทั้งฉุน
เธอล้างหน้าแปรงฟันเสร็จแล้ว ก็ขยี้จมูก
เมื่อมาถึงหน้าโต๊ะอาหาร เธอเห็นผักกูดดองเค็มที่ทำกับพ่อเมื่อสองวันก่อน
“ผักกูดดองเค็มนี่ส่งกลิ่นหอมจังเลย” เธอถูมือน้อย ๆ “ดูน่าจะกินกับข้าวได้อร่อยด้วย”
หลี่ชุ่ยชุ่ยส่งชามข้าวให้เธอ “งั้นลูกลองชิมดูเร็ว มันอร่อยจริง ๆ นะ”
“กินกับข้าวได้ก็กินเยอะ ๆ หน่อย จะได้อ้วนขึ้นมาจะได้แข็งแรง”
เย่เสี่ยวจิ่นกินผักกูดดองเค็ม รสชาติดีมาก เธอถึงกับตักข้าวเพิ่มอีกชาม
หลังกินข้าวเสร็จ เย่เสี่ยวจิ่นกับหลี่ชุ่ยชุ่ยไปที่ฟาร์มไก่ด้วยกัน
เย่เสี่ยวจิ่นรายงานเรื่องการสมัครเป็นหัวหน้าทีมสวนผลไม้
เซี่ยเฟยฝานได้ยินเรื่องนี้จากผู้ใหญ่บ้านแล้ว
เขาเห็นเย่เสี่ยวจิ่นมา จึงโบกมือเรียก “จิ่นเป่า มานี่”
เย่เสี่ยวจิ่นโบกมือลาหลี่ชุ่ยชุ่ย แล้วเดินไปหาเซี่ยเฟยฝาน
หลินจวงถือหนังสือ นั่งยอง ๆ อ่านหนังสืออยู่ข้าง ๆ
“ใช่แล้ว พวกคุณรู้กันหมดแล้วเหรอ งั้นพวกคุณจะลงคะแนนให้หนูไหม?”
เย่เสี่ยวจิ่นไม่รู้สึกอายแม้แต่น้อย
หลินจวงหัวเราะพรืด วางหนังสือในมือลง “เธอก็ต้องแสดงความสามารถออกมาก่อนสิ พวกเราถึงจะพิจารณาว่าจะลงคะแนนให้เธอหรือเปล่า”
“หนูน่ะ… มีวิธีเยอะมากเลยนะ” เย่เสี่ยวจิ่นเอามือเท้าเอว ย่นจมูก “ถึงหนูจะอายุน้อย แต่คุณอย่าดูถูกนะ”
หลินจวงสงสัย “เธอปลูกไม้ผลเป็นจริง ๆ เหรอ?”
“เป็นสิ”
“งั้นเธอคิดว่าเธอจะสามารถจัดการคนในสวนผลไม้ที่มีมากมายขนาดนั้นได้เหรอ?”
เย่เสี่ยวจิ่นเบ้ปาก “อืม… ทำไมจะทำไม่ได้ล่ะ?”
เซี่ยเฟยฝานนั่งอยู่บนขั้นบันได อาบแดดอยู่ ผิวของเขาดูหยาบกร้านไปบ้าง
เขาพับแขนเสื้อขึ้น ชี้ไปที่เย่เสี่ยวจิ่น “เจ้าเด็กคนนี้น่ะ ต้องมีอะไรซ่อนไว้แน่ ๆ ยังมีอะไรที่คนอื่นทำไม่ได้อีกใช่ไหม?”
“สิ่งที่เธอไม่ได้วางแผนไว้ เธอก็จะไม่ทำ”
เย่เสี่ยวจิ่นคิดในใจว่าลุงเซี่ยคิดในทางที่ดีกับเธอเกินไปแล้ว
ไม่ใช่ว่าเธอมีแผน แต่เป็นระบบที่บังคับให้ทำต่างหาก
เธอจำเป็นต้องคำนึงถึงค่าสุขภาพของตัวเองด้วย
“เธอซ่อนอะไรไว้กันแน่? เล่าให้พวกเราฟังหน่อยสิ” หลินจวงอยากรู้อยากเห็นมาก “คนที่สมัครมาส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนที่รู้วิธีปลูกไม้ผล”
“พวกเขาก็มีวิธีการที่ไม่เลวเหมือนกัน เธอลองบอกมาสิ พวกเราจะช่วยพิจารณาให้”
เย่เสี่ยวจิ่นลูบคางแล้วพูดว่า “หนูสามารถเปลี่ยนพันธุ์ไม้ผลได้”
“เปลี่ยนพันธุ์?” คราวนี้ทำเอาหลินจวงตกใจเลยทีเดียว
เซี่ยเฟยฝานก็สงสัย “ไม้ผลจะเปลี่ยนพันธุ์ได้อย่างไร?”
“พันธุ์ต้นท้อก่อนหน้านี้ใช้ไม่ได้ ทั้งหมดถูกขุดทิ้งแล้วปลูกใหม่”
“ได้ยินมาว่าต้นไม้ใหม่นี้ยังไม่ทันออกผลท้อ โรคและแมลงก็ระบาดอย่างหนักแล้ว”
“เปลี่ยนครั้งหนึ่งต้องเสียเวลาหลายปี”
เย่เสี่ยวจิ่นส่ายหน้า “ก็แค่เก็บตอไม้เดิมไว้ แล้วเปลี่ยนพันธุ์น่ะ”
เซี่ยเฟยฝานครุ่นคิดสักครู่ รู้สึกสนใจในคำอธิบายของเธอมาก
“ได้ งั้นเมื่อเธอพูดตอนกลางคืน อย่าลืมอธิบายเรื่องนี้ให้ชัดเจนด้วย”
“ฉันค่อนข้างอยากรู้ว่าไม้ผลจะเปลี่ยนพันธุ์โดยไม่ต้องขุดทิ้งได้อย่างไร”
เขาพูดพลางเงยหน้ามองเย่เสี่ยวจิ่น “เธอวางแผนจะเปลี่ยนพันธุ์เป็นต้นอะไร?”
“ตอนนี้กำลังพิจารณาลูกแพร์หิน รสชาติของลูกแพร์นั้นไม่ดี สามารถเปลี่ยนเป็นลูกแพร์ที่อร่อยกว่าได้”
โดยไม่รู้ตัวเธอได้ถูกปลุกความอยากรู้อยากเห็นของหลินจวงขึ้นมาแล้ว
“เธอไม่ต้องพูดตอนกลางคืนหรอก พูดตอนนี้เลยไม่ได้เหรอ”
เย่เสี่ยวจิ่นยิ้มแล้วแลบลิ้น “ถ้าพูดตอนนี้ ตอนกลางคืนก็ต้องพูดอีก มันยุ่งยากเกินไป”
“คุณไปฟังตอนกลางคืนก็แล้วกัน”
เซี่ยเฟยฝานพยักหน้า “ทางผู้ใหญ่บ้านก็สงสัยเกี่ยวกับตัวเธอมากเหมือนกัน”
“เธอมีความรู้ รู้จักตัวอักษรมาก การเลือกหัวหน้าทีมน่ะ… เขาจะเลือกคนที่มีความรู้มาบริหารก่อน”
“ถ้าเรื่องที่เธอ… เรื่องอะไรนะ เปลี่ยนพันธุ์พืชนั่นน่ะ ถ้ามันดีจริง คนอื่นก็ไม่จำเป็นต้องเก่งกว่าเธอหรอก”
ยังไงหลินจวงก็จะลงคะแนนให้เย่เสี่ยวจิ่นอยู่แล้ว
ส่วนคนอื่นที่สมัคร
บางคนก็แค่ลองเสี่ยงโชค บางคนก็กำลังเตรียมตัวอย่างดี
วันนี้เย่จื้อเฉียงไม่ได้ออกไปทำงาน เขาอยู่บ้านโดยมีหลี่กุ้ยฮวาคอยจับตาดูอยู่
เขานั่งลงบนเก้าอี้ ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ฉันเตรียมตัวเกือบพร้อมแล้วจริง ๆ”
“งั้นคุณลองพูดให้ฟังหน่อยสิ สมมติว่าฉันกับเย่จู๋เป็นชาวบ้าน”
เย่จู๋มองพ่อตาแป๋ว
เย่จื้อเฉียงรู้สึกตื่นเต้นในใจ เขาเป็นแค่ชาวนา ไม่เคยพูดปราศรัยหาเสียงมาก่อน
เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า “สวัสดีทุกคน ฉันชื่อเย่จื้อเฉียง มีประสบการณ์ปลูกไม้ผลมากว่า 10 ปีแล้ว”
“ลูกชายฉันก็เป็นคนมีความรู้ ส่วนตัวฉันเองก็อ่านออกเขียนได้และคิดเลขเป็น”
“นอกจากนี้ฉันก็เป็นคนพื้นเพของหมู่บ้านชงเถียน รู้จักสภาพแวดล้อมที่นี่เป็นอย่างดี”
“ฉันทำงานขยันขันแข็ง ลงมือทำด้วยตัวเอง รับรองว่าจะนำพาทุกคนปลูกไม้ผลได้อย่างดีแน่นอน!”
“ฉันคิดว่าตัวเองเหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้าทีม หวังว่าทุกคนจะลงคะแนนให้ฉัน”
หลี่กุ้ยฮวาพยักหน้าอย่างพอใจ “ดีมาก ตอนนั้นคุณพูดให้เสียงดังขึ้นอีกหน่อย และมั่นใจหน่อย”
“ด้วยร่างกายที่แข็งแรงของคุณ ไม่มีปัญหาแน่นอน”
เย่จู๋ก็พยักหน้าเช่นกัน “ใช่แล้ว พ่อทำงานเก่งมาก ไม่มีใครเทียบพ่อได้หรอก”
เย่จื้อเฉียงรู้สึกลอยละล่องเมื่อได้รับคำชมจากภรรยาและลูกสาว
เขายืดอกขึ้น น้ำเสียงเพิ่มความมั่นใจขึ้นหลายส่วน “เอ่อ หวังว่าคนอื่น ๆ ก็จะคิดว่าฉันทำได้”
“ครอบครัวเรายังไม่เคยมีใครเป็นหัวหน้าทีมเลย เราก็จะได้เป็นเจ้าหน้าที่บ้าง”
“จะได้สร้างหน้าตาให้กับครอบครัวตระกูลเย่ของเราด้วย”
หลี่กุ้ยฮวาถ่มน้ำลาย “ยังจะพูดถึงตระกูลเย่ของคุณอีก ครอบครัวของบ้านสามยังไม่คิดจะลงคะแนนให้คุณเลย”
“ฉันสืบมาแล้ว คนที่พวกเขาส่งชื่อเข้าชิงคือ เย่เสี่ยวจิ่น!”
“หลี่ชุ่ยชุ่ยลงทะเบียนให้เธอ เธอบ้าไปแล้วจริง ๆ!”
เย่จู๋ทำปากยื่นพูดอย่างดูถูกว่า “บ้าไปแล้วจริง ๆ เย่เสี่ยวจิ่นอายุเท่าไหร่กัน? เธอจะทำงานได้เหรอ?”
“งานในสวนผลไม้ คงไม่มีอะไรที่เธอทำได้สักอย่างมั้ง?”
“หรือจะให้นั่งถอนหญ้าทั้งวันหรือไง?”
ทั้งครอบครัวต่างพากันเยาะเย้ยบ้านสาม ราวกับเป็นเรื่องตลก
หลังอาหารเย็น
ทุกคนไปที่หมู่บ้าน
ผู้ใหญ่บ้านและเลขาฯ นั่งอยู่บนม้านั่ง ด้านบนเว้นพื้นที่ว่างไว้
ซุนฉางซู่ถือรายชื่ออยู่ในมือ
ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเย็นแล้ว แต่ฟ้าก็ยังไม่มืด
ช่วงนี้อากาศดี ดวงอาทิตย์จึงยังคงแขวนอยู่ที่ขอบฟ้า
บนพื้นมีผู้คนนั่งยอง ๆ อยู่มากมาย เป็นกลุ่มก้อนดำทะมึน
ซุนฉางซู่ถือรายชื่อเดินไปที่ลานโล่ง “ทุกคนมากันครบแล้ว ก่อนหน้านี้ในหมู่บ้านของเรามีบางคนใช้อำนาจในทางมิชอบ”
“ก่อให้เกิดผลร้ายแรงและความเสียหายที่ยากจะรับผิดชอบได้”
“ยังถูกอำเภอจับไปเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีให้กับทุกคนดูด้วย”
“แน่นอนว่า สองคนที่ทำเรื่องโง่เขลานั้นก็ไม่สามารถดำรงตำแหน่งหัวหน้าทีมได้อีกต่อไป”
“วันนี้พวกเราจะเลือกหัวหน้าทีมสวนผลไม้คนใหม่ ในมือผมก็มีรายชื่อ ทุกคนต่างกระตือรือร้นสมัครกันมาอย่างคึกคัก”
ผู้ใหญ่บ้านกำลังพูดพร่ำอยู่ด้านบน
คนด้านล่างก็พูดกระซิบกระซาบกัน
“การปลดสองคนนั้นออกจากตำแหน่งถือเป็นเรื่องดีนะ คราวนี้ต้องเลือกคนที่ไม่ใช้อำนาจในทางมิชอบให้ดี ๆ”
“นั่นเป็นไปได้ยังไง? พอได้เป็นหัวหน้าทีม ก็ต้องหาผลประโยชน์ให้ตัวเองบ้างสิ”
“ได้ยินมาว่าคนที่สมัครครั้งนี้เยอะมากเลย คงเห็นเซี่ยวเยว่กับลู่เฟิงทำเงินได้ดี เลยพากันมาสมัครใช่ไหม?”
มีคนพูดกันไปต่าง ๆ นานา
เย่เสี่ยวจิ่นกับครอบครัวนั่งอยู่แถวหลัง
บังเอิญว่า ครอบครัวของเย่จื้อเฉียงก็นั่งอยู่แถวหลังเช่นกัน
เย่เสี่ยวจิ่นหูดี ได้ยินเย่จื้อเฉียงพูดซ้ำ ๆ ถึงคำว่า ‘เกิดและเติบโตที่นี่’ ‘ขยันและซื่อสัตย์’
เธอส่ายหน้า รู้สึกว่ามันช่างน่าขันเสียจริง