ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 64 เตรียมตัวเพื่อการแข่งขันคัดเลือกหัวหน้าทีมสวนผลไม้ (รีไรต์)
- Home
- All Mangas
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 64 เตรียมตัวเพื่อการแข่งขันคัดเลือกหัวหน้าทีมสวนผลไม้ (รีไรต์)
บทที่ 64 เตรียมตัวเพื่อการแข่งขันคัดเลือกหัวหน้าทีมสวนผลไม้ (รีไรต์)
บทที่ 64 เตรียมตัวเพื่อการแข่งขันคัดเลือกหัวหน้าทีมสวนผลไม้ (รีไรต์)
เย่จื้อผิงคิดหนักทั้งคืน และรู้สึกว่าควรจะช่วยเหลือลูกสาวบ้าง
แต่เช้าตรู่ ก่อนที่เด็ก ๆ จะตื่นนอน เขาก็ออกจากบ้านไปแล้ว
เมื่อเย่เสี่ยวจิ่นตื่นนอนและออกมานอกบ้าน เธอเห็นตะกร้ามูลวัวสองใบวางอยู่หน้าบ้าน
กลิ่นฉุนโชยไปทั่วอากาศ จนแทบจะทะลุกะโหลกศีรษะ
“พ่อ นี่…” เธอถอยหลังไปหลายก้าวทันที พลางปิดจมูก “นี่ นี่จะเอาไว้ทำอะไร?”
เย่จื้อผิงยืนอยู่ข้างนอก ถามอย่างสงสัย “จิ่นเป่า ลูกไม่ได้ปลูกพืชหรอกเหรอ? จะไม่ใส่ปุ๋ยได้ยังไง?”
“ตอนเพาะกล้า จำเป็นต้องใช้ปุ๋ยหมักจากมูลวัว”
“นี่พ่อไปเอามาจากคอกวัวของทีมโดยเฉพาะ ยังสดใหม่อยู่เลยนะ”
“จิ่นเป่า ดูสิ นี่มูลวัวคุณภาพดีขนาดไหน”
เย่เสี่ยวจิ่นรู้สึกทันทีว่ากลิ่นความรักของพ่อช่างแรงเหลือเกิน
เธอไม่รู้ว่ามันสดใหม่แค่ไหน แต่เธอไม่เคยขุดคุ้ยมูลวัวมาก่อนเลย
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอ
“พ่อคะ จริง ๆ แล้วหนูใส่ปุ๋ยไปแล้วนะคะ”
ระบบเอ่ยขึ้นในตอนนั้น [โฮสต์อย่าปฏิเสธเลยนะ มูลวัวคุณภาพดีเป็นปุ๋ยที่ยอดเยี่ยมมาก! มันไม่สามารถทดแทนได้!]
[มันช่วยในการเจริญเติบโตได้ดีมากเลยนะ]
[มันจะทำให้ใบไม้โตและเขียวชอุ่ม เถาวัลย์ก็จะแข็งแรงด้วย!]
เมื่อเย่เสี่ยวจิ่นได้ยินระบบพูดแบบนั้น เธอก็เชื่อ
คำพูดปฏิเสธที่กำลังจะหลุดออกจากปากก็เปลี่ยนไปทันที
“พ่อคะ มูลวัวของพ่อสดใหม่มากเลยนะคะ”
“อืม… หนูรู้สึกว่ามันดีมาก”
เธอชูนิ้วโป้งขึ้น “รอหนูกินอาหารเช้าเสร็จ แล้วจะไปโปรยลงในหลุม”
“งั้นลูกกินอาหารเช้าที่บ้านนะ” เย่จื้อผิงยิ้ม “พ่อจะช่วยไปจัดการให้ ก็แปลงผักกูดที่คราวที่แล้วใช่ไหม?”
“มือน้อย ๆ ของลูก ไม่ควรไปจับมูลวัวหรอก”
เย่เสี่ยวจิ่นลังเล “พ่อ ขาของพ่อเป็นแบบนี้ อยู่บ้านเถอะนะคะ”
“หนูกับพี่สามไปจัดการเองก็ได้”
“เดี๋ยวขาพ่อจะปวดอีก มันจะส่งผลต่อการฟื้นตัวของอาการบาดเจ็บนะคะ”
ขาของเย่จื้อผิงเมื่อไม่กี่วันก่อนก็ปวดมากจริง ๆ แต่ยาที่เย่เสี่ยวจิ่นให้ก็ได้ผลดีมาก
วันนี้แทบไม่รู้สึกเจ็บปวดรุนแรงแล้ว
“ไม่เป็นไรหรอก นี่มันก็ไม่หนักอะไร”
เย่จื้อผิงพูดจบก็แบกมูลวัวขึ้นเขาไป
เย่หวายเดินออกมาจากบ้านแล้วรีบตามไปช่วยทันที
“ทุกคนไปกันหมดแล้วสินะ งั้นฉันจะไปเก็บลอบดักปลาหนีชิวละ”
เย่เสี่ยวจิ่นหยิบไข่ต้มออกจากหม้อ กินไปพลางเดินออกไปนอกบ้าน
หญ้าริมทางขึ้นสูงและเขียวชอุ่ม
เธอพึมพำ “เดี๋ยวค่อยมาเก็บกลับบ้านไปทำอาหารไก่ดีกว่า”
ในทุ่งนามีเสียงแมลงร้อง
ไม่ไกลนักบนท้องฟ้ามีหมอกบาง ๆ และมีเสียงนกร้องเป็นครั้งคราว
ร่างเล็ก ๆ ของเย่เสี่ยวจิ่นอยู่บนเส้นทางเล็ก ๆ บนคันนาขั้นบันได มองจากที่ไกล ๆ เห็นเป็นเพียงจุดเล็ก ๆ
เย่เสี่ยวจิ่นจับปลาหนีชิวและปลาไหลทุกวัน จึงคุ้นเคยกับบริเวณนี้เป็นอย่างดีแล้ว
ทุกครั้งที่ออกไปจับปลา เธอก็ได้ผลลัพธ์ที่ดี ปลาหนีชิวในถังน้ำที่บ้านก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
เธอสามารถพูดได้อย่างมั่นใจว่า ไม่มีใครรู้จักแหล่งที่อยู่ของปลาหนีชิวในละแวกนี้ดีไปกว่าเธออีกแล้ว!
ตอนนี้ผลผลิตที่ได้ค่อนข้างคงที่ ทุก ๆ 3-4 วัน เย่จื้อผิงก็ต้องทอดปลาหนีชิวสักครั้ง
ไม่เช่นนั้นถังน้ำก็จะไม่พอใส่ปลาแล้ว
ช่วงนี้บนโต๊ะอาหารก็มีปลาหนีชิวและปลาไหลทุกมื้อ
โจวเหวินรุ่ยกำลังจัดการกับปลาตัวเล็ก ๆ ของเขาอยู่ที่บ้าน
เมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด เขาก็เห็นว่าเป็นเย่เสี่ยวจิ่นที่มา
“รุ่ยเป่า สองสามวันนี้จับปลาหนีชิวได้เยอะไหม?”
“ก็พอใช้ได้นะ” โจวเหวินรุ่ยเห็นเย่เสี่ยวจิ่นแล้วก็รู้สึกเขินขึ้นมาทันที “จิ่นเป่า เธอมาได้เหมาะเลย ฉันมีของจะให้เธอ”
เย่เสี่ยวจิ่นกะพริบตาด้วยความสงสัย “อะไรเหรอ?”
โจวเหวินรุ่ยวิ่งเข้าไปในบ้าน เมื่อออกมาอีกครั้ง
เขาอุ้มต้นดอกกุหลาบพวงขนาดใหญ่สีชมพูไว้ในอ้อมแขน
ต้นไม้สูงครึ่งเมตร เต็มไปด้วยดอกไม้ที่บานสะพรั่ง ดูเหมือนช่อดอกไม้ที่จัดอย่างพิถีพิถัน
ดอกกุหลาบช่อนี้มีกลิ่นหอมสดชื่น กลิ่นหอมซึมซาบเข้าสู่หัวใจ
เย่เสี่ยวจิ่นสูดหายใจลึก ๆ
“ว้าว นายขุดต้นกุหลาบพวกนี้มาจากไหนเนี่ย?” เย่เสี่ยวจิ่นดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “เก่งมากเลย!”
โจวเหวินรุ่ยเกาศีรษะ “บนภูเขามีเยอะมาก”
“เมื่อวานฉันไปหาหน่อไม้กับพี่ชาย เห็นมันเข้า ก็เลยขอให้พี่ชายช่วยขุดมาให้ ฉันคิดว่า…”
“ดอกไม้สวยขนาดนี้ จิ่นเป่าต้องชอบแน่ ๆ”
ใบหูของโจวเหวินรุ่ยแดงเล็กน้อย “จิ่นเป่า ให้ฉันช่วยถือไปที่บ้านของเธอนะ”
เย่เสี่ยวจิ่นชอบมากจริง ๆ
เธอรีบนำดอกไม้กลับบ้านและปลูกลงดินทันที
“สวยจังเลย!”
โจวเหวินรุ่ยเดินตามหลังเย่เสี่ยวจิ่นเหมือนเป็นหางน้อย ๆ
เมื่อเขาเห็นว่าเย่เสี่ยวจิ่นชอบ หัวใจของเขาก็พลอยยินดีไปด้วย
จิ๊บ ๆ ๆ
ลูกไก่ตัวน้อยเข้ามาคุ้ยเขี่ยดิน แต่ถูกเย่เสี่ยวจิ่นไล่ไปอย่างไร้ความปรานี
“พวกไก่ตัวน้อยพวกนี้ อยากจะจิกต้นไม้ของฉันนี่”
โจวเหวินรุ่ยนั่งยอง ๆ อยู่ข้าง ๆ “จิ่นเป่า ไก่ตัวน้อยของเธอโตขึ้นมากเลยนะ”
“โตขนาดนี้แล้ว ก่อนหน้านี้ยังตัวเล็ก ๆ อยู่เลย”
เย่เสี่ยวจิ่นหัวเราะคิกคัก “ก็กินอาหารไก่สูตรพิเศษของฉันทั้งนั้น แน่นอนว่าต้องโตเร็วอยู่แล้ว”
เธอมองดูพื้นดินที่ยุ่งเหยิงใต้ต้นไม้ดอก แล้วคิดในใจว่า พวกลูกไก่ชอบมาคุ้ยเขี่ยตรงนี้จริง ๆ
เธอปักไม้ไผ่เล็ก ๆ ล้อมรอบต้นไม้ดอกเพิ่มอีก จึงค่อยวางใจ
โจวเหวินรุ่ยชอบดูเธอทำงาน เขาเอามือยันแก้มมองดูอยู่ข้าง ๆ
“รุ่ยเป่า นายมาอยู่ตรงนี้พอดีเลย ฉันจะสาธิตวิธีการใหม่ของฉันให้ดูหน่อย”
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ในมือของเย่เสี่ยวจิ่นมีกิ่งไม้เล็ก ๆ อยู่อันหนึ่ง
เธอถูมือไปมา ดวงตาเป็นประกาย “นายตามฉันมา”
โจวเหวินรุ่ยอยากรู้อยากเห็น จึงเดินตามเย่เสี่ยวจิ่นไปที่ริมลำธาร
น้ำในลำธารไหลเอื่อย ๆ ริมลำธารมีดอกเหยียนเหว่ยสีฟ้าขาวบานอยู่มากมาย
ริมลำธารมีต้นกล้วยอยู่ต้นหนึ่ง
ข้าง ๆ ต้นกล้วยนั้น มีต้นแพร์ต้นหนึ่งขึ้นอยู่
ต้นแพร์ที่ปลูกในหมู่บ้านล้วนเป็นพันธุ์พื้นเมืองดั้งเดิม เรียกว่าลูกแพร์หิน
ไม่เพียงแต่เปลือกหนาและเนื้อแน่นเท่านั้น รสชาติยังแข็งกระด้างและฝาดไม่หวาน
แต่ก็เพียงพอที่จะดับกระหายได้ และมีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมสูงมาก
ต้นแพร์ในสวนผลไม้ ล้วนเป็นลูกแพร์หินทั้งสิ้น
บางต้นมีอายุราว 10 ปีแล้ว บางต้นก็เป็นต้นใหม่ อายุ 2-3 ปี
ต้นแพร์ริมลำธารบ้านของเย่เสี่ยวจิ่น เกิดจากเมล็ดแพร์ที่ถูกโยนทิ้งไว้หลังจากกินผลเสร็จ
กลับเติบโตขึ้นมาเป็นต้นสูงกว่าหนึ่งเมตร
“จิ่นเป่า ระวังหน่อยนะ” โจวเหวินรุ่ยเห็นเธอถือมีดอยู่ จึงรีบเตือน
“ไม่เป็นไรหรอก” เย่เสี่ยวจิ่นพูดพลางถือมีดไว้ในมือ
ความรู้ทางทฤษฎีของเธอนั้นมีมากมาย แต่ในทางปฏิบัติยังขาดประสบการณ์อยู่บ้าง
“นายเข้ามาใกล้ ๆ สิ”
“เอ่อ…” เย่เสี่ยวจิ่นกระแอมเบา ๆ “ต้นไม้ต้นนี้ นายดูสิ มันเติบโตได้ดีใช่ไหม?”
“แต่ผลของมันไม่อร่อย พวกเราสามารถเก็บตอไม้ไว้ แล้วเปลี่ยนพันธุ์ด้วยการเสียบยอดได้”
“นั่นคือการใช้ประโยชน์จากตอไม้เดิม เพื่อเปลี่ยนเป็นพันธุ์ที่ดีกว่า ทำให้ลูกแพร์อร่อยขึ้น”
โจวเหวินรุ่ยพยักหน้า แม้จะไม่เข้าใจนัก แต่ก็แสดงท่าทีสนใจเป็นอย่างดี
“แล้วจิ่นเป่าจะเปลี่ยนลูกแพร์หินเป็นพันธุ์อะไรล่ะ?”
เย่เสี่ยวจิ่นโบกกิ่งไม้เล็ก ๆ ในมือ “ต้นแพร์เสาร์ ก็คือกิ่งไม้เล็ก ๆ นี่ไง”
“ต้นแพร์เสาร์เหรอ?” โจวเหวินรุ่ยกะพริบตาปริบ ๆ
“ใช่แล้ว มันเป็นลูกแพร์ชนิดหนึ่ง… ที่มีขนาดใหญ่และกลม เมื่อสุกแล้วจะมีสีทองสุกปลั่ง เปลือกบางและเรียบลื่น”
“มีน้ำเยอะ รสชาติหวานและกรอบมาก”
“โดยทั่วไปแล้วจะสุกพอดีก่อนถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์”
เย่เสี่ยวจิ่นพูดด้วยน้ำเสียงใสกังวานและเป็นระเบียบ
นี่เป็นการซ้อมล่วงหน้าสำหรับการเลือกหัวหน้าทีมของเธอ
เธอทำท่าประกอบ “มันสามารถโตได้ขนาดนี้ และมีกลิ่นหอมมาก”
โจวเหวินรุ่ยฟังด้วยความสนใจ “มีลูกแพร์ที่อร่อยขนาดนั้นจริง ๆ เหรอ?”
เย่เสี่ยวจิ่นพยักหน้า “แน่นอนสิ! ยังมีที่อร่อยกว่านี้อีกนะ!”
เธอยิ้มแล้วยักไหล่อย่างจนใจ “แต่ตอนนี้ฉันมีแค่ต้นกล้าของลูกแพร์เสาร์เท่านั้น!”