ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 62 แผนบุกเบิกปลูกมันแกวหวาน ๆ ในหุบเขา (รีไรต์)
- Home
- All Mangas
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 62 แผนบุกเบิกปลูกมันแกวหวาน ๆ ในหุบเขา (รีไรต์)
บทที่ 62 แผนบุกเบิกปลูกมันแกวหวาน ๆ ในหุบเขา (รีไรต์)
บทที่ 62 แผนบุกเบิกปลูกมันแกวหวาน ๆ ในหุบเขา (รีไรต์)
เย่หวายกลับบ้าน ได้ยินเย่เสี่ยวจิ่นพูดถึงแผนการบุกเบิกของเธออย่างตื่นเต้น
เขารู้สึกว่าน้องสาวน่ารัก แต่ก็สงสารที่เธอต้องเหนื่อยมากตั้งแต่อายุยังน้อย
เขาอุ้มเย่เสี่ยวจิ่นขึ้นมา “จิ่นเป่า พรุ่งนี้พี่สามไปบุกเบิกกับเธอได้นะ”
“แบบนี้เธอจะได้ไม่ต้องยุ่งจนถึงมะรืนนี้ ดีไหมล่ะ?”
“ดีสิคะ” เย่เสี่ยวจิ่นกะพริบตา “พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์เหรอ?”
เย่หวายลูบหัวเธอ “ใช่ พรุ่งนี้กับมะรืนนี้พี่ไม่ต้องไปเรียน”
“ดีจังเลย!” เย่เสี่ยวจิ่นยกมือขึ้นประคองแก้มด้วยความดีใจ “งั้นพี่สามก็เล่นกับฉันได้แล้ว”
หลี่ชุ่ยชุ่ยยิ้ม “ชอบให้พี่สามเล่นด้วยใช่ไหมล่ะ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว!”
หลังจากกินข้าวเสร็จ
น้ำรากเก๋อเกินในถังน้ำข้างนอกก็ตกตะกอนแยกชั้นแล้ว เย่หวายพับแขนเสื้อขึ้น แล้วไปเปลี่ยนน้ำอีกครั้ง
เขาจับถังน้ำ ค่อย ๆ เทน้ำออก
แขนที่เคยผอมบาง มีเส้นกล้ามเนื้อปรากฏให้เห็นบ้างแล้ว
‘ซ่า ซ่า ซ่า’
น้ำสีน้ำตาลไหลออกมาหมด
ที่ก้นถังน้ำมีแป้งรากเก๋อเกินสีขาวเกาะติดอยู่เป็นชั้นหนา
เย่เสี่ยวจิ่นมองดูสิ่งที่คล้ายโจ๊กข้าวที่ก้นถังน้ำอย่างสนใจ
เธอถามอย่างอยากรู้อยากเห็น “นี่คือแป้งจากรากเก๋อเกินเหรอคะ? ต้องกินยังไงล่ะคะ?”
เย่หวายเติมน้ำลงในถังใหม่อีกครั้ง แล้วใช้มือคนเพื่อให้แป้งผสมเข้ากับน้ำอีกครั้ง
“รอให้พ่อแม่ทำแป้งเก๋อเกินให้กินพรุ่งนี้เย็น แล้วเธอจะรู้เอง”
เย่เสี่ยวจิ่นรู้สึกตื่นเต้นเต็มไปด้วยความคาดหวัง
วันเสาร์ก็เป็นวันที่อากาศแจ่มใสอีกวัน
เสียงแมลงและนกร้องดังไปทั่วภูเขา เย่หวายและเย่เสี่ยวจิ่นสองคนขึ้นเขาไปด้วยกัน
พื้นที่ที่พวกเขาบุกเบิกอยู่ตรงทางเข้าของลำธารเล็ก ๆ บนภูเขา
เนื่องจากมีวัชพืชขึ้นเต็มไปหมด และมีดินโคลนถูกชะล้างลงมาเมื่อฝนตก พื้นที่จึงค่อนข้างราบเรียบ
ท่ามกลางวัชพืช มีพื้นที่ส่วนหนึ่งถูกขุดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ทางโค้งแคบ ๆ ด้านในก็ถูกขุดออกมาด้วย
เย่หวายไม่คิดว่าน้องสาวของเขาจะสามารถบุกเบิกพื้นที่ได้มากขนาดนั้นด้วยตัวคนเดียว
“จิ่นเป่า เธอนั่งพักตรงนี้นะ” เขาไปเก็บใบตองมาวางบนก้อนหิน “ส่วนที่เหลือ วันนี้พี่จัดการเองก็พอ”
“ไม่เอา” เย่เสี่ยวจิ่นส่ายหน้า “พวกเราทำด้วยกันเถอะค่ะ”
ดวงตาของเธอเป็นประกายวาววับ “จะได้เสร็จเร็วขึ้นนะ!”
“ได้ แต่ถ้าเธอเหนื่อยก็มานั่งพักนะ”
เย่เสี่ยวจิ่นพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
แม้เย่หวายจะอายุเพียง 13 ปี แต่เขาทำงานคล่องแคล่ว ทั้งตัดหญ้าและขุดดินได้อย่างรวดเร็ว
พี่น้องคู่นี้ใช้เวลาเพียงครึ่งวันก็สามารถบุกเบิกที่ดินส่วนที่เหลือได้ทั้งหมด
เย่เสี่ยวจิ่นยังบุกเบิกพื้นที่ริมลำธารที่พอจะใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด
เธอโรยปุ๋ยอินทรีย์ครบสูตรลงบนดินสีเหลือง เพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับดิน
มีเสียงคนพูดดังมา
“ที่นี่ไกลจริง ๆ นะ”
“ใช่ ที่ดินเพิ่งถูกบุกเบิก มีวัชพืชเยอะมาก”
“พวกเราคงต้องทำงานกันทั้งวันแน่ ๆ”
คนจากในภูเขามาแล้ว
เซี่ยวเยว่และแม่ของเธอ หลินเซี่ยงชุนก็อยู่ในกลุ่มคนด้วย
พวกเขาแบกจอบไปถอนหญ้าบนที่ดินด้านบน
หลินเซี่ยงชุนเห็นพี่น้องสองคนที่กำลังทำงานอยู่ในทุ่ง “โอ้ เด็กสองคนนี้ขยันจริง ๆ นะ”
เซี่ยวเยว่พูดอย่างดูถูก “แม่ ดูพวกเขาทำไม?”
“คนบ้าสองคน บุกเบิกที่นี่ออกมา ไม่มีประโยชน์อะไรเลย”
“เหมือนเด็ก ๆ เล่นขายของจริง ๆ!”
“ตอนนี้แกก็ไม่ได้เป็นหัวหน้าทีมแล้ว พูดจาให้ระมัดระวังหน่อย” หลินเซี่ยงชุนขมวดคิ้ว
“ถ้าคนอื่นได้ยินเข้า พวกเขาก็จะล้อเลียนว่าแกพูดจาไม่เพราะอีก”
เธอกลอกตาไปมาแล้วพูดว่า “อีกอย่าง เด็ก ๆ ก็มีประโยชน์นะ”
“มันก็เป็นแบบนี้แหละ การบุกเบิกที่นี่มีประโยชน์อะไร? มีแต่หินกับทราย” เซี่ยวเยว่แค่นเสียงอย่างดูแคลน “จะปลูกอะไรได้จริง ๆ เหรอ?”
ช่วงนี้เป็นช่วงมืดมนในชีวิตของเซี่ยวเยว่ หล่อนไม่อยากไปทำงานในที่ที่มีคนเยอะในหมู่บ้านอีกแล้ว
ที่นี่คนน้อย หล่อนไม่ต้องเผชิญหน้ากับสายตาแปลก ๆ ของคนอื่น
ยังสามารถรับผิดชอบการเพาะปลูกได้ แม้จะดูแลแค่ที่ดินเล็ก ๆ บนภูเขานี้ก็ตาม
แต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องให้คนอื่นมากดขี่ข่มเหงหล่อน!
เย่เสี่ยวจิ่นสังเกตเห็นพวกเขาหลายคน แล้วหันสายตาไปทางอื่น
“เย่เสี่ยวจิ่น เธอกำลังปลูกอะไรอยู่ที่นี่?” หลินเซี่ยงชุนเอ่ยปากถาม
“หนูจะปลูกอะไรก็ได้”
หลินเซี่ยงชุนหัวเราะ ตั้งใจจะหลอกเธอ จึงพูดว่า “ที่นี่ปลูกอะไรไม่ได้หรอก แต่ถ้าเธอว่างไม่มีอะไรทำ ก็มาช่วยพวกเราถอนหญ้าได้นะ”
“พอมันโตเต็มที่แล้ว ฉันจะแบ่งให้เธอกับพี่ชายของเธอกินสักสองสามลูก”
เย่เสี่ยวจิ่นมองเธอด้วยสายตาดูถูก ยังจะมาหลอกให้เด็กทำงานอีกเหรอ?
“คุณไม่เข้าใจหรอก ที่นี่ปลูกได้ดีแน่นอน”
เย่หวายก็ออกมายืนยันด้วย “พวกเราไม่ต้องการให้คุณแบ่งให้ และก็จะไม่ไปถอนหญ้าด้วย”
หลินเซี่ยงชุนแค่นเสียงฮึ “พวกเธอบุกเบิกที่นี่ก็จะไม่ได้อะไรเลยนะ”
“มาช่วยกันทำงานยังดีกว่ามาเสียแรงเปล่าที่นี่นะ”
เย่หวายไม่สนใจ
หลินเซี่ยงชุนเห็นว่าพวกเขาเป็นพวกหัวไม้ที่ไม่ฟังคำพูดใคร จึงเดินขึ้นไปกับเซี่ยวเยว่
เธอพึมพำว่า “พวกนี้ช่างโง่จริง ๆ มาถอนหญ้าตรงนี้ ยังไม่ดีเท่ามาถอนหญ้าให้พวกเราเลย”
เมฆสีขาวลอยเอื่อยอยู่บนท้องฟ้าสีคราม
เย่เสี่ยวจิ่นนั่งอยู่ที่ขอบคันนา
เธอหยิบเมล็ดพันธุ์มันแกวออกมา
แล้วพบว่าเมล็ดพันธุ์นี้กลายเป็นมันแกวลูกละจินเลยทีเดียว!
เธอกะพริบตาด้วยความประหลาดใจ “ถ้ารู้แต่แรกว่าจะเอาออกมากินได้เลยก็ดีสิ ฉันได้มาสองครั้งแล้ว รวมเป็นมันแกว 2000 ลูกเลยนะ”
“พันธุ์ที่บ้านเรานั้นคุณภาพแย่ แม้จะกินอิ่มท้องได้ แต่รสชาติไม่ดีเลย”
เธอเงยหน้าขึ้นมองเห็นเย่หวายกำลังใช้วัชพืชกองปุ๋ยให้กับที่ดินผืนหนึ่ง
“พี่ชาย หยุดทำงานก่อน รีบมาที่นี่เร็ว”
เย่เสี่ยวจิ่นมีมันแกวอีกหลายหัวในมือ
เย่หวายถือจอบเข้ามาใกล้ เห็นมันแกว 4 หัวบนพื้น รู้สึกประหลาดใจ “วันนี้เธอเอาขึ้นมาบนเขาด้วยเหรอ?”
“พี่ชายหิวแล้วใช่ไหม?” เย่เสี่ยวจิ่นหยิบกล่องไม้ขีดออกมาจากกระเป๋า เขย่าเบา ๆ “พวกเราย่างกินด้วยกันไหม?”
เธอพูดพลางขุดหลุมเล็ก ๆ บนพื้น
เธอตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีวัชพืชอยู่รอบ ๆ
แล้วเธอจึงหยิบใบไม้แก่ ๆ มาจุดไฟในหลุมที่โล่งเตียน
เย่หวายรีบช่วยไปเก็บกิ่งไม้แห้ง ๆ มาเล็กน้อย
ไม่นานไฟก็ลุกขึ้น
เย่เสี่ยวจิ่นเอามันแกว 4 หัวที่หนักราวหนึ่งจินใส่ลงไปในหลุมไฟ
ไฟในหลุมดินลุกโชนอย่างแรง
เย่หวายยื่นมือออกไปผิงไฟ แล้วนั่งลงบนพื้น
“มันแกวของเธอดูเหมือนจะไม่เหมือนกับที่บ้านเท่าไหร่นะ”
“ที่บ้านมันกลมป้อม แต่ของเธอนี่ปลายทั้งสองด้านแหลม ขนาดพอ ๆ กัน สม่ำเสมอดี”
เย่เสี่ยวจิ่นพยักหน้า “นี่เป็นมันแกว เรียกอีกชื่อว่ามันแกวเนื้อแดงรสหวาน รสชาติหวานมาก”
“เหมาะสำหรับปลูกในดินทราย ให้ผลผลิตสูง คุณภาพก็ดีมาก”
“ทนโรค แข็งแรง ไม่ต้องดูแลมาก”
เธอพูดพลางใช้ไม้คีบมันแกวในกองไฟ
เปลวไฟสะท้อนให้ร่างกายของเธออบอุ่นไปทั่ว
“จิ่นเป่า เธอปลูกพืชมากมายขนาดนี้ ตั้งใจจะขายเหรอ?”
เย่เสี่ยวจิ่นส่ายหน้า “สิ่งที่ฉันปลูกตอนนี้ มีแค่สตรอว์เบอร์รีกับลูกท้อที่ตั้งใจจะขายในอนาคต”
“ถึงอย่างไรมันแกวก็เป็นพืชที่ปลูกไว้กินเองอยู่แล้ว คงไม่มีใครซื้อหรอกนะ?”
“แต่ต่อไปมันแกวที่แบ่งกันในหมู่บ้าน เราก็สามารถเอาไปเลี้ยงไก่เลี้ยงเป็ดได้ ไม่เสียเปล่า…”
เย่หวายฟังเธอพูดแล้วพยักหน้า “ฉันเห็นบวบของเธอออกใบใหญ่มาสองสามใบแล้วนะ”
“ดอกสีขาวของสตรอว์เบอร์รีร่วงไปแล้ว กลายเป็นผลเล็ก ๆ แล้ว”
“สตรอว์เบอร์รีอย่างช้าก็แค่ถึงวันที่ 4-5 เมษายนก็สุกแล้ว” เย่เสี่ยวจิ่นครุ่นคิด
ถึงอย่างไรสภาพแวดล้อมก็ค่อนข้างขาดแคลน ได้แค่ปลูกกลางแจ้งเท่านั้น
พูดได้แค่ว่าพอไปวัน ๆ เท่านั้นแหละ…
พี่น้องทั้งสองคุยกันไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ตัว เวลาก็ผ่านไปนานแล้ว
เย่เสี่ยวจิ่นคุ้ยเอามันแกวออกมาจากกองไฟ
กลิ่นหอมโชยมาแล้ว
เธอกลืนน้ำลาย “พี่สาม ลองชิมดูเร็ว”
เย่หวายมองมันแกวที่ถูกเผาจนเปลือกลอกออกบ้าง เขาหยิบขึ้นมาลูกหนึ่ง มันร้อนมาก
เขาเป่า ๆ เขารู้สึกอยากรู้อยากเห็นกับมันแกวที่น้องสาวบอกว่าหวานมาก
เพราะมันแกวที่บ้านรสชาติไม่ได้หวานขนาดนั้น
เขาแกะมันแกวออก แล้วส่งให้เย่เสี่ยวจิ่นครึ่งหนึ่ง “จิ่นเป่า”
ด้านในของมันแกวมีสีแดงสดใส ส่งกลิ่นหอมฟุ้งและมีความรู้สึกหวานเหมือนน้ำผึ้ง
เย่เสี่ยวจิ่นรับมาแล้วกัดคำใหญ่ทันที “หวานจัง!”