ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 57 น้องสาวไปโรงเรียนมัธยมต้นพร้อมพี่ชาย (รีไรต์)
- Home
- All Mangas
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 57 น้องสาวไปโรงเรียนมัธยมต้นพร้อมพี่ชาย (รีไรต์)
บทที่ 57 น้องสาวไปโรงเรียนมัธยมต้นพร้อมพี่ชาย (รีไรต์)
บทที่ 57 น้องสาวไปโรงเรียนมัธยมต้นพร้อมพี่ชาย (รีไรต์)
เย่เสี่ยวจิ่นก็เข้านอนแต่หัวค่ำเช่นกัน
เธออยากไปโรงเรียนในอำเภอเพื่อสัมผัสบรรยากาศคึกคักบ้าง
เช้าตรู่
หลี่ชุ่ยชุ่ยทำอาหารเช้า นับเงินแปดหยวนใส่ไว้ในถุงผ้าที่เย็บติดกับเสื้อ
ข้าวในหม้อส่งเสียงฟู่ฟู่
เย่เสี่ยวจิ่นตื่นขึ้นมาเพราะกลิ่นหอม พอมองออกไปข้างนอกก็เห็นว่าฟ้าสว่างแล้ว
พอมองบนเตียงก็เห็นแค่ตัวเองเท่านั้น
เธอตกใจร้องเรียก “แม่คะ!”
หลี่ชุ่ยชุ่ยเก็บไข่เข้ามา “เป็นอะไรเหรอจ๊ะ จิ่นเป่า?”
เย่เสี่ยวจิ่นตบอกตัวเอง “หนูนึกว่าแม่กับพี่สามไปก่อนแล้วซะอีก”
“หนูก็จะไปโรงเรียนด้วย รอหนูหน่อยนะ”
“หนูกินข้าวเร็วมากเลย…”
ผมของเธอยังยุ่งเหยิงอยู่บ้าง มีผมตั้งอยู่บนหัว
หลี่ชุ่ยชุ่ยหัวเราะ “ลูกยังจะตามไปเล่นอีกเหรอ?”
“หนูก็อยากไปดูบ้างนี่นา…”
“ได้ ๆ ไปดูก็ได้”
หลี่ชุ่ยชุ่ยเก็บไข่ไก่เรียบร้อยแล้วอุ้มเธอลงจากเตียง แต่งตัวให้เธอและล้างหน้าให้
เย่หวายกำลังสวมเสื้อนวมใหม่อยู่ในห้อง
เย่จื้อผิงตบไหล่เขา “ผลการเรียนของลูกดี ตั้งใจเรียนนะ อีกสองปีสอบเข้าโรงเรียนอาชีวศึกษาหรือวิทยาลัยครูได้”
“ให้ทั้งครอบครัวของเราได้หน้าได้ตาตามลูกไปด้วย”
ถ้าสอบเข้าโรงเรียนอาชีวศึกษาได้ นอกจากจะไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียนแล้ว ยังมีงานรองรับหลังเรียนจบ ได้งานที่มั่นคงอีกด้วย
แต่ทุกปีก็มีไม่กี่คนที่สอบติด
คนที่สอบติดจะกลายเป็นความภาคภูมิใจของทั้งครอบครัว ทั้งหน่วยการผลิต และทั้งหมู่บ้าน
เย่หวายรู้สึกซาบซึ้งใจ “ผมรู้ครับพ่อ ผมจะต้องหาเงินให้ได้มาก ๆ”
“เพื่อให้น้องสาวได้ไปรักษาตัวในเมือง”
หลี่ชุ่ยชุ่ยอยู่ในครัว เปิดฝาหม้อออก
เมื่อเห็นข้าวสวยขาวเต็มหม้อ หล่อนก็อ้าปากค้าง
“จื้อผิง มากินข้าวเร็ว”
เย่จื้อผิงเดินออกมา “กินข้าวตอนเช้าเหรอ? เธอใช้ข้าวใหม่เหรอ?”
“ลองดูสิ”
เย่จื้อผิงเดินเข้าไปดู เห็นข้าวในหม้อเม็ดสวยเต็มเม็ด แต่ละเม็ดเป็นประกายวาว
ข้าวสุกส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจาย
“โอ้โห ข้าวนี่หอมจริง ๆ”
หลี่ชุ่ยชุ่ยอุ่นผักกูดและผัดไข่ต้นหอมจีน
เย่หวายมองข้าวในชามแล้วรู้สึกเสียดายที่จะกิน “ทำไมข้าวถึงหุงได้สวยขนาดนี้?”
หลี่ชุ่ยชุ่ยรีบพูดว่า “อร่อยมาก! เนื้อสัมผัสดีเยี่ยม ทุกคนลองชิมเร็ว!”
หล่อนรู้สึกว่ารสชาติยังติดอยู่ที่ลิ้น ข้าวนี้นุ่มและกำลังดี
ทำให้หล่อนอดไม่ได้ที่จะตักเข้าปากอีกคำใหญ่ “ฉันไม่เคยกินข้าวอร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย…”
เย่จื้อผิงกินไปคำหนึ่งแล้วก็พยักหน้าหงึก ๆ “ฉันก็ไม่เคยกินข้าวดีขนาดนี้มาก่อนเหมือนกัน”
“นี่มันหอมเกินไปแล้ว”
เดิมที ไข่ผัดต้นหอมจีนเป็นอาหารจานโปรดของทุกคนในครอบครัว
แต่ตอนนี้ ความสนใจของทุกคนกลับไปอยู่ที่ข้าวสวย
เย่หวายตักข้าวเข้าปากคำหนึ่ง กลิ่นหอมก็แผ่ซ่านไปทั่วปากทันที
ข้าวร้อน ๆ ทั้งหอมทั้งนุ่ม
“ทำไมข้าวนี้ถึงนุ่มขนาดนี้?”
เย่เสี่ยวจิ่นกลับรู้สึกว่าข้าวนี้ไม่ต่างจากข้าวในยุคของเธอเท่าไหร่
แต่ข้าวที่นี่ ตอนนี้พันธุ์ยังไม่ดีนัก
อีกทั้งข้าวยังถูกโม่ด้วยหินโม่ ดังนั้นจึงไม่มีลักษณะดีเช่นนี้
“ถ้าอร่อยก็กินเยอะ ๆ หน่อยค่ะ หนูจะพยายามสุ่มร่างวัลให้ได้แบบนี้อีกในครั้งหน้า…”
“สุ่มรางวัล?” หลี่ชุ่ยชุ่ยมองเธอด้วยความสงสัย
“ใช่แล้วค่ะ และท่านเทพเซียนยังให้สิ่งนี้กับหนูด้วย” เย่เสี่ยวจิ่นยิ้มพลางหรี่ตา “นั่นคือความหมายนั่นแหละ”
“เด็กนี่ อย่าขอของจากท่านเทพเซียนบ่อยนักสิ…”
เย่เสี่ยวจิ่นรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ค่ะ ๆ ถูกต้องแล้ว แม่พูดถูกแล้ว”
แสงอาทิตย์สาดส่องไปทั่วผืนดินแล้ว
ครอบครัวสามคนเดินอยู่บนทุ่งนา
อุณหภูมิสบายมาก หญ้าป่าริมทางเขียวชอุ่ม
ยังมีดอกไม้สีม่วงและสีเหลืองอีกมากมาย สวยงามมาก
เย่เสี่ยวจิ่นกระโดดโลดเต้นนำหน้าไป
เย่หวายยังรู้สึกกังวลอยู่บ้าง
หวังเอ้อร์หู่แบกจอบ เห็นเย่หวายแต่งตัวเรียบร้อย จึงถามว่า “น้องหวาย วันนี้นายจะไปไหนเหรอ?”
“ฉัน…จะไปสมัครเรียนหนังสือน่ะ” เย่หวายเกาหัวแก้เก้อ พูดอย่างเขินอาย “วันนี้เปิดเทอมแล้ว”
“หา? นายอยู่บ้านมาตั้งปีแล้ว จะไปเรียนหนังสืออีกเหรอ?” หวังเอ้อร์หู่ตกตะลึง
เขารู้สึกจากใจจริงว่าการเรียนหนังสือไม่สนุกเลย
เมื่อก่อนตอนเรียนชั้นประถมหก เขาหนีเรียนทุกวัน
ตอนกลางคืนพ่อแม่เอาไม้ไผ่มาตี เขาก็ปีนขึ้นต้นไม้หนี เหมือนลิงป่าเลย
“นายเห็นพี่เหวินชางสอบติดมัธยมปลายแล้ว เลยอยากเรียนหนังสืออีกใช่ไหม?”
“ไม่ใช่หรอก…” เย่หวายยิ้มพูด “แค่เปลี่ยนใจน่ะ ฉันไปก่อนนะ”
หวังเอ้อร์หู่มองแผ่นหลังของเขา พึมพำว่า “เรียนหนังสือมีประโยชน์อะไร เรียนไปก็ต้องทำนาอยู่ดี”
หยางเจวียนตื่นแต่เช้าตรู่ ก็ต้องพาหยางลี่ลี่ไปสมัครเรียนที่โรงเรียน
หยางลี่ลี่ขี้เกียจเดินไปไกลขนาดนั้นเพื่อไปเรียนหนังสือ เธอไม่ยอมออกจากบ้านไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
“ถ้าเธอไม่ออกมาเดี๋ยวนี้ ฉันจะตีเธอให้ตาย!”
หยางลี่ลี่พูดเสียงอู้อี้ “ฉันไม่อยากไปเรียนหนังสือ ฉันลืมตัวอักษรที่เรียนมาเทอมที่แล้วไปหมดแล้ว”
“ครูต้องตีฝ่ามือฉันแน่ ๆ”
“ยอมให้แม่ตีดีกว่า!”
หยางเจวียนเอามือเท้าเอว “ถ้าเธอไปโรงเรียนจะโดนครูตีแค่ครั้งเดียว แต่ถ้าเธอไม่ไปเรียน…”
“ฉันจะตีเธอทุกวัน!”
หลี่ชุ่ยชุ่ยได้ยินเสียงด่าเด็ก “เจวียนจื่อ ตีลูกแต่เช้าเลยเหรอ?”
“ใช่ไหมล่ะ ชุ่ยชุ่ย? เธอไปไหนแต่เช้าแบบนี้?”
“พาลูกชายฉันไปสมัครเรียนที่อำเภอน่ะ”
หยางเจวียนได้ยินแล้วพูดว่า “ดีเลย เธอรอฉันไปด้วยกันนะ”
หมู่บ้านของพวกเขาอยู่ห่างจากอำเภอต้องเดินเท้า 30 นาที
แม้ว่าจะสามารถเรียนที่โรงเรียนประถมในหมู่บ้านได้ แต่ลูกชายของหยางเจวียนก็เรียนที่อำเภอ
เธอจึงให้ลูกสาวไปเรียนที่อำเภอด้วย พี่น้องจะได้มีเพื่อน
เย่เสี่ยวจิ่นมองดูความคึกคักในบ้านของพวกเขาระหว่างทาง เอามือปิดปากหัวเราะคิกคัก “พี่สาวลี่ เร็วหน่อยสิ ไม่งั้นไปถึงอำเภอครูก็กลับกันหมดแล้ว”
หยางลี่ลี่เห็นเย่เสี่ยวจิ่นอยู่ด้วย
เธอลังเลเล็กน้อย แล้วก็ออกจากบ้านตามไป
หยางเจวียนด่าว่า “เด็กตัวแสบ จะไปเรียนยังต้องมีเพื่อนอีกเหรอ?”
“ต่อไปเธอก็กลับบ้านพร้อมกับพี่ชายของเธอกับพี่ชายของจิ่นเป่าทุกวันเลย”
หยางลี่ลี่มองเย่หวายที่มีใบหน้าหล่อเหลาแวบหนึ่ง แล้วหันสายตาไปทางอื่น “ฉันรู้แล้ว!”
วันนี้มีคนมากมายเปิดเทอมไปเรียนหนังสือ
บนถนนก็มีคนพาลูกไปโรงเรียนกันเยอะเหมือนกัน
คนในหมู่บ้านต่างพูดกันว่า ต้องเรียนหนังสือถึงจะมีอนาคต เด็กที่ไม่ได้เรียนหนังสือจะไม่มีอนาคต
ดังนั้นทุกคนจึงให้ความสำคัญกับการศึกษาของเด็ก ๆ มากขึ้น
ที่ทุ่งนาหน้าหมู่บ้าน
หลี่กุ้ยฮวาพาเย่จู๋มาขุดดิน ทำงานร่วมกับคนอื่น ๆ เพื่อหาคะแนนแรงงาน
เย่จู๋ทำงานอย่างไม่มีสมาธิ ทุกครั้งที่เห็นใครเดินออกจากหมู่บ้าน เธอก็รู้สึกอิจฉาอย่างยิ่ง
ในใจของเธอก็ยิ่งรู้สึกหดหู่ลงไปเรื่อย ๆ
เธออายุใกล้จะ 8 ขวบแล้ว แต่ยังไม่ได้เริ่มเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เลย
แม่ของเธอพาเธอมาทำงาน
เธอไม่รู้ว่าอะไรคือการเลือกที่รักมักที่ชัง เพียงแต่รู้สึกเจ็บปวดในใจมาก
“พี่ชาย พวกเราวิ่งเร็ว ๆ กันเถอะ ไม่ต้องรอพี่สาวลี่แล้ว!” เสียงของเย่เสี่ยวจิ่นดังขึ้น
เย่จู๋มองไป
เห็นมีคนทักทายหลี่ชุ่ยชุ่ย
“ชุ่ยชุ่ย จะไปไหนเหรอ?”
หลี่ชุ่ยชุ่ยตอบเสียงดัง “พาลูกชายฉันไปสมัครเรียน เข้ามัธยมต้นแล้ว!”
“ทำไมไม่รีบไปตั้งแต่แรกล่ะ นี่ก็เลยมาตั้งหนึ่งเทอมแล้วนะ”
หลี่ชุ่ยชุ่ยทำหน้าลำบากใจ “ก็คงต้องไปขอร้องคุณครูแล้วล่ะ”
คนอื่น ๆ พูดว่า “เรียนหนังสือดีนะ ยังไงก็ต้องเรียนให้มาก ๆ”
“ใช่แล้ว เรียนหนังสือแล้วมีอนาคต ต่อไปจะได้เป็นผู้ใหญ่บ้านไง”
“ได้ยินมาว่ายังสามารถเป็นครูได้ด้วยนะ เย่หวาย เธอต้องพยายามเรียนให้หนักนะ”
ทุกคนต่างยิ้มแย้มแจ่มใส
เย่จู๋มองตาปริบ ๆ เห็นพวกเขาเดินจากไป
ทันใดนั้น จมูกของเธอก็รู้สึกแสบร้อน เธอทิ้งจอบลงแล้วร้องไห้ออกมา