ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 54 ระบบต้องการให้เธอเป็นผู้นำตัวน้อย (รีไรต์)
- Home
- All Mangas
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 54 ระบบต้องการให้เธอเป็นผู้นำตัวน้อย (รีไรต์)
บทที่ 54 ระบบต้องการให้เธอเป็นผู้นำตัวน้อย (รีไรต์)
บทที่ 54 ระบบต้องการให้เธอเป็นผู้นำตัวน้อย (รีไรต์)
หลี่ชุ่ยชุ่ยถอนหายใจ “จิ่นเป่า พวกเราไปกันเถอะ คงมีคนคิดว่าเราไปดูเรื่องตลกจริง ๆ”
เย่เสี่ยวจิ่นย่นจมูก “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ก็แค่ไปดูเรื่องตลกนั่นแหละ”
หลี่ชุ่ยชุ่ยอดขำกับท่าทีตรงไปตรงมาของเธอไม่ได้
ทั้งครอบครัวพร้อมกับหยางเจวียนไปนั่งที่ระเบียงบ้านของหลี่ต้ากัง ที่นี่เป็นสถานที่นินทาและพูดคุยกัน
มีคนมากมายนั่งกินเมล็ดแตงโมอยู่ที่นี่
เย่จื้อผิงเดินถือไม้เท้า ทันทีที่มาถึงก็มีคนลุกให้ที่นั่ง
“จื้อผิง ขาของนายฟื้นตัวเป็นยังไงบ้าง?”
เย่จื้อผิงยิ้มตอบ “คงต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนเลย”
หลี่ต้ากังมองดูขาของเขาแล้วพูดว่า “งั้นนายคงยังไม่รู้สินะ ขาของลู่เฟิงก็ถูกทุบจนหักเหมือนกัน”
“แต่เขาขาหักทั้งสองข้าง ได้แต่นอนอยู่บนเตียงเท่านั้น”
“นี่ไง ภรรยาของเขาร้องไห้จะกลับบ้านเกิดแล้ว”
หยางเจวียนสีหน้าเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น “แล้วหนี้สินของพวกเขาล่ะ? ไม่ใช่ว่าทุกคนที่ซื้อน้ำมันต้องขอเงินคืนหรอกเหรอ?”
หัวหน้าสตรีหลินซิ่วอิงถอนหายใจ “ใช่แล้ว วันแรกคืนไป 400 กว่า”
“วันที่สองแม่ของลู่เฟิงมาส่งเงิน 100 ก็คืนไปหมด”
“วันที่สามญาติทางบ้านเกิดของจ้าวหลินหลินมาส่งเงินอีกไม่กี่สิบหยวน ก็คืนไปหมดเช่นกัน แต่ก็ยังขาดอีกมาก”
เธอนึกขึ้นมาแล้วรู้สึกอาลัยอาวรณ์ “ตอนนั้นจื้อผิงขาบาดเจ็บ ฉันไปขอเงินค่ารักษาพยาบาลจากพวกเขา พวกเขาก็แกล้งตายไม่ยอมออกมา”
“นี่ไม่ใช่กรรมตามสนองหรอกเหรอ?”
หลินซิ่วอิงเป็นคนใจดีมาก
ถึงกับพูดออกมาแบบนี้กับลู่เฟิง
“ใช่แล้ว ตอนนั้นขาของจื้อผิงได้รับบาดเจ็บก็เพราะช่วยชีวิตไอ้คนอกตัญญูนั่นไว้”
“โชคดีที่ตอนนั้นผู้ใหญ่บ้านสนับสนุนความยุติธรรม ไม่อย่างนั้นเราคงเสียเปรียบมาก”
“ตอนนี้ทุกคนฉลาดขึ้นแล้ว ไม่ช่วยเหลือมันจนตัวเองต้องเดือดร้อน”
“หึ… สมน้ำหน้า!”
เมื่อก่อนตอนที่เรื่องของเย่จื้อผิงเกิดขึ้น แม้ว่าทุกคนจะรังเกียจพฤติกรรมของลู่เฟิงอย่างมากในใจ แต่เขาก็ยังเป็นหัวหน้าทีมลู่ที่มีชื่อเสียง
ไม่มีใครกล้าพูดอะไรเขาต่อหน้า
แต่ตอนนี้มันต่างออกไป เมื่อกำแพงล้ม คนก็พากันผลัก
ใคร ๆ ก็อยากเหยียบย่ำซ้ำเติมกันทั้งนั้น
ยิ่งไปกว่านั้น คนส่วนใหญ่ถูกครอบครัวของพวกเขาทำร้ายอย่างหนัก
เย่จื้อผิงฟังทุกคนด่าลู่เฟิงราวกับว่าเขาไม่ใช่มนุษย์แล้ว
เขาส่ายหัวอย่างจนปัญญา “การเป็นคนก็ต้องทำให้สามารถอยู่กับมโนธรรมของตัวเองได้”
หลี่ชุ่ยชุ่ยพยักหน้า “อย่างน้อยตอนนี้ทุกคนก็รู้แล้วว่าเขาเป็นคนแบบไหน”
เย่เสี่ยวจิ่นพยักหน้า รู้สึกว่าพ่อแม่พูดถูก
หลี่ต้ากังเป็นคนชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน “ไปกันเถอะ พวกเราไปดูที่บ้านเขากัน”
“เมื่อคืนเขาถูกคนหามกลับมาตอนดึก ยังไม่ได้โผล่หน้าออกมาเลย”
“ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”
ประตูบ้านของลู่เฟิงปิดสนิท
ในบ้าน จ้าวหลินหลินร้องไห้สะอึกสะอื้นมองลู่เฟิงที่นอนอยู่บนเตียง
เขาถูกทุบตีจนหน้าตาบวมช้ำ ไม่เหลือเค้าโครงหน้าตาหล่อเหลาเหมือนแต่ก่อนแล้ว
จ้าวหลินหลินน้ำตาคลอ “ดูสิ เงินก็ไม่ได้กลับมา แถมยังโดนซ้อมจนเป็นแบบนี้…”
“พวกเราจะมีชีวิตอยู่ต่อไปยังไงล่ะ?”
“วันนี้พวกนั้นบอกว่าจะมาเอาของในโกดังของเราไปหมด เพื่อชดใช้หนี้”
“ฉันทนต่อไปไม่ไหวแล้วจริง ๆ”
ลู่เฟิงมองเธออย่างยากลำบาก “เธอ…ทั้งหมดนี้ก็เพราะเธอทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ?”
“เธอไม่สงสารฉันสักนิด ยังจะพูดแบบนี้อีก…”
เขาพูดได้แค่สองประโยค ก็หอบหายใจหนัก
ความเจ็บปวดที่ขาทำให้เขาทรมานอย่างแสนสาหัส
จากด้านนอกมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
เมื่อเปิดประตู จ้าวหลินหลินก็เห็นชาวบ้านทยอยเดินเข้ามา
ลู่เฟิงดึงผ้านวมมาคลุมร่างของตัวเอง
เขารู้สึกอับอาย ไม่อยากให้ใครเห็นสภาพที่ดูอนาถาและน่าสมเพชของตน
“โอ้โห! หัวหน้าลู่ ทำไมคุณถึงเป็นแบบนี้ล่ะ?” หลี่ต้ากังรีบวิ่งเข้าไปในบ้านก่อนที่จ้าวหลินหลินจะไล่คนออกไป
“ทุกคนรีบมาปลอบใจหัวหน้าลู่กันหน่อย อย่าให้เขาคิดสั้นนะ”
คนอื่น ๆ ต่างพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
“ใช่แล้ว นายต้องเข้มแข็งหน่อยนะ ถ้านายไม่อดทน แล้วใครจะมาใช้หนี้ก้อนโตนั่นล่ะ?”
“โธ่ นายแค่ขาบาดเจ็บเท่านั้นเอง ยังฟื้นฟูได้นะ”
“ได้ยินมาว่ากระดูกหักรักษาให้หายได้ จื้อผิง ใช่ไหม?”
เย่จื้อผิงถูกทุกคนจ้องมอง เขายิ้มอย่างลำบากใจ “กระดูกหักรักษาให้หายได้”
ลู่เฟิงเห็นเย่จื้อผิงแล้วรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจมากขึ้น
เขาเริ่มคิดว่า อาจเป็นเพราะตัวเองทำไม่ดีกับเย่จื้อผิง
สวรรค์จึงลงโทษให้เขาขาหักด้วยหรือเปล่า?
“ใช่แล้ว เธอก่อเรื่อง ทำให้สามีเธอต้องมาเป็นแบบนี้”
“จ้าวหลินหลิน เธอต้องดูแลเขาให้ดี ๆ นะ ให้หายป่วย”
จ้าวหลินหลินถูกทุกคนพูดสั่งสอนทีละคน
เธอโกรธจนต้องวิ่งเข้าไปในห้องด้านใน
คนอื่น ๆ ก็มาดูเหมือนมาเที่ยวชม ชี้โน่นชี้นี่ที่ลู่เฟิง แล้วก็พากันเดินออกไปเป็นกลุ่ม
ศักดิ์ศรีและหน้าตาของลู่เฟิงแตกกระจายไม่เหลือชิ้นดี
แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด
ผู้ใหญ่บ้านและเลขาธิการมาถึงแล้ว
ซุนจ่างซุ่นและกัวชิงซงต่างมีสีหน้าเคร่งเครียดมาก
ลู่เฟิงพยายามดิ้นรนลุกขึ้นจากเตียง แต่ถูกซุนจ่างซุ่นยกมือห้ามไว้
ซุนจ่างซุ่นมองดูสภาพของเขาแล้วถอนหายใจ ก่อนจะแสดงท่าทีผิดหวังเล็กน้อย
“ลู่เฟิงเอ๋ย นายยังหนุ่มแน่น และเป็นคนขยันขันแข็ง”
“แต่ครั้งนี้เรื่องฉวยโอกาสค้ากำไรของนาย มันเกี่ยวพันกว้างขวางเกินไปแล้ว”
“จริง ๆ แล้วฉันควรจะมาเร็วกว่านี้ แต่เพราะเรื่องของพวกนาย พวกเราต้องไปประชุมที่อำเภอกัน”
กัวชิงซง เมื่อเทียบกับซุนจ่างซุ่นแล้ว ใบหน้าเหลี่ยมของเขาดูเคร่งขรึมยิ่งกว่า
“นายนี่สร้างความเสียหายไม่น้อยเลย ทำให้ชื่อเสียงทั้งหมู่บ้านของเราต้องพลอยเสียหายไปด้วย!” เขาพูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง น้ำเสียงหนักแน่น “ตอนนี้ทั้งต้าหลีรู้กันไปหมดแล้วว่า หมู่บ้านชงเถียนของเรามีคนเก่งที่หลอกเอาเงินได้ตั้งหลายพันหยวน!”
“ก็นายนั่นแหละ! นายกับครอบครัวของจ้าวหลินหลิน ใช้อำนาจแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว!”
“ส่วนเซี่ยวเยว่…หล่อนถูกปลดออกจากตำแหน่งแล้ว ตอนนี้ก็ถึงคิวนายแล้ว!”
ลู่เฟิงตัวสั่น เหงื่อเย็นไหลออกมาจากศีรษะ
“ผู้ใหญ่บ้าน คุณเลขาฯ ขอโอกาสให้ผมแก้ตัวด้วยเถอะครับ”
“พวกเราจะคืนเงินทั้งหมด”
“ผมก็ทำไปเพื่อให้ชาวบ้านได้กินน้ำมันกันนะครับ…”
“พอเถอะ ลู่เฟิง อย่าพูดอีกเลย” ซุนจ่างซุ่นโบกมือด้วยความรำคาญ “ตอนนี้นายกลายเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแล้ว ไม่เหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้าทีมอีกต่อไป”
“แค่มาแจ้งให้นายรู้เท่านั้น นี่เป็นคำสั่งจากเบื้องบน”
“นอกจากนาย ฉันกับเลขาฯ ก็โดนลงโทษด้วย”
กัวชิงซงแค่นเสียงหึ แล้วสะบัดแขนเสื้อเดินออกไปด้วยความโกรธ
ซุนจ่างซุ่นก็จากไปแล้ว
ลู่เฟิงนอนอย่างหมดเรี่ยวแรงอยู่บนเตียง รู้สึกว่าพลังทั้งหมดในร่างกายหายไปหมดแล้ว
“จบแล้ว คราวนี้จบจริง ๆ แล้ว”
เช่นเดียวกัน เซี่ยวเยว่ในฐานะหัวหน้าทีมที่ได้รับผลประโยชน์มากมาย
เมื่อรู้ว่าตำแหน่งหัวหน้าทีมหายไปแล้ว หล่อนก็ร้องไห้อยู่ที่บ้านจนไม่กล้าพบหน้าใคร รู้สึกว่าคนอื่นจะหัวเราะเยาะหล่อน
ท้ายที่สุดหล่อนก็เคยหยิ่งผยองมาก ไม่เคยสุภาพกับใครเลย ถึงตอนนี้คนอื่นก็คงไม่ปล่อยหล่อนไปง่าย ๆ
หลี่ชุ่ยชุ่ยและหยางเจวียนกำลังเก็บผักกูดบนเนินเขา
ในฤดูกาลนี้ ผักกูดบนภูเขามีมากมาย งอกงามทั้งอ่อนและอวบ
“ชุ่ยชุ่ย เรื่องราวที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านนี้ช่างมากมายจริง ๆ นะ”
“ตำแหน่งของเซี่ยวเยว่หายไปแล้ว และจะต้องเลือกหัวหน้าสวนผลไม้คนใหม่ เธอคิดว่าใครจะไปลงสมัครล่ะ?”
หลี่ชุ่ยชุ่ยส่ายหัว “ฉันไม่รู้เลย คาดว่า…คาดว่าคงมีคนไปสมัครไม่น้อยเลยมั้ง?”
“การเป็นหัวหน้าช่างดีจริง ๆ ได้ดูแลคนมากมาย แถมยังดูมีหน้ามีตาอีกด้วย”
“เงินที่ได้รับตอนสิ้นปียังมากกว่าคนอื่น ๆ อีกนะ”
“ลงสมัครเป็นหัวหน้าเหรอ?” เย่เสี่ยวจิ่นนั่งอยู่ข้าง ๆ ยังคงศึกษาผักกูดสีเขียวและสีดำอยู่
เธอเพียงแค่ฟังผ่าน ๆ เท่านั้น
แต่ระบบกลับส่งเสียงขึ้นมาทันที
[ผู้นำที่ดีสามารถนำพาทุกคนหลุดพ้นจากความยากจนและมั่งคั่งได้]
[คุณมีทักษะการปลูกผลไม้ขั้นต้น และยังเป็นผู้มีความสามารถสูงด้านการบริหารจัดการ การเป็นหัวหน้าทีมสวนผลไม้ จึงเป็นสิ่งที่สมควรอย่างยิ่ง!]
[ในยุคสมัยที่เต็มไปด้วยความปั่นป่วน การคว้าโอกาสเพื่อแสดงความสามารถของตัวเองออกมานั้น ถือเป็นทางเลือกที่ดีทีเดียวนะ!]
[ระบบได้เปิดภารกิจ ‘ผู้นำตัวน้อย’ ให้กับโฮสต์แล้ว หากทำภารกิจสำเร็จจะได้รับรางวัลเป็นค่าสุขภาพ +20!]