ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 47 ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น (รีไรต์)
- Home
- All Mangas
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 47 ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น (รีไรต์)
บทที่ 47 ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น (รีไรต์)
บทที่ 47 ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น (รีไรต์)
หลี่ชุ่ยชุ่ยรู้สึกราวกับหัวใจถูกบีบรัด หากหล่อนไม่ยอมเป็นเบี้ยล่างให้คนอื่นมาตลอด อย่างน้อยก็คงมีเงินพอส่งเสียเสี่ยวหวายได้เรียนหนังสือ
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา หล่อนยอมก้มหัวให้คนอื่นมามากพอแล้ว
ลูกชายคนโตก็โตเป็นหนุ่ม กำลังจะแต่งงาน
ส่วนลูกชายคนรองวัยขนาดนี้ จะให้ทำงานหนักไปตลอดก็ไม่ได้
ยิ่งจิ่นเป่าไม่สบาย ค่ารักษาพยาบาลก็ไม่ใช่น้อย
แต่ดูเหมือนหลิวต้าเม่ยจะไม่เคยใส่ใจเรื่องพวกนี้เลย
หลี่ชุ่ยชุ่ยเอ่ยเสียงแผ่ว “แม่ พวกเราไม่มีเงินมากขนาดนั้นหรอกค่ะ”
เย่จื้อผิงเห็นหลี่ชุ่ยชุ่ยหน้าซีดเผือด ครั้งนี้แม้แต่เขาก็ไม่ยอมตกลง
หลิวต้าเม่ยโกรธจัด “พวกแกนี่มันใจดำกันทั้งบ้านเลยรึไง”
“เจ้าสาม แกตอนเด็ก ๆ ก็ถูกพี่ชายแบกหลังเลี้ยงดูมา”
“ลองคิดดูว่าแกทำแบบนี้มันสมควรกับพี่ใหญ่ของแกเหรอ?”
“ตอนนี้ลูกชายเขากำลังลำบาก พวกแกช่วยออกหน่อยก็ได้ พวกแกเก็บเงินไว้ก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร”
หลี่ชุ่ยชุ่ยทนไม่ไหว ลุกขึ้นแล้วเดินหนีไป
เย่จื้อผิงก็หยิบไม้เท้าขึ้น เดินกะเผลกตามไป
หลิวต้าเม่ยตะโกนไล่หลัง “เย่จื้อผิง แกทำแบบนี้มันบาปกรรมนะ”
“ถ้าเหวินชางได้ดี แกก็พลอยได้ดีไปด้วย”
หลี่ชุ่ยชุ่ยกลับมาร้องไห้ที่บ้าน
หล่อนเองก็กำพร้าพ่อตั้งแต่เด็ก แม่ก็แต่งงานใหม่
มีพี่ชายสองคน แบ่งมรดกกันไปหมด ไม่เหลือมาถึงหล่อนสักชิ้น
แต่หล่อนก็ไม่เคยเสียใจที่ได้แต่งงานกับเย่จื้อผิง
อย่างน้อย เย่จื้อผิงก็รักหล่อนและลูก ๆ
ไม่เหมือนกับพี่ชายทั้งสองที่เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้!
ตัวหล่อนเองเติบโตมากับการกินข้าวแดงแกงร้อนจากชาวบ้าน การได้แต่งงานกับเย่จื้อผิง นับว่าเป็นบุญวาสนาของหล่อนแล้ว
แต่ไม่นึกเลยว่า แม้หล่อนจะไม่ได้เรียกร้องอะไร ชีวิตหลายปีมานี้กลับต้องเผชิญความทุกข์ทรมานไม่น้อย
เย่จื้อผิงกลับมาถึงบ้าน ได้ยินเสียงหลี่ชุ่ยชุ่ยกำลังร้องไห้
เขารีบตรงเข้าไปหา “ชุ่ยชุ่ย แม่ผมก็เป็นคนแบบนี้แหละ พูดจาไม่ค่อยน่าฟัง”
“ไม่ต้องกังวล ครั้งนี้เราจะไม่เอาเงินไปให้พวกเขาหรอก”
“ผมคิดว่าถ้าเสี่ยวหวายเห็นด้วย ก็ให้เขากลับไปเรียนต่อ”
“คุณตกลงไหม?”
เย่จื้อผิงในฐานะพ่อคนหนึ่งที่เห็นผลการเรียนของเย่หวายดีขนาดนั้นแต่ไม่ได้เรียนต่อ แถมร่างกายยังผอมกะหร่อง ต้องมาทำงานหนักตามเขา
ในใจเขาจะไม่เจ็บปวดได้อย่างไร?
เย่หวายอายุเพียง 13 ปี กำลังแบกหินอยู่บนคลองส่งน้ำ ไหล่ของเขาถลอกจนเลือดออก
เขาไม่ปริปากบ่นแม้แต่คำเดียว
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเห็นไหล่ของลูกเปื้อนเลือด ก็คงไม่รู้ว่าเย่หวายอดทนได้ขนาดนี้
หลี่ชุ่ยชุ่ยเงยหน้าขึ้นมองด้วยดวงตาที่มีน้ำตาคลอ “ถ้าเสี่ยวหวายไปเรียนหนังสือ แล้วโรคของจิ่นเป่าจะทำยังไงล่ะ?”
“ขาของผมจะหายเร็ว ๆ นี้ ถึงตอนนั้นก็จะหาเงินได้”
“อีกอย่าง ตอนนี้เจ้าใหญ่กับเจ้ารองก็กำลังทำงานอยู่นะ”
“เดี๋ยวชีวิตของเราจะดีขึ้นเอง”
เย่เสี่ยวจิ่นกับเย่หวายค่อย ๆ เดินกลับบ้านด้วยกัน
เย่หวายอุ้มหนังสือไว้ ดูมีความสุขมาก “จิ่นเป่า เธอโตขึ้นเมื่อไหร่ เธอต้องไปเรียนหนังสือนะ”
“การเรียนหนังสือนี่ดีมากเลย ในหนังสือมีความรู้มากมาย”
“ยิ่งเรียนสูง ยิ่งมีอนาคตไกล แถมยังหาเงินได้เยอะอีกด้วย”
เธอพยักหน้าเห็นด้วย “พี่พูดถูก”
ดวงตาของพี่ชายฉายแววความหวัง “รอจิ่นเป่าโตพอไปโรงเรียน พี่จะไปทำงานที่โรงเรียนของจิ่นเป่า คอยตักข้าวให้เยอะ ๆ ทุกวันเลย”
“แบบนี้พี่ก็จะมีเงินส่งให้จิ่นเป่าเรียน”
“ถ้ามีใครมารังแกจิ่นเป่า พี่จะได้ปกป้องจิ่นเป่าได้ด้วย”
เธอหัวเราะคิกคัก
“ไม่เอาหรอก ความคิดพี่แปลกจัง จะมาเฝ้าฉันทุกวันเลยเหรอ”
“แล้วอนาคตของพี่จะทำยังไงล่ะ”
“ถ้าได้อยู่ในเมืองเมื่อไหร่ พี่จะส่งไก่ส่งเป็ดไปให้จิ่นเป่าถึงที่เลย”
เย่เสี่ยวจิ่นส่ายหน้า
เธอไม่ต้องการให้พี่ชายต้องเสียสละตัวเองเพื่อปูทางให้เธอ
เขาเองก็ยังเป็นเด็กอยู่เลย!
“ไม่ได้”
เย่เสี่ยวจิ่นกระโดดโลดเต้นไปข้างหน้า
ระหว่างทางมีคนเห็นเย่เสี่ยวจิ่น จึงร้องเรียก “เอ๊ะ ดีจังที่พวกเธออยู่ที่นี่พอดี ฉันจะได้ไม่ต้องไปหาถึงบ้าน”
เย่เสี่ยวจิ่นเห็นว่าคนที่เข้ามาหาคือจ้าวหลินหลิน
“มีอะไรเหรอคะ”
จ้าวหลินหลินเหงื่อไหลเต็มหน้าผาก มองเย่เสี่ยวจิ่นอย่างเหยียดหยัน “ฝากบอกคนในบ้านเธอด้วย พรุ่งนี้เช้าให้มาที่หน้าบ้านฉัน แล้วเอาถังใส่น้ำมันของตัวเองกลับไปด้วย”
“อย่าลืมไปแต่เช้าละ ต้องตรวจสอบให้ดีด้วย เดี๋ยวจะผิดพลาด” หล่อนว่า
“รับไปแล้วจะไม่รับผิดชอบนะ”
หลังจากจ้าวหลินหลินพูดจบ หล่อนก็เหลือบไปเห็นหนังสือในมือของเย่หวาย
หล่อนแสยะยิ้มเยาะเย้ย “วันนี้ที่บ้านเธอจัดงานเลี้ยงฉลองสอบเข้ามัธยมปลายเหรอ”
“นี่ยังไงล่ะ ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ลูกใครก็เป็นแบบนั้น เกิดเป็นลูกหนูก็ต้องขุดรูอยู่วันยังค่ำ”
“เป็นครอบครัวเย่เหมือนกัน แต่โชคชะตานี่ต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยนะ”
พูดจบ หล่อนก็รีบไปแจ้งคนอื่น ๆ ต่อ
เย่เสี่ยวจิ่นมองตามด้วยสายตาไม่สบอารมณ์ “ผู้หญิงคนนี้นี่พูดจาประชดประชันเก่งจริง ๆ”
เย่เสี่ยวจิ่นรู้สึกอยากรู้มากว่าหล่อนไปหาซื้อน้ำมันราคาถูกขนาดนี้ได้จากที่ไหนกัน
“พี่ชาย งั้นพี่กลับบ้านก่อนเลย เดี๋ยวฉันไปแจ้งคนอื่น ๆ เอง”
“จิ่นเป่า หรือพี่ไปเองดีกว่า เธออยู่เฝ้าของตรงนี้ให้พี่ก็แล้วกัน” เย่หวายวางหนังสือลงบนพื้น “แขนขาเธอเล็กนิดเดียว เดินไปก็คงลำบาก”
เย่เสี่ยวจิ่นนั่งลงบนพื้นแล้วยิ้มร่า “งั้นฉันรอพี่ตรงนี้นะ”
เย่หวายวิ่งแจ้นไปที่บ้านของหลี่กุ้ยฮวา
เพิ่งจะถึงหน้าบ้าน ก็ได้ยินเสียงหลี่กุ้ยฮวากับหลิวต้าเม่ยกำลังก่นด่า
ที่พวกหล่อนด่าก็คือเรื่องที่บ้านของเขาไม่ยอมจ่ายเงินนั่นแหละ
ใจของเขาหนักอึ้ง รู้สึกไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
ถ้าบ้านเขามีเงินจริง ๆ ป่านนี้คงได้พาจิ่นเป่าไปหาหมอแล้ว
ตอนนี้บ้านเขาไม่มีเงินจริง ๆ ด่าไปแล้วจะได้ประโยชน์อะไร
เขาเดินเข้าไปในบ้าน “คุณย่า คุณป้าใหญ่ ครอบครัวจ้าวบอกว่าอยากให้พวกคุณเอาถังไปใส่น้ำมันวันพรุ่งนี้ตอนเช้าๆ หน่อย”
สีหน้าของหลี่กุ้ยฮวาดูดีใจขึ้นมาทันที “เร็วขนาดนั้นเลย?”
“ก่อนหน้านี้จ้าวหลินหลินบอกว่าญาติของหล่อนรับถังน้ำมันตามที่สั่ง ฉันก็นึกว่าต้องรอหลายวันเสียอีก”
“นี่ผ่านไปไม่กี่วันก็ส่งน้ำมันมาให้หมดแล้ว หล่อนนี่ไว้ใจได้จริง ๆ”
หลิวต้าเม่ยก็ยิ้มดีใจ “ฉันก็กังวลเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ดูท่าทางหล่อนคนนี้ใช้ได้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนถึงแห่ไปซื้อของจากหล่อนเยอะแยะ”
หลี่กุ้ยฮวามองไปที่เย่หวายแล้วแกล้งพูดแขวะว่า “ครอบครัวแกน่ะสิ ไปทำให้เขาโกรธเคืองเข้า ซื้อน้ำมันดี ๆ แบบนี้ไม่ได้แล้ว”
“จะโทษก็โทษแม่แกนั่นแหละ นิสัยไม่ดี ตอนนี้ครอบครัวแกเลยอดซื้อน้ำมันกันหมด”
“วันหลังให้แม่แกไปขอโทษเขาสิ ฝากซื้อเผื่อพวกแกด้วยเลย”
หลิวต้าเม่ยรีบผสมโรง “ใช่ ๆๆ อย่าโง่นักเลย โอกาสทองแบบนี้หาไม่ได้ง่าย ๆ นะ”
เย่หวายรู้ตื้นลึกหนาบางดี เขาเม้มริมฝีปากแน่น “ย่า ป้าใหญ่ ผมไปก่อนนะครับ”
หลี่กุ้ยฮวาทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ “โอ๊ย เด็กคนนี้มันช่างไม่เชื่อฟังเอาเสียเลย”
“แม่ลูกคู่นี้หัวแข็งเหมือนกันจริง ๆ”
“คนอย่างนี้ไม่รู้จักทำมาหากิน สมควรแล้วที่ต่อไปต้องซื้อน้ำมันแพง ๆ”
ตกเย็น
เย่หวายจัดหนังสือทั้งหมดที่เย่เหวินชางให้มาอย่างเรียบร้อย
เขาอาศัยแสงเทียนอันริบหรี่อ่านหนังสือ ดวงตาเป็นประกาย
ในหนังสือเรียนมัธยมต้นมีบางคำที่เขาไม่รู้จัก
“พี่ชาย” เสี่ยวจิ่นวิ่งเข้ามาในห้อง “เรียนแบบนี้ไม่ดีต่อสายตานะคะ”
เย่หวายรีบปิดหนังสือด้วยท่าทางร้อนรน “จิ่นเป่า นี่พี่แค่ดูเล่น ๆ เดี๋ยวก็เข้านอนแล้ว”
“ไม่เป็นไรค่ะ” เสี่ยวจิ่นหยิบตะเกียงเหมืองขึ้นมาเปิด
ทันใดนั้นห้องก็สว่างไสวราวกับกลางวัน
“นี่คือตะเกียงเหมือง พี่ชายแค่กดปุ่มก็เปิดได้แล้วค่ะ”
“ปกติเอาไปตากแดดไว้ข้างนอกบ้าน ก็ชาร์จไฟได้แล้ว”
เย่หวายไม่ได้ใส่ใจนัก กระซิบว่า “จิ่นเป่า อย่าบอกพ่อกับแม่นะว่าพี่อ่านหนังสือ”
เขากลัวพ่อกับแม่จะรู้สึกผิดและเสียใจ
เย่เสี่ยวจิ่นตัวเล็กนิดเดียว ยืนกอดอกถอนหายใจ
“พี่ไม่อยากเรียนต่อเหรอ หนูบอกพ่อกับแม่ให้ได้นะ”
เย่หวายยิ้ม “จิ่นเป่า พี่ไม่ชอบเรียนหนังสือ”
“เรียนหนังสือมันไม่สนุกเลย”
“พี่อยู่บ้านทำงานบ้าน สนุกกว่าเยอะ”
เย่เสี่ยวจิ่นไม่ได้พูดอะไรต่อ
พอเช้าวันใหม่ ทุกคนในบ้านก็ต้องออกไปทำงานที่หน่วยผลิตกันหมด
อย่างไรก็ตาม วันนี้หมู่บ้านคึกคักมาก มีผู้คนมากมาย
ไม่เพียงแต่คนในหมู่บ้านเท่านั้น แม้แต่คนจากหมู่บ้านข้างเคียงก็มากันถึงยี่สิบสามสิบคน
เป็นเพราะพวกเขาทั้งหมดได้รับข่าวและมาที่บ้านตระกูลจ้าวเพื่อรับน้ำมัน