ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 43 ราคาน้ำมันต่ำสุดต้องเก้าเหมาเหรอ (รีไรต์)
- Home
- All Mangas
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 43 ราคาน้ำมันต่ำสุดต้องเก้าเหมาเหรอ (รีไรต์)
บทที่ 43 ราคาน้ำมันต่ำสุดต้องเก้าเหมาเหรอ? (รีไรต์)
บทที่ 43 ราคาน้ำมันต่ำสุดต้องเก้าเหมาเหรอ? (รีไรต์)
“พ่อกับแม่หนูเป็นชาวนา ทำได้แค่ทำงานหนัก หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินเพื่อหาเงิน”
“แต่พี่ชายเป็นคนมีการศึกษา หาเงินได้อย่างสบาย”
“สรุปก็คือ เป็นเพราะพี่ชายมีความสามารถมากกว่ายังไงล่ะ!”
นักศึกษาชายมองเย่เสี่ยวจิ่นอย่างเอ็นดู พูดจาน่ารักน่าฟัง
“พูดถูกแล้ว ฝ้ายคุณภาพต่างกัน มูลค่าก็ย่อมต่างกัน”
“ฝ้ายคุณภาพดีขนาดนี้ ต้องใช้ความพยายามมากกว่าจะปลูกได้”
“น้องสาวตัวแค่นี้ พูดจาฉะฉานดีจริง”
ซุนเหวินฮึดฮัด “พวกแกนี่แย่กว่าเด็กน้อยอีก รีบขนฝ้ายได้แล้ว!”
คราวนี้นักศึกษาชายไม่ได้พูดอะไรอีก
ทุกคนต่างพากันหัวเราะอย่างอารมณ์ดีแล้วเดินจากไป
หลี่ชุ่ยชุ่ยกะพริบตาปริบ ๆ อย่างงุนงง
แค่จิ่นเป่าเอ่ยปากชมคนอื่นไม่กี่คำ พวกเขาก็ไม่มีความเห็นอะไรแล้ว?
“จิ่นเป่า ทำไมแค่ลูกพูดสองสามประโยค คนอื่นถึงได้หัวเราะกันล่ะ”
“แม่ นี่เรียกว่าเอาใจคนจนได้ผลต่างหากค่ะ” เย่เสี่ยวจิ่นแลบลิ้น
“ยังไงจิ่นเป่าก็เก่งอยู่ดี” หลี่ชุ่ยชุ่ยพูดพร้อมกับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี หล่อนหันไปมองเย่จื้อผิง “จื้อผิง ฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว พวกเรากลับกันเถอะ”
เย่จื้อผิงพยายามฝืนลุกขึ้นยืน ความจริงแล้วเขาปวดขามาก
แต่เขาก็ทนเจ็บไว้โดยไม่ปริปากบ่น
เขาใช้ไม้เท้าค้ำ “เกวียนวัวคงใกล้จะมารับพวกเราแล้ว เก็บของกันเถอะ”
หลี่ชุ่ยชุ่ยรีบเก็บข้าวของทันที
ไม่นานนัก เหยาซิ่วซิ่วก็วิ่งนำหน้าเพื่อนร่วมงานผู้หญิงอีกสองสามคนมาถึง
“ขอโทษที พวกเรามีประชุมตอนกลางวัน เลยออกมาไม่ได้” หล่อนเอ่ยอย่างรู้สึกผิด
“พอดีเพื่อนร่วมงานเห็นฝ้ายที่ฉันซื้อไปแล้ว พวกหล่อนเลยอยากได้บ้าง”
“พวกคุณยังเหลืออีกเยอะไหม”
หลี่ชุ่ยชุ่ยรู้สึกยินดี “ยังเหลืออีก 14 ชั่งค่ะ”
เหยาซิ่วซิ่วขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหันไปพูดกับเพื่อนร่วมงานของเธอว่า “ได้ยินไหม ฉันบอกแล้วว่าฝ้ายร้านนี้ดี ไม่ทันไรก็เกือบจะขายหมดแล้ว”
“ถ้ายังมัวแต่ลังเล คงไม่ได้แม้แต่ครึ่งชั่งหรอก”
เหล่าผู้หญิงต่างก็อยากได้ฝ้าย แต่ในเวลานี้กลับไม่รู้จะแบ่งกันอย่างไร
“พวกเธอไม่ต้องแย่งฉันหรอก ฉันจะเอาไปทำผ้านวม”
“ผ้านวมที่เคยใช้มาก่อนหน้านี้หนักมาก ห่มแล้วรู้สึกอึดอัด”
“ฝ้ายนี้ต้องทั้งเบาและอุ่นแน่ ๆ”
ผู้หญิงที่พูดเป็นคนมาจากเมืองใหญ่ ก่อนหน้านี้เคยห่มแต่ผ้านวมดี ๆ
มาอยู่ที่นี่แล้วนอนไม่ค่อยหลับทุกคืน
ทุกคนก็ไม่ได้แย่งกับหล่อน หล่อนหยิบเงินสิบสี่หยวนออกมา ก่อนจะเหมาฝ้ายไปทั้งหมด
เหยาซิ่วซิ่วยิ้มพูดกับสองสามีภรรยา “ของพวกคุณดีมาก ถ้ามีของดี ๆ แบบนี้อีกก็เอามาขายที่นี่นะ ฉันจะซื้อ”
หลี่ชุ่ยชุ่ยรู้สึกตื่นเต้นดีใจ “ได้ค่ะ”
พวกเธอยิ้มแย้มเดินจากไป
หลี่ชุ่ยชุ่ยรู้สึกทึ่ง “คนมีการศึกษานี่ดีจริง ๆ”
เย่จื้อผิงพยักหน้า ตั้งใจแน่วแน่ว่าต่อไปจะให้จิ่นเป่าเรียนหนังสือ ทำงานสบาย ๆ
เซี่ยวฟู่กุ้ยเลิกงานแล้วเดินเอื่อยเฉื่อยมาถึงหน้าประตู เห็นหลี่ชุ่ยชุ่ยกับเย่จื้อผิงกำลังจะกลับบ้าน
“ดูพวกเธอยังขายไม่หมด คงขายราคาถูกสินะ ได้เจ็ดเหมาหรือหกเหมากันล่ะ”
เขาลูบผมตัวเองพร้อมกับพูดว่า “ฮ่า ๆ ๆ บอกแล้วว่ามาขายช่วงฤดูใบไม้ผลิแบบนี้มันไม่ทันกาลหรอก”
เย่เสี่ยวจิ่นพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ พวกเราขายราคาเต็ม หมดแล้ว โชคดีมาก”
เซี่ยวฟู่กุ้ยไม่เชื่อ
“โกหกทำไม กลัวเสียหน้ารึไง”
เย่เสี่ยวจิ่นแค่นเสียงใส่ ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด
เซี่ยวฟู่กุ้ยเดินไปวนเวียนอยู่แถว ๆ สามีภรรยาคู่นั้น “รู้งี้ขายให้ฉันในราคาถูก ๆ แบบนั้นดีกว่า ฉันจะช่วยโฆษณาให้ด้วย”
พ่อค้าแม่ค้าที่ตั้งร้านอยู่แถวนั้นเห็นสามีภรรยาที่ขายฝ้ายได้หลายต่อหลายครั้งแล้ว
พวกเขาตาเป็นไฟ ร้อนรุ่มไปด้วยความริษยา พูดว่า “ของแบบนี้เขาขายกันเป็นชั่ง ชั่งละหยวนเชียวนะ”
“ขายได้ตั้งเก้าสิบกว่าหยวนแน่ะ”
“ฉันตั้งแผงขายของทั้งเดือนยังทำเงินไม่ได้ขนาดนั้นเลย…อย่าว่าแต่เดือนเดียวเลย สามเดือนก็ยังไม่ได้!”
พ่อค้าแม่ค้าพากันอิจฉาแทบเป็นแทบตาย อยากจะให้ตัวเองมีของขายดีแบบนี้บ้างเหลือเกิน
เซี่ยวฟู่กุ้ยไม่อยากจะเชื่อ “เป็นไปไม่ได้หรอก ชั่งละหยวน ใครซื้อก็โง่แล้ว”
เงินเดือนเดือนหนึ่งของเซี่ยวฟู่กุ้ยแค่สามสิบหยวน เขาไม่เชื่อหรอกว่าขายแค่ฝ้ายวันเดียวจะได้เงินตั้งเก้าสิบกว่าหยวน
ทุกคนไม่สนใจเซี่ยวฟู่กุ้ยกันเลย
ในใจของเซี่ยวฟู่กุ้ยเต็มไปด้วยความตกใจและสงสัย รีบวิ่งตามไปถามราคาจากเหยาซิ่วซิ่วและคนอื่น ๆ
ไม่นานเกวียนวัวก็มาถึง
ลุงคนขับเกวียนเห็นพวกเขาก็ทักทายขึ้นมา
เขาเองก็ไม่รู้ว่าพวกเขามาขายของ จึงไม่ได้ถามอะไรต่อ
พอเย่จื้อผิงขึ้นเกวียนเท่านั้น ก็มีคนวิ่งมา
คนคนนั้นใส่ชุดทำงาน บนเสื้อมีตัวอักษรเขียนว่า ‘สหกรณ์’
หลี่ชุ่ยชุ่ยตกใจมาก นึกว่าพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ขายฝ้าย คนคนนี้เลยมาต่อว่าพวกเขา!
“คุณครับ คุณ รอสักครู่”
คนของสหกรณ์มีสีหน้าใจดี “ผมเพิ่งเจออาจารย์ซุน เขาบอกว่าฝ้ายที่พวกคุณขายดีมาก”
“ผมดูแล้ว ก็รู้สึกว่าดีมากจริง ๆ พวกคุณปลูกพันธุ์อะไรเหรอครับ?”
“ผมยังไม่เคยเห็นฝ้ายที่ดีขนาดนี้มาก่อนเลย ปีหน้าพวกคุณปลูกอีกเท่าไหร่? สามารถขายให้พวกเราได้ไหม?”
ของของสหกรณ์ ล้วนมาจากชาวบ้านทุกหมู่บ้าน
ความต้องการของพวกเขามีมาก เพียงแค่ครอบครัวของเย่จื้อผิงครอบครัวเดียวคงไม่พอ
หลี่ชุ่ยชุ่ยรีบปฏิเสธ “พวกเราก็แค่ปลูกไว้ข้างบ้านนิดหน่อย ปกติก็ยังทำงานอยู่ในหมู่บ้านนั่นแหละ”
คนของสหกรณ์รู้สึกเสียดาย “คุณไปบอกคนในหมู่บ้านสิ ให้ขยายพื้นที่ปลูก อีกหน่อยจะได้ไปรับซื้อถึงหมู่บ้าน”
“แบบนี้มันคุ้มกว่าปลูกอย่างอื่นอีกนะ ได้ราคาดีกว่าเยอะ”
“แล้วของพวกคุณก็คุณภาพดี ส่งไปขายเมืองใหญ่ รับรองขายดิบขายดีแน่นอน”
หลี่ชุ่ยชุ่ยปฏิเสธอย่างอ้อมแอ้ม
หล่อนเอาพันธุ์แบบนี้มาจากไหน พูดมากไปเดี๋ยวก็ความแตกหรอก
คนของสหกรณ์เห็นว่าหล่อนปฏิเสธเสียงแข็ง ก็เลยไม่กล้าคะยั้นคะยอต่อ
“งั้นก็เอาอย่างนี้ คุณกลับไปเถอะฟ้าจะมืดแล้ว”
เย่เสี่ยวจิ่นนั่งอยู่บนเกวียน ดวงตากลมโตกลิ้งไปมา “พี่ชายคะ ที่สหกรณ์มีน้ำมันขายไหมคะ ตอนนี้ราคาเท่าไหร่”
ชายคนนั้นหัวเราะ “มีสิ ช่วงนี้หลายที่ประสบภัย ราคาน้ำมันพืช ปีนี้เลยขึ้นเยอะเลย”
“ช่วงปีใหม่ยังเจ็ดเหมาต่อชั่งอยู่เลย ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว ขึ้นเป็นเก้าเหมาแล้ว”
เย่เสี่ยวจิ่นยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นห้าเหมาต่อจินจะซื้อได้ไหม”
“ห้าเหมา?” พนักงานขายขมวดคิ้ว เหมือนได้ยินเรื่องแปลก
เขาส่ายหัวพร้อมหัวเราะ “แบบนั้นไม่ได้หรอก มีใครรับซื้อจากพวกเธอหรือเปล่า อย่าไปหลงกลเขาล่ะ”
“ตอนนี้น้ำมันโหยวไช่ฮวาอย่างต่ำก็เก้าเหมา ไม่มีทางห้าเหมาแน่นอน!”
เขาพูดอย่างหนักแน่น เย่เสี่ยวจิ่นก็เชื่อ
หลี่ชุ่ยชุ่ยรู้ว่าเย่เสี่ยวจิ่นถามแบบนี้ทำไม
ในใจหล่อนก็แปลกใจ น้ำมันพืชราคาขึ้นไปเก้าเหมาต่อชั่งแล้ว
แล้วอย่างนี้จ้าวหลินหลินจะไปซื้อราคาห้าเหมาต่อชั่งได้อย่างไร
แปลกจริง ๆ
ขณะที่ครอบครัวของพวกเขานั่งเกวียนวัว
คนขับเกวียนก็พูดขึ้นมาทันทีว่า “ก่อนหน้านี้ฉันได้ยินมาว่าในหมู่บ้านของคุณมีคนขายน้ำมัน ครึ่งหยวนต่อชั่ง หัวหน้าหมู่บ้านเซี่ยวของคุณ…”
“มาที่หมู่บ้านของพวกเรา บอกให้ทุกคนซื้อ ตอนนี้ครึ่งหนึ่งของทุกบ้านก็น่าจะซื้อไปแล้ว”
“ถ้าน้ำมันนี้ไม่ดี ก็เป็นการทำร้ายคนอื่นนะ”