ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 4 สองพี่น้องจากในเมือง (รีไรต์)
- Home
- All Mangas
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 4 สองพี่น้องจากในเมือง (รีไรต์)
บทที่ 4 สองพี่น้องจากในเมือง (รีไรต์)
บทที่ 4 สองพี่น้องจากในเมือง (รีไรต์)
“เธอพูดจาเหลวไหลอะไร?!”
แม้หลี่ชุ่ยชุ่ยจะยากจน แต่หล่อนไม่มีทางขโมยไก่ของคนอื่นเด็ดขาด!
ครอบครัวของหลี่กุ้ยฮวาดุร้ายราวกับปีศาจ ต่อให้หิวแทบตาย ก็ไม่กล้าทำแบบนั้นแน่นอน…
ทุกคนรู้ดีว่าครอบครัวนี้มักหาเรื่องคนอื่นไปทั่ว
ใครบังอาจเอาเปรียบพวกเขา แม้แต่วันปีใหม่ก็อย่าหวังว่าจะมีความสุข
หลี่ชุ่ยชุ่ยพยายามหลีกเลี่ยงพวกเขามาตลอด
ถึงอย่างนั้นก็ยังถูกคนพวกนี้รังแกอยู่บ่อยครั้ง
“เธอนั่นแหละที่รู้อยู่แก่ใจ ใจคอโหดเหี้ยม น่ารังเกียจ!”
“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าแกทำอะไร เล่ห์เหลี่ยมแค่นี้ยังอ่อนหัด!”
“แกก็แค่อิจฉาที่ไก่ของฉันมันเลี้ยงง่าย พอฉันเผลอ ก็ทำเรื่องชั่ว ๆ แบบนี้”
เย่จื้อเฉียงก็ขมวดคิ้ว แสร้งทำเป็นพูดว่า “น้องสะใภ้ ฉันก็รู้นะว่าเธอต้องดูแลลูกสาว ลำบากมาก ไม่อยากจะมาซักถามเธอตอนที่น้องสามไม่อยู่บ้านหรอก เดี๋ยวคนอื่นจะเอาไปนินทา หาว่าเราสองคนผัวเมียรังแกเธอ”
“แต่ช่วงนี้เธอก็สร้างเรื่องมากเกินไปแล้ว ตอนนี้ยังมารังแกถึงบ้านเราแบบนี้ มันไม่ถูกต้อง”
หลี่กุ้ยฮวาพยักหน้า “ถ้าพวกเราไม่มา แกคงคิดว่าพวกเรารังแกได้ง่าย ๆ สินะ”
หลี่ชุ่ยชุ่ยเถียงไม่ออก ร้อนใจจนแทบเป็นบ้า “ฉันไม่ได้ขโมยไก่ของพวกคุณ พวกคุณใส่ร้ายป้ายสีฉัน!”
“ฉันไม่เคยทำเรื่องแบบนี้ ฉันไม่ยอมรับเด็ดขาด”
หลี่กุ้ยฮวามองบน “ฉันไม่สนหรอกนะว่าแกจะพูดอะไร รีบเอาไก่ของฉันมาคืนซะ ไข่ไก่ด้วย!”
“ถ้าขาดไปแม้แต่ฟองเดียว ฉันจะเผาบ้านแกทิ้งซะ!”
“ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่น้องสามเลย ต่อให้เทพเซียนที่ไหนมาก็ช่วยไม่ได้!”
มุมปากของเย่เสี่ยวจิ่นเมมแน่น ยัยป้าคนนี้ ดุไม่ใช่น้อยเลย
“จิ่นเป่า จะวิ่งไปไหน….” หลี่ชุ่ยชุ่ยจะวิ่งตาม แต่ก็ถูกขวางไว้
หลี่กุ้ยฮวาคว้าแขนหลี่ชุ่ยชุ่ยไว้ “แกห้ามไปไหนทั้งนั้น”
เย่เสี่ยวจิ่นอาศัยความทรงจำ รีบวิ่งไปบ้านผู้ใหญ่บ้าน
ผู้ใหญ่บ้านนั่งอยู่ที่โต๊ะ รินน้ำร้อนให้กับสองพี่น้องที่เดินทางมาจากในเมือง
พี่ชายชื่อโจวเซียว อายุประมาณ 17-18 ปี ส่วนน้องชายชื่อโจวเหวินรุ่ย อายุประมาณ 7 ขวบ
ทั้งสองคนแต่งตัวดูดีมาก
โดยเฉพาะโจวเหวินรุ่ยที่มีรูปร่างหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู ดวงตากลมโตเป็นประกาย มองไปรอบ ๆ อย่างสนใจ
แม้เด็กชายจะมีท่าทางน่ารัก แต่ก็ดูสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง
มองแวบเดียวก็รู้ว่าป่วยแน่ ๆ
ผู้ใหญ่บ้านกำลังต้อนรับแขกคนสำคัญที่เดินทางมาจากในเมือง พอเห็นเย่เสี่ยวจิ่นก็ตกใจ
นี่มันเด็กโง่ของหมู่บ้านเราไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงมาที่บ้านของเขาได้ล่ะ?
“จิ่นเป่า แม่ของหนูไปไหนล่ะ?”
เย่เสี่ยวจิ่นตั้งใจบีบน้ำตาออกมาสองสามหยด มองผู้ใหญ่บ้านน้ำตาคลอ “ลุงผู้ใหญ่บ้าน ป้าใหญ่จะฆ่าคน น่ากลัวมาก ลุงรีบไปช่วยแม่หนูด้วยค่ะ!”
ผู้ใหญ่บ้าน ‘ซุนฉางซู่’ พอได้ยินก็ตกใจแทบสิ้นสติ “เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”
เห็นเด็กคนนี้ร้องไห้ เขาจึงเชื่อสนิทใจ
รีบหันไปขอโทษแขกทั้งสองอย่างรวดเร็ว “ขอโทษด้วย ฉันขอตัวไปจัดการธุระก่อน”
“ไม่เป็นไร พวกเราก็ว่างอยู่พอดี รุ่ยเป่า อยากไปดูด้วยกันไหม?”
“พี่ ผมอยากไป” โจวเหวินรุ่ยพยักหน้า
ถึงแม้เขาจะสุขภาพไม่ค่อยดี แต่ก็เพิ่งอายุแค่เจ็ดแปดขวบ เป็นวัยที่ชอบเล่นสนุก
ซุนฉางซู่ก้าวเท้ายาวออกไปข้างนอก
“จิ่นเป่า ให้พี่ชายอุ้มไปดีกว่า”
เด็กน้อยตกใจ เงยหน้ามองใบหน้างดงามราวตุ๊กตาของโจวเหวินรุ่ย ทันใดนั้นก็รู้สึกเขินอายขึ้นมา
“ไม่ต้องกลัว พวกเราไปเป็นเพื่อน” โจวเซียวพูด
โจวเซียวคิ้วคมเข้ม นัยน์ตางดงาม แววตามีร่องรอยของความอ่อนเยาว์ ทว่าท่าทางของเขาแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำ
เขามองเด็กน้อยคนนี้ที่ท่าทางดูน่าสงสาร แขนขาลีบเล็ก ไม่รู้ว่าเดินมาถึงที่นี่ได้อย่างไร
ที่บ้านของเย่เสี่ยวจิ่นกำลังวุ่นวาย เสียงดังราวกับฟ้าถล่มดินทลาย โต๊ะและเก้าอี้ถูกพลิกคว่ำกระจัดกระจายอยู่บนพื้น
“ยังแอบซ่อนไข่ไก่อยู่อีก ไม่รู้ว่าปกติแอบขโมยไข่ไก่ของพวกเราไปตั้งเท่าไหร่แล้ว!”
“นี่ฉันเก็บไว้ให้ลูกสาวกิน” หลี่ชุ่ยชุ่ยพยายามจะแย่งไข่คืน แต่หล่อนมีร่างกายอ่อนแอ สู้แรงสามีภรรยาคู่นี้ไม่ได้เลย
หลี่กุ้ยฮวาชี้นิ้วด่าหลี่ชุ่ยชุ่ย พ่นคำหยาบคายสารพัด “สมควรแล้วที่คลอดลูกมาเป็นเด็กอายุสั้น ใจร้ายแบบนี้ ก็สมควรแล้ว!”
“หลี่กุ้ยฮวา!” เมื่อซุนฉางซู่ได้ยินคำพูดนี้ ก็โมโหจนขมับแทบแตก
เขารู้ดีว่าพวกแม่บ้านในหมู่บ้านชอบรังแกคนที่อ่อนแอกว่า แต่ไม่คิดว่าคนในครอบครัวจะกล้าพูดจาทำร้ายจิตใจกันแบบนี้
ซุนฉางซู่โกรธจัด “นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เธอคิดจะฆ่าคนหรือไง?”
หลี่กุ้ยฮวาเห็นผู้ใหญ่บ้านมา ก็รีบสงบสติอารมณ์
เพราะหล่อนเป็นเพียงพวกขี้ขลาดตาขาว พอเห็นผู้ใหญ่บ้านก็ทำได้เพียงหุบหางเอาไว้ พลางทำตัวเรียบร้อย
“ฮ่า ๆ ผู้ใหญ่บ้าน มาได้ยังไงคะ? ต้องเป็นนังเด็กคนนี้ไปพูดจาไร้สาระใส่ร้ายพวกเราแน่ ๆ”
“เย่เสี่ยวจิ่นนังเด็กคนนี้ยังไม่เลิกก่อเรื่องอีกเหรอ?”
“ฉันกับสามีแค่มาถามไถ่ที่บ้านของเธอ ทำไมถึงกับต้องไปตามผู้ใหญ่บ้านมาด้วย?”
เย่เสี่ยวจิ่นร้องไห้โฮ พูดเสียงอู้อี้ว่า “ป้าใหญ่จะตีหนู ฮือ ๆ น่ากลัว”
โจวเหวินรุ่ยรีบดึงน้องสาวตัวน้อยไปหลบหลัง “จิ่นเป่า ไม่ต้องกลัวนะ มีพี่ชายกับผู้ใหญ่บ้านอยู่ตรงนี้ทั้งคน”
เย่เสี่ยวจิ่นรู้สึกตลกปนขำที่ถูกพี่ชายวัย 7 ขวบปลอบใจ แต่ก็ต้องแสดงละครให้จบ
ซุนฉางซู่เดินมาสองสามก้าว เอ่ยกับหลี่กุ้ยฮวา “เธอบอกว่าไก่ของเธอถูกสลับ แล้วหลักฐานล่ะ?”
“ถ้าไม่มีหลักฐานแล้วมาหาเรื่องคนอื่นแบบนี้ ระวังฉันจะจับเธอไปปรับทัศนคติใหม่นะ?”
“ผู้ใหญ่บ้าน ฉันรู้ พวกเขาขโมยไก่กับไข่ไก่ของฉันไป” หลี่กุ้ยฮวากล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ แม้ในใจจะรู้ดีว่าเรื่องราวไม่ได้เป็นแบบนั้น
แต่หล่อนขึ้นชื่อเรื่องการปั้นน้ำเป็นตัว เล่าความเท็จให้เป็นจริงได้
ด้วยความสามารถในการบิดเบือนข้อเท็จจริง ต่อให้เรื่องจริงจะเป็นอย่างไร ก็สามารถทำให้คนอื่นเชื่อได้
“หลี่ชุ่ยชุ่ยมันเป็นใครกัน? เลี้ยงไก่เป็นที่ไหน ไก่บ้านหล่อนไม่เคยออกไข่ แถมยังใกล้ตายแล้วด้วย”
“อยู่ ๆ ไก่บ้านนี้ก็ออกไข่ได้ แถมยังแข็งแรงขึ้นมา ต่างกับไก่บ้านฉันที่เป็นแบบนี้…”
“นี่มันชัดเจนอยู่แล้ว ถ้าพวกมันไม่ได้ขโมยไปแล้วใครจะขโมย?”
ซุนฉางซู่เงียบไปครู่หนึ่ง ดูเหมือนจะคล้อยตามคำพูดของหลี่กุ้ยฮวา
เขาหันไปมองหลี่ชุ่ยชุ่ย “เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”
หลี่ชุ่ยชุ่ยปฏิเสธทันที
เย่เสี่ยวจิ่นเห็นท่าทางสะใจของสามีภรรยาคู่นั้น ก็นึกแผนการดี ๆ ออก
“ลุงผู้ใหญ่บ้าน จริง ๆ แล้วไก่ใหญ่ที่บ้านหนูก็ป่วย แต่หนูรักษามันหายแล้ว”
“หนูรักษาไก่ของป้าใหญ่ให้หายได้ แต่หนูไม่ช่วยฟรี ๆ นะจ๊ะ”
ซุนฉางซู่มองดูไก่ป่วยสองตัว “หนูรักษามันให้หายได้จริง ๆ เหรอ?”
เย่เสี่ยวจิ่นพยักหน้า “ใช่จ้ะ ตอนนี้หนูก็รักษามันได้”
“แต่ป้าใหญ่ต้องให้ข้าวสารบ้านเรา 100 ชั่ง”
หลี่กุ้ยฮวาพูดอย่างดุร้าย “ฉันไม่เชื่อหรอก นังเด็กนี่ ถ้าแกทำได้จริง ๆ จะเอาข้าวสาร 100 ชั่งก็ย่อมได้!”
“แต่ถ้าแกทำไม่ได้ ก็ต้องเอาไก่บ้านแกมาชดใช้ฉันทั้งหมด!”
ส่งกำลังใจ 1 เหรียญทอง