ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 37 เย่เหวินชางผู้เป็นความภาคภูมิใจของครอบครัว (รีไรต์)
- Home
- All Mangas
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 37 เย่เหวินชางผู้เป็นความภาคภูมิใจของครอบครัว (รีไรต์)
บทที่ 37 เย่เหวินชางผู้เป็นความภาคภูมิใจของครอบครัว (รีไรต์)
บทที่ 37 เย่เหวินชางผู้เป็นความภาคภูมิใจของครอบครัว (รีไรต์)
“เป็นไปไม่ได้หรอก ของนายหรือเปล่า ของฉันไม่มีทางมีงูอยู่แล้ว…” เย่เสี่ยวจิ่นเอ่ยเสียงอ่อนในประโยคสุดท้าย พยายามหาข้ออ้าง ทั้งที่ในใจก็เริ่มไม่แน่ใจ
ทั้งสองคนโต้เถียงกันไปมา แต่ภายในใจต่างก็หวาดกลัว
เพราะนั่นมันงูพิษ!
ใบหน้าเล็ก ๆ ของเย่เสี่ยวจิ่นซีดเผือก เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “พี่โจวเซียว ไปเป็นเพื่อนพวกเรานะคะ”
โจวเซียวอดหัวเราะกับท่าทางนั้นไม่ได้ “ไปสิ”
คราวนี้ทั้งเย่เสี่ยวจิ่นและโจวเหวินรุ่ยต่างก็หมดความกระตือรือร้น พากันเดินเชื่องช้า
โจวเหวินรุ่ยเอ่ยถามอย่างกังวลพลางบิดชายเสื้อไปมา “จิ่นเป่า หรือว่าอันที่มีงูจะเป็นของเธอกันนะ”
“ฉันว่าต้องเป็นของนายแน่ ๆ” โจวเหวินรุ่ยวางลอบดักปลาไหลไว้ในทางน้ำปกติเสมอ
ตรงกันข้ามกับเย่เสี่ยวจิ่นที่ชอบวางลอบในตำแหน่งแปลกใหม่ขึ้นเรื่อย ๆ
เธอคิดว่ายิ่งเป็นที่ดินที่มีคนน้อย มีโคลนมากเท่าไร ปลาก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
การเกิดเรื่องแบบนี้ก็สมเหตุสมผลดี
หลังจากเก็บลอบดักปลาไหลของแต่ละคนเสร็จแล้ว สีหน้าของเย่เสี่ยวจิ่นก็ดูไม่ดีนัก
ร้อยเปอร์เซ็นต์ ลอบอันต่อไปต้องเป็นของเธอแน่
โจวเหวินรุ่ยเริ่มเป็นกังวล ถ้าเป็นงูมีพิษเข้าล่ะ จะกัดเขาหรือจิ่นเป่าหรือเปล่านะ…
ในที่สุดก็ถึงลอบอันที่สามของเย่เสี่ยวจิ่นแล้ว
โจวเซียวมองตะกร้าที่อยู่กลางทุ่งนา “ของใครเหรอ?”
“ของหนูเอง…” เย่เสี่ยวจิ่นเบะปาก พอมองเห็นอะไรขาว ๆ อยู่ในตะกร้าก็พูดขึ้นว่า “หรือว่า… เราไม่เอาตะกร้าใบนี้แล้วดีไหม”
โจวเซียวหยิบตะกร้าขึ้นมาเขย่า “ไม่เป็นไรหรอก งูในนี้ตายแล้ว”
“งูไม่เหมือนปลาไหลหรอก มันอ่อนนุ่ม ถ้าติดอยู่ในนี้คงอยู่ได้ไม่นาน”
เย่เสี่ยวจิ่นและโจวเหวินรุ่ยต่างก็ถอยหลังไปพร้อมกัน
ทุกคนทำหน้าตาเหมือนกำลังบอกว่า “อย่าเข้ามานะ”
“กลัวอะไรกัน” โจวเซียวถามอย่างสงสัย
“เอ่อ…” เย่เสี่ยวจิ่นพูดด้วยแววตาแปลก ๆ “ก็นะ… มันก็น่ากลัวอยู่ดี”
โจวเหวินรุ่ยเองก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้ ๆ เช่นกัน
โจวเซียวรู้สึกหมดหนทาง
เขาถือตะกร้าเดินจากไปที่คลองน้ำใกล้ ๆ เพื่อจัดการอะไรบางอย่าง
เมื่อกลับมา ตะกร้าว่างเปล่า ไร้ร่องรอยสิ่งใด
“จิ่นเป่า นี่ของเธอ”
เย่เสี่ยวจิ่นรับตะกร้ามาอย่างลังเล เมื่อเห็นว่าไม่มีร่องรอยใด ๆ หลงเหลืออยู่จึงโล่งใจ
เธอตัดสินใจว่าจะไม่มาที่พุ่มหญ้าแบบนี้อีกแล้ว
มันน่ากลัวเกินไป!
โจวเหวินรุ่ยก็คิดแบบเดียวกัน
โจวเซียวไปส่งเย่เสี่ยวจิ่นที่บ้าน แล้วแวะไปหาเย่จื้อผิงเพื่อขอคำแนะนำเรื่องการทำปลาไหล
เย่เสี่ยวจิ่นนำปลาไหลทั้งหมดใส่ลงในถังน้ำ
“ที่ถังใส่น้ำที่บ้านก็มีปลาไหลกับปลาหนีชิวเต็มไปหมดแล้ว”
“จิ่นเป่า คืนนี้เราจะไปวางลอบกันอีกรึเปล่า”
เย่เสี่ยวจิ่นตัวสั่นแล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “คืนนี้เรามาวางกันที่ลำธารเล็ก ๆ ดีไหม”
“ก็ในลำธารเล็ก ๆ ก็มีปลาเยอะแยะ แถมฉันคิดว่าปลาในลำธารเล็ก ๆ น่าจะสะอาดกว่าด้วย”
“ไปเอาของก็ใกล้กว่าด้วย”
โจวเหวินรุ่ยพยักหน้าแล้วพูดเบา ๆ “ฉันว่าที่จิ่นเป่าพูดมามีเหตุผลที่สุด คืนนี้ไปวางที่ลำธารเล็ก ๆ กันเถอะ”
ทั้งสองคนต่างก็ไม่พูดถึงเรื่องงูอีกราวกับเป็นความลับที่รู้กัน
เย่จื้อผิงนำไม้ไผ่มาทำเป็นโครงไม้
เขาทำค้างบวบโดยใช้พื้นที่ที่เขาและเย่เสี่ยวจิ่นช่วยกันบุกเบิก
จริง ๆ แล้วพื้นที่มันค่อนข้างเล็กแต่ก็เพียงพอแล้ว
เย่จื้อผิงจัดการขั้นตอนสุดท้ายเสร็จ จึงเช็ดเหงื่อ
“ลุงเย่” โจวเซียวเดินเข้ามาพร้อมกับยิ้ม “นี่ลุงทำค้างบวบเหรอครับ ขยันจัง”
“ผมตั้งใจมาเรียนทำลอบดักปลาไหลกับลุงครับ หากลุงว่าง ๆ ช่วยสอนผมหน่อยได้ไหม”
“เรื่องแค่นี้เอง…” เย่จื้อผิงยิ้ม “เข้าไปนั่งในบ้านก่อนสิ”
โจวเหวินรุ่ยก็สังเกตเห็นค้างบวบเช่นกัน
“จิ่นเป่า บ้านเธอปลูกของกินเยอะขึ้นเรื่อย ๆ นะ”
เย่เสี่ยวจิ่นพยักหน้า “ใช่แล้ว ยังว่าจะปลูกขิงกับกระเทียมใต้ค้างบวบอีกหน่อย”
“ช่วงนี้อากาศกำลังดี เหมาะกับการเพาะปลูก”
โจวเหวินรุ่ยรู้สึกสนใจมาก
หลังอาหารเย็น ทั้งสองคนไปวางลอบดักปลาที่ลำธาร บังเอิญเจอเย่จู๋และเย่เหวินชาง
เย่เสี่ยวจิ่นเพิ่งเคยเห็นเย่เหวินชางเป็นครั้งแรก
เขาหน้าตาไม่เหมือนคู่สามีภรรยาอย่างหลี่กุ้ยฮวา คนคนนี้ถือว่าเป็นคนผิวพรรณดีในชนบท รูปร่างสูงผอม
ไม่ค่อยพูดจา ทำหน้าเคร่งขรึมดูจริงจังมาก
แต่กลับมีท่าทางสุภาพเรียบร้อยอยู่บ้าง
เย่จู๋วางลอบดักปลาลงในลำธารเรียบร้อยแล้ว ในมือยังถือลอบดักปลาอีกหลายอัน
ตรงกันข้ามกับเย่เหวินชางที่ยืนมองอยู่บนฝั่งด้วยสายตาเย็นชา
เขาไม่ได้ถืออะไรเลย และก็ไม่คิดจะช่วยเหลือน้องสาวด้วย
หน้าที่เดียวของเขาที่บ้านคือการอ่านหนังสือ
ในขณะเย่จู๋ต้องทำงาน ดูแลพี่ชาย ทำอาหารและซักผ้าให้พี่ชาย
แม้จะถึงวัยที่เหมาะสมกับการเรียนหนังสือแล้ว แต่ก็ไม่ได้ไปโรงเรียน
รูปร่างหล่อนดูผอมบาง ใบหน้าก็คล้ำแดดจนดำแดง
เวลาอยู่ข้าง ๆ เย่เหวินชาง ก็ไม่เหมือนพี่น้องกันเลยสักนิด
พอเย่จู๋เห็นเย่เสี่ยวจิ่นก็ทำหน้าไม่พอใจ “เย่เสี่ยวจิ่น พวกแกมาทำอะไรที่ลำธารนี่?”
“แกนี่ชอบเลียนแบบจริง ๆ ชอบเลียนแบบฉันตลอดเลย!”
“ไม่ได้ แกห้ามมาวางลอบดักปลาใกล้ ๆ ฉัน ไม่งั้นแกก็มาขโมยปลาของฉันหมดสิ”
เย่เสี่ยวจิ่นกะพริบตาปริบ ๆ “ก็ได้ ไม่วางใกล้ ๆ ก็ได้”
เย่จู๋พอใจกับคำตอบนั้น
ส่วนเย่เหวินชางไม่แม้แต่จะชายตามองเย่เสี่ยวจิ่นเลยสักนิด แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่สนใจใยดี
ในสายตาของเขา เขาต้องออกไปจากชนบทแห่งนี้ได้อย่างแน่นอน
ญาติพี่น้องแสนยากจนในชนบทพวกนี้ อนาคตของพวกเขากับเขาต้องแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
เขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจ
ต่อให้เป็นอนาคตก็ไม่มีทางได้มาเกี่ยวข้องกันอีก
เย่จู๋อดไม่ได้ที่จะโอ้อวด “เย่เสี่ยวจิ่น ได้ยินมาว่าบ้านแกจนถึงขั้นซื้อน้ำมันไม่ได้แล้วเหรอ”
“แม่ฉันซื้อมาตั้งนานแล้ว ตั้ง 30 ชั่ง แถมยังถูกมาก แค่สิบห้าหยวนเอง”
“แต่ถึงอย่างนั้น พวกแกควักเงินจนหมดตัวก็คงหาได้ไม่เยอะขนาดนั้นหรอก”
“ต่อให้แกจับปลาไหลได้เยอะขนาดนั้น ถ้าไม่มีน้ำมันก็คงผัดไม่ได้ ไม่อร่อยหรอก”
เย่เสี่ยวจิ่นพยักหน้า “อ่า ใช่ ๆ ๆ ฉันชอบกินแบบแห้ง ๆ”
“ต้มแกงก็ได้”
“แกงปลาไหล? จนจริงนะ…”
เย่จู๋ขมวดคิ้ว จากนั้นก็มองเย่เหวินชางด้วยท่าทีเอาใจ “พี่ เรา… กลับกันเถอะ”
“ฟ้ามืดแล้ว หนาวแบบนี้ พี่แต่งตัวมาน้อยเกินไป”
“ถ้าพี่ไม่สบายขึ้นมา พี่จะเรียนลำบากเอาได้นะ”
เย่เหวินชางครางรับคำในลำคอ ไม่รอช้า เขาก็หันหลังเดินจากไปทันที
เย่จู๋รีบจัดการกับลอบดักปลาอันอื่น ๆ ให้เรียบร้อย แล้วจึงรีบตามพี่ชายไป
เย่เสี่ยวจิ่นมองตามแผ่นหลังของทั้งสองไป สายตาของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกที่สับสน
เห็นได้ชัดว่าเย่เหวินชางนั้นสวมเสื้อขนสัตว์ตัวใหม่ ดูแล้วอุ่นสบาย
ในขณะที่เสื้อผ้าของเย่จู๋นั้นเต็มไปด้วยรอยปะชุน ดูบางเบา
คนที่ควรจะเป็นห่วงว่าจะไม่สบายน่าจะเป็นเย่จู๋มากกว่า
โจวเหวินรุ่ยถามขึ้นว่า “จิ่นเป่า แล้วลอบดักปลาของพวกเราล่ะ จะเอาไปวางไว้ที่ไหน?”
“ของพวกเราเหรอ? ก็วางไว้ในลำธารนั่นแหละ” เย่เสี่ยวจิ่นตอบ “ลำธารนี่เป็นของสาธารณะนะ”
เธอเลือกจุดที่กว้างขวางและน้ำไหลเอื่อยบริเวณปลายน้ำของลำธาร
พืชน้ำขึ้นหนาแน่น เธอเดาว่าปลาตัวเล็ก ๆ คงมีอยู่เยอะมาก
อีกด้านหนึ่ง
เย่จู๋วิ่งตามเย่เหวินชางไปทัน
“พี่ชาย พี่ยังไงก็ฉลาดล้ำเลิศจริง ๆ ในบ้านลุงสามมีลูกชายตั้งสามคน ยังเทียบพี่ไม่ได้เลยสักคน”
“มีลูกชายเยอะแยะ ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร”
“พี่ชาย พูดแบบนี้ถูกไหม?”
เย่เหวินชางได้ยินเสียงเธอเจื้อยแจ้ว แต่ก็ไม่ได้สนใจใยดี “ฉันกำลังยุ่ง”
เย่จู๋รีบพูด “ถ้าอย่างนั้น ฉันกลับไปก่อไฟให้พี่ดีกว่า กลัวว่าตอนกลางคืนอ่านหนังสือแล้วจะหนาว”
เย่เหวินชางเหลือบมองบาดแผลจากความหนาวบนหลังมือของเย่จู๋อย่างเฉยเมย
ในสายตาของเขา การเสียสละของน้องสาวเป็นเรื่องที่ถูกต้องอยู่แล้ว
อย่างไรเสียหล่อนก็ต้องแต่งงานออกไปอยู่ดี
เขาไม่จำเป็นต้องมีเยื่อใยพี่น้องกับคนนอกอย่างหล่อน
การที่ครอบครัวของอาสามตามใจลูกสาวราวกับไข่ในหินยิ่งทำให้เขาดูถูก
โลกใบนี้สุดท้ายก็ต้องพึ่งผู้ชายอยู่ดี