ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 3 แม่โดนรังแก (รีไรต์)
- Home
- All Mangas
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 3 แม่โดนรังแก (รีไรต์)
บทที่ 3 แม่โดนรังแก (รีไรต์)
บทที่ 3 แม่โดนรังแก (รีไรต์)
เย่จู๋พลันหัวเสียเมื่อเห็นเย่เสี่ยวจิ่นถือไข่ไก่
ทำไมไก่บ้านเธอยังแข็งแรงดีอยู่อีกล่ะ?!
“ฉันได้ยินว่าไก่ที่บ้านแกใกล้ตายแล้ว ทำไมมันยังออกไข่ได้อีก”
“ต้องเป็นแม่แกแน่ ๆ ที่แอบเปลี่ยนไก่ของเรา!”
“เอาไก่ของฉันคืนมา!”
เย่เสี่ยวจิ่นมองเย่จู๋ราวกับคนโง่ ในความทรงจำของเด็กน้อย เด็กสาวคนนี้เป็นลูกสาวคนโตของลุงใหญ่
เป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอ
เย่จู๋คิดในใจว่าเย่เสี่ยวจิ่นเป็นแค่เด็กโง่คนหนึ่ง
ถ้าแอบสับเปลี่ยนไก่ไปจริง ๆ คงไม่มีใครรู้แน่
แบบนี้แม่ก็จะไม่ด่าหล่อนแล้ว
เด็กสาวกลอกตา จงใจขู่ “ส่งไข่ไก่มานี่ซะ นี่ไม่ใช่ของแก ไก่บ้านแกออกไข่ไม่ได้ ใคร ๆ ก็รู้ดี”
“แกเป็นขโมย แม่แกก็เป็นขโมย!”
เย่เสี่ยวจิ่นเห็นว่าหล่อนกำลังจะเข้ามาแย่ง จึงอดถอนหายใจไม่ได้กับความก้าวร้าวนี้
เย่เสี่ยวจิ่นพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า “หลักฐานล่ะ? มีแต่ปากหรือไง? ถ้าพี่บอกว่าพวกเราขโมย ฉันก็จะไปบอกคนอื่นว่าพี่เป็นขโมย!”
เย่เสี่ยวจิ่นขาดสารอาหาร ร่างกายจึงผอมแห้ง
ทว่าดวงตากลมโตของเด็กน้อยกลับดูน่ารัก
เย่จู๋ถึงกับอึ้ง ไม่คิดว่าเด็กน้อยคนนี้จะหายโง่แล้ว
หล่อนพูดตะกุกตะกัก “แก… แกพูดได้แล้ว? แกหายโง่แล้วเหรอ”
“พี่ต่างหากที่โง่”
เย่เสี่ยวจิ่นถือไข่ไก่เข้าบ้าน วางไข่สองฟองลงในหม้อ แล้วเติมน้ำลงไป
เธอกำลังรอให้หลี่ชุ่ยชุ่ยกลับมาในตอนเที่ยง จะได้กินไข่ทันที
เย่จู๋เดินตามเย่เสี่ยวจิ่นเข้ามาเพราะความสงสัย
มองดูเด็กน้อยอุ้มฟืนมาเตรียมก่อไฟ
พี่ชายของเย่จู๋เป็นนักเรียน ไม่เคยทำงานหนัก ขนาดเย่เสี่ยวจิ่นอายุเพียงสามขวบยังขยันกว่า
แม้เด็กน้อยจะทำอะไรไม่เป็นหลายอย่าง แต่ก็สามารถเรียนรู้ได้ทุกอย่าง
เธอค่อนข้างสนุกกับการเรียนรู้แบบนี้
เย่จู๋มองดูอยู่นานก็รู้สึกเบื่อ จึงตัดสินใจกลับไปบอกแม่
เย่เสี่ยวจิ่นไม่รู้วิธีใช้ไม้ขีดไฟ พยายามอยู่นานกว่าจะก่อไฟติด
เด็กน้อยเดินกลับไปดูแม่ไก่ตัวเดิม ปรากฏว่าบนพื้นมีไข่ไก่สองฟอง
ครั้งนี้ไม่ได้เอาไปกิน แต่ตั้งใจจะเก็บไว้รอมันฟักไข่
ฝ่ายหลี่ชุ่ยชุ่ยกำลังกำจัดวัชพืชอยู่กับคนอื่น ๆ หญิงสาวทำงานในสวนผลไม้มาโดยตลอด
พอถึงช่วงเก็บเกี่ยวผลไม้ ก็จะได้ผลไม้กลับบ้านไปให้ลูก ๆ กินมากขึ้น
อากาศในช่วงกุมภาพันธ์มักจะหนาวในตอนเช้า แต่พอทำงานก็เริ่มรู้สึกร้อน
หล่อนเหนื่อยมากจนเกือบหน้ามืด จึงเดินไปนั่งพักที่คันนาสักครู่
แต่ใครจะรู้ พอหล่อนนั่งลง ก็มีคนเดินเข้ามา
“หลี่ชุ่ยชุ่ย เธอแอบอู้งานอีกแล้วเหรอ?” เซี่ยวเยว่ยุวปัญญาชนที่ถูกส่งมาที่ชนบทชี้นิ้วไปที่หลี่ชุ่ยชุ่ย พร้อมกับพูดจาดูถูกเหยียดหยาม “สามวันดีสี่วันไข้ ไม่มาทำงาน พอมาถึงก็แอบอู้งานอยู่คนเดียว”
“คนขี้เกียจแบบเธอ สมควรจะถูกไล่ออกจากหมู่บ้านจริง ๆ!”
เมื่อวานหลี่ชุ่ยชุ่ยไม่ได้กินอะไรเลย เมื่อคืนหล่อนก็ดูแลเย่เสี่ยวจิ่นจนไม่ได้นอน
เช้านี้ก็เพียงกินโจ๊กจืดชืดไปครึ่งถ้วย ตอนนี้ท้องก็เริ่มประท้วง ร่างกายอ่อนแรง
หญิงสาวรู้สึกน้อยใจ แต่ด้วยนิสัยไม่สู้คน จึงได้แต่ยืนนิ่งให้คนอื่นด่าทอ
หยางเจวียนรีบเข้ามาอธิบาย “ลูกสาวของชุ่ยชุ่ยไม่สบาย หล่อนต้องคอยดูแลลูกเลยไม่ได้พักผ่อน”
“หัวหน้า อย่าตำหนิเธอเลยนะ”
“ฉันไม่สนว่าเพราะอะไร” เซี่ยวเยว่เยาะเย้ยอย่างดูถูก “คนอื่นเขาก็มีลูกกันทั้งนั้น ทำไมไม่เห็นเป็นแบบหลี่ชุ่ยชุ่ย”
“สุดท้ายก็เป็นเพราะขี้เกียจนั่นแหละ!”
“วันนี้เธอไม่ต้องทำแล้ว ไม่นับคะแนนงาน ในเมื่อง่วงนักก็กลับบ้านไปนอนให้เต็มอิ่มก่อนค่อยกลับมา!”
หลี่ชุ่ยชุ่ยรู้สึกอัดอั้นตันใจ จนน้ำตาคลอเบ้า
ทำได้เพียงถือจอบ แล้วเดินกลับบ้าน
แต่พอกลับถึงบ้าน ก็ไม่เหลืออะไรให้กินแล้ว…
หลี่ชุ่ยชุ่ยยืนอยู่หน้าบ้าน ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับลูกสาวอย่างไร
หญิงวัย 45 ปี ในตอนนี้รู้สึกผิดอย่างมาก
วันนี้เก็บไข่ไก่ได้ครบสิบฟองแล้ว
เด็กน้อยคิดว่าต้องเลี้ยงไก่เพิ่มอีกสองสามตัว จะได้เก็บไข่ไก่ได้มากขึ้น
“จิ่นเป่า หิวแล้วใช่ไหมลูก? แม่จะรีบไปหาอะไรให้กินนะ”
“แม่จ๋า ทำไมแม่ตาแดง ร้องไห้มาเหรอ?”
“ไม่มี ไม่มี” หลี่ชุ่ยชุ่ยจูงมือเย่เสี่ยวจิ่นเข้าบ้าน ก่อนจะเห็นว่าในหม้อมีน้ำร้อนกำลังเดือดอยู่ บนโต๊ะมีไข่ไก่ต้มสุกขาวจั๊วะวางอยู่หกฟอง
หลี่ชุ่ยชุ่ยขยี้ตา “จิ่นเป่า พ่อกับคนอื่น ๆ กลับมาแล้วเหรอ?”
เย่เสี่ยวจิ่นส่ายหัว “ยังจ้ะ แม่ไก่ที่บ้านออกไข่สิบฟอง หนูต้มไปหกฟอง”
“เหลืออีกสี่ฟอง เก็บไว้ฟักเป็นลูกเจี๊ยบ”
ในใจของหลี่ชุ่ยชุ่ยตกใจมาก จากนั้นก็รู้สึกกลัวขึ้นมา “จิ่นเป่า ลูกไปเก็บไข่ไก่บ้านอื่นมาหรือเปล่า”
หล่อนรู้ดีว่าไก่ที่บ้านเป็นอย่างไร
มันไม่เคยออกไข่เลยสักฟอง
ยิ่งตอนที่ออกจากบ้าน ไก่ก็ใกล้ตายแล้ว แล้วตอนนี้จะออกไข่ทีเดียวสิบฟองได้อย่างไร?
หล่อนไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด
เย่เสี่ยวจิ่นรู้สถานการณ์แบบนี้ดี จึงพูดอย่างไม่อายว่า “แม่จ๋า หนูฝันเห็นคุณปู่แก่ ๆ บอกว่าหนูคือเทพเหวินฉวี่ซิง*[1]ลงมาเกิดบนโลก”
“คุณปู่สอนเรื่องน่าตกใจมากมายให้หนู ตอนนี้หนูเลี้ยงไก่ได้แล้ว”
“แม่วางใจได้ พรุ่งนี้ก็จะมีไข่อีกสิบฟอง ไม่งั้นพรุ่งนี้แม่รอดูได้เลย”
หลี่ชุ่ยชุ่ยยังไม่ค่อยเชื่อนัก
เเค่นั่งลงบนเก้าอี้ จิบน้ำร้อนหนึ่งถ้วย จากนั้นก็ค่อย ๆ เอื้อมมือไปหยิบไข่ไก่บนโต๊ะขึ้นมาอย่างระมัดระวัง
ไข่ใบนี้ค่อนข้างใหญ่ พอแกะเปลือกออก ก็ปรากฏเนื้อไข่ขาวเนียนน่ากินข้างใน
ส่งกลิ่นหอมฟุ้ง
“จิ่นเป่า กินไข่เร็ว ลูกจะได้หายป่วย”
เย่เสี่ยวจิ่นกัดกินคำหนึ่ง “อร่อยมาก แม่ก็กินด้วย”
หลี่ชุ่ยชุ่ยยิ้มอย่างอ่อนโยน เมื่อเห็นลูกสาวมีความสุข ความคับข้องใจทั้งหมดก็ถูกกลืนลงท้อง
หล่อนกินไข่ไก่ไปหนึ่งฟอง อาการวิงเวียนจากความหิวก็บรรเทาลง
ส่วนที่เหลือไม่ยอมแตะต้อง เพราะจะเก็บไว้ให้ลูกสาวกินทีหลัง
เย่เสี่ยวจิ่นทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย
หลี่ชุ่ยชุ่ยเก็บกวาดบ้าน จากนั้นก็ออกไปดูแม่ไก่
หล่อนพบว่าแม่ไก่ทั้งสองกลับมากระโดดโลดเต้นมีชีวิตชีวา จึงรู้สึกประหลาดใจมาก
“หรือว่าที่จิ่นเป่าพูดจะเป็นเรื่องจริง?”
“จิ่นเป่าได้พบกับเทพเซียนจริง ๆ อย่างงั้นเหรอ?”
หญิงวัยกลางคนสวดภาวนาขอให้พระโพธิสัตว์คุ้มครอง แล้วก็เอาผักป่าโยนให้แม่ไก่กิน
แต่ตอนนี้แม่ไก่ได้กินของดีเข้าไปแล้ว ผักป่านี้เป็นเพียงของกินเล่นเท่านั้น
หลี่กุ้ยฮวาได้ยินว่าไก่บ้านหลี่ชุ่ยชุ่ยยังไม่ตาย แถมยังออกไข่ได้แล้ว หล่อนก็โกรธจนหน้าเบี้ยว ตบโต๊ะเสียงดัง คว้าไก่ป่วยใกล้ตายสองตัว เดินดุ่ม ๆ ไปที่บ้านหลี่ชุ่ยชุ่ยทันที
ฝ่ายเย่จื้อเฉียงคิดว่าไก่ของตัวเองถูกสลับ ก็โกรธจนแทบคลั่ง
ตอนนั้นหลี่ชุ่ยชุ่ยกำลังปะเสื้อให้เย่เสี่ยวจิ่น จู่ ๆ ประตูบ้านก็ถูกถีบเปิดออกอย่างแรง หล่อนตกใจจนเข็มทิ่มนิ้วมือ หยดเลือดผุดซึมขึ้นมาทันที
จากนั้นไก่ป่วยสองตัวก็ถูกโยนเข้ามาในบ้าน
“หลี่ชุ่ยชุ่ย แกมันคนใจดำ!” หลี่กุ้ยฮวายืนเท้าสะเอวเหมือนยักษ์ “หน้าไม่อายจริง ๆ กล้าดียังไงมาขโมยไก่ฉัน!”
………………………………………………………………………………………………………………………………
*[1] เทพเหวินฉวี่ซิง คือ เทพแห่งการศึกษาอักษรศาสตร์ ทั้งด้านการประพันธ์ ด้านศิลปะ และการสอบเข้ารับราชการ อีกทั้งยังส่งผลในด้านโชคลาภอีกด้วย