ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 24 ค่ารักษาพยาบาล (รีไรต์)
- Home
- All Mangas
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 24 ค่ารักษาพยาบาล (รีไรต์)
บทที่ 24 ค่ารักษาพยาบาล (รีไรต์)
บทที่ 24 ค่ารักษาพยาบาล (รีไรต์)
หลี่ชุ่ยชุ่ยสีหน้าไม่ค่อยดี
ตอนนั้นหล่อนรีบร้อนไปโรงพยาบาล พบว่ามีเพียงเย่จื้อผิงอยู่คนเดียว
ยังดีที่หลินซิ่วอิงให้หล่อนยืมเงินค่ารักษาพยาบาลมาอีกสิบกว่าหยวน
ไม่งั้นคงไม่พอแน่ ๆ
ส่วนลู่เฟิง …
หลังจากเกิดเรื่อง หล่อนก็ไม่เจอเขาอีกเลย
ยิ่งไปกว่านั้น หลินซิ่วอิงไปหา เขาก็ไม่อยู่บ้าน ไม่รู้ว่ายุ่งอะไรอยู่
หลายวันแล้ว ไม่มีแม้แต่คำถามไถ่
“เขาคงไม่ได้พูดถึงเรื่องค่ารักษาพยาบาลเลยใช่ไหม?” หลี่กุ้ยฮวาลากหลี่ชุ่ยชุ่ยพร้อมกับแสร้งทำเป็นเป็นห่วงเป็นใย “ชุ่ยชุ่ย เธออย่าโง่น่า รีบไปขอค่ารักษาพยาบาลจากพวกเขามาสิ”
“ตอนนี้ฉันว่างพอดี ไปเป็นเพื่อนเธอได้”
หลี่กุ้ยฮวาน่ะหรืออยากจะช่วย หล่อนแค่อยากไปดูความสนุกต่างหาก
หลี่ชุ่ยชุ่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
จนกระทั่งหลี่กุ้ยฮวาออกไปแล้ว
หล่อนจึงมองสามีของตัวเองด้วยสีหน้าลำบากใจ “จื้อผิง พวกเราต้องไปหาลู่เฟิงเพื่อขอค่ารักษาพยาบาลไหม”
“ถ้าคุณไม่ได้ช่วยเขาไว้ คราวนี้เขาคงจะตายไปแล้ว”
“เงินจำนวนนี้ เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลที่เขาควรจะจ่าย”
เย่จื้อผิงเป็นคนซื่อสัตย์ เขากล่าวด้วยใบหน้าขมวดคิ้ว “ตอนที่ผมช่วยเขา ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องพวกนี้เลย”
“ถ้าเขาจริงใจ เขาจะต้องมาให้เองแน่”
“เขาเป็นหัวหน้าทีม ปกติเขาก็สุภาพกับพวกเรานะ คงไม่ใจดำขนาดนั้นหรอก…”
หลี่ชุ่ยชุ่ยปวดร้าวใจ หล่อนถอนหายใจ “ถ้าเขารู้สึกผิดอยู่บ้าง เขาก็น่าจะมาเยี่ยมคุณแล้ว”
“ตอนนี้ครอบครัวของเราไม่มีเงินสักหยวน แล้วยังเป็นหนี้พี่สาวหลินอีกสิบสี่หยวน”
“ถึงแม้พี่สาวหลินจะเป็นหัวหน้าสตรี แต่หล่อนก็มีครอบครัว เราต้องคืนเงินให้หล่อน!”
เย่จื้อผิงก็รู้เรื่องนี้ดี
เขามองไปที่ภรรยา ลังเลที่จะพูด แต่ในที่สุดก็พูดว่า “ตกลง เราจะไปถามเขาดู”
“เราช่วยชีวิตไว้ ยังไง… ก็น่าจะให้ค่ารักษาพยาบาลเราหน่อย”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยมั่นใจ
เย่เสี่ยวจิ่นมองพ่อแม่ของเธอ
เธอกะพริบตาปริบ ๆ “พ่อแม่ หนูไปด้วย”
หลี่ชุ่ยชุ่ยมองลูกสาวด้วยสายตาที่อ่อนโยนลง “จิ่นเป่า เล่นอยู่บ้านก่อนนะ”
“พ่อกับแม่จะไปคุยเรื่องสำคัญกันหน่อยนะ” เย่จื้อผิงลูบหัวเย่เสี่ยวจิ่น “ใช่แล้ว จิ่นเป่า รอสักพักพ่อกับแม่ก็กลับมาแล้ว”
เย่เสี่ยวจิ่นรู้ พวกเขากลัวว่าถ้าพาเธอไปด้วยจะพูดไม่สะดวก
เธอพยักหน้า “ก็ได้ค่ะ…”
หลี่ชุ่ยชุ่ยถอนหายใจอีกครั้ง แล้วพยุงเย่จื้อผิงออกไป
เย่เสี่ยวจิ่นเบ้ปาก เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้จะไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก
ถ้าพวกเขามีความจริงใจ คงไม่ปล่อยให้ผู้มีพระคุณต้องเดินขาเป๋มาหาถึงที่แบบนี้หรอก
ด้านหยางลี่ลี่ก็กำลังปูหญ้าแห้งให้ต้นท้อของเย่เสี่ยวจิ่นอยู่ริมธาร
หล่อนเดินเข้ามาหา “จิ่นเป่า ฉันปูหญ้าให้ต้นท้อของเธอเสร็จแล้วนะ”
“ตอนนี้พ่อกับแม่ของเธอกลับมาแล้ว ฉันกลับบ้านก่อนนะ”
เย่เสี่ยวจิ่นสายตาเป็นประกาย “พี่หยาง รอเดี๋ยว ฉันไปกับพี่ด้วย”
เธอก็อยากไปดูเหมือนกัน เผื่อว่าพอจะมีส่วนช่วยได้บ้าง
ส่วนฝั่งนั้น
เย่จื้อผิงกับหลี่ชุ่ยชุ่ยมาถึงหน้าบ้านของลู่เฟิงแล้ว
ที่นี่ไม่เหมือนบ้านของเย่จื้อผิง สร้างอยู่ในที่ค่อนข้างจะเปลี่ยว
แต่กลับเป็นที่ที่คึกคัก
หลี่ต้ากังกำลังคุยเล่นกับคนอื่นอยู่ เห็นเย่จื้อผิงก็ร้องทัก “จื้อผิง ขาแกเป็นไงบ้าง”
“ได้ยินว่าโดนระเบิดเข้า ไม่เป็นไรใช่ไหม”
“ไม่เป็นไร พักสักหน่อยก็หายแล้ว” เย่จื้อผิงยิ้ม
“แกมาหาลู่เฟิงใช่ไหม” หลี่ต้ากังยิ้ม “มันออกไปทำงานแต่เช้าแล้ว”
“มาก่อน มานั่งกับฉันก่อน เดี๋ยวตอนกลางวันเขาก็กลับมาแล้ว”
ทั้งสองคนสามีภรรยารออยู่พักใหญ่ จึงเห็นลู่เฟิงเดินคุยหยอกล้อกับจ้าวหลินหลินภรรยาของเขากลับมา
จ้าวหลินหลินพอเห็นหลี่ชุ่ยชุ่ยกับเย่จื้อผิงก็หน้าเปลี่ยนสีทันที
ใบหน้าอันอ่อนเยาว์ของหล่อนเผยแววรังเกียจออกมาอย่างชัดเจนพลางส่งสายตาให้ลู่เฟิง
“เห็นไหม บอกแล้วว่าต้องมาขอเงินแน่”
“รู้อยู่แล้วว่าคนแบบนี้ไม่หวังดี คงหวังจะใช้เรื่องนี้มาขู่รีดไถเงินจากคุณ!”
“คนของคุณ คุณก็ไปจัดการเอาเอง ฉันไม่มีเงินให้แม้แต่แดงเดียว!”
จ้าวหลินหลินพูดจาหยาบคาย ก่อนจะกลอกตาไปมาด้วยความโกรธแล้วเดินสะบัดเข้าบ้านไป
เมื่อเห็นสีหน้าของจ้าวหลินหลิน ทั้งเย่จื้อผิงและหลี่ชุ่ยชุ่ยก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
ลู่เฟิงเดินเข้าไปนั่งลงใต้ชายคาบ้าน
เขาหัวเราะร่า “จื้อผิง นายมาทำอะไรที่นี่? มีธุระอะไรเหรอ?”
“ขานายก็เจ็บอยู่ ควรจะพักอยู่ที่บ้าน ไม่น่าออกมาเดินให้เหนื่อยเลย”
“ฉันก็กะว่าอีกสองวัน ถ้าว่างจะไปเยี่ยมนายที่บ้าน”
เย่จื้อผิงไม่คิดว่าลู่เฟิงจะพูดแบบนี้
เขาอ้ำอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง พูดอะไรไม่ออก
หลี่ชุ่ยชุ่ยยิ้มแห้ง ๆ อย่างลำบากใจ “เรื่องที่เกิดขึ้น จื้อผิงของฉันก็แค่ตั้งใจจะ…”
“นี่มันอุบัติเหตุ ใคร ๆ ก็ไม่อยากให้เกิด” รอยยิ้มบนใบหน้าของลู่เฟิงหายไป เขาพูดอย่างเคร่งขรึม “ถ้าวันนี้ฉันเป็นฝ่ายเกิดเรื่อง ถ้าฉันตาย ฉันก็คงไม่ไปเรียกร้องค่าเสียหายจากครอบครัวนายหรอกนะ?”
“เรื่องแบบนี้ก็ทำได้แค่ทำใจยอมรับ เพราะเรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้ว จะไปโทษใครก็ไม่ได้”
เย่จื้อผิงรู้สึกโมโห “ลู่เฟิง นายพูดแบบนี้ได้ยังไง? ให้ทำใจยอมรับเหรอ?”
“ฉันก็ไม่ได้จะเรียกร้องอะไรจากนาย ฉันช่วยชีวิตนาย ค่ารักษาพยาบาลนี่…”
“มันไม่ควรเป็นฉันที่ต้องรับผิดชอบทั้งหมดนะ!”
“ยิ่งไปกว่านั้น นี่ฉันต้องเสียเวลาไปตั้งครึ่งปีเลยนะ…”
“พอได้แล้ว พอได้แล้ว ถ้านายพูดแบบนี้ ฉันก็ไม่มีเงินให้หรอก” ลู่เฟิงโบกมืออย่างรำคาญ “ตอนแรกฉันก็คิดนะว่า ครั้งนี้นายเจ็บตัว ครั้งหน้าจะหาอะไรเบา ๆ ให้นายทำ”
“กะว่าจะให้มีคะแนนงานบ้าง ใครจะไปคิดว่านายจะคิดแบบนี้…”
“แบบนี้ฉันก็จนใจ”
“นาย!” เย่จื้อผิงรู้สึกเจ็บปวดในใจอย่างที่สุด
ทำดีกลับกลายเป็นผลร้าย
ต้องแบกรับความเจ็บปวดนี้ไว้เพียงลำพัง
ครอบครัวเขามีกันตั้งหลายคน หลังจากนี้จะเอาอะไรกิน
เขากำหมัดแน่น “ลู่เฟิง นายมันกลับดำเป็นขาวชัด ๆ!”
“พวกแกคิดว่าพวกเรากำลังจะหลอกเอาเงินจากพวกแกงั้นรึ?”
ลู่เฟิงหัวเราะอย่างเย็นชา “ถ้าไม่ใช่อย่างนั้นแล้วมันคืออะไรล่ะ?”
“เอาละ ฉันก็ไม่ได้ว่างมาคุยกับพวกแกที่นี่หรอกนะ ฉันไปก่อนล่ะ”
ลู่เฟิงไม่เต็มใจที่จะจ่ายเงินอย่างเห็นได้ชัด
เย่จื้อผิงรู้สึกเสียใจ ถ้าเขาไม่เข้าไปยุ่ง เขาก็ไม่ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเองหลายสิบหยวน
“ลู่เฟิง เย่จื้อผิง พวกนายอยู่กันพอดีเลย” ผู้ใหญ่บ้านซุนจ่างซุ่นมาถึงอย่างไม่คาดคิด
เขาเป็นคนที่ค่อนข้างมีอิทธิพลในหมู่บ้าน
เขาขมวดคิ้ว มองดูบาดแผลของเย่จื้อผิง “แผลแบบนี้ อย่างน้อยนายต้องพักรักษาตัวหลายเดือนเลยใช่ไหม?”
“ใช่ครับ” เย่จื้อผิงตอบด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น
ลู่เฟิงไม่รู้ว่าผู้ใหญ่บ้านมาทำอะไรในเวลานี้ แต่เขาก็มองเห็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่เดินตามหลังมา
เขาจำได้ว่าเธอคือลูกสาวคนเล็กของเย่จื้อผิงที่ค่อนข้างหัวช้า
หลี่ชุ่ยชุ่ยก็สังเกตเห็นเช่นกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าจิ่นเป่าไปตามผู้ใหญ่บ้านมาตั้งแต่เมื่อใด
แววตาของหล่อนฉายแววประหลาดใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่กวักมือเรียกลูกสาวให้มาหา
ลู่เฟิงระบายรอยยิ้มออกมา “ผู้ใหญ่บ้าน คุณมีธุระอะไรกับพวกเราเหรอ”