ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 19 ทักษะการปลูกผลไม้ขั้นต้น (รีไรต์)
- Home
- All Mangas
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 19 ทักษะการปลูกผลไม้ขั้นต้น (รีไรต์)
บทที่ 19 ทักษะการปลูกผลไม้ขั้นต้น (รีไรต์)
บทที่ 19 ทักษะการปลูกผลไม้ขั้นต้น (รีไรต์)
หลี่ชุ่ยชุ่ยรู้ดีว่าพ่อแม่สามีของหล่อนเป็นคนอย่างไร คนในหมู่บ้านนี้ชอบเรื่องชาวบ้านจะตายไป เรื่องดีไม่เท่าใด แต่ถ้าเป็นเรื่องเสียหายละก็ แพร่กระจายไปไวยิ่งกว่าอะไร
ช่วงนี้หิมะตกหนัก ทุกคนไม่ได้ออกไปทำงาน ได้แต่มานั่งจับกลุ่มคุยกัน
เย่ฉู่เฉียงกับหลิวต้าเม่ยก็เอาแต่พูดใส่ร้ายป้ายสีหล่อนไปทั่ว
แน่นอนว่า เซี่ยวเยว่ต้องได้ยินเรื่องนี้เข้าบ้าง
“อย่ามาพูดจาเหลวไหล” หยางเจวียนรีบพูดขึ้นทันควัน
“ฉันพูดเหลวไหลงั้นเหรอ เธอน่ะแอบไปซื้อฝ้ายตั้งเยอะ พ่อแม่ตัวเองแท้ ๆ อยากได้มาทำเสื้อผ้าสักตัวสองตัวก็ไม่ยอมให้”
“อาศัยตอนสามีไม่อยู่บ้าน ยุยงคนนอกให้ไปด่าพวกเขาทั้งสอง ต้องการให้พวกเขาตาย ๆ ไปให้พ้น ๆ นี่มันเรื่องที่คนทำกันลงคอหรือไง”
“บีบบังคับให้ผู้ใหญ่ไปตาย ใครกันที่ทำเรื่องแบบนี้ลงไปได้”
‘ฉันรังเกียจเธอเหลือเกิน’ เซี่ยวเยว่คิดในใจ
หล่อนรู้สึกหมั่นไส้หลี่ชุ่ยชุ่ยที่ทำตัวเป็นคนดี
ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังจะเป็นคนหรือเป็นผีกันแน่
สีหน้าของหลี่ชุ่ยชุ่ยเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดเล็กน้อย
หลายคนมองมาที่พวกหล่อน โดยที่หล่อนเองก็ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังพูดอะไรกัน
รู้สึกเหมือนกับว่าทุกคนกำลังซุบซิบนินทาว่าร้ายหล่อน
“ชุ่ยชุ่ย อย่าไปสนใจหล่อนเลย” หยางเจวียนคว้าแขนหลี่ชุ่ยชุ่ยไว้
“พวกเรารู้ดีว่าเธอเป็นคนยังไง”
“ไปกันเถอะ อย่าไปฟังคำพูดพวกนั้นเลย”
หลี่ชุ่ยชุ่ยเดินตามหยางเจวียนไปข้างหน้า แต่ก็ยังได้ยินเสียงเซี่ยวเยว่ด่าทอไล่หลังมา
ความรู้สึกเหมือนถูกคนแทงข้างหลังแบบนี้ มันช่างแย่เสียจริง
โดยเฉพาะกับคนอย่างหล่อนที่ทำแต่งานอย่างซื่อสัตย์มาตลอด
“พี่เจวียน” หล่อนรู้สึกแย่เหลือเกิน “พ่อแม่สามีฉันไปพูดจาแบบนั้นข้างนอกจริง ๆ เหรอ”
หยางเจวียนอึกอักไปครู่หนึ่ง “พูดแบบนั้นก็จริง แต่…ทุกคนเขาก็แค่ฟังเท่านั้นแหละ”
“เธออย่าไปใส่ใจเลย เรื่องนี้เดี๋ยวอีกไม่กี่วันก็ไม่มีใครพูดถึงแล้ว”
“แค่พ่อสามีเธอนั่นแหละ พูดลับหลังว่าจะให้สามีเธอกลับมาสั่งสอน ฉันว่าสามีเธอเขาก็ไม่กล้าหรอก!”
หลี่ชุ่ยชุ่ยอยากจะพูดอะไรต่อ แต่ก็หยุด หล่อนไม่เข้าใจจริง ๆ
ตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักนิด ทำไมถึงต้องมาโดนแบบนี้ด้วย
ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำลงมากแล้ว
ที่บ้าน เย่เสี่ยวจิ่นทำอาหารไก่เสร็จแล้ว และใส่ไว้ในกระสอบ
“ในที่สุดก็เสร็จสักที พอให้กินได้อาทิตย์หนึ่งเลยละ”
“เอาไว้ทำอาหารไก่ อาทิตย์หน้านะ!”
เธอไปก่อไฟหุงข้าว รอแม่กลับมา
ตอนที่หลี่ชุ่ยชุ่ยกลับมา สีหน้าของหล่อนก็ดูเศร้าหมอง
เมื่อเห็นว่าลูกอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว หล่อนก็รู้สึกปลื้มใจ
“จิ่นเป่า ทำไมลูกถึงได้น่ารักอย่างนี้ ลูกทำเองได้ยังไง”
“แม่คะ” เธอสังเกตเห็นสีหน้ากังวลของผู้เป็นแม่ “แม่เป็นอะไรไปคะ มีใครรังแกแม่หรือเปล่า”
“ไม่มีหรอก”
เธอเอียงศีรษะ “หนูดูออกน่า แม่โดนรังแกมาแน่ ๆ”
“เป็นคุณปู่คุณย่า หรือว่าหัวหน้าเซี่ยวคนนั้นอีกคะ”
“ไม่มีอะไรหรอกลูก แม่แค่เพิ่งค้นพบว่า การเป็นคนดีมันไม่เห็นจะน่าชื่นชมตรงไหน” หลี่ชุ่ยชุ่ยเอ่ยด้วยรอยยิ้มแสนขมขื่น ก่อนจะเดินไปผัดกับข้าวต่อ
ก่อนหน้านี้ หล่อนเป็นลูกสะใภ้ที่แสนดี ยอมทำตามที่แม่สามีอย่างหลิวต้าเม่ยและพ่อสามีอย่างเย่ฉู่เฉียงสั่งทุกอย่าง ทั้งหล่อนและสามีต่างก็เชื่อฟังพวกเขาทั้งสองราวกับพระเจ้า
แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเขากลับไม่เคยเห็นใจหรือสำนึกในบุญคุณของหล่อนและสามีเลยแม้แต่น้อย
พอคราวนี้หล่อนขัดใจพวกเขาเพียงครั้งเดียว พวกเขากลับใส่ร้ายป้ายสีหล่อนสารพัด ราวกับว่าสิ่งของที่พวกเขาเคยเอาไปจากหล่อนไม่มีค่าอะไรเลยสักนิด
ตกดึก ขณะที่กำลังนอนหลับ เย่เสี่ยวจิ่นก็ได้ยินเสียงพลิกตัวไปมาของหลี่ชุ่ยชุ่ยด้วยความกังวล
เธอจึงเอื้อมมือไปจับมือหลี่ชุ่ยชุ่ยไว้ แล้วพูดปลอบว่า “แม่คะ อย่าคิดมากเลยค่ะ”
“ถ้าใครทำให้แม่รู้สึกแย่ แม่ก็ทำให้พวกเขารู้สึกแย่กลับไปบ้าง หรือไม่ก็ไม่ต้องไปสนใจพวกเขาเลยค่ะ ปล่อยเขาไป”
ขณะที่หลี่ชุ่ยชุ่ยกำลังฟังลูกสาวตัวน้อยพูดจาออดอ้อนอย่างมีเหตุผล จู่ ๆ หล่อนก็หลุดขำออกมา ความกังวลในใจพลันมลายหายไปสิ้น
“จิ่นเป่าพูดถูก สมกับที่เป็นเด็กฉลาดจริง ๆ”
เย่เสี่ยวจิ่นหัวเราะคิกคัก
ในการสุ่มห้าครั้งติดต่อกัน เธอได้รับปุ๋ยบำรุงพืชครบวงจร 100 กรัม ฟิล์มกันหนาวแบบบาง 2,000 เมตร
ส่วนอีกสามอย่างคือ เมล็ดพันธุ์มันเทศคุณภาพดี 1,000 เมล็ด ต้นกล้าสตรอว์เบอร์รีคุณภาพดี 50 ต้น และต้นท้อคุณภาพดี 15 ต้น
และยังมีรางวัลระดับ A คือทักษะการปลูกผลไม้ขั้นต้น
เทียบเท่ากับเกษตรกรผู้มีประสบการณ์การปลูก 10 ปี
เช้าวันใหม่มาเยือน
หลี่ชุ่ยชุ่ยจดจำคำพูดของลูกสาวได้ขึ้นใจ อารมณ์จึงดีขึ้นมาก และกลับไปทำงานที่ฟาร์มไก่
เย่เสี่ยวจิ่นหยิบจอบขึ้นมา แล้วลงมือพรวนดินในพื้นที่ว่างข้างบ้าน ภาพความรู้เรื่องการปลูกผลไม้มากมายผุดขึ้นมาในหัว
“ปลูกสตรอว์เบอร์รีก่อนดีกว่า สตรอว์เบอร์รีเป็นของหายาก เอาไปขายที่ตลาดได้ราคาดี”
“ยิ่งปลูกตอนนี้ ยิ่งเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เร็ว”
“ส่วนต้นท้อ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาปลูกหลายปี”
พื้นที่เล็ก ๆ ข้างบ้านของเธอ ปกติแล้วใช้สำหรับตากข้าว
เธอต้องการลงทุนน้อยที่สุด แต่ได้ผลตอบแทนสูงสุด
เย่เสี่ยวจิ่นขุดดินเป็นร่องเล็ก ๆ หลายร่อง
ตอนโจวเหวินรุ่ยมาถึง เห็นเธอกำลังก้ม ๆ เงย ๆ บ่นพึมพำอะไรบางอย่างอยู่แถวนั้น
เขาจึงค่อย ๆ ย่องเข้าไปใกล้ ๆ
ขณะนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงเล็ก ๆ แว่วมา ราวกับท่องหนังสือ “ต้นสตรอว์เบอร์รีต้องปลูกให้โค้งเข้าหากัน ผลของมันจะได้ออกด้านนอกตรงร่อง…”
“แบบนั้นผลสตรอว์เบอร์รีจะได้รับแสงแดดเต็มที่ ผลจะได้สุกเร็วและหวานด้วย…”
“หนึ่งหลุมปลูกสองต้น โค้งเข้าหากัน…”
เธอพึมพำกับตัวเองเป็นระยะ พร้อมกับครุ่นคิดไปด้วย
แต่ดูเหมือนว่ามือกับสมองของเธอจะทำงานแยกกัน
ถึงแม้ว่าในหัวจะยังไม่ค่อยเข้าที่เข้าทาง แต่กลับลงมือทำได้อย่างคล่องแคล่ว
พรวนดิน ปลูกต้นกล้า
ทุกอย่างดูเป็นมืออาชีพมาก
“จิ่นเป่า นี่เธอกำลังปลูกสตรอว์เบอร์รีอยู่เหรอ?” โจวเหวินรุ่ยเอ่ยขึ้นทันทีที่เห็น
เธอสะดุ้งสุดตัว “นี่นายเดินมาไม่คิดส่งเสียงเลยเหรอ”
“ฉันยืนอยู่ตรงนี้นานแล้วนะ เธอน่ะมัวแต่ตั้งใจทำอะไร ไม่เห็นฉันเลย”
โจวเหวินรุ่ยนั่งยอง ๆ มองเย่เสี่ยวจิ่นทำงานอย่างขะมักเขม้น
“จิ่นเป่า เธอปลูกทำไมเหรอ”
“ก็ปลูกเอาไว้ขายยังไงล่ะ ถึงตอนนั้นได้เงินเยอะแน่ ๆ”
โจวเหวินรุ่ยพยักหน้า เห็นพ้องด้วยกับความคิดนี้ จิ่นเป่าช่างเป็นเด็กที่ฉลาดจริง ๆ ตัวแค่นี้ก็คิดหาเงินแล้ว
เขาอมยิ้มอย่างเอ็นดู “เก่งมาก เด็กน้อย”
เซี่ยวหรุยหรุ่ยพาพวกมาหาโจวเหวินรุ่ยบังเอิญได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่เข้าพอดี
“หาเงิน? นั่นมันสตรอว์เบอร์รีปลอมไม่ใช่เหรอ”
“เย่เสี่ยวจิ่นบ้าไปแล้วรึไง ถึงเอาเจ้าสิ่งนี้มาปลูกไว้ที่นี่… สมองไม่ค่อยดีรึไง”
“ก่อนหน้านี้ฉันเคยได้ยินมาว่า เธอเป็นเด็กปัญญาอ่อน”
“เด็กปัญญาอ่อนคนนี้น่ะเหรอ วัน ๆ เอาแต่ถอนหญ้าเลี้ยงหมู หาแต่พืชพรรณไร้ค่า คิดแต่จะหาเงินจนเป็นบ้าไปแล้ว…”
เซี่ยวหรุยหรุ่ยดูราวกับองค์หญิงน้อย มองเย่เสี่ยวจิ่นด้วยสายตาเหยียดหยาม รังเกียจอย่างถึงที่สุด
เสอเหมย*[1] เป็นวัชพืชข้างทาง ใบคล้ายกับใบสตรอว์เบอร์รีมาก
เซี่ยวหรุยหรุ่ยจำผิดเต็ม ๆ
“นี่คือสตรอว์เบอร์รี ราคาแพงมากนะ” โจวเหวินรุ่ยทำหน้าบึ้ง ขณะแก้ให้ “มีขายเฉพาะในเมืองใหญ่เท่านั้น”
“ไม่ใช่นะ เธอหลอกนายแล้ว!” เซี่ยวหรุยหรุ่ยพูดเสียงดัง “เสอเหมยมีอยู่ทั่วไปข้างทาง เธอเป็นแค่เด็กหลอกลวง”
“รุ่ยเป่า อย่าไปเล่นกับหล่อนเลย”
โจวเหวินรุ่ยดูจะโกรธขึ้นมาบ้าง “พอแล้ว เธออย่ามากวนได้ไหม”
“ฉันชอบเล่นกับจิ่นเป่า ไม่อยากเล่นกับเธอ”
หล่อนไม่รู้ว่าตัวเองสู้เย่เสี่ยวจิ่นไม่ได้ตรงไหน
หล่อนเป็นเด็กผู้หญิงที่หน้าตาน่ารักที่สุดแถวนี้ ไม่เคยถูกมองข้ามแบบนี้มาก่อน
ด้วยความโมโห หล่อนจึงพาพวกพ้องกลับบ้าน
พอถึงบ้าน เซี่ยวเยว่ซึ่งเป็นพี่สาวสังเกตเห็นว่าน้องสาวถูกคนทำให้เสียใจกลับมา
“เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม”
เซี่ยวหรุยหรุ่ยบอกพี่สาวด้วยความเสียใจ “พี่จ๋า เย่เสี่ยวจิ่นเอาเสอเหมยมาหลอกล่อรุ่ยเป่า บอกว่าเป็นของมีค่า”
“แถมยังหลอกอีกว่าวัชพืชพวกนั้นทำเงินได้มหาศาล”
“ตอนนี้รุ่ยเป่าไม่สนใจฉันแล้ว ฮือ ๆ ๆ”
พอได้ยินดังนั้น เซี่ยวเยว่ถึงกับสบถออกมา “คนจน ๆ คิดแต่เรื่องเงินทอง”
………………………………………………………………………………………………………………………………
[1] เสอเหมย (蛇莓) หมายถึง สตรอว์เบอร์รีป่า มีใบและผลรวมคล้ายกับสตรอว์เบอร์รี แต่มีดอกสีเหลือง ผลมีพิษ กินไม่ได้