ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 122 ทะเลาะกับเย่ไฉกุ้ย
- Home
- All Mangas
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 122 ทะเลาะกับเย่ไฉกุ้ย
บทที่ 122 ทะเลาะกับเย่ไฉกุ้ย
……….
บทที่ 122 ทะเลาะกับเย่ไฉกุ้ย
ซุนจ่างซุ่นหันหลังกลับ รอจนไม่มีใครแล้วถึงพูดกับกัวชิงซง
“คุณพูดน่ากลัวเกินไปมั้ง แต่ก่อนหมู่บ้านเราก็ไม่เคยมีเรื่องอะไรนี่”
“เรื่องโหยวไช่ฮวากับข้าวคงไม่มีใครขโมยหรอก แต่นี่มันปลานะ!” กัวชิงซงเบิกตาโพลง “ข้างนอกขายกันชั่งละหลายสิบเหมาเชียวนะ นี่มันเงินทั้งนั้น”
“บางคนก็ใจร้าย ไม่แน่ว่าเพื่อเงินแล้วอาจทำเรื่องแบบนี้ได้จริงๆ”
“ยังไงผมก็ต้องคอยจับตาดู เรื่องปลาในนาข้าวของเรานี่ สิบหมู่บ้านแปดตำบลก็ไม่มีใครทำ”
“ถ้าทำสำเร็จ เราเอาโครงการนี้ไปขอรับการสนับสนุนจากเบื้องบนก็ได้ไม่ใช่หรือ?”
กัวชิงซงดึงแขนซุนจ่างซุ่น พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พวกเราก็จะได้รับการประเมินเป็นหมู่บ้านตัวอย่างดีเด่น พวกเราก็จะมีหน้ามีตากันทั้งนั้น”
“ไม่ใช่แค่เรื่องหน้าตาอย่างเดียว ยังได้รับความช่วยเหลือจากเบื้องบนมากขึ้นด้วย”
“นั่นก็ได้ ถ้าจิ่นเป่าเลี้ยงปลาในนาข้าวได้ดี และผลิตผลไม้ในสวนผลไม้ของหล่อนได้ดีด้วย…”
“ทั้งหมดนี้ก็ส่งไปที่อำเภอให้ทุกคนได้เรียนรู้ร่วมกันได้”
“ไม่แน่นะ จิ่นเป่าอาจได้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐตั้งแต่อายุน้อยก็ได้”
กัวชิงซงพยักหน้า “ก็ใช่ไหมล่ะ เรื่องพวกนี้ต้องทำให้ดี ทำให้จริงจัง”
“ถูก คุณคิดรอบคอบดีแล้ว”
“ตอนนั้นฉันจะมาดูบ่อยๆ รับรองว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาด”
กัวชิงซงก็คิดมากเกินไป จริงๆ แล้วไม่มีใครกล้าขโมยของหรอก
ยุคนี้ชาวบ้านยังมีศีลธรรมจรรยาดี แม้ทุกคนจะอยากรู้อยากเห็น แต่ก็ไม่กล้าเอาแม้แต่เข็มด้ายของหมู่บ้านไป
ในขณะเดียวกัน
ที่อำเภอต้าหลี่
นายกเทศมนตรีจ้าวกั๋วถงและเหอชุนเซิงนั่งดื่มชาด้วยกัน
พวกเขาอยู่ในสำนักงานตามลำพัง มีเพียงไอร้อนจากน้ำชาที่ลอยขึ้นมา
ตรงหน้าของจ้าวกั๋วถงมีเอกสารมากมาย รวมทั้งกระดาษและปากกา
เหอชุนเซิงสวมเสื้อผ้าดูดี “ท่านนายกฯ คุณคิดว่าโครงการของผมเป็นอย่างไรบ้าง? ทางผู้บริหารมีคำตอบแล้วหรือยังครับ?”
จ้าวกั๋วถงยิ้ม “ชุนเซิง โครงการของนายดีมากเลย นายคิดได้ยังไงน่ะ? ดูเหมือนว่าการลงพื้นที่หมู่บ้านบ่อยๆ จะเป็นประโยชน์กับนายจริงๆ”
“ผู้บริหารชื่นชมแผนของนายมาก และอยากให้นายทดลองทำดู”
“ถ้าการทดลองประสบความสำเร็จ อนาคตของนายก็จะไม่ได้จำกัดอยู่แค่ที่นี่อีกต่อไป”
เหอชุนเซิงเข้าใจความหมายในคำพูดของนายกฯ จ้าว
ดวงตาของเขาเป็นประกาย “งั้นผม…”
“บ่ายนี้ผมจะจัดการให้คุณเข้าเมือง คุณไปพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ ให้ดีๆ นะ อีกสองสามวันกลับมาแล้วก็จะทดลองที่ตำบลของเรา”
เหอชุนเซิงรีบตอบตกลงทันที
“คุณรีบกลับบ้านไปเตรียมของเถอะ คาดว่าคงต้องไปเรียนรู้กันหลายวันเลย”
เหอชุนเซิงรีบกลับบ้านไปอย่างมีความสุข
อนาคตที่สดใสอยู่ตรงหน้า เขาย่อมไม่มีทางลังเลแน่นอน
ส่วนเย่เสี่ยวจิ่น…
หล่อนถูกกำหนดให้อยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ไม่มีทางที่จะโต้ตอบอะไรได้อีกแล้ว
หมู่บ้านชงเทียน
ลูกปลาถูกปล่อยลงในนาข้าวเรียบร้อยแล้ว
เย่เสี่ยวจิ่นได้ให้คนทำความสะอาดและฆ่าเชื้อที่ดิน 50 หมู่ไปเมื่อครึ่งเดือนก่อน
เทกากชาที่เจือจางแล้วและสารละลายปูนขาวลงในน้ำ แล้วขุดหลุมน้ำเล็กๆ ในนา
เมื่อถึงช่วงอากาศเย็น ปลาจะรู้สึกหนาวและว่ายเข้าไปในหลุมน้ำเพื่อหลบความหนาวด้วยกัน
พอปล่อยปลาลงไปแล้ว งานก็เสร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว
เย่จื้อผิงทำอาหารเสร็จแล้วถาม “จิ่นเป่า แค่ปล่อยปลาแบบนี้ก็พอแล้วเหรอ?”
“พวกมันกินแค่แมลงศัตรูพืชกับพืชน้ำก็โตได้เลยเหรอ?”
“ก็ประมาณนั้นแหละค่ะ” เย่เสี่ยวจิ่นตอบพลางถือชาม “แต่ในช่วง 4 เดือนนี้ เราสามารถใส่ปุ๋ยได้สองครั้ง ใช้แค่สารอินทรีย์ก็พอ”
“ตอนนี้ระดับน้ำอยู่ที่ 5-10 เซนติเมตร อีกสักพักก็สามารถเพิ่มขึ้นเป็น 15 เซนติเมตรขึ้นไปได้”
“พอเก็บเกี่ยวรวงข้าวแล้ว ก็สามารถเก็บน้ำได้ถึง 50 เซนติเมตร”
เย่เสี่ยวจิ่นอธิบายให้ทุกคนฟังขณะกินข้าว “4 เดือนคือช่วงเก็บเกี่ยวข้าวที่สุกแล้ว ส่วน 6 เดือนก็คือช่วงจับปลา ก็ต้องดูว่าปลาจะโตขนาดไหน”
เย่จื้อผิงกลับรู้สึกว่าช้าหน่อยจะดีกว่า “ถ้าช้าไปสองเดือน รับรองว่าปลาจะตัวโตอ้วนขึ้นแน่นอน”
“ตอนเก็บเกี่ยวก็จะได้ผลผลิตมากขึ้นด้วย”
“อืม” เย่เสี่ยวจิ่นพยักหน้า “ลูกปลาของเราเป็นพันธุ์ดี จริงๆ แล้วแค่ 4 เดือนก็โตได้มากแล้ว”
เย่จวินเห็นเย่เสี่ยวจิ่นวางแผนอย่างเป็นระบบ ก็ไม่มีความเห็นอะไร
“พ่อ ไม่ต้องกังวลมากหรอก” เย่จวินยิ้ม “จิ่นเป่าคิดทุกอย่างไว้หมดแล้ว”
“พวกเราทำตามที่จิ่นเป่าบอกก็พอ”
“ก็จริงนะ” เย่จื้อผิงหัวเราะ ตักเนื้อให้เย่เสี่ยวจิ่น “จิ่นเป่าทำงานหนักที่สุด กินเนื้อเยอะๆ หน่อย”
“กำลังกินข้าวกันอยู่เหรอ?” จู่ๆ ก็มีคนมา
เย่จื้อผิงมอง เป็นเย่ไฉกุ้ยที่ไม่ได้ติดต่อกับครอบครัวเขามาเกือบเดือนแล้ว
“จื้อผิง ฉันขอรบกวนนายกับชุ่ยชุ่ยช่วยมาช่วยทำอาหารที่บ้านฉันสักสองสามวันได้ไหม”
“ขานายไม่ค่อยดี ฉันจะไม่รบกวนให้นายทำงานหนักหรอก”
“แค่มาช่วยทำอาหารสามมื้อต่อวัน และช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น”
เย่ไฉกุ้ยกวาดตามองพวกเขาแวบหนึ่ง แล้วพูดเสียงเย็นชาว่า “ว่านหยวนลูกชายของฉันจะแต่งงาน ต้องขยายบ้านแล้ว”
“คนงานจะมาในอีกไม่กี่วันนี้ พวกนายก็ว่างๆ อยู่แล้ว มาช่วยหน่อยสิ”
เย่จื้อผิงถึงกับพูดไม่ออก
ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ยุ่งที่สุดในการทำเกษตร จะว่างได้อย่างไร?
ทำงานน้อยลงหนึ่งวัน ก็จะได้คะแนนการทำงานน้อยลงหนึ่งวัน
ที่สวนผลไม้ แตงโมที่ปลูกไว้ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนก็แตกเถาออกมาแล้ว จิ่นเป่าบอกว่าต้องกำจัดเถาที่แตกแขนงออก
ยังต้องผสมเกสรดอกไม้ด้วยมืออีกด้วย ตอนนี้เป็นช่วงที่ยุ่งมากๆ
แม้ว่าดูเหมือนงานจะไม่มาก แต่ทุกอย่างต้องทำตั้งแต่เช้าตรู่
เย่จื้อผิงครุ่นคิดสักครู่ “เรื่องนี้คงไม่ได้ ตอนนี้เป็นช่วงที่ต้องดูแลแตงโมในสวนผลไม้พอดี”
“งั้นพี่ลองไปขอความช่วยเหลือจากพี่สะใภ้ใหญ่หรือแม่ดูไหม”
แน่นอนว่าเย่ไฉกุ้ยรู้ดีว่าหลี่กุ้ยฮวาไม่มีทางช่วยแน่ๆ
เขาแค่นเสียงอย่างเย็นชา พูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “แตงโมมีอะไรให้ต้องดูแลกัน? นายแค่อ้างเพื่อปฏิเสธฉันใช่ไหม?”
“ฉันรู้ว่าตอนนี้ครอบครัวของพวกนายดูถูกคนอื่น จงใจไม่ยอมช่วยเหลือ”
“ได้ ต่อไปถ้าครอบครัวของพวกนายมีธุระอะไรก็อย่ามาขอความช่วยเหลือจากพวกเราล่ะ”
หลี่ชุ่ยชุ่ยรีบพูดว่า “พี่รอง คุณเข้าใจผิดแล้วจริงๆ”
“จื้อผิงไม่ได้อ้างเพื่อปฏิเสธหรอก ปีนี้ทางสวนผลไม้ปลูกต้นไม้พันธุ์ใหม่ของจิ่นเป่า ต้องดูแลอย่างพิถีพิถันมาก”
“ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากช่วย แต่จริงๆ แล้วเขาไม่มีเวลาว่าง”
เย่ไฉกุ้ยโบกมือ “เย่จื้อผิง นายจะช่วยหรือไม่ช่วยก็บอกมาเลย!”
“อย่ามาพูดจาอ้อมค้อมกับฉันแบบนี้!”
เย่จื้อผิงถอนหายใจ “ฉัน… เฮ้อ…”
เขามองเห็นว่าเย่ไฉกุ้ยกำลังจะเอาจริง จึงคิดในใจว่า ตกลงรับปากไปดีไหม?
ถึงแม้ว่าอย่างน้อยก็จะไม่ได้คะแนนแรงงานหลายวัน
ครอบครัวของพี่รองก็คงไม่ช่วยอะไรเขาหรอก อย่างมากก็แค่สามีภรรยาคนใดคนหนึ่งไปช่วย
ไม่งั้นถ้าไปกันทั้งคู่ ก็จะเสียคะแนนแรงงานไปมาก
เย่เสี่ยวจิ่นถอนหายใจ “ลุงรอง คุณเลิกล้มความตั้งใจเถอะ”
“พ่อแม่ของฉันยุ่งมากนะ แถมพวกเราก็กำลังจะต่อเติมบ้านด้วย คุณก็รู้ไม่ใช่เหรอ?”
“พวกเราเองก็ไม่มีเวลาว่าง คุณน่าจะไปหาคนอื่นที่เก่งกว่าดีกว่า”
เย่ไฉ่กุ้ยหัวเราะเยาะ “บ้านเธอซื้อไม้มาแล้วเหรอ? จ้างคนงานแล้วเหรอ? จะสร้างบ้านจากที่ไหนกัน?”
“ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินว่าพวกเธอจะสร้างบ้านเลยนะ พอฉันเรียกพวกเธอมาช่วยงาน ก็แกล้งโกหกกันใช่ไหม?”
“เย่จื้อผิง ดูลูกสาวของแกสิ โกหกได้คล่องปากจริงๆ!”
เย่จื้อผิงโกรธทันที “พี่ว่าใครโกหก?!”
“เรื่องในครอบครัวของพี่ พี่จัดการเองไม่ได้เหรอ? มาสั่งนู่นนี่กับลูกสาวฉันทำไม?”
“จิ่นเป่าของเราเป็นเด็กดีที่สุด ไม่ต้องให้พี่มาสั่งสอน!”
เย่ไฉกุ้ยไม่คิดว่าเย่จื้อผิงที่ปกติซื่อๆ และยอมคนที่สุดจะมีวันโกรธเป็นด้วย
เขามองเย่จื้อผิงอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
กล้าเถียงเขาเพื่อลูกสาวที่ไร้ประโยชน์งั้นเหรอ?
“เย่จื้อผิง เก่งนักนะแก”
เย่จื้อผิงแค่นเสียงอย่างเย็นชา “พี่รอง ที่ฉันเรียกแกว่าพี่รองก็เพราะให้เกียรติแกเท่านั้น”
“แต่จิ่นเป่าเป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัวฉัน ฉันมีลูกชายมาสามคนกว่าจะได้ลูกสาวคนนี้มา”
“ถ้าแกพูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับจิ่นเป่าแม้แต่ครึ่งคำ นั่นก็เท่ากับแกกำลังหาเรื่องกับฉัน!”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คุณพ่อสู้คนบ้างแล้ว เอาสิ ให้มันรู้ไปว่าคนที่เคยโดนคนอื่นเอาเปรียบอยู่ตลอดเวลาน็อตหลุดขึ้นมามันน่ากลัวขนาดไหน
ไหหม่า(海馬)
……….