ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 119 เย่เหวินชางได้หยุดเรียนหนึ่งเดือน
- Home
- All Mangas
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 119 เย่เหวินชางได้หยุดเรียนหนึ่งเดือน
บทที่ 119 เย่เหวินชางได้หยุดเรียนหนึ่งเดือน
……….
บทที่ 119 เย่เหวินชางได้หยุดเรียนหนึ่งเดือน
“มันเทศหวาน?” หลิวเยว่มองไปที่เย่เสี่ยวจิ่น “ที่พวกเราปลูกก็ถือว่าพอใช้ได้นะ มันเทศเนื้อสีม่วงอร่อย แต่อีกชนิดที่เป็นสีเหลืองไม่อร่อย”
“ชนิดนี้น่ะ…เหมาะกับปลูกในพื้นที่ดินทรายมากกว่า” เย่เสี่ยวจิ่นพูด “ที่ดินตรงนี้ที่พวกเราไม่ต้องการ ก็ปลูกได้แค่ชนิดนี้แหละ”
เย่จื้อผิงกำลังจะขุดดินข้างๆ แล้ว
เย่เสี่ยวจิ่นเห็นหลิวเยว่จะขึ้นเขา
“หนูไปกับพี่ด้วยนะ หนูเคยขึ้นเขามาแล้ว จะได้พาพี่ไปหาเห็ดด้วย”
หลิวเยว่พยักหน้า “ดีเลย พอดีฉันไม่รู้จักทาง”
ทั้งสองคนขึ้นเขาไป
เย่จื้อผิงขุดดินอยู่ คนที่มีที่ดินก็มาตัดเถามันเทศ
ซุนหลานฮวาแบกจอบเดินผ่านมา “โอ้โห จื้อผิง ออกมาปลูกขิงตอนเที่ยงแบบนี้เลยเหรอ?”
“ใช่ครับ ปกติไม่ค่อยมีเวลา”
“จิ่นเป่าลูกสาวของคุณล่ะ?”
“ขึ้นไปเล่นบนเขาน่ะ” เย่จื้อผิงยิ้มเล็กน้อย
ซุนหลานฮวาเห็นที่ดินของพวกเขาแล้วพูดว่า “ก่อนหน้านี้ฉันขอเถามันเทศจากจิ่นเป่าไปปลูก แต่ปลูกได้ไม่ดีเท่าของเธอเลย”
“จิ่นเป่าสมเป็นหัวหน้าทีมสวนผลไม้จริงๆ หล่อนทำงานนี้ได้ดีมาก”
“จิ่นเป่าลูกสาวของคุณนี่ฉลาดจริงๆ นะ”
เย่จื้อผิงได้ยินคำชมเช่นนั้นก็พูดว่า “อย่าไปชมเด็กมากนักเลยครับ”
“ทำไมจะชมไม่ได้ล่ะ ดูสิว่าหล่อนทำสวนผลไม้ได้ดีขนาดไหน ฉันได้ยินทุกคนชมหล่อนกันทั้งนั้น”
“จิ่นเป่าโตขึ้นไปแล้วต้องได้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงแน่ๆ”
“มีลูกสาวดีแบบนี้ ต่อไปคุณก็รอรับความสุขสบายได้เลย!”
เย่จื้อผิงไม่คิดว่าซุนหลานฮวาจะมองลูกสาวของตัวเองดีขนาดนี้ “โอ้โห ใครจะรู้เรื่องในอนาคตล่ะครับ”
ก่อนถึงเวลาอาหารเย็น เย่เสี่ยวจิ่นและหลิวเยว่ก็ลงจากเขามาแล้ว
เย่จื้อผิงทำอาหารเสร็จแล้ว
หลี่ชุ่ยชุ่ยเพิ่งกลับมาบ้าน พอดีเจอหลิวเยว่พาเย่เสี่ยวจิ่นกลับมา
“คุณป้า วันนี้พวกเราไปเก็บดอกสายน้ำผึ้งมา คุณดูสิคะว่าใช้ได้ไหม?”
หลี่ชุ่ยชุ่ยไม่คิดว่าหลิวเยว่จะเก่งขนาดนี้ ถึงกับเก็บดอกสายน้ำผึ้งมาได้เต็มตะกร้า คิดเป็นน้ำหนักกว่าสิบชั่ง
“เธอไปหามาจากที่ไหนเยอะแยะขนาดนี้? แค่บ่ายเดียวเอง เธอนี่เร็วจริงๆ”
เย่เสี่ยวจิ่นอดชมไม่ได้ “แม่ แม่ไม่รู้หรอก พี่สาวเก่งมากเลย”
“ดอกสายน้ำผึ้งเลื้อยอยู่บนต้นไม้สูงมาก แต่พี่สาวก็ปีนต้นไม้ขึ้นไปเก็บได้ และยังเก็บได้เร็วอีกด้วย”
เย่เสี่ยวจิ่นรู้สึกละอายใจในเรื่องนี้จริงๆ เธอเก็บได้แค่ที่อยู่บนพื้นเท่านั้น สูงกว่านี้ก็เก็บไม่ได้แล้ว
ในทางกลับกัน หลิวเยว่ก้าวเดินขึ้นเขาได้อย่างรวดเร็ว และปีนต้นไม้ได้ชำนาญมาก
ไม่เหมือนคนที่อยู่แต่ในโรงเรียนเลย กลับดูเหมือนคนที่คุ้นเคยกับการทำงานมากกว่า
“เสี่ยวเยว่ เธอน่าจะเหนื่อยแล้ว รีบไปอาบน้ำเถอะ เพิ่งปีนต้นไม้แบบนี้ น่าจะคันตัวแย่”
“ฉันจะเอาดอกสายน้ำผึ้งพวกนี้ไปตากบนเสื่อไม้ไผ่”
หลิวเยว่ไปอาบน้ำแล้ว
หลี่ชุ่ยชุ่ยยังอดไม่ได้ที่จะชมว่าหล่อนเก่ง
ตอนกลางคืน หลี่ชุ่ยชุ่ยก็ยังคงตัดเย็บเสื้อผ้าอยู่
ดวงตาของหล่อนในยามค่ำคืน มองเห็นไม่ค่อยชัดเจนนัก
ในช่วงไม่กี่วันนี้ หล่อนได้ทำเสื้อผ้าให้เย่เสี่ยวจิ่นเสร็จแล้ว และกำลังทำให้เย่หวาย
ถึงอย่างไรเย่หวายก็สอบได้คะแนนดีในครั้งนี้ หาเงินมาให้ครอบครัวได้ถึง 10 หยวน!
ตอนนี้เวลาคนอื่นพูดถึงเย่หวาย ต่างก็บอกว่าเขามีความสามารถ
เป็นเด็กที่มีแววเรียนเก่ง
“แม่คะ แม่ทำเสื้อผ้าทุกวันเลย ต้องพักผ่อนบ้างนะคะ ไม่อย่างนั้นจะไม่ดีต่อสายตานะคะ”
หลี่ชุ่ยชุ่ยลูบศีรษะของเธอ “ไม่เป็นไรจ้ะ แม่ยังไม่ได้ทำเสื้อผ้าของพี่ชายคนโตคนรอง พี่สาว และพ่อของลูกเลย”
“แม่ยังอยากทำกระโปรงให้ลูกด้วยนะ ลูกไปนอนก่อนเถอะ แม่จะตามไปนอนเร็วๆ นี้แหละ”
“ได้ค่ะ” เย่เสี่ยวจิ่นนอนคว่ำอยู่ข้างๆ หยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน “งั้นหนูจะอยู่เป็นเพื่อนแม่นะคะ พอดีหนูก็ต้องอ่านหนังสือเรียนเหมือนกัน”
หลี่ชุ่ยชุ่ยล้วงถั่วลิสงออกมาจากกระเป๋าสองสามเม็ด “ลูกกินสิ”
เย่เสี่ยวจิ่นก็นอนคว่ำอยู่ข้างๆ แกะถั่วลิสงกิน
ที่บ้านของครอบครัวเย่คนโต ตอนนี้ก็จุดเทียนไว้ยังไม่นอนกัน
ในที่สุดเย่เหวินชางก็ได้หยุดอยู่กับบ้านเป็นเวลาหนึ่งเดือน นับเป็นการจากบ้านไปนานที่สุดครั้งหนึ่ง
หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ ทุกคนในครอบครัวก็ล้อมวงถามไถ่เขาด้วยความห่วงใยอย่างมาก
หลี่กุ้ยฮวานั่งอยู่บนเก้าอี้ “เหวินชาง ลูกอยู่โรงเรียนปรับตัวได้ดีไหม? แม่ได้ยินมาว่าพวกเธอเรียนหนักมาก มีวันหยุดแค่บ่ายวันอาทิตย์เท่านั้น”
“ปกติลูกมีเวลาพักผ่อนเพียงพอไหม?”
หลี่กุ้ยฮวามองดูลูกชายที่ดูผอมลงไปบ้าง รู้สึกเป็นห่วงจนแทบทนไม่ไหว
คาดว่าชีวิตในโรงเรียนคงไม่สบายเท่าอยู่ที่บ้าน
อาหารการกินก็คงไม่ดีเท่า
เย่จื้อเฉียงก็พูดว่า “ใช่แล้ว คราวนี้ก็สอบปลายภาคใช่ไหม? เย่หวายลูกชายอาสามของลูกปีนี้ได้กลับไปเรียนต่อแล้ว”
“แต่เดิมไม่คิดว่าเขาจะเรียนได้ดี ไม่คาดคิดเลยนะว่าคราวนี้เขาสอบได้ที่หนึ่งของชั้นปี แถมยังได้รับเงินรางวัลตั้ง 10 หยวน”
“นี่มันเก่งจริงๆ” เย่จื้อเฉียงชมด้วยความทึ่ง “ตอนนี้หลี่ชุ่ยชุ่ยภูมิใจมากเลย นับว่าลูกชายของหล่อนมีความสามารถอยู่หน่อย”
เขามองเย่เหวินฉางอย่างจริงจัง “ลูกเองก็ต้องตั้งใจเรียนให้ดีๆ นะ เรียนจบมัธยมปลายแล้วถึงจะได้งานดีๆ”
“ครอบครัวเราอยู่ที่นี่ จะได้ไม่ต้องก้มหน้าให้ใคร”
เย่จู๋ไม่ได้วนเวียนอยู่รอบๆ พี่ชายเหมือนแต่ก่อน
ดวงตาหล่อนเต็มไปด้วยความอิจฉา แต่ไม่พูดอะไรสักคำ
“เย่หวายสอบได้ที่หนึ่งเหรอ?” เย่เหวินชางเงียบไปครู่หนึ่ง ในดวงตาที่สงบนิ่งมีแววประหลาดใจและงุนงงวูบผ่าน
เขาเริ่มรู้สึกถึงภัยคุกคามบ้างแล้ว
ในฐานะคนเก่งของหมู่บ้าน เขาไม่อาจยอมให้คนในครอบครัวของเย่คนที่สามเหนือกว่าตัวเองได้
ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยสนใจเย่หวายเลย
ตอนนี้คนที่เขาไม่เคยเห็นค่ากลับมีผลการเรียนดีกว่าเขา
หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกกระทบกระเทือนใจ
เขาหลุบตาลงพูดว่า “ผลการสอบครั้งนี้ของผมธรรมดา ไม่ได้ดีมากนัก”
“ผมมีแฟนแล้ว มันเลยส่งผลกระทบต่อการเรียน”
หลี่กุ้ยฮวาตกตะลึง ทันใดนั้นก็รับไม่ได้ “ทำไมลูกไม่ตั้งใจเรียนหนังสือ แต่กลับไปมีแฟน? ลูกเพิ่งจะ…”
“ลูกยังไม่ถึงวัยที่จะมีแฟนนะ!”
“ถ้าเสียการเรียน ลูกจะต้องเสียใจในภายหลังแน่ๆ!”
เย่จื้อผิงก็รู้สึกโมโหเล็กน้อย
ครั้งแรกสอบไม่ติด เรียนซ้ำชั้นหนึ่งปี ก็เสียเงินไปอีก
ในที่สุดก็สอบเข้าได้ แต่กลับไปมีความรักเสียนี่
พวกเขาที่มีความภูมิใจในตัวเย่เหวินชาง ตอนนี้จึงรู้สึกผิดหวังอย่างมาก
“ลูกเอ๋ย ลูกมีความคิดเป็นของตัวเอง พ่อไม่อยากพูดอะไรมาก”
“แต่ว่าลูก…ลูกจะต้องเป็นเจ้าหน้าที่รัฐในอนาคตนะ ลูกทำแบบนี้ พ่อจะพูดอะไรดีล่ะ?”
เย่เหวินชางมองพ่อแม่ บนสีหน้าไม่มีความรู้สึกผิดแม้แต่น้อย
เขาตอบอย่างสงบ “พ่อแม่ครับ ผมเรียนหนังสือก็เพื่อการทำงานนั่นแหละ”
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนในเมือง พ่อของหล่อนทำงานในรัฐบาลอำเภอ ผมแค่ต้องคบกับหล่อนให้ดี พอเรียนจบก็จะได้รับการจัดสรรให้เข้าทำงานในรัฐบาลอำเภอ”
เย่เหวินชางมีเป้าหมายที่ชัดเจนมาตลอด
เขาไม่ได้ชอบผู้หญิงคนนั้นมากนัก และก็ไม่ได้คิดจะแต่งงานกับหล่อนจริงๆ
แต่หล่อนมีผลประโยชน์มาก นั่นเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้
หลี่กุ้ยฮวาและเย่จื้อผิงต่างเงียบไป
ครู่หนึ่งผ่านไป หลี่กุ้ยฮวาจึงเอ่ยปาก “นี่…รัฐบาลอำเภอ…ถ้าเข้าไปได้จริงๆ มันจะได้หน้าได้ตาแค่ไหนกันนะ ต่อไปพวกเราก็จะได้ตามเหวินชางไปอยู่ในอำเภอด้วย”
ขณะพูดไป ความไม่พอใจในใจก็สลายหายไปหมดแล้ว “เหวินชาง ลูกเป็นเด็กที่รู้ความจริงๆ นะ แม่รู้ว่าลูกจะไม่ทำอะไรโง่ๆ หรอก”
เย่เหวินชางยิ้มเล็กน้อย “ยังมีอีกเรื่องที่ต้องบอกพวกคุณ”
“เรื่องอะไรหรือ? เงินค่าครองชีพไม่พอใช้เหรอ?”
เขานึกถึงตอนที่เจอกับเย่ฉางอันในเมืองอำเภอก่อนหน้านี้
เขาครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ก่อนหน้านี้ผมเห็นครอบครัวอาสามขายสตรอว์เบอร์รีในเมือง พวกคุณรู้เรื่องนี้ไหม?”
หลี่กุ้ยฮวางุนงงมาก “ไม่รู้เลย สตรอว์เบอร์รีคืออะไรหรือ?”
“มันคือสิ่งที่พวกเขาปลูกข้างบ้าน ดูคล้ายๆ กับผลไม้ป่าน่ะ”
“ดูสวยดีนะ แต่กินได้หรือเปล่า?”
เย่จื้อเฉียงส่ายหน้า “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนที่เย่เสี่ยวจิ่นปลูกมัน ไม่ใช่ว่าโดนคนอื่นหัวเราะว่าเป็นคนโง่หรอกหรือ?”
“พวกเขาขายชั่งละ 80 เหมา ขายได้ดีทีเดียว”
หลี่กุ้ยฮวาตกตะลึงทันที เบิกตากว้างด้วยความไม่อยากเชื่อ “80 เหมาต่อชั่ง? แพงกว่าเนื้อสัตว์ตั้งสองเท่า?”
“ใช่ แพงมาก” เย่เหวินชางพยักหน้า “ขายได้ครั้งละ 20 ชั่ง”
หลี่กุ้ยฮวาถึงกับอึ้ง “ดังนั้นพวกเขาไปขายในเมืองครั้งหนึ่ง ก็ได้กำไร 16 หยวนเลยเหรอ?”
หล่อนมองไปที่เย่จื้อเฉียง เย่จื้อเฉียงก็ทำหน้าตกใจเช่นกัน
เย่จื้อเฉียงเริ่มเข้าใจแล้ว “ไม่น่าแปลกใจที่ช่วงนี้พวกเขาพากันยืดอกเชิดหน้า แม้แต่บ้านรองก็ไม่สนใจ”
“เมื่อก่อนยังซื้อจักรยานด้วย ที่แท้ทำเงินได้ขนาดนี้!”
ดวงตาของเขาฉายแววรู้แจ้งทันที “ฉันก็ว่าแล้วว่าทำไมว่านหยวนหาภรรยาได้ แต่หล่อนก็เลือกไปอยู่กับเย่จวินทันที”
“ตอนนั้นยังคิดว่าบ้านเจ้าสามจนขนาดนั้น จะมีผู้หญิงคนไหนโง่พอจะไปอยู่ด้วย”
“ที่แท้หล่อนก็รู้ว่าบ้านเจ้าสามมีเงินนี่เอง”
หลี่กุ้ยฮวาฟาดมือบนแขนเย่จื้อเฉียงอย่างแรง “ทำไมคุณถึงไม่รู้อะไรเลย นี่มันแย่แล้ว ยังไม่ถึงครึ่งปีด้วยซ้ำ ทำไมสถานะครอบครัวพวกเขาถึงดีขึ้นขนาดนี้?!”
“เย่เสี่ยวจิ่นคนนั้นได้เป็นหัวหน้าทีม ทั้งผู้ใหญ่บ้านและเลขาฯ ต่างก็ให้ความสำคัญกับหล่อนมาก”
“แถมยังแอบหาเงินได้มากมายขนาดนั้น แล้วผลการเรียนของเย่หวายก็ดีขนาดนี้อีก!”
หลี่กุ้ยฮวารู้สึกหนาวสั่นไปทั้งแผ่นหลัง ใจหายวาบ
หล่อนเคยรังแกครอบครัวของหลี่ชุ่ยชุ่ยไว้มากขนาดนั้น นี่…นี่จะต้องโดนพวกเขาแก้แค้นกลับแน่ๆ
“แล้วจะทำยังไงดีล่ะ…”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
รู้แล้วช็อคเลยไหมคะ ไปดูถูกบ้านสามเอาไว้ตั้งเยอะ จะกลับลำก็ไม่น่าจะทันแล้วมั้ง
ไหหม่า(海馬)
……….