ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 112 การวางแผนในครอบครัว
- Home
- All Mangas
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 112 การวางแผนในครอบครัว
บทที่ 112 การวางแผนในครอบครัว
……….
บทที่ 112 การวางแผนในครอบครัว
เย่เสี่ยวจิ่นทำภารกิจสะสมคะแนนไปแล้วครึ่งทาง
เธอหาวหนึ่งที แล้วพูดว่า “ช่วงนี้ยุ่งจังเลย ของที่สุ่มได้มาก็เริ่มไม่ค่อยดีแล้วสิ”
ระบบตอบอย่างไร้เดียงสา [มันก็ยังมีโอกาสเป็นไปได้ที่จะเจอของดีอยู่นะ]
เย่เสี่ยวจิ่นลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย แล้วไปงีบกลางวัน
ช่วงนี้เธอทำความสะอาดลานบ้านเสร็จแล้ว อีกสองวันก็จะได้แลกรางวัลเป็นบ้านหลังใหม่
ระบบบอกว่าจะมีคนงานมาก่อสร้างให้
เธอรู้สึกสบายใจขึ้นมาก
เพราะถ้าจู่ๆ มีบ้านโผล่ขึ้นมา มันก็จะดูแปลกประหลาดเกินไป
หลังจากนอนหลับสบาย เธอก็ต้องลุกขึ้นมาทำงานอีกแล้ว
ผักโขมในสวนผลไม้เติบโตอย่างรวดเร็ว สูงขึ้นทุกวัน
เย่เสี่ยวจิ่นจัดการให้ทุกคนฉีดยาให้ต้นไม้ผล โดยระมัดระวังเป็นพิเศษไม่ให้โดนผักโขม
หยางเจวียนเห็นเย่เสี่ยวจิ่นกำลังสังเกตการเจริญเติบโตของผักโขมอีกแล้ว จึงถามว่า “จิ่นเป่า เป็นยังไงบ้าง?”
“ดีมากเลย อ่อนนุ่มมาก”
“ใช่ไหมล่ะ เมล็ดพันธุ์ของเธอดีจริงๆ”
“ผักโขมพวกนี้อร่อยมาก แม่ของเธอมักจะเอามาให้พวกเราบ่อยๆ ทุกครั้งก็กินหมดเกลี้ยง”
“ลี่ลี่บอกว่าอร่อยมากเลยนะ”
เย่เสี่ยวจิ่นยิ้มน้อยๆ “งั้นวันนี้ก็เก็บสักรอบ แบ่งให้ทุกคนกินกันเถอะ”
คราวนี้เย่เสี่ยวจิ่นไม่ได้ตั้งใจจะส่งมอบ
เธอเก็บผักโขมพร้อมกับหยางเจวียนจนได้เป็นกองใหญ่วางไว้ข้างทาง มีน้ำหนักกว่า 20 ชั่งเลยทีเดียว
“จิ่นเป่า หนูกำลังเก็บจูเฉ่าอีกแล้วเหรอ?” ซูต้าเฉียงเดินผ่านมาพร้อมกับความสงสัย
“ไม่ใช่หรอกค่ะ” เย่เสี่ยวจิ่นอธิบาย “นี่มันเป็นผักที่อร่อยนะ”
ซูต้าเฉียงยิ้มเล็กน้อย “ฉันไม่เคยกินผักแบบนี้มาก่อนเลย”
เย่เสี่ยวจิ่นก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
แต่เซี่ยวเหวินเหวินกับซงเสี่ยวจื่อกำลังยุ่งอยู่ พอพวกเขาเห็นเย่เสี่ยวจิ่นกับหยางเจวียนกำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน ทั้งสองคนก็รู้สึกโมโหขึ้นมาทันที
“พวกเราฉีดยาให้ต้นไม้ผลท่ามกลางอากาศร้อนๆ เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว แต่พวกหล่อนกลับทำตัวลอยชาย ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่”
ซ่งเสี่ยวจื่อยิ้มเยาะ “ฮึ หล่อนคงเห็นว่าเซี่ยวเยว่ไม่มีทางกลับมาแล้ว เลยเป็นแบบนี้ไปเลยสินะ ดูสิ หางานให้คนอื่นทำ แต่ตัวเองกลับทำได้แค่สั่งการ”
“ช่างเป็นคนขี้เกียจจริงๆ”
เซี่ยวเหวินเหวินพูดพึมพำไปด้วยขณะที่กำลังยุ่งอยู่ “นั่นสิ เป็นหัวหน้าทีมนี่ดีจริงๆ ทั้งสบายทั้งสั่งคนอื่นได้”
พวกหล่อนกำลังรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
ทันใดนั้น ทั้งสองคนก็แกล้งทำเป็นหลบสายตา รู้สึกผิดมาก
“เซี่ยวเหวินเหวิน ซ่งเสี่ยวจื่อ พวกคุณมานี่หน่อย”
เซี่ยวเหวินเหวินมองไปมาอย่างกังวล พูดเบาๆว่า “หล่อนคงไม่ได้ตั้งใจจะหาเรื่องพวกเราหรอกนะ?”
“แน่นอนว่าหล่อนคงเห็นพวกเราดูขัดหูขัดตา แล้วก็จะหาเรื่องพวกเราอีกแล้ว”
ซ่งเสี่ยวจื่อกัดฟัน “หล่อนกล้าเหรอ! ถ้าหล่อนทำแบบนั้น ฉันจะไม่ยอมรับใช้หล่อนอีกต่อไปแล้วจริงๆ!”
ทั้งสองคนเดินเข้าไปด้วยความคิดไม่ดี
ซ่งเสี่ยวจื่อมองเย่เสี่ยวจิ่นจากบนลงล่างแล้วพูดว่า “มีอะไรหรือ?”
“คุณกับเซี่ยวเหวินเหวินไม่ต้องฉีดยาต้นไม้แล้ว เอาผักโขมพวกนี้ไปวางไว้ที่หน้าประตูสวนผลไม้ ตอนนี้งานก็คงจะเสร็จแล้ว เดี๋ยวแบ่งคนละกำ เอากลับไปผัดกินที่บ้าน”
สายตาของซ่งเสี่ยวจื่อดูแปลกๆ ไป “แค่นี้เองเหรอ?”
“แล้วจะให้ทำอะไรอีกล่ะ? คุณยังอยากทำอะไรอีก?”
ซ่งเสี่ยวจื่อกับเซี่ยวเหวินเหวินถือผักเดินจากไป
ทั้งสองคนไม่คิดว่าจะได้ทำงานที่ง่ายขนาดนี้
แก้มของซ่งเสี่ยวจื่อร้อนผ่าว รู้สึกละอายใจอยู่บ้าง
“เสี่ยวจื่อ หล่อนต้องรู้แน่ๆ ว่าพวกเราพูดถึงหล่อนลับหลัง เลยรู้จักเอาอกเอาใจพวกเราตอนนี้”
“ไม่หรอกมั้ง หล่อนไม่จำเป็นต้องเอาอกเอาใจพวกเราเลย” ซ่งเสี่ยวจื่อพูดอย่างใจลอย
“เธออย่าเพิ่งไม่เชื่อสิ เย่เสี่ยวจิ่นคนนี้ใจร้ายมาก เธออย่าคิดดีกับหล่อนมากเกินไปเลย”
ซ่งเสี่ยวจื่อไม่ได้ตอบอะไร ซึ่งเป็นเรื่องแปลก
หล่อนเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่เก่งเรื่องการเข้าสังคม แต่ก็ไม่ใช่คนไม่มีสมอง
เย่เสี่ยวจิ่นเป็นคนที่ทำอะไรตามใจตัวเองมาตลอด ไม่เคยพยายามสร้างความสัมพันธ์กับใครเป็นพิเศษ แล้วทำไมจู่ๆ จะมาเอาใจคนอื่น?
หลังจากที่ทุกคนในสวนผลไม้ทำงานเสร็จแล้ว แต่ละคนก็ได้รับผักโขมคนละกำใหญ่
เย่เสี่ยวจิ่นยืนอยู่ที่ประตู ยิ้มพลางพูดว่า “สองสามวันนี้พวกคุณคงเหนื่อยกันมากสินะ? หนูเลยแบ่งผักให้ทุกคนเอากลับไปกินที่บ้าน”
“อย่าโกรธหนูนะ หลังจากนี้งานจะเบาลงมากแล้ว”
ช่วงนี้ทุกคนต้องขุดดิน ปลูกต้นไม้ รดน้ำ ใส่ปุ๋ย ฉีดยา ติดต่อกันหลายวัน
เหนื่อยจนสายตัวแทบขาด
ซุนเหล่าหู่หัวเราะ “ไม่ว่าจะทำงานที่ไหนก็เหนื่อยแบบนี้แหละ แถมยังได้ผักมาเป็นค่าตอบแทนด้วย ถือว่าดีออกนะ”
สวีซานก็ยิ้มขณะรับผักมา “นี่คือผักอะไร? ดูแปลกตาดีนะ”
“มันเรียกว่าผักโขม เอาไปผัดไปต้มเหมือนกับผักกาดขาวนั่นแหละ น้ำแกงจะออกสีแดงๆ หน่อย”
สวีซานพยักหน้า แล้วถือผักกลับบ้าน
เกาฉินภรรยาของสวีซาน กำลังทำงานบ้านอยู่
“เสี่ยวฉิน ผมกลับมาแล้ว”
“กินผักโขมนี่แหละ” สวีซานส่งมัดผักโขมให้เกาฉิน “เย่เสี่ยวจิ่นแบ่งให้เรา ก่อนหน้านี้หล่อนปลูกไว้ในสวนผลไม้ ผมไม่เคยกินเลย คืนนี้ลองชิมดูหน่อย”
เกาฉินมอง “ฉันก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน”
อาหารมื้อเย็นจึงเป็นเมนูผักโขม
ทั้งสองคนไม่คิดว่าของสิ่งนี้จะอร่อยกว่าที่คิดไว้มาก ผักป่าเหล่านั้นสู้รสชาติของผักโขมไม่ได้เลย
ไม่มีรสขมแม้แต่นิดเดียว ทั้งลื่นคอและมีรสหวานเจือเล็กน้อย
“นี่มันอร่อยจริงๆ นะ” เกาฉินเทน้ำแกงผสมข้าว “หัวหน้าทีมของพวกคุณถึงจะตัวเล็ก แต่ก็ฉลาดมากทีเดียว”
“เมื่อก่อนตอนที่เซี่ยวเยว่เป็นหัวหน้าทีม เราไม่เคยได้อะไรกลับบ้านเลย พอมาเป็นเย่เสี่ยวจิ่น เดือนที่แล้วแบ่งน้ำผึ้ง เดือนนี้ยังแบ่งผักโขมอีก”
“หล่อนนี่ดีจริงๆ นะ”
สวีซานก็พยักหน้าเห็นด้วย “วันนี้หล่อนบอกว่าขอแบ่งผักโขมในสวนผลไม้ ทั้งหมดให้พวกเรา บ้านหล่อนมีปลูกไว้เองแล้ว เลยไม่เอา”
เมื่อเกาฉินได้ยินอย่างนั้น ก็ยิ่งรู้สึกชอบเย่เสี่ยวจิ่นมากขึ้น
“นั่นมันดีจริงๆ นะ”
เสียงจักจั่นดังระงมไปทั่ว
เย่เสี่ยวจิ่นได้ปลูกผักหลายชนิดไว้ที่บ้าน
พื้นที่ข้างๆ เถาบวบหลังบ้านได้ถูกขุดเตรียมไว้ทั้งหมดแล้ว
เพื่อเตรียมพื้นที่ปลูก เธอยังได้โค่นต้นชาลงไปหลายต้น
ที่นี่กลายเป็นสวนผักเล็กๆ ไปแล้ว
มีการปลูกบวบ ผักโขม มะระ แตงกวา และแครอท
มากกว่านี้ก็ปลูกไม่ไหวแล้ว
หลี่ชุ่ยชุ่ยยังปลูกฟักเขียว 2 ต้นและฟักทอง 2 ต้นไว้ริมลำธารด้วย
เย่จื้อผิงต้องไปขายสตรอว์เบอร์รีในเมืองพรุ่งนี้ จึงเข้านอนแต่หัวค่ำ
ตอนเช้าตรู่ 5-6 โมงเช้า ข้างนอกก็เริ่มสว่างแล้ว
เย่จื้อผิงค่อยๆ เดินย่องถือตะกร้าออกไปเก็บสตรอว์เบอร์รี
เขาโค้งตัวลง พยุงตัวด้วยไม้เท้า
“คุณตื่นเช้าจังนะ ผมนึกว่าจะต้องปลุกคุณซะอีก”
“วันนี้งานเยอะ ก็ต้องตื่นแต่เช้าสิ”
หลี่ชุ่ยชุ่ยตามไปช่วยเก็บเกี่ยว “คุณอย่าลืมนะ พอขายสตรอว์เบอร์รีเสร็จ สิ่งแรกที่ต้องทำคือไปซื้อยาให้จิ่นเป่า”
“แม้หล่อนจะอายุน้อย แต่ก็มีความคิดเป็นของตัวเองมาก”
“เฮ้อ หล่อนดื้อไม่ยอมไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเลย ทำให้คนอื่นเป็นห่วงจริงๆ”
เย่จื้อผิงพยักหน้า “ผมรู้แล้ว คราวที่แล้วผมเก็บกล่องยาไว้ในกระเป๋า พอถึงเวลาไปโรงพยาบาล ผมก็จะเอาอันนี้ให้หมอดูเพื่อจ่ายยา”
“สุขภาพของจิ่นเป่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุดของครอบครัวเรา คุณวางใจได้ ผมจำได้แน่นอน”
หลี่ชุ่ยชุ่ยยิ้มน้อยๆ แล้วพูดว่า “แล้วคุณก็ไปตรวจขาของตัวเองด้วยนะ ดูว่าฟื้นตัวเป็นยังไงบ้าง”
สุดท้าย หล่อนยังไม่ลืมที่จะกำชับว่า “อ้อใช่ ตอนที่คุณซื้อผ้า อย่าลืมซื้อสีสดๆ สำหรับเด็กผู้หญิงให้จิ่นเป่าด้วยนะ ฉันยังไม่เคยใช้จักรเย็บผ้าเลย คุณซื้อผ้ามาเยอะๆ หน่อยนะ ฉันกลัวว่าตัวเองจะทำเสียหายหมด”
สามีภรรยาคุยกันอยู่พักหนึ่งก็เก็บสตรอว์เบอร์รีเสร็จแล้ว
หลี่ชุ่ยชุ่ยถือสตรอว์เบอร์รีไปส่งเขาที่ถนนใหญ่เพื่อบรรทุกขึ้นรถ
คนขับเกวียนวัวชราเห็นพวกเขามาอีกแล้ว
เย่จื้อผิงขึ้นรถ นั่งให้มั่นคง
“ลุง ไปได้แล้วครับ”
คนขับรถชราตีวัวให้เดิน เริ่มออกเดินทาง
“ครอบครัวของพวกคุณไปขายผลไม้ในเมืองบ่อยจังนะ ขายดีขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ก็พอไหวนะ ส่วนใหญ่ก็ไปซื้อยาให้ลูกสาวผม”
“คุณวางใจได้เลย ตาแก่อย่างฉันนี่แหละมีสายตาแม่นยำในการมองคน ลูกสาวของคุณนี่ โอ้โห…”
ชายชราส่ายหน้า “เด็กคนนั้นเหมือนนางฟ้าจุติลงมาเลยทีเดียว ฉลาดมากๆ”
“รับรองได้เลยว่าเป็นเด็กสาวที่จะมีอายุยืนยาวถึงร้อยปี อนาคตจะมีโชคลาภแน่นอน”
เย่จื้อผิงฟังแล้วก็ดีใจ “ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณที่อวยพรนะครับ”
เย่หวายก็จะไปโรงเรียนแล้ว
ช่วงนี้ที่บ้านคึกคักดี แต่ในใจเขากลับไม่ค่อยดีนัก
เพราะวันนี้จะมีการสอบกลางภาค จิ่นเป่าสอนวิชาความรู้ให้เขาบ่อยๆ แต่เขาก็กังวลว่าตัวเองจะทำให้จิ่นเป่าผิดหวัง
“ลูกยังไม่ไปอีกเหรอ?”
“แม่ครับ วันนี้มีสอบกลางภาคครับ”
“นั่นไม่ใช่เรื่องดีหรอกหรือ?” หลี่ชุ่ยชุ่ยพูดพลางหัวเราะ “แม่ใส่ขนมฟักทองไว้ในถุงให้ลูกตั้ง 4 ชิ้น เอาไว้กินตอนเที่ยงนะ”
เย่หวายพยักหน้า แล้วก็ออกไปโรงเรียน
เขาคิดเรื่องต่างๆ ในหัว เดินทางอย่างรวดเร็ว
เมื่อไปถึงโรงเรียนพร้อมกับพี่น้องตระกูลหยาง ก็ยังเป็นเวลาเช้าอยู่มาก
ครูประจำชั้นหยางหยางกำลังกวาดพื้นในห้องเรียน “เสี่ยวหวาย วันนี้มาเร็วจังนะ เตรียมตัวสอบกลางภาคเป็นยังไงบ้าง?”
“ผม…ผมไม่รู้ครับ” เย่หวายส่ายหน้า “ครูหยาง ผมพลาดเรียนไปตั้งหนึ่งเทอมนะครับ ผมกังวลว่าตอนสอบจะทำอะไรไม่ได้เลย”
หยางหยางตบไหล่เขา “เธอจะกลัวอะไรล่ะ ปกติเธอขยันมากนี่ ครูเห็นหมดแหละ ทำให้เต็มที่ ใจเย็นๆ ก็พอแล้ว แค่นี้ก็ตื่นเต้นแล้วเหรอ ตอนสอบเข้ามัธยมปลายจะทำยังไงล่ะ?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คิดระแวงเกินไปหรือเปล่าสองสาว เสี่ยวจิ่นไม่ได้ใช้งานเปล่าเหมือนยัยเซี่ยวเยว่หรอกนะ
เย่หวายทำข้อสอบให้เต็มที่นะ อาศัยความขยันเข้าสู้
ไหหม่า(海馬)
……….