ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 108 หลิวเยว่กระโดดน้ำ พี่ชายคนโตช่วยสาวงามอย่างกล้าหาญ
- Home
- All Mangas
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 108 หลิวเยว่กระโดดน้ำ พี่ชายคนโตช่วยสาวงามอย่างกล้าหาญ
บทที่ 108 หลิวเยว่กระโดดน้ำ พี่ชายคนโตช่วยสาวงามอย่างกล้าหาญ
……….
บทที่ 108 หลิวเยว่กระโดดน้ำ พี่ชายคนโตช่วยสาวงามอย่างกล้าหาญ
ทุกคนหันไปมอง
เย่ฉางอันเห็นหลิวเยว่ผู้มีดวงตาดำขลับราวองุ่นดำในกลุ่มคน “พี่ ดูหล่อนสิ สวยจริงๆ”
ผมของหลิวเยว่ดำสนิท รวบเป็นหางม้าไว้ด้านหลัง
หล่อนมีรูปร่างบอบบาง เมื่อเงยหน้าขึ้นมองคนอื่นก็มีท่าทางขี้อาย
หล่อนดูน่ารักเหมือนน้องสาวบ้านข้างๆ แต่ก็มีกลิ่นอายของคนที่คงแก่เรียนอยู่บ้าง
“พวกคุณ…เป็นใครกัน?”
เย่จวินตบเย่ฉางอันที่ท่าทางเหลาะแหละเบาๆ แล้วลงจากรถ
เขารู้สึกเขินนิดหน่อย “ผมชื่อเย่จวิน นี่น้องชายผม เย่ฉางอัน”
เย่ฉางอันยิ้มพูด “ใช่แล้ว พวกเรามาร่วมสนุกดูเจ้าสาวคนใหม่น่ะ!”
เย่จวินเห็นว่าสีหน้าของหลิวเยว่ไม่ค่อยดี คิดว่าหล่อนเหนื่อยจากการเดินทาง จึงพูดว่า “พวกคุณเดินทางต่อไปเถอะ พวกเราแค่ผ่านมาเท่านั้น”
“วันนี้เป็นวันดีสำหรับงานหมั้น อย่าให้เสียเวลาเลย”
หลิวเยว่มองเย่จวินที่มีท่าทางน่าเชื่อถือและหน้าตาดี ก็พลันรู้สึกจมูกแสบร้อน
หล่อนเอามือปิดหน้าอย่างทนไม่ไหว นั่งยอง ๆ ลงกับพื้นและร้องไห้ออกมาทันที
ทำไมชีวิตของหล่อนถึงได้ลำบากนัก ทำไมต้องแต่งงานกับเย่ว่านหยวนด้วย!
“นี่…” เย่จวินรีบทำท่าลนลานขึ้นมาทันที รีบเข้าไปหา “ขอโทษครับ ผม ผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า? หรือว่าผมกับน้องชายทำให้คุณตกใจ?”
หลิวคังพูดว่า “ลูกสาวของผมแค่อารมณ์ไม่ค่อยดี ไม่เกี่ยวกับพวกคุณหรอก พวกคุณไปธุระของพวกคุณเถอะ”
หลิวคังแน่นอนว่ารู้ว่าลูกสาวกำลังเสียใจ
แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรได้
อาหารกลางวันมีสมาชิกทุกคนในครอบครัวเย่มาร่วม
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นงานหมั้น หล่อนจึงไม่ได้ตระหนี่
ต้องกล่าวว่าถ้าไม่รีบหมั้น ลูกชายของหล่อนก็จะหนีไปกับหญิงม่ายแล้ว!
เมื่อเทียบกันแล้ว หลิวเยว่ดูดีกว่ามากทีเดียว
อย่างน้อยหล่อนก็ยังมีศักดิ์ศรี
เย่ว่านหยวนนั่งอยู่บนเก้าอี้ ศีรษะยังพันผ้าพันแผลอยู่ เริ่มกินข้าวเพียงลำพังโดยไม่สนใจคนรอบข้าง
หลิวเยว่มองเขาแวบหนึ่ง สีหน้ายิ่งดูแปลกประหลาดขึ้น
หลี่ชุ่ยชุ่ยนั่งอยู่กับลูกชาย มองดูคนทั้งสองที่ถูกจัดให้นั่งโต๊ะติดกัน
หล่อนรู้สึกสงสารเด็กสาวคนนี้ขึ้นมาทันที
เด็กสาวมีหน้าตาน่ารัก ทั้งยังเป็นคนสุภาพเรียบร้อย
เย่ว่านหยวนถือขาหมูแทะกินอย่างเอร็ดอร่อย เสียงดังแจ๊บๆ
“ตักอาหารให้สาวบ้างสิ” เย่ไฉกุ้ยตวาดขึ้น “กินคนเดียวแบบนี้เป็นคนประสาอะไร?”
เย่ว่านหยวนถอนหายใจ หยิบขาหมูชิ้นหนึ่งใส่ชามของหลิวเยว่อย่างไม่เต็มใจนัก
หลิวเยว่เม้มปาก ไม่พูดอะไร
ถ้าไม่ใช่เพราะหลี่ชุ่ยชุ่ยรู้ว่าเย่ว่านหยวนกินข้าวแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก คงคิดว่าเขาตั้งใจแกล้งหลิวเยว่แน่ๆ
เย่ฉางอันกระซิบกระซาบกับเย่จวิน
“นี่มันดอกไม้งามปักอยู่บนกองขี้วัวชัดๆ”
“อย่าพูดเหลวไหล นายยังอยากให้ครอบครัวลุงรองเกลียดพวกเรามากกว่านี้อีกหรือไง?”
เย่เสี่ยวจิ่นไม่สนใจ จงใจถามว่า “อะไรคือดอกไม้งามปักอยู่บนกองขี้วัวหรือ? ทำไมต้องเอาดอกไม้ไปปักบนขี้วัวด้วยล่ะ? ช่างน่าเสียดายจริง ๆ”
ทั้งครอบครัวที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารต่างสีหน้าเปลี่ยนไป
เย่จู๋มองเย่เสี่ยวจิ่นแวบหนึ่ง คิดในใจว่ามีแต่เธอนี่แหละที่กล้าพูดแบบนี้…
หลี่กุ้ยฮวาหัวเราะ “เสี่ยวจิ่นฉลาดขนาดนี้ จะไม่เข้าใจความหมายได้ยังไง?”
“หนูไม่เข้าใจจริง ๆ หนูยังเป็นเด็กนี่นา รอให้หนูได้เข้าเรียนก่อน หนูถึงจะเข้าใจ”
เซี่ยวเฟินฟางคีบไข่ม้วนชิ้นหนึ่งให้เย่เสี่ยวจิ่น พลางส่งยิ้มแต่ไม่ถึงดวงตา “อย่าพูดอะไรอีกเลย กินข้าวเยอะ ๆ เข้า”
“หนูไม่ได้หิวมากนี่คะ”
เซี่ยวเฟินฟางเกือบจะทนไม่ไหวแล้ว
เย่เสี่ยวจิ่นหัวเราะคิกคัก แล้วหันไปมองหลิวเยว่ “พี่สาว พี่เคยเรียนหนังสือมาใช่ไหม?”
หลิวเยว่พยักหน้า “เรียนจบชั้นม.ต้นแล้วจ้ะ”
หลี่จื่อหลานพูดว่า “ใช่แล้ว พี่สาวของเธอเรียนจบชั้นม.ต้น ผลการเรียนทุกครั้งอยู่ในอันดับหนึ่งหรือสอง ทุกเทอมเลยไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียน”
“แถมยังได้รับเงินช่วยเหลืออีกด้วย ไม่เคยทำให้พวกเราต้องกังวลเลย”
หลิวเยว่บีบตะเกียบแน่น ดวงตาเริ่มแดงขึ้นเล็กน้อย
เย่จวินมองหล่อนด้วยความสงสาร
เซี่ยวเฟินฟางยิ้มพูดว่า “เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้ว ให้ว่านหยวนขี่จักรยานพาเสี่ยวเยว่ไปเที่ยวเล่นนะ”
“คืนนี้ทุกคนพักที่นี่เลย พวกเราจะได้คุยกันเรื่องจัดงานแต่งงานด้วย”
“ฉันถามซินแสมาแล้ว วันที่ 5 เดือนหน้าเป็นฤกษ์ดี”
หลี่จื่อหลานแสดงความประหลาดใจ “รีบขนาดนี้เลยหรือ?”
“พวกคุณเคยบอกว่ายังไม่ได้ต่อเติมบ้านไม่ใช่หรือ?”
เซี่ยวเฟินฟางพยักหน้า “ให้อยู่ห้องว่านหยวนไปก่อน ส่วนบ้านนั้นก็ค่อยขยายต่อเติมเอาหลังงานแต่ง แป้บเดียวเอง”
“ตอนนี้ยังไม่มีลูก ไม่ต้องรีบร้อนหรอก”
เย่เสี่ยวจิ่นแทะขาไก่ เธอตระหนักได้แล้วว่าป้าสะใภ้รองคนนี้ต้องการให้สาวคนนั้นท้องโดยเร็วที่สุด
เธอได้ยินมาว่าเย่ว่านหยวนเคยทำเรื่องไม่ดีมาก่อน
หลิวเยว่เกือบร้องไห้ออกมาแล้ว พลางมองแม่ของหล่อน “แม่คะ ไม่ใช่บอกว่าจะรอครึ่งปีเหรอคะ?”
“ครอบครัวของเรารอจนถึงวันนั้นไม่ได้เลยเหรอคะ?”
“เสี่ยวเยว่ เธอนี่ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย แม่สามีของเธอคำนวณวันที่ดีไว้แล้ว เธอควรฟังคำของเขาสิ”
“ต่อไปเธอต้องกตัญญูต่อแม่สามีนะ ต้องเชื่อฟังเขา”
เซี่ยวเฟินฟางพยักหน้าอย่างพอใจ “พรุ่งนี้ตอนที่พวกคุณไปแล้ว ฉันจะให้พวกคุณเอาสินสอดไป”
“ต่อไปเราสองครอบครัวต้องไปมาหาสู่กันบ่อยๆ นะ”
“แต่งงานเร็วๆ หน่อยนะ จะได้มีหลานชายตัวอ้วนๆ มาให้บ้านเราสักคน”
พวกเขาทุกคนต่างมีความสุขกันอย่างเต็มที่
หลิวเยว่ได้ยินเสียงเคี้ยวอาหารหยับๆ ของเย่ว่านหยวนที่นั่งอยู่ข้างๆ หล่อนก็ยิ่งรู้สึกหมดอาลัยตายอยากมากขึ้น
หล่อนลุกขึ้นทันที วางตะเกียบลง แล้วเดินออกไปทางด้านหลัง
ทุกคนที่โต๊ะต่างคิดว่าหล่อนไปห้องน้ำ
เย่จวินคอยสังเกตหลิวเยว่อยู่ตลอด “ฉางอัน ฉันจะไปดูหน่อย นายกินต่อไปก่อนนะ”
“พี่ชาย มีอะไรให้ดูล่ะ หล่อนไม่เป็นอะไรหรอก”
เย่ฉางอันไม่เข้าใจ ก้มหน้าก้มตากินต่อไป “จิ่นเป่า เต้าหู้นี่อร่อยนะ ลองชิมดูสิ”
หลิวเยว่วิ่งไปจนถึงริมสระน้ำแห่งหนึ่ง มองดูสระน้ำที่ลึกแทบจะมองไม่เห็นก้นสระ
หล่อนถอดรองเท้าออก ตัดสินใจแน่วแน่ แล้วก็กระโดดลงไปทันที
หล่อนเรียนหนังสือจนสอบเข้าวิทยาลัยอาชีวะได้ แต่พ่อแม่กลัวว่าหล่อนจะออกไปแล้วไม่กลับบ้าน
พวกเขาขู่ว่าจะฆ่าตัวตาย เพื่อให้หล่อนอยู่บ้าน
ถึงขนาดโยนจดหมายตอบรับเข้าเรียนลงในกองไฟ
หล่อนจึงต้องอยู่บ้านช่วยทำไร่ทำนา ทำงานหนักมาตลอด
จนกระทั่งตอนนี้ หล่อนถึงได้รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงที่พ่อแม่ให้ตนอยู่บ้าน
ที่แท้ก็เพื่อให้หล่อนแต่งงานเอาเงินสินสอดมาให้พี่ชาย!
ตอนที่น้ำท่วมตัวหล่อน หล่อนรู้สึกทรมานมากแล้ว แต่ก็แข็งใจยอมตายดีกว่า
ขณะที่รู้สึกหายใจไม่ออกนั่นเอง หล่อนก็ได้ยินเสียงดัง “ตูม”
มีคนโอบกอดหล่อนไว้
“ฟื้นเร็ว!”
เย่จวินตัวเปียกโชกไปทั้งร่าง เขาอุ้มหลิวเยว่ พยายามให้หล่อนสำลักน้ำออกมา
เย่เสี่ยวจิ่นก็มาถึงแล้ว “เร็วเข้า กดหน้าอกหล่อนสิ ให้หนูทำเอง!”
เย่เสี่ยวจิ่นลงมือปฏิบัติการกู้ชีพ หลิวเยว่ก็คายน้ำออกมาหมด
“แค่ก ๆๆ…”
เย่เสี่ยวจิ่นเหนื่อยจนแทบหมดแรง นั่งลงข้าง ๆ หายใจหอบ “พี่ชาย นี่มันน่าสงสารมากเลยนะ”
“ถ้าหนูต้องแต่งงานกับไอ้หมูตอนเย่ว่านหยวนนั่น หนูก็คงทำแบบนี้เหมือนกัน”
“เรื่องนี้ไม่ง่ายเลย”
เย่จวินถอนหายใจ “ใช่ มันไม่ง่ายเลย”
หลิวเยว่ค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมา
หล่อนลืมตาขึ้นมองเย่จวิน “ทำไมคุณถึงช่วยฉัน?”
เย่จวินสบตากับสายตาเศร้าโศกของหล่อน เขาไม่รู้จะปลอบใจอย่างไรดี
เขาเอ่ยปากถามตะกุกตะกัก “คุณ…ทำไมคุณถึงอยากฆ่าตัวตายล่ะ? มีอะไรก็พูดกันดีๆ สิ ถ้าตายไปแล้ว ทุกอย่างก็จบเลยนะ”
“เงินแค่ 10 หยวนก็ซื้อฉันได้แล้ว ในเมื่อฉันไร้ค่าขนาดนี้ ฉันจะมีความหมายอะไรที่จะมีชีวิตอยู่อีก? ใครก็ตามที่มีเงินจำนวนนี้ ไม่ว่าจะแก่หง่อมหรือใกล้ตายแค่ไหนก็สามารถแต่งงานกับฉันได้”
“ขนาดพ่อแม่ของฉันยังไม่สนใจฉันเลย ฉันจะมีชีวิตอยู่ไปทำไม?”
เย่จวินล้วงกระเป๋า หยิบธนบัตรเปียกๆ ออกมาหนึ่งหยวนห้าเหมา
“นี่…นี่ก็ยังไม่พอ”
หลิวเยว่มองเย่จวิน “ถ้าคุณมีเงินถึงจำนวนนั้น คุณจะให้ฉันเหรอ?”
เย่จวินมองหล่อน พยักหน้า “ใช่ ไม่งั้นคุณก็ต้องตาย”
หลิวเยว่น้ำตาไหล ทั้งๆ ที่ตอนใกล้ตายเมื่อกี้หล่อนยังไม่ร้องไห้เลย
ตอนนี้หล่อนกลับอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา
“คุณเป็นคนดี ถ้าได้แต่งงานกับคุณก็คงจะดี”
เย่จวินรีบพูดว่า “ไม่ๆๆ บ้านผมจนมาก เทียบกับบ้านลุงรองแล้วต่างกันลิบลับเลย”
“แล้วผม…ผมก็ไม่มีเงินสิบหยวนด้วย”
“ผมขอบอกตามตรง บ้านผมพี่น้องสามคนอยู่ห้องเดียวกัน นอนเตียงรวม ผมคิดว่าเราคงไม่ได้แต่งงานกันหรอก”
หลิวเยว่น้ำตาคลอ “คุณเป็นสุภาพบุรุษที่แท้จริง ได้อยู่กับคนแบบคุณ ถึงแม้ตอนนี้จะจน แต่อนาคตก็ต้องดีแน่ๆ”
เย่จวินเงียบไป
เขาเป็นคนจนไม่มีอะไรเลย
เย่เสี่ยวจิ่นรู้สึกสงสัย ในเมื่อบ้านของเราก็รวยขนาดนั้นแล้ว มีทั้งจักรยานและจักรเย็บผ้ารวมกัน
นอกจากนี้ยังมีข้าวและแป้งสาลีเต็มยุ้งฉาง เงินฝากก็มีไม่น้อยเลย
ทำไมพี่ชายถึงคิดว่าครอบครัวของเรายากจนจนแต่งงานไม่ได้นะ?
“แค่กๆ พี่ พอดีหนูยังมีเงินอยู่ 8 หยวน 5 เหมานะ”
“เอ่อ…พี่ลองตัดสินใจเองแล้วกัน”
เย่เสี่ยวจิ่นหยิบเงินให้เย่จวิน แล้วก็เดินจากไปอย่างกระตือรือร้น
“โอ้โห นี่มันฉากวีรบุรุษช่วยสาวงามเลยนะ ชอบจังเลยๆ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เจอครอบครัวขายให้แต่งงานกับหมูตอนแบบนี้ เป็นเราก็ทำแบบหลิวเยว่อะ พ่อแม่ไม่ใช่เซฟโซนเลย (แต่ขอมีคนมาช่วยแบบนี้ด้วยนะ ยังไม่อยากตายจริง)
ไหหม่า(海馬)
……….