ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 107 เย่ว่านหยวนขโมยเงิน
- Home
- All Mangas
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 107 เย่ว่านหยวนขโมยเงิน
บทที่ 107 เย่ว่านหยวนขโมยเงิน
……….
บทที่ 107 เย่ว่านหยวนขโมยเงิน
หลี่ชุ่ยชุ่ยพยุงเย่จื้อผิงเดินตามหลังคนอื่น
คนอื่นๆ วิ่งไปข้างหน้ากันหมดแล้ว
ทั้งครอบครัวต่างรีบร้อนราวกับเกิดเรื่องใหญ่
โดยเฉพาะหลิวต้าเม่ย ที่วิ่งไปด่าไป “ไอ้ว่านหยวนนี่ ทำให้ความรักที่พวกเราทุ่มเทให้มันสูญเปล่า!”
“สายตามืดบอดหลงรักแม่ม่ายจนหัวปักหัวปำ หน้าไม่อายเลยจริงๆ!”
“รีบไปตามตัวมันกลับมา จะได้สั่งสอนให้หลาบจำ!”
“ไอ้คนไร้ประโยชน์!”
หลิวต้าเม่ยโกรธจนอยากจะฟาดเย่ว่านหยวนให้ตาย
หลี่กุ้ยฮวาเดินตามมา แต่กลับดูสะใจ
ใครใช้ให้ครอบครัวของเย่ไฉกุ้ยชอบเชิดหน้าชูตาใส่คนอื่นเป็นประจำล่ะ? ชอบดูถูกคนอื่นนักนี่
คราวนี้อับอายแล้วสิ!
เย่จื้อผิงพยุงตัวด้วยไม้เท้า เดินไม่ไหวแล้ว จึงนั่งลงบนคันนาข้างๆ
“ช่างเถอะ ในเมื่อคนอื่นไปกันมากมายแล้ว พวกเราสองคนก็ไม่ต้องไปหรอก”
“ผมเดินไม่ไหวแล้ว ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร”
หลี่ชุ่ยชุ่ยพูดเสียงเบา “คุณไม่กลัวว่าคนในตระกูลเย่จะว่าคุณไม่ช่วยเหลือเหรอ?”
“ช่างเถอะ ยังไงพวกเขาก็ไม่มีอะไรดีๆ จะพูดถึงผมอยู่แล้ว”
เย่จื้อผิงโบกมือ แล้วตัดสินใจกลับบ้านไปเลย
หลี่ชุ่ยชุ่ยแค่นเสียง “ยังจะมาดูถูกเย่จวินของเราอีก อย่างน้อยเย่จวินของเราก็เป็นเด็กที่มีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่ใช่พวกดวงตามืดบอดบ้าตัณหาแล้วขโมยเงินในบ้าน”
เย่จื้อผิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “ว่านหยวนเป็นลูกชายคนโตของครอบครัว พี่รองกับพี่สะใภ้รองตามใจเขามาตลอด”
หลี่ชุ่ยชุ่ยพยักหน้าแล้วพูดว่า “ฉันรู้ แต่เรื่องนี้พวกเราไม่ควรเข้าไปยุ่งจะดีกว่า พวกเราไม่ควรไปเหนื่อยเปล่าอีกแล้ว ท้ายที่สุดแล้วนี่ก็เป็นเรื่องภายในครอบครัวของพวกเขา ถ้าเซี่ยวเฟินฟางคนนั้นมีโอกาส หล่อนก็จะมาต่อว่าพวกเราอีก”
ก่อนที่เย่ว่านหยวนจะถูกคนในครอบครัวพากลับไป เขากำลังกินข้าวดื่มเหล้าอย่างมีความสุขกับพ่อตาที่บ้านตระกูลเซี่ย เขาซื้อเหล้ามาสองขวดจากที่ทำการหมู่บ้าน แล้วก็อยู่ที่บ้านตระกูลเซี่ย เรียกอีกฝ่ายว่าพ่อตา
เซี่ยหลินดีใจมาก ไม่คิดว่าเย่ว่านหยวนจะนำสินสอดมาเร็วขนาดนี้จริงๆ
หล่อนรู้ตัวดีว่าตัวเองเป็นหญิงม่าย ไม่ค่อยมีคนอยากแต่งงานด้วย
“เมื่อคุณว่านหยวนจริงใจกับฉันขนาดนี้ ต่อไปฉันก็จะติดตามคุณอย่างดี”
เย่ว่านหยวนจับมือเซี่ยหลิน แสดงความสนิทสนมอย่างมาก “เอาล่ะ คุณวางใจได้เลย ถ้าผมมีเงิน ผมจะให้คุณใช้ทั้งหมด”
“ถ้าคุณอยู่กับผม รับรองว่าจะได้กินดีอยู่ดีแน่นอน”
“พ่อแม่ผมรักผมที่สุด ต่อไปทุกอย่างในบ้านก็จะเป็นของผมทั้งหมด”
เซี่ยหลินยิ้มน้อยๆ “ค่ะ”
“ไอ้ลูกชาติหมา!” เย่ไฉกุ้ยปรากฏตัวที่ประตู
เขามองซ้ายมองขวา หยิบขวดเหล้าที่พื้นขึ้นมาแล้วขว้างใส่ท้ายทอยของเย่ว่านหยวน
เซี่ยวเฟินฟางตกใจแทบตาย จะห้ามก็ไม่ทัน
“ว่านหยวน วิ่งเร็ว!!!”
“ผัวะ” เสียงดังขึ้น
เย่ว่านหยวนถูกฟาดล้มลงกับพื้นจนสลบไป
เย่ไฉ่กุ้ยลองล้วงกระเป๋าเขาดู พบว่ายังเหลือเงินอยู่ 19 หยวนกว่าๆ
เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วหยิบเงินนั้นไป
เซี่ยวเฟินฟางเห็นลูกชายต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้ จึงชี้หน้าด่าทอเซี่ยหลินทันที “แกมันหญิงม่ายไร้ยางอาย แกทำให้ลูกชายฉันต้องเจ็บปวดขนาดนี้ แกมันนังแพศยาไร้ยางอาย! ตัวกาลกิณี!”
“ถ้าแกยังกล้ามายั่วยวนว่านหยวนของเราอีก ฉันจะฟันแกให้ตายคามีดเลย!”
เซี่ยหลินตกใจจนหน้าซีด ถูกพ่อแม่ปกป้องเอาไว้
พูดอึกอักว่า “ฉันไม่ได้บังคับให้เขามานี่นา”
เซี่ยวเฟินฟางถ่มน้ำลายแล้วพูดว่า “คนตระกูลเซี่ยอย่างพวกแกเป็นพวกอายุสั้น สมควรถูกฟันให้ตายทั้งหมด!
“อย่าเข้ามายุ่งกับพวกเราอีก ไม่งั้นจะทำให้พวกแกได้รับผลกรรมแน่!”
เย่ว่านหยวนถูกครอบครัวหามกลับบ้าน
เย่ไฉกุ้ยชั่งใจดูแล้วก็กลัวว่าจะเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นอีก
จึงปรึกษากับเซี่ยวเฟินฟาง และคิดว่าควรรีบตบแต่งลูกชายโดยเร็ว
แม้เด็กสาวตระกูลหลิวที่ตอนแรกไปดูตัวแล้วไม่พอใจจะดูตัวเล็กผอมไปหน่อย แต่ก็ยังดีที่เป็นคนว่านอนสอนง่าย รู้เหตุผลรู้ความดี
ถึงอย่างไรพี่ชายของหลิวเยว่ก็รีบแต่งงาน ต้องใช้เงิน
ดังนั้นการเจรจาต่อรองจึงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
เย่จื้อผิงถือไข่ไก่ไปเยี่ยมหลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ กลับมาก็เล่าให้หลี่ชุ่ยชุ่ยฟังถึงแผนการของบ้านรอง
เย่เสี่ยวจิ่นนอนคว่ำอยู่บนตักแม่ พึมพำว่า “ลูกพี่ลูกน้องหน้าตาขี้เหร่ขนาดนั้น ยังมีคนยอมแต่งงานด้วยเหรอ?”
“รู้สึกว่าเขาไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง…”
“ถ้าทางบ้านมีเงิน ก็คงไม่ได้รวยมากนักหรอก”
“จิ่นเป่า ลูกไม่เข้าใจหรอก” หลี่ชุ่ยชุ่ยกอดลูกสาวไว้ “ผู้หญิงน่ะ สุดท้ายก็ต้องแต่งงานออกเรือนกันทั้งนั้น”
“ทุกคนก็หวังให้ลูกสาวของตัวเองได้แต่งเข้าบ้านที่ดี อย่างน้อยก็ได้กินอิ่มนุ่งอุ่น”
“อย่างตระกูลหลิวนี่แหละที่ยอมเสียสละลูกสาวเพื่อลูกชาย”
หลี่ชุ่ยชุ่ยแค่นเสียงอย่างดูแคลน “พวกเขาไม่คิดบ้างหรือว่ายกลูกสาวให้เย่ว่านหยวนก็เหมือนส่งเข้ากองไฟ”
หลี่ชุ่ยชุ่ยไม่ชอบเย่ว่านหยวนจริงๆ
แม้ครอบครัวพี่ชายคนโตจะไม่ถูกกับพวกเขา แต่อย่างน้อยเย่เหวินชางก็หน้าตาสุภาพเรียบร้อย แถมยังมีความรู้อีกด้วย
อย่างไรก็ดีกว่าเย่ว่านหยวนตั้งพันเท่า
เซี่ยวเฟินฟางมีลูกชายคนเล็กชื่อเย่โหย่วไฉ ช่วงก่อนหน้านี้กลัวว่าจะติดโรคจาก จิ่นเป่า เลยส่งไปอยู่บ้านแม่
นับว่าเป็นเด็กที่โตมาตัวขาวอ้วนท้วนสมบูรณ์คนหนึ่ง
“พรุ่งนี้พวกเราจะไปเยี่ยมเขาไหมคะ?”
หลี่ชุ่ยชุ่ยลูบหัวเย่เสี่ยวจิ่น “ไม่ไปหรอก พวกเราไม่ไปกันดีกว่า เดี๋ยวพวกเขาจะมีเรื่องนินทาอีก”
เย่จื้อผิงยิ้มเล็กน้อย “ถ้าพี่รองมาเรียก ผมคงจะไปดูหน่อย”
หลี่ชุ่ยชุ่ยแค่นเสียง “คุณไปดูเถอะ แต่อย่าให้โดนเยาะเย้ยว่าลูกชายหาเมียไม่ได้อีกล่ะ”
เย่เสี่ยวจิ่นขมวดคิ้ว “ไม่หรอกค่ะ พวกเขาพูดเหลวไหล พี่ชายใหญ่ของหนูหน้าตาดีขนาดนั้นจะหาเมียไม่ได้ได้ยังไง? ถ้าพี่ชายใหญ่อยากแต่งงาน ก็เป็นเรื่องง่ายมากเลยนะคะ”
หลี่ชุ่ยชุ่ยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ดูจิ่นเป่าของเราสิ ช่างปกป้องพี่ชายเสียจริง”
เย่จวินที่กำลังทำงานอยู่ในบ้านได้ยินคำพูดจากข้างนอก ก็อดไม่ได้ที่จะขำ
เย่ฉางอันขยิบตาให้เย่จวิน “พี่ควรจะรีบแต่งงานนะ ถ้าพี่ไม่แต่ง ผมที่เป็นน้องชายก็ไม่กล้าแต่งก่อนพี่หรอก”
“พรุ่งนี้ไปดูความคึกคักกันไหม? ไปดูว่าเมียของเย่ว่านหยวนเป็นยังไงบ้าง”
“ผมได้ยินมาว่าหน้าตาดีเลยนะ แถมยังมีความรู้อีกด้วย”
เย่จวินส่ายหัว “ไม่ละ พรุ่งนี้ฉันต้องจัดการเล้าเป็ด แล้วก็ต้องปูหญ้าแห้งให้เล้าไก่ใหม่ด้วย”
“แค่นั้นไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวผมช่วยพี่เอง”
ครอบครัวหลิวมาถึงหมู่บ้านชงเถียนอีกครั้ง
คราวนี้พ่อแม่ของหลิวเยว่ก็มาด้วย
บนใบหน้าของหล่อนไม่มีความยินดีเลยแม้แต่น้อย เอาแต่ขมวดคิ้ว ในใจเต็มไปด้วยความกังวล
พอนึกถึงหน้าตาของเย่ว่านหยวนและสายตาจับผิดของเขา หล่อนก็รู้สึกคลื่นไส้
โดยเฉพาะช่วงนี้ได้ยินมาว่าเย่ว่านหยวนไปดูตัวแล้วไม่ให้เกียรติคน จนโดนเขาทุบตี
แถมยังไปมีอะไรกับหญิงม่ายอีก
หล่อนยิ่งรู้สึกแย่ขึ้นไปอีก ตัวเองเป็นสาวน้อยแรกแย้ม แต่กลับต้องแต่งงานกับคนแบบนี้เพียงเพราะเงิน 10 หยวน!
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ยิ้มหน่อย ทั้งหมดนี้ก็เพื่อพี่ชายของแก สักวันแกจะเข้าใจฉันเอง รอให้แกเป็นแม่ แกถึงจะรู้ว่าลูกทุกคนก็เหมือนกันหมด”
หลี่จื่อหลานพูดโดยไม่มีท่าทีรู้สึกผิดแต่อย่างใด
หลิวเยว่พูดพลางสะอื้น “แม่ วันนี้แม่ขายฉันให้คนแบบนี้เพียงเพราะเงิน 10 หยวน แม่มีบุญคุณที่ให้กำเนิดฉัน ดังนั้นฉันจะไม่เกลียดแม่”
“แต่ตั้งแต่นี้ต่อไป ฉันจะไม่ใช่ลูกสาวของบ้านคุณอีกแล้ว”
หล่อนเม้มริมฝีปาก ในดวงตามีน้ำตาเอ่อคลอ “ไม่ว่าฉันจะเป็นหรือตาย ฉันจะไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับพวกคุณอีก”
หลี่จื่อหลานมองดูลูกสาวที่ดื้อรั้นเช่นนี้ก็รู้สึกหงุดหงิด
“ยัยเด็กนี่ ดูสิว่าพูดอะไรออกมา?”
“รู้อย่างนี้ไม่น่าส่งแกไปเรียนหนังสือแต่แรกเลย เรียนมาแล้วมีความคิดผิดเพี้ยนไปหมด!”
เขาเป็นพ่อคนหนึ่ง มองปราดเดียวก็รู้ว่าครอบครัวของเย่คนรองไม่ใช่ครอบครัวที่ดี
ความทุกข์ทรมานที่ลูกสาวจะต้องเผชิญในอนาคตดูมีมากมายเหลือเกิน
หลิวเยว่เป็นเด็กฉลาดและรู้ความตั้งแต่เด็ก กตัญญูต่อพ่อแม่ แต่ตอนนี้…
เขารู้ว่าตัวเองทำผิดต่อลูกสาวแล้ว
“พอเถอะ อย่าพูดถึงเลย หล่อนกำลังไม่สบายใจอยู่แล้ว ถ้าจะโทษก็โทษที่พวกเราไม่มีความสามารถดีกว่า”
หลี่จื่อหลานแค่นเสียงอย่างไม่พอใจ หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงด้วยความโกรธ “แต่ก่อนใครๆ ก็เจออะไรแบบนี้กันทั้งนั้นไม่ใช่หรือ? ทำไมพอมาถึงตอนนี้ถึงกลายเป็นว่าพวกเราทำร้ายลูกสาวไปได้?”
“ในหมู่บ้านนี้ บ้านของเย่ว่านหยวนก็ถือว่าเป็นครอบครัวที่ดีแล้วนะ อย่างน้อยลูกเราก็คงไม่ขาดแคลนอาหารการกินหรือเสื้อผ้าสวมใส่หรอก”
หลิวเยว่ไม่พูดอะไร เพียงแต่ก้มหน้านิ่งเงียบ ดวงตาอ่อนโยนทอดมองลงต่ำ
คิ้วบางดั่งใบหลิวขมวดแน่น ราวกับกำลังเตรียมตัวไปสู่ความตาย
เสียงกริ่งจักรยาน “กริ้งๆ” ก็ดังขึ้น
เย่ฉางอันขี่จักรยานพาเย่จวินมาจอดพอดี
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
จะแต่งสามีให้ลูกทั้งที เลือกลูกเขยให้มันดีกว่านี้หน่อยก็ได้นะป้า ดูหน้าลูกก่อนสิ เหมือนเอาลูกไปเชือดบูชายัญยังไงไม่รู้
ไหหม่า(海馬)
……….