ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 101 จิ่นเป่าเริ่มโมโห โต้เถียงผู้เชี่ยวชาญอย่างดุเดือด
- Home
- All Mangas
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 101 จิ่นเป่าเริ่มโมโห โต้เถียงผู้เชี่ยวชาญอย่างดุเดือด
บทที่ 101 จิ่นเป่าเริ่มโมโห โต้เถียงผู้เชี่ยวชาญอย่างดุเดือด
……….
บทที่ 101 จิ่นเป่าเริ่มโมโห โต้เถียงผู้เชี่ยวชาญอย่างดุเดือด
เย่จื้อผิงรีบมาถึง เห็นเหอชุนเซิงกำลังชี้หน้าซักไซ้เย่เสี่ยวจิ่น
เขารีบดึงลูกสาวมายืนข้างหลังตัวเอง
“ขอโทษด้วยครับ เด็กอายุยังน้อย เลยพูดจาไม่น่าฟัง ท่านผู้เชี่ยวชาญอย่าไปถือสาเด็กเลยนะครับ”
เหอชุนเซิงเห็นเย่จื้อผิงดูเป็นคนซื่อๆ ก็ยิ่งพูดไม่ไว้หน้ามากขึ้น “ลูกสาวคุณพูดจาน่ารำคาญจริงๆ ถ้าไม่รู้ก็คงนึกว่าหล่อนเป็นผู้เชี่ยวชาญเสียเอง”
“เด็กน้อยที่ได้เป็นหัวหน้าทีมด้วยวิธีอะไรก็ไม่รู้ ยังกล้ามาอวดดีต่อหน้าฉันอีก ช่างน่าขันจริงๆ!”
ซุนจ่างซุ่นและกัวชิงซงต่างก็สีหน้าไม่สู้ดีนัก
พวกเขาไม่ใช่คนโง่เสียหน่อย
ดูจากเมื่อครู่ก็รู้แล้วว่าเหอชุนเซิงมาระบายโทสะแทนเซียวเยว่
พวกเขาคนหนึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน อีกคนเป็นเลขาฯ จึงไม่อาจแสดงกิริยากระด้างกระเดื่องกับผู้เชี่ยวชาญได้
แต่เย่เสี่ยวจิ่นมีปากคอเราะราย อีกทั้งยังมีนิสัยไม่ยอมให้ใครรังแก
พวกเขารู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง ไม่เช่นนั้นถ้าปล่อยให้จิ่นเป่าถูกด่า พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรกับผู้เชี่ยวชาญคนนี้
ซุนจ่างซุ่นพูดอย่างจริงจัง “การให้เซียวเยว่พ้นจากตำแหน่งเป็นการตัดสินใจของผมกับเลขาฯ ไม่เกี่ยวกับจิ่นเป่า เหอชุนเซิง คุณมาที่นี่เพื่อให้คำแนะนำด้านเทคนิค ไม่ใช่มาด่าคน ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องแสดงท่าทีรุนแรงต่อเด็กคนหนึ่งหรอกครับ”
“แต่หล่อนก็มีท่าทีไม่ดีต่อฉันเหมือนกัน” เหอชุนเซิงแค่นเสียง “งั้นเอาแบบนี้ ให้หล่อนขอโทษฉัน แล้วฉันจะไม่ถือสาหาความกับเด็กอย่างหล่อน”
เย่จื้อผิงกำลังจะขอโทษแทนเย่เสี่ยวจิ่น
แต่ถูกเย่เสี่ยวจิ่นดึงไว้
เธอหรี่ตายิ้มเล็กน้อย มือทั้งสองเท้าสะเอว “คุณคิดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่งั้นเหรอ? คุณก็เป็นแค่ไอ้แก่บ้าน้ำลายคนหนึ่งเท่านั้นแหละ ฉันขี้เกียจจะสนใจคุณแล้ว ไว้หน้าแล้วไม่รู้จักรักษาน้ำใจแบบนี้ ถ้าไม่มีกระจกก็ปัสสาวะดูเงาตัวเองซะบ้าง”
จากนั้นก็ชี้หน้าเหอชุนเซิง “อย่าคิดจะมาอวดเบ่งต่อหน้าฉัน คุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร?”
เย่จื้อผิง “???”
กัวชิงซง “???”
ทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุต่างตกตะลึง
เดิมทีพวกเขารู้สึกไม่พอใจที่เห็นเหอชุนเซิงรังแกเด็ก แต่ตอนนี้พวกเขากลับเพิ่งรู้ว่าจิ่นเป่าด่าคนได้ร้ายกาจขนาดนี้?
ในเมื่อ…ทั้งครอบครัวของเย่เหล่าซานล้วนเป็นคนซื่อๆ ทั้งนั้นนี่นา
ลูกสาวที่ปกติอ่อนหวานนุ่มนวลคนนี้ กลับเปิดปากด่าได้อย่างน่าตกใจ?
เหอชุนเซิงถูกด่าจนถึงกับมึนงง “เธอ…เธอกล้า…”
ซุนจ่างซุ่นตอบสนองเป็นคนแรก “โอ้ อาจารย์เหอ ผมบอกคุณแล้ว นิสัยของเด็กคนนี้น่ะเอาไปเทียบกับผู้ใหญ่ไม่ได้หรอก เด็กๆ เวลาโกรธขึ้นมาทีก็พูดอะไรออกมาก็ได้ทั้งนั้น”
เหอชุนเซิงโกรธจนแทบตาย
ตั้งแต่สอบเข้าวิทยาลัยอาชีวะได้ ไม่ว่าจะไปที่ไหนเขาก็เป็นหงส์มังกรในหมู่คน อีกทั้งพ่อแม่ยังภูมิใจในตัวเขา
เย่เสี่ยวจิ่นคนนี้เป็นแค่เด็กเล็กอายุแค่สามขวบ แต่กลับกล้าชี้หน้าด่าเขา!
เธอรู้หรือเปล่าว่านักเรียนวิทยาลัยอาชีวะยอดเยี่ยมแค่ไหน?
เธอรู้หรือไม่ว่าอะไรคือผู้เชี่ยวชาญในด้านการเพาะปลูก?
เธอรู้หรือไม่ว่าตัวเขาถูกส่งมาจากหน่วยงานรัฐในอำเภอ?
กลับกล้าบอกให้เขาไปปัสสาวะแล้วส่องดูเงาตัวเองงั้นเหรอ?
นี่ไม่ใช่แค่การดูถูกด้วยคำพูดเท่านั้น แต่มันเป็นการทำลายศักดิ์ศรีอันน่าภาคภูมิใจของเขาอย่างไม่อาจลบเลือนได้
เหอชุนเซิงโมโหจนตาพร่า “ฉันไม่แนะนำแล้ว ในเมื่อพวกคุณหยิ่งผยองขนาดนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องมีฉันอีกต่อไป”
กัวชิงซงพยายามกลั้นหัวเราะอยู่ข้างๆ
ก็เพราะเขาดูถูกคนอื่นแบบนี้อย่างไรล่ะ อยากจะชูนิ้วโป้งให้จิ่นเป่าเสียจริง!
“คุณจะไปแล้วเหรอ อย่าเพิ่งไปสิ” เย่เสี่ยวจิ่นกอดอก พูดอย่างไม่ใส่ใจ “ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ฉันก็จะสอนบทเรียนให้คุณสักหน่อย”
เย่จื้อผิงไม่อาจห้ามลูกสาวของตัวเองได้แล้ว
สมองของเขาสับสนไปหมด “จิ่นเป่า นี่มันผู้เชี่ยวชาญนะ…ผู้เชี่ยวชาญ! ลูกไปพูดแบบนั้นกับผู้เชี่ยวชาญไม่ได้นะ พวกเราทุกคนต้องให้ความเคารพครูบาอาจารย์ จิ่นเป่า ระวังคำพูดหน่อยสิ”
“ผู้เชี่ยวชาญงั้นเหรอ? ไร้สาระ!”
เย่จื้อผิงรู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันที
เขารู้สึกลำบากใจมาก ทำไมลูกสาวที่ปกติเป็นเด็กดีถึงได้เป็นแบบนี้
พอโกรธขึ้นมาทีก็ดื้อเอาเรื่องขนาดนี้เลยเหรอ?
ตามหลักแล้วในบ้านของพวกเขาก็ไม่มีใครสอนลูกสาวให้ด่าคนนี่นา
เธอไปได้ยินมาจากที่ไหน
หรือว่าไปเรียนรู้มาจากหลี่กุ้ยฮวา?
เย่จื้อผิงเข้าใจว่าตัวเองค้นพบความจริงแล้ว ในใจจึงแอบด่าหลี่กุ้ยฮวาที่ทำให้ลูกสาวเสียคน
เหอชุนเซิงยังไม่ถึงกับโกรธจนตาย แต่ก็ใกล้จะโกรธจนตายแล้ว
เขาหัวเราะเยาะ “เธอจะมาสอนฉันเหรอ? เธอรู้อะไรบ้าง?”
เย่เสี่ยวจิ่นชี้ไปที่ถังน้ำที่มีฝาปิดอยู่ข้างทางเข้าสวนผลไม้ “รู้ไหมว่านี่คืออะไร? รู้ไหมว่ามันมีประโยชน์อะไร?”
กัวชิงซงรู้สึกอยากรู้อยากเห็น เขาเดินไปเปิดถังน้ำ เห็นของเหลวอะไรสักอย่างอยู่ข้างใน
เขาหนีบจมูก “จิ่นเป่า ของนี่มันไม่หอมเลย มันคืออะไรกัน?”
เหอชุนเซิงกวาดตามองอย่างรวดเร็ว “ฮึ แค่ขู่ให้กลัวเท่านั้นแหละ”
เย่เสี่ยวจิ่นยิ้มเล็กน้อย “ส่วนผสมของน้ำนี้คือ หญ้าไล่แมลง เย่เฉ่า สะระแหน่ ผักคาวตอง ว่านน้ำ น้ำกระเทียม ลาเวนเดอร์ ไพรีทรัม โซเดียมโดเดซิลซัลเฟต น้ำกลั่น และบิวทานอล”
“ใช้น้ำมันหอมระเหยจากพืชไล่แมลงเพื่อไล่แมลงบนต้นไม้ ป้องกันไม่ให้แมลงเกาะและขยายพันธุ์ ซึ่งจะส่งผลต่อการออกดอกออกผลของต้นไม้”
“และน้ำไล่แมลงชนิดนี้ เมื่อฉีดพ่นบนผิวต้นไม้แล้ว จะไม่ทิ้งสารตกค้างใด ๆ บนผลไม้”
ทุกคนฟังแล้วงงงวย
เข้าใจแค่เรื่องหญ้าไล่แมลง ส่วนอย่างอื่นฟังไม่รู้เรื่องเลย
ซุนจ่างซุ่นรีบพูดว่า “จิ่นเป่า สิ่งนี้ของหนูดีมากเลย หนูคิดได้ยังไง?”
“ต้นส้มออกดอกไม่ค่อยดี ฉันเห็นว่ามีแมลงตัวเล็กๆ อยู่บ้าง”
“พอถึงเวลาที่ผลสุก ก็ป้องกันไม่ให้แมลงกินผลไม้ได้ด้วย”
เย่เสี่ยวจิ่นอธิบายว่า “แต่นี่เป็นแค่รุ่นทดลองเบื้องต้นเท่านั้น ในกระบวนการทั้งหมดยังสามารถปรับแต่งได้อีกหลายครั้ง”
“เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและค่าสุขภาพด้วยนะ”
เหอชุนเซิงอยากจะจับผิดมาก แต่เย่เสี่ยวจิ่นก็มีความคิดสร้างสรรค์มาก
ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กคนนี้น่ารำคาญ เขาก็อยากจะจดสูตรกลับไปลองที่บ้านแล้ว
เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อย แสร้งทำเป็นรู้ลึก “ฮึ ก็แค่เทคนิคเล็กๆ น้อยๆ”
“หลอกผู้ใหญ่บ้านของพวกเธอก็พอแล้ว เจอผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพอย่างฉัน มันก็แค่กลเม็ดเด็กๆ เท่านั้นแหละ”
เย่เสี่ยวจิ่นเอียงคอพูดว่า “อ๋อ ใช่ๆๆ งั้นผู้เชี่ยวชาญอย่างคุณมาช่วยอัปเกรดสูตรนี้ให้พวกเราหน่อยสิ?”
เหอชุนเซิงมองดูสายตาของทุกคนที่จับจ้องมาที่ตัวเขา
สายตาของเขาพลันเลื่อนลอย “สูตรของเธอ ฉันจะอัปเกรดได้ยังไงในทันที? เธอก็คงไม่ได้คิดขึ้นมาชั่วข้ามคืนเหมือนกันใช่ไหมล่ะ? พูดแบบนี้ก็เหมือนจงใจยั่วยุคนนะ”
“แปลกจัง…” เย่เสี่ยวจิ่นทำปากยื่น แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ “ทำไมผู้เชี่ยวชาญถึงบอกว่าฝีมือของคนอื่นเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย พอถึงตาตัวเองกลับพูดอะไรไม่ได้สักอย่าง ให้อัปเกรดยังอัปเกรดไม่ได้ แต่กลับกล้าพูดอย่างมั่นใจว่าฉันใช้เล่ห์เหลี่ยม”
เย่เสี่ยวจิ่นถอนหายใจยาว ทำท่าเหมือนผิดหวังมาก
“ช่างเถอะ ผู้ใหญ่บ้าน หนูนึกขึ้นได้ว่ายังมีธุระต้องทำนิดหน่อย พวกคุณช่วยคุยกับผู้เชี่ยวชาญหน่อยนะ”
เย่เสี่ยวจิ่นพูดจบก็หันหลังเดินจากไปทันที
เย่จื้อผิงมองผู้ใหญ่บ้านและเลขาฯ ด้วยสายตาขอโทษ แล้วก็เดินกะเผลกตามลูกสาวขึ้นเขาไป
ซุนจ่างซุ่นรู้สึกอึดอัดมาก จึงกระแอมเบาๆ “เอ่อ… ผู้เชี่ยวชาญครับ พวกเราขึ้นไปดูกันเถอะครับ ถ้าคุณมีความเห็นอะไร บอกพวกเราได้เหมือนกันนะครับ”
เหอชุนเซิงเสียหน้าไปหมดแล้ว แต่เพื่อรักษาหน้า เขาจึงจำต้องฝืนใจเดินขึ้นไป
เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็พบว่าในที่ดินมีหลุมมากมาย ปลูกต้นไม้ผลขนาดเล็กอยู่
“นี่มันอะไรกัน? ปลูกไม้ผลอื่นแทรกในสวนผลไม้แบบนี้ มันจะแย่งสารอาหาร ส่งผลต่อผลผลิตผลไม้นะ”
ซุนจ่างซุ่นยิ้มพลางกล่าวว่า “จิ่นเป่าบอกว่านี่เรียกว่าการอยู่ร่วมกันทางนิเวศ อีกสองเดือนก็จะสุกพร้อมกันหมดแล้ว”
“แถมที่ดินตรงนี้ปีนี้ก็ใส่ปุ๋ยไปแล้ว มีสารอาหารเพียงพอ ไม่ส่งผลกระทบต่อการสุกของผลไม้หรอกครับ”
เหอชุนเซิงมาถึงสวนลูกพลับ เมื่อเห็นทรายบนพื้น เขาก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง
กัวชิงซงรีบเอ่ยปากขึ้นว่า “เรื่องนี้ผมรู้ครับ เรียกว่าการเพิ่มความแตกต่างของอุณหภูมิกลางวันกลางคืน เพื่อเพิ่มความหวานของผลไม้ ท่านผู้ใหญ่บ้าน ผมจำไม่ผิดใช่ไหมครับ?”
“ถูกต้อง ถูกต้อง”
เหอชุนเซิงเดินต่อไปอีกสองสามก้าว เห็นต้นสาลี่มากมายที่เหลือแต่กิ่งก้านโล้นเตียน “ต้นสาลี่พวกนี้ตายเพราะความหนาวหมดแล้ว ทำไมไม่โค่นทิ้งล่ะ?”
“ไม่ใช่หรอกครับ คุณดูสิ” ผู้ใหญ่บ้านเข้าไปใกล้ๆ ชี้ไปที่ตาอ่อนบนกิ่งพันธุ์ “นี่คือสาลี่จินชิวที่ทาบกิ่งสำเร็จแล้ว”
“ตาอ่อนงอกออกมาแล้ว คาดว่าปีหน้าก็จะออกลูกสาลี่รุ่นแรกได้”
กัวชิงซงพยักหน้า “วิธีทาบกิ่งนี่ดีจริงๆ เลยนะ แต่ไม่รู้ว่ารสชาติของสาลี่จินชิวจะเป็นยังไง”
“น่าจะไม่แย่หรอกครับ จิ่นเป่ารับประกันมาแล้ว ไม่งั้นผมก็ไม่กล้าให้หล่อนลงมือทำแบบนี้หรอก”
อะไรนะ ทาบกิ่ง?
เปลี่ยนไปปลูกอะไร?
ดวงตาของเหอชุนเซิงดูสับสนอยู่บ้าง เขาเงียบไปโดยสิ้นเชิง
เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดตัวเขาซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญถึงดูเหมือนมาเรียนรู้เทคนิคจากคนอื่นแบบนี้?
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ทฤษฎีแน่นก็ใช่ว่าจะเก่งนะลุง ลุงอย่าท้าจิ่นเป่าเลย ไม่งั้นโดนเด็กถอนหงอกเป็นกระจุกแน่
ไหหม่า(海馬)
……….