ซวยแล้ว! ผมดันโดนเตะมาเกิดใหม่เป็นนักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์ - บทที่ 66 เราน่ะจะสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาเอง
- Home
- All Mangas
- ซวยแล้ว! ผมดันโดนเตะมาเกิดใหม่เป็นนักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์
- บทที่ 66 เราน่ะจะสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาเอง
ที่นี่มัน…..
ผมมองไปรอบ ๆ ตัวเองพบว่ารอบข้างของผมเต็มไปด้วยทุ่งหิมะสีขาวบริสุทธิ์ ไม่ว่างมองไปทางไหนก็เห็นเพียงสีขาวโพลนของหิมะไร้ซึ่งสีอื่นใดเจือปน
“มาแล้วงั้นเหรอ นักบุญผู้ผิดแปลก”
เสียงดังขึ้นมาจากด้านหลังเรียกสายตาของผมให้หันกลับไปมอง ตรงนั้นเองมีร่างของชายผู้หนึ่งกำลังยืนสงบนิ่ง เขามีผมสียาวลงถึงคือ ดวงตาสีฟ้านั้นนิ่งสงบไร้ซึ่งอารมณ์อันใด ผิวของขาวขาวราวกับว่าจะกลมกลืนไปกับพื้นหิมะเบื้องหลัง
“คุณคือ?”
“ซิลฟรอเทีย ดาบแห่งเหมันต์ซึ่งผนึกจอมปีศาจวอร์สเธน ทรราชแห่งเหมันต์นิรันด์”
“ดาบซิลฟรอเทีย ทำไมถึงมาอยู่ในจิตใจของซิลวี่ได้ล่ะคะ?”
ที่แห่งนี้ผมรู้ดีว่าคือโลกในจิตใจของซิลวี่ ตั้งแต่ที่ผมร่ายเวทของตัวเองเพื่อปลดคำสาปของเอลดรานซึ่งร่ายใส่ซิลวี่และต้องสู้กับพลังของไพรินแห่งการเปลี่ยนแปลง ตอนนั้นเองที่จิตใจของผมได้เข้ามาข้างในโลกแห่งจิตของซิลวี่
นั่นคือเรื่องน่าแปลก จริงอยู่ที่ซิลวี่นั้นมีพลังแห่งนักบุญ แต่เธอยังไม่ได้ทำสัญญากับดาบหรือแม้แต่ปลดผนึกพลังของตัวเองผ่านพิธีของมหาวิหาร ดังนั้นมันยากที่ดวงจิตของเธอจะมีจิตของดาบในตำนานนี่อยู่ข้างในได้
ยกเว้นแต่ว่า…
“ยกเว้นแต่ว่าข้ากับท่านนักบุญซิลเวียจะทำสัญญากันมาก่อนหน้านี้สินะ”
“นี่คุณ?”
“ใช่ข้าได้ยินเสียงท่าน นักบุญผู้ผิดแปลก นี่คือโลกแห่งจิตใจ ความคิดก็มีเสียงของมันเช่นกัน”
“ถ้างั้นเรื่องที่ผมสงสัยมันก็จริงสินะ”
“เป็นเช่นนั้น ข้ากับท่านนักบุญซิลเวียได้ทำสัญญาเมื่อนานแล้วถึงจะเป็นอุบัติเหตุโดยความไม่ตั้งใจของนางก็เถอะ”
ตอนนั้นเองที่ภาพของอดีตได้ไหลผ่านเข้ามาในหัวของผมอีกครั้ง มันคือภาพตอนงานฉลองแห่งซิลฟอร์เทียเมื่อตอนเธอห้าขวบ ตอนนั้นเองที่เธอบังเอิญสัมผัสเข้ากับตัวดาบด้วยความอยากรู้อยากเห็นของเด็กน้อย
ซิลฟอร์เทียซึ่งอำนาจนั้นถูกแอบทำลายจากเอลดรานเรื่อย ๆ ทั้งยังเหล่านักบุญแห่งเดอ ฟรอเซียซึ่งขาดลง และเหล่านักบุญหลังจากนั้นไม่มีพลังมากพอที่จะเติมช่องว่างที่ขาดหาย เมื่อได้พบเข้ากับผู้มีพลังอันเหมาะสมมันจึงรีบคว้าเอาไว้ดุจคนใกล้จมน้ำ
“เดี๋ยวนะ แบบนี้ซิลวี่ก็!!”
“ถูกต้อง ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา พลังของท่านซิลเวียจึงถูกใช้เพื่อนำไปรักษาผนึก พลังของนางได้ถูกข้านำไปใช้ตลอดเวลาเพื่อประคองผนึกที่กำลังใกล้พังทลาย”
“แต่ว่านั่นมัน… แบบนั้นก็เท่ากับซิลวี่ต้องรับภาระของการร่ายเวทตลอดเลยไม่ใช่เหรอไง!!”
ผมนั้นรู้ดีถึงภาระของการซ่อมแซมผนึกอันยิ่งใหญ่นี่ เพราะเพิ่งผ่านประสบการณ์มาเองกับตัว แต่ซิลวี่นั้นเองกลับถูกเจ้าดาบบ้านี่มันใช้ให้ร่ายเวทโดยไม่รู้ตัวอยู่ตลอดเวลา
“เพราะแบบนี้เองสินะ เพราะแบบนี้ซิลวี่ถึงต้องเจอแต่เรื่องร้าย ๆ มาตลอดน่ะ!”
แค่คิดผมก็โกรธอย่างมาก เมื่อได้คิดความทรงจำทั้งหลายของซิลวี่ซึ่งธอผ่านพ้นมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นร่างกายอันอ่อนแอ หรือพลังที่ด้อยกว่าใครในตระกูลจนทำให้เธอนั้นต้องถูกผู้คนในตระกูลไม่ดูถูกก็พยายามเคี้ยวเข็นให้เธอไปยังจุดที่พวกเขาหวัง ทั้งหมดก็เพื่อชื่อเสียงของตระกูลอันยิ่งใหญ่
ซิลวี่ที่พยายามอย่างเลือดตากระเด็น ทว่าไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถก้าวข้ามกำแพงได้ ไม่สิ ไม่มีวันที่เธอจะสามารถก้าวข้ามกำแพงพวกนี้ไปได้หรอกเพราะว่าทั้งร่างกายที่ร่ายเวทตลอดจนไม่มีเวลาพักฟื้นเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว ไม่มีทางที่จะแข็งแรงพอจะฟาดฟันดาบ ๆ และพลังที่ถูกดูดไปให้กับผนึกทั้งหมดก็ไม่มีวันที่จะสามารถใช้ได้แม้แต่เวทระดับร่าง
นี่เองที่ฝันร้ายของเด็กสาวผู้มีจิตวิญญาณอันกล้าแกร่งเริ่มต้น และเป็นฝันร้ายที่ไม่ว่าใช้ความพยายามแค่ไหนก็ไม่มีวันผ่านพ้นได้
“ตัวข้าผู้เป็นดั่งผู้ศรัทธา ขอใช้หัตถแห่งข้าลงทัณฑ์ตัวเจ้าผู้ชั่วช้า!!”
ความโกรธอันมากมายทะลวงขึ้นมาจนเหมือนกับภูเขาไฟระเบิด มือข้างหนึ่งของผมกำแน่นพุ่งหมัดเข้าใส่หน้าของดาบนั่นเพื่อระบายความโกรธ ทว่าซิลฟอร์เทียกลับยืนนิ่งรับหมัดของผมโดยไม่แสดงสีหน้าอะไร
“เปล่าประโยชน์ท่านนักบุญที่ผิดแปลก โลกแห่งจิตไร้ซึ่งความผิดแปลกท่านอย่ากระทำการใดเป็นการเสียเวลาเช่นนี้เลย”
ก็แกมันทำตัวน่าโมโหนี่หว่า
อารมณ์ภายในใจยังคงไม่ดับลง ผมยังตะโกนใส่หน้าของซิลฟอร์เทียต่อไปเรื่อย ๆ แม้จะรู้ว่าเจ้าดาบหน้าตายนี่มันคงไม่รู้สึกรู้สาแต่อย่างน้อยมันก็พอที่จะทำให้จิตใจของผมที่ขุ่นมัวนี่มันดีขึ้นมาบ้าง
“เป็นเพราะคุณ เพราะคุณที่ทำให้เด็กคนหนึ่งต้องเผชิญกับฝันร้ายอันยาวนานขนาดนี้ ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอคะ!!”
“หากข้าไม่ทำ วอร์สเธนก็จะปรากฏและผู้คนมากมายแห่งกลอริเอลก็จะล้มตาย”
“แล้วเป็นไง ดูตอนนี้สิคะ ซิลวี่ทนทุกข์ทรมาน ผนึกพังทลาย เอลดรานก็ได้พลังไป แล้วแบบนี้ความโชคร้ายทั้งหมดที่เธอต้องแบกรับก็เป็นสิ่งสูญเปล่า…. คุณรู้สึกอะไรบ้างไหมคะ!!”
“เรื่องนั้นข้าคำนวณผิดพลาดไป ข้าไม่นึกว่าวอร์สเธนจะสามารถดึงพลังของไพลินมาได้ ทว่าตอนนี้ข้าได้พบแล้วว่าหากเป็นท่าน นักบุญผู้ผิดแปลก ท่านสามารถใช้ข้าสังหารวอร์สเธนได้”
“อะไรนะ?”
“ปกติอาวุธแห่งเทวะทั้งหลายต่างมีเงื่อนไขเพื่อใช้งานได้เต็มที่ ตัวข้านั้นคือสายเลือดแห่งเดอฟรอเซีย ทว่าตอนที่ท่านร่ายเวทเพื่อซ่อมผนึกทำให้ข้าค้นพบความผิดปกติว่าตัวท่านนั้นสามารถข้ามข้อจำกัดทั้งหมดและใช้ข้า.. ไม่สิ อาวุธทุกชิ้นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ”
“อย่าพูดบ้า ๆ นะคะ”
“ข้าพูดเรื่องจริง”
“ไม่ใช่เรื่องนั้น”
เรื่องการใช้อาวุธนั้นผมรู้ดี ว่านั่นคงเป็นสิ่งที่เจ้าพระเจ้านั่นมอบให้เป็นหนึ่งในพรสำหรับการเป็นนักบุญของเขา ซึ่งปกติผมที่ฝันอยากเป็นยอดนักรบคงดีใจเป็นบ้าเป็นหลังที่ได้ใช้ดาบในตำนานแบบเหล่าวีรบุรุษในนิทานแต่สำหรับเจ้าดาบเล่มนี้ สำหรับไอ้หมอนี่น่ะมันไม่ใช่
“หลังใช้ซิลวี่จนหมดประโยชน์ ก็ทิ้งไปแล้วมาหานายใหม่เลยงั้นเหรอคะ ช่างเป็นดาบที่แสนเห็นแก่ได้อะไรเช่นนี้”
“ข้าแค่พูดถึงความเป็นไปได้ที่ดีที่สุด ด้วยพลังของท่าน ด้วยความสามารถอันแปลกประหลาดนั่น ท่านจะสามารถใช้ข้าได้ดียิ่งกว่านาง ไม่สิ ดียิ่งกว่าฟรอเซีย นายคนแรกของข้าซะอีก เช่นนั้นแล้วขอท่านดึงข้าขึ้นมาแล้วใช้มันปราบ…”
หุบปาก!! ไม่มีวันที่ผมจะเอาไอ้ดาบน่าหมั่นไส้เห็นแก่ตัวถือดีอย่างแกมาใช้หรอกนะ
“เงียบไปค่ะ!!! ไม่มีวันที่เราจะดึงคุณมาเด็ดขาด ตัวคุณที่เป็นเช่นนี้น่ะ”
“แต่ว่าหากไร้ซึ่งข้า วอร์สเธนจะไม่ถูกสังหาร”
“ยังมีคนที่ใช้คุณได้อีกไม่ใช่เหรอคะ สาวน้อยที่คุณใช้มาตลอดหลายปีน่ะ”
“จริงอยู่ว่าเธอมีคุณสมบัติแต่ว่าเธอในยามนี้ไม่มีทางที่จะ….”
“ไม่สนค่ะ ไม่ว่าคุณจะพูดอะไร ไม่ว่าคุณหรือใครจะคิดอย่างไร แต่ซิลวี่น่ะ… จะต้องได้รับในสิ่งที่เธอควรจะได้ รางวัลของความพยายาม!!!”
ถูกต้อง ซิลวี่ เธอน่ะสมควรได้รับมัน เธอที่ทนทุกข์กับความเห็นแก่ตัวของคนมากมายควรจะได้รับมัน ได้รับสิ่งที่ควรเป็นของเธอ
“และถ้าหากคุณบอกว่าไม่มีทางไหวล่ะก็ เราจะทำให้ซิลวี่ทำได้เอง เพราะเราน่ะคือออโรร่า ออโรร่า นักบุญผู้นำมาซึ่งปาฏิหาริย์อย่างไรล่ะ”
เมื่อพูดจบลง ผมไม่แม้แต่จะมองหน้าเขา ผมหันหลังให้ก่อนจะมุ่งตรงไปยังบริเวณเดียวที่แปลกไปจากที่อื่น
ท่ามกลางพื้นที่สีขาวอันไร้ที่สิ้นสุด มีจุดสำดำที่เต็มไปด้วยความมืดมากมายซึ่งปกคลุมอยู่อย่างหนาแน่น ที่ตรงนั้นเองมันเอ่อล้นไปด้วยความคิดพยาบาท ความโศกเศร้า
ซิลวี่อยู่ที่นั่นสินะ…
รอหน่อยนะซิลวี่ เธอน่ะคือเด็กสาวที่ยอดเยี่ยม เป็นคนที่ควรจะมีความสุขในความฝันของตัวเอง เป็นเด็กสาวที่ไม่ควรจะต้องมาแบกรับความเห็นแก่ตัวของคนอื่น
ความฝันอยากเป็นฮีโร่น่ะ เข้าใจดีเลยล่ะ ไม่ว่าใครก็อยากจะเป็น เพราะฉะนั้นผมจะช่วยเอง และหากใครบอกว่าไม่ไหว ไม่มีวันที่จะสำเร็จ ก็ช่างพวกนั้นไป
ผมสัญญา ว่าจะใช้ทุกสิ่งที่ตัวเองมีเพื่อทำให้ความฝันนั่นของเธอน่ะเป็นจริงให้ได้ สิ่งเหล่านั้นที่ใครต่างบอกว่าไม่มีทางเป็นจริง ผมน่ะจะทำให้มันจริงเอง เพราะการสร้างปาฏิหาริย์คือหน้าที่ของผมไงล่ะ
และตอนนั้นเองที่มือเล็ก ๆ ของผมยื่นไปสัมผัสเข้ากับม่านหมอกสีดำทั้งหลาย เมื่อมันสัมผัสเข้ากับแสงที่ทอออกมาในมือของผม ความมืดเหล่านั้นก็แตกสลายหายไปเหลือเพียงร่างของเด็กสาวผมสีทองที่นั่งร้องไห้อยู่อยู่คนเดียว
เธอค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น ดองตาสีฟ้าจ้องมองมาที่ผม ดวงตานั่นยังมีน้ำใส ๆ ไหลริน น้ำตาของความเศร้าโศรกเสียใจ
“อัล… อัลมาที่นี่ได้ไงกันคะ?”
มือข้างหนึ่งค่อย ๆ ยื่นเข้าไปหาร่างเล็ก ๆ ที่อยู่ตรงหน้า ผมยิ้มกว้างออกมาก่อนจะพูดออกไปให้กับเพื่อนรักคนแรกของผม
“มาช่วยแล้วนะ ซิลวี่”
เอาบทพระเอกไปหน่อยแล้วกันนะหนูออ หลังจากให้หนุ่มมาช่วยเยียวยาใจแล้วคราวนรี้้ถึงเวลาหนูมาช่วยสาวบางแล้วล่ะ