ชีวิตบัดซบเพราะถูกส่งมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้สุดโหดไปตบเกรียน - ตอนที่ 44 สวรรค์ในห้องอาบน้ำ
- Home
- All Mangas
- ชีวิตบัดซบเพราะถูกส่งมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้สุดโหดไปตบเกรียน
- ตอนที่ 44 สวรรค์ในห้องอาบน้ำ
〝『ค่าสิทธ์』 เหรอ? 〞
พอกรเลื่อนหน้าต่างที่ดูน่าสงสัยนี้มาอยู่ตรงกลางทัศนวิสัย เมอร์ลินที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนเพราะถูกเลื่อนมาอยู่ในขอบเขตที่เธอมองเห็นได้ จึงถามออกมาด้วยความสงสัยเช่นกัน
แล้วไม่รอช้า… กรรวมถึงมีอาและเมอร์ลิน… แม้แต่เคลเบรอสและฟรังซ์ที่ยื่นหน้าเข้ามาดูจากทางด้านหลังเองก็ทำการอ่านรายละเอียดที่เขียนอยู่บนหน้าต่างนี้ในทันทีเช่นกัน…
หน้าต่างค่าสิทธ์
1 -???????????
2 -????? , ดาวเคราะห์
3 – พระเจ้า ดันเจี้ยนมาสเตอร์ มอนสเตอร์และบอสในดันเจี้ยน (ระดับ SS ขึ้นไป)
4 – เผ่าเทพเจ้าและตัวตนระดับสูง (เช่น เทพตกสวรรค์ วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ปีศาจ)
5 – มอนสเตอร์ในดันเจี้ยน (ระดับ A ขึ้นไป แต่ไม่ถึงระดับ SS)
6 – มอนสเตอร์และบอสนอกดันเจี้ยนทั้งหมด (ระดับ A ลงไป)
7 – ผู้ปกครองแผ่นดิน
8 – สิ่งมีชีวิตทรงปัญญาทุกประเภท
9 – ทาสและสิ่งมีชีวิตไร้สติปัญญา
*หมายเหตุ : การตั้งค่าทุกอย่าง ถูกขยายขอบเขตให้สามารถตั้งค่าบุคคลอื่นในแบบเดียวกับที่ตั้งค่าให้กับตัวเองได้ทุกอย่าง
ปล. กลุ่มที่มีค่าสิทธิ์ต่ำกว่าผู้ใช้ เป็นกลุ่มที่สามารถตั้งค่าได้ทุกอย่าง
กลุ่มที่มีค่าสิทธิ์เท่ากับผู้ใช้ เป็นกลุ่มที่สามารถตั้งค่าได้บางส่วน
กลุ่มที่มีค่าสิทธิ์สูงกว่าผู้ใช้ เป็นกลุ่มที่ไม่สามารถตั้งค่าได้
(เลขสิทธ์เป็นค่าคงที่ ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญในการใช้เวทย์มนต์ สกิลและอื่นๆ หากกลุ่มที่มีค่าสิทธ์น้อยกว่าใช้สกิลกับกลุ่มที่มีค่าสิทธ์มากกว่า จะทำให้ไม่ได้ผลหรือผลลัพธ์ลดหลั่นลงตามช่องว่างของค่าสิทธ์ที่เป็นค่าคงที่นั้นของทั้งสองฝ่าย)
….นี่มันหน้าต่างที่มีไว้อธิบายรึยังไงกันเนี่ย?
แต่ว่า…. ถึงจะมีแค่คำอธิบายก็เถอะ แต่อีแบบนี้มันสุดยอดไปเลยไม่ใช่เหรอ?
ถึงจะไม่สามารถเปลี่ยนโครงสร้างทางกายภาพได้เหมือน GM ในเกมก็เถอะ… ก็แน่หล่ะ เพราะนี่หน่ะ คือความเป็นจริงไม่ใช่ในเกมนี่นา…
แต่ถึงแบบนั้นก็ยังสุดยอดอยู่ดี..
หึหึหึ!!!! แล้วพวกผู้ปกครองแผ่นดินนี่… ถ้าเข้าใจไม่ผิด ก็หมายความว่าเป็นพวกราชาไม่ใช่เหรอ?
ได้กลิ่นของการเอาคืนที่มาหลอกใช้พวกเราเลยนะเนี่ย…
แล้วอีกอย่างที่น่าสนใจก็คือ… ถ้าค่าสิทธ์เท่ากันจะมีสีส้ม… ซึ่งนั่นก็หมายความว่า เรามีค่าสิทธ์เท่ากับพระเจ้าหน่ะสิ!!!
มาถึงจุดนี้จนได้นะตัวฉัน… แต่แบบนี้แหล่ะที่เราต้องการ
แถมไอ้พวกเผ่าเทพ… ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีพวก สภาสวรรค์ รวมอยู่ในกลุ่มสิทธ์นี้ด้วย…
ไอ้เวรพวกนี้… เป็นคนทำให้มีอาเจ็บปวด มันอยู่ใต้ค่าสิทธ์ของเราแล้ว… ที่นี้เราก็ไม่จำเป็นต้องกลัวมันอีกต่อไป
แต่แน่นอนว่าในระดับนึง… นั่นเพราะเราไม่รู้ว่าเจ้าพวกนั้นมีอะไรซ่อนอยู่อีก… ถ้าเราประมาท มีอาจะเป็นอันตรายไปด้วย เรื่องแบบนั้นไม่มีทางให้เกิดขึ้นอีกแน่นอน
แต่ผลลัพธ์เนี่ย…. ยังไงก็ต้องทดลองใช้จริงก่อนนั่นแหล่ะนะ
แต่ก่อนหน้านั้น มีอีกอย่างที่อยากลองดูว่าจะทำได้รึเปล่าด้วย… งั้นก็…
กรทำการปิดหน้าต่างตั้งค่าสเตตัส จากนั้นก็หายใจเข้ายาวๆ ครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะผ่อนลมหายใจออกมาอย่างแรงเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ความตื่นเต้นที่คุกรุ่นอยู่ในใจ
พอได้จังหวะ กรจึงประกาศออกมาด้วยเสียงที่ชัดเจนเพื่อออกคำสั่งกับหน้าต่างตั้งค่าด้วยเสียงว่า
〝หน้าต่างตั้งค่าทุกบาน… จงรับคำสั่งด้วยความคิดของฉันซะ! 〞
【………..】
เสียงตอบกลับยังไม่ตอบกลับมาตามที่ควรจะเป็น นั่นทำให้ใบหน้าของกรมีเหงื่อผุดขึ้นมามากมาย ไม่แม้แต่พวกมีอาและเมอร์ลินที่นั่งอยู่รอบๆ เองต่างก็ขมวดคิ้วและกลืนน้ำลายเพราะลุ้นผลลัพธ์ดังกล่าวไปพร้อมกับกรด้วย เนื่องจากเข้าใจเจตนาแฝงของกร
แล้วทันใดนั้นเอง เสียงโมโนโทนที่กรอยากได้ยินก็ตอบเขากลับมา นั่นทำให้ร่างของกรกระตุกเบาๆ ครั้งนึงเลยทีเดียว ที่คำสั่งซึ่งควรจะอยู่นอกเหนือขอบเขตของเขาดันได้รับการอนุมัติซะได้…
【……..รับทราบ! ระบบการรับคำสั่งเปลี่ยนจาก『รับคำสั่งด้วยเสียง』เป็น『รับคำสั่งด้วยความคิด』】
ในขณะเดียวกับที่คำประกาศดังขึ้นในหัวของกร สัญลักษณ์ที่แต่เดิมเคยเป็นรูปไมโครโฟนขนาดจิ๋ว ก็ถูกแทนที่เป็นรูปสมองพร้อมๆ กันอันเป็นคำยืนยันอย่างแน่ชัดอีกครั้ง ว่าคำสั่งของกรได้รับการยืนยันแล้ว
ทำได้! ทำได้จริงด้วย!
ห๊ะห๊ะ! อีแบบนี้มันสุดยอดยิ่งกว่าเดิมอีกนะเนี่ย
ว่าแต่ทำไมคำตอบของสกิลถึงมีดีเลย์หล่ะเนี่ย… ยังกับสกิลมันกำลังคิดอยู่ว่าจะให้เราใช้ได้ดีไหม? งั้นแหล่ะ…
แต่เอาเป็นว่า… ตอนนี้เราสามารถสั่งการด้วยความคิดแทนได้แล้ว…
ตอนแรกก็โกงอยู่แล้วนะ… แต่ถ้าสั่งการทางความคิดได้ คนอื่นก็ไม่มีทางรู้แน่นอนว่าเราทำอะไร…
ถึงแต่เดิมคนอื่นจะไม่รู้อยู่แล้วก็เถอะ ถ้าเห็นเราสั่ง… แต่ยังไงการคิดก็สะดวกกว่าการพูดอยู่แล้ว… เพราะจุดแข็งเพียงหนึ่งเดียวของเราก็คือ『สุดยอดการประมวลผล』นี่นา…
งั้นก็เหลือแค่เรื่อง『ค่าสิทธ์』 เรื่องเดียวแล้วหล่ะ ที่อยากลองให้รู้ผลเร็วๆ หน่ะนะ…
ถ้างั้นจะรอช้าอยู่ไร…
ทั้งที่กรเพิ่งจะสมหวังกับผลลัพธ์ที่ไม่น่าเป็นไปได้นี้ แต่ความกระหายรู้ก็ยังไม่จางหายลงไปเลยซักนิด กรจึงปรับอารมณ์ตัวเองเพื่อลดความตื่นเต้นอีกครั้งในเวลาไม่นานเพื่อเริ่มทำการทดลองต่อ
และไม่รอช้า… พอปรับอารมณ์ของตัวเองให้สงบลงได้แล้ว กรจึงทำการสั่งใช้งานหน้าต่างตั้งค่าสเตตัสด้วยความคิดในทันทีว่า
ตั้งค่าหน้าต่างสเตตัส… 『มีอาน่า กาบริเอล』
ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นต่างก็ยังไม่เข้าใจการกระทำของกรที่ง่วนอยู่กับการตั้งค่าบางอย่างกับมีอา เลยได้แต่เอียงคอสงสัยโดยพร้อมเพรียงกันอย่างเลี่ยงไม่ได้
แล้วพอผ่านไปได้ราวๆ 5 วินาที กรก็ลุกขึ้นมาอย่างกะทันหัน นั่นทำให้มีอาและเมอร์ลินที่นั่งอยู่ข้างสะดุ้งโหยง แต่ก่อนที่เมอร์ลินจะได้พูดอะไร ตัวกรก็ถีบพื้นพุ่งไปด้านหน้าจนห่างจากเธอเกือบ 2 เมตรในพริบตาไปเสียแล้ว
〝โทษทีนะทั้งสองคนที่ทำให้ตกใจ พอดีอยากทดลองอะไรหน่อยหน่ะ! 〞
〝หน่ะ นายนี่มันจริงๆ เลย! 〞
กรเกาหัวตัวเองเบาๆ พลางยิ้มแหยๆ ออกมา เพราะรู้สึกผิดกับคำสบถของเมอร์ลิน แต่ก็กลับมาขอร้องมีอาต่อในทันทีว่า
〝งั้นก็มีอา… มาเล่นไล่จับกัน เอาเป็นคนที่จับตัวอีกฝ่ายได้ก่อนเป็นฝ่ายชนะก็แล้วกัน! 〞
〝〝เอ๋! 〞〞
แต่คนที่ร้องออกมาด้วยสีหน้าตกใจแบบแปลกๆ กลับเป็นเมอร์ลินกับเคลเบรอสที่ตามสถานการณ์ยังไม่ทัน
มีอานั้นแม้จะไม่เข้าใจเจตนาทั้งหมด แต่ก็ตอบกลับกรไปในทันทีว่า〝เข้าใจแล้ว! 〞อย่างแข็งขัน ก่อนจะลุกขึ้นและทำการถีบพื้นไปยังจุดที่กรยืนอยู่เพื่อหวังจะแตะตัวกรแทบจะทันทีกับที่ตอบกรกลับไป แต่ทว่า…
〝! 〞
มีอาทำได้เพียงแค่วิ่งเตาะแตะอย่างเชื่องช้า เข้าหากรเหมือนกับเด็กวิ่งไล่จับอย่างไร้แก่นสารเท่านั้น และแน่นอนว่ากรเพียงแค่เดินไปมาด้วยความเร็วปกติของมนุษย์ทั่วไป แต่มีอาก็ยังไม่สามารถแตะต้องเขาได้เลย
แม้จะดูภายนอกก็ยังสังเกตได้ถึงความเปลี่ยนแปลง… ว่าพลังกายของมีอาลดลงอย่างมหาศาล ทั้งความเร็วที่เป็นจุดเด่นเพียงหนึ่งของเธอ ยังหายไปราวกับไม่เคยมีมาตั้งแต่แรกเลยด้วยซ้ำ
〝อือ… ทำไมกันหล่ะ? 〞
มีอาครางออกมาเบาๆ ด้วยความรู้สึกหดหู่เล็กน้อยที่ไม่สามารถตอบรับความคาดหวังของกรได้ พอกรเห็นแบบนั้น เลยรู้สึกผิดเล็กน้อย เขาจึงรีบอธิบายให้มีอาฟังในทันที
〝ไม่ต้องห่วงมีอา… พลังของเธอไม่ได้หายไปไหน〞
〝!? 〞
〝จะอธิบายยังไงดีเนี่ย… อืม… มีอา เมื่อกี้ฉันลองปรับค่าสเตตัสของเธอทุกอย่างให้เหลือแค่ 1 ดูหน่ะ〞
〝〝〝 เอ๋!? 〞〞〞
และแน่นอนว่าคำอธิบายแบบรวบรัดของกร ต่างก็ทำให้มีอา เมอร์ลินและเคลเบรอสตกตะลึงไปพร้อมกัน ส่วนฟรังซ์ยังคงใบหน้าปกติได้อยู่แต่ก็ยังแสดงสีหน้าตะลึงออกมาเช่นกัน กรจึงเริ่มอธิบายต่อ
〝ในหน้าต่างนั่นมันบอกฉันว่า… ฉันสามารถปรับค่าหรือตั้งค่าได้ทุกอย่างให้กับคนที่มี『ค่าสิทธ์』น้อยกว่าได้เหมือนกับที่ตั้งค่าให้ตัวเอง… เพราะงั้นเลยลองใช้กับมีอาดู… ผลลัพธ์เลยเป็นอย่างที่เห็นนั่นแหล่ะ… เพราะงั้นไม่ต้องกังวลนะมีอา〞
〝งะ งั้นเองหรอกเหรอ…〞
มีอาทำสีหน้าโล่งอกแทบจะทันทีที่ได้ยินคำอธิบายของกร นั่นเพราะในเสี้ยวความคิดนึงของมีอา คงจะยังกลัวการถูกทิ้ง หากทำตัวอ่อนแออยู่เป็นแน่
แต่กรที่มองความคิดของมีอานั้นออกกลับยิ้มอย่างมีเลศนัยออกมาราวกับกำลังคิดเรื่องเล่นสนุกราวกับเด็กน้อย ก่อนที่จะบอกกับมีอาว่า
〝อย่าเพิ่งผ่อนคลายสิมีอา… การเล่นไล่จับยังไม่จบซักหน่อย…〞
〝เอ๋ แต่ว่า! 〞
〝หุหุ! งั้นก็… จะไปหล่ะน้า! 〞
กรพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อเล่นกับมีอาอีกครั้ง ก่นอที่จะถีบตัวพุ่งเข้าไปหามีอาซึ่งๆ หน้า แต่ปฏิกิริยาของเธอกลับเอามือขึ้นมาบังไว้ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ โดยหารู้ไม่ว่านั่นเป็นเพียงภาพติดตา…
แต่ก็แน่นอนว่านั่นคือขีดสุดของมีอาที่มีสเตตัสเหลือแค่ 1… กรทำการถีบตัวไปอยู่ด้านหลังมีอาด้วยความเร็วที่เหนือกว่าปฏิกิริยาสุดยอดของเธอ แล้วจากนั้น…
〝กะ กร! 〞
จากนั้นกรก็ย่อตัวแล้วเข้าสวมกอดมีอาจากทางด้านหลังตรงบริเวณเอวของเธออย่างกะทันหัน มีอาจึงไม่พ้นที่จะเกิดอาการเขินจนหน้าแดงตามระเบียบ แต่ก่อนจะได้ทำอะไร กรก็เป็นฝ่ายชิงพูดออกมาก่อนอีกครั้ง
〝มีอา… บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันหน่ะ… รักเธอ…〞
〝กร….〞
〝ฉันไม่มีวันทิ้งเธอแน่นอน… ต่อให้เป็นเพียงเศษเสี้ยวของความคิดหรือเสี้ยวหนึ่งของจิตใจ… ฉันก็ไม่เคยคิดทิ้งเธอเลยแม้แต่นิดเดียว…〞
〝……..กร〞
เป็นอีกครั้งที่กรส่งคำพูดเข้าถึงส่วนลึกของจิตใจมีอา… มีอาเรียกชื่อของกรถึงสองครั้ง ก่อนที่จะเอื้อมมือของตัวเองไปกุมแขนทั้งสองของกรที่กอดตัวเองอยู่ราวกับเพื่อยืนยันความคิดของกรและตัวเอง และเป็นอีกครั้งที่ทั้งสองแลกเปลี่ยนความรู้สึกทั้งหมดแก่กันและเข้าสู่โลกส่วนตัวไปเรียบร้อย…
〝อะแฮ่ม! 〞
เสียงกระแอมของเมอร์ลินเป็นสิ่งที่เตือนสติของกรและมีอาให้กลับมาสู่ความเป็นจริง พอกรหันกลับมาดูต้นเสียงทั้งที่ยังย่อตัวพลางกอดเอวของมีอาอยู่ ก็เจอกับเมอร์ลินที่กำลังขมวดคิ้วอยู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแบบแห้งๆ แต่กลับมาเส้นเลือดผุดขึ้นมา นั่นเลยทำให้กรรีบปรับความคิดตัวเองใหม่อีกครั้ง
〝ทำอะไรเกรงใจคนโสดบ้างเซ่เจ้าหนู! 〞
〝หนวกหูน่าเจ้าหมา… อารมณ์มันพาไปนี่หว่า〞
〝เฮ้อ! พวกเธอนี่จริงๆ เลย〞
กรถูกทั้งเคลเบรอสและเมอร์ลินแซวอีกครั้ง ส่วนฟรังซ์ก็ยังคงมองทุกคนหยอกกันพลางยิ้มแห้งๆ เช่นเคย แต่ดูเหมือนเมอร์ลินจะยังไม่เลิกหงุดหงิด เพราะในจังหวะที่กรหันไปสบตาทั้งที่ยังกอดเอวของมีอาอยู่ เธอก็หันหน้าหนีและแสดงอาการงอนเต็มที่ ทั้งกรยังได้ยินเสียงเดาะลิ้นแว่วๆ มาอีก
แต่กรก็ทำได้แค่หัวเราะแห้งๆ เพราะทำตัวไม่ถูก ก่อนที่จะคลายมือทั้งสองข้างออกจากเอวมีอา แล้วเดินเข้าไปหาฟรังซ์พร้อมกับมีอา
สกิลทั้งหมดของเรา ได้แสดงให้ฟรังซ์เห็นหมดแล้ว…
ถึงตอนแรกจะปฏิเสธไปก็จริง… แต่การให้หมอนี่มาดูความสามารถของเราตรงๆ ย่อมจะประเมินได้ว่าสามารถต่อกรพระเจ้าองค์ก่อน ไม่สิ… ต่อกร『จอมมาร』ได้ขนาดไหน
ถึงจะเพิ่งมาคิดได้ตอนหมอนี่ดึงดันลงมาดูก็เถอะ แต่ก็คิดถูกแล้วที่ให้มาดูความสามารถของเราตรงๆ
แต่เราก็ไม่ได้โง่หรอกนะ… ถ้าถามความคิดของฉันหล่ะก็…
ยังไม่ถึงเศษเสี้ยวของคำว่าชนะเลย… นั่นแหล่ะคือคำตอบที่ผ่านการประมวลออกมาจากสมองของฉัน
〝เอาล่ะ… จากที่เห็นนี่คิดว่ายังไงหล่ะ ฟรังซ์ ออลเดล…〞
〖…………..〗
ฟรังซ์เงียบไปเล็กน้อยก่อนที่จะตอบคำถามของกร เนื่องเพราะกำลังเลือกคำพูดไม่ให้กรรู้สึกเสียกำลังใจ ก่อนที่จะตอบกรออกไปว่า
〖น่าเสียดายครับ… ถ้าเป็นตอนนี้ไม่มีทางชนะแม้แต่ 1 ในหมื่นเลยแหล่ะครับ…〗
〝งั้นเหรอ…〞
เสียงตอบของกรค่อนข้างเบาเมื่อเทียบกับตอนที่ถาม แสดงให้เห็นเหมือนกันว่า แม้จะเป็นกรที่ตอนนี้ (ค่อนข้าง) ตายด้านหรือเย็นชา แต่ก็หวั่นไหวได้เช่นกันเมื่อพลังที่คิดว่าโกงทั้งหมดนั่นไม่สามารถใช้สู้กับศัตรูสุดร้ายกาจนั่นได้
กะแล้วเชียว… แต่น้อยกว่าที่คิดอีกนะเนี่ย ทำเอาใจหายไปวูบนึงเลย…
ทั้งที่เราเองก็มีสกิลโกงๆ ตั้งเยอะ… แต่ก็ยังชนะไม่ได้ ทั้งที่มั่นใจอยู่พอควรแท้ๆ ว่าเราไม่มีวันแพ้ เพราะเราไม่มีวันตาย… แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะแพ้นี่นา…
!!!!!
อ่อ…. อย่างงี้นี่เอง
〝จะบอกว่าต่อให้ฉันไม่แพ้… แต่ก็เอาชนะไม่ได้เหมือนกันงั้นสิ? 〞
〖ตามนั้นเลยครับ….〗
อืม พอมาคิดดูก็เป็นแบบนั้นจริงๆ นั่นแหล่ะ….
ตามความหมายแล้ว… การที่เราจะโค่นจอมมาร มีวัตถุประสงค์เพื่อ『กำจัด』 เพราะถ้าทำไม่ได้ ความเสียหายจะลามไปเรื่อยจนจักรวาลล่มสลาย…
เพราะงั้นสถานการณ์สำหรับเราในตอนนี้… การที่เอาชนะไม่ได้… มันไม่ต่างอะไรกับแพ้เลย…
ถึงเราจะไม่ตาย แต่ก็ทำอะไรมันไม่ได้… แบบนั้นเราก็ทำได้แค่มองดูทุกอย่างถูกทำลายเท่านั้นแหล่ะ…
ถ้างั้นสิ่งที่ต้องทำก่อนที่จอมมารจะทำลายผนึกได้ในอีกอย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปีก็คือ…
〝ฉันต้องเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองสินะเนี่ย? 〞
〖อืม… เข้าใจได้เร็วดีเหมือนเคยนะครับ〗
〝คิดว่านายคงเดาได้และคิดไว้แล้วใช่ไหม? ถึงสิ่งที่ฉัน ไม่สิ… พวกเราควรทำต่อจากนี้หน่ะ เพราะงั้นแนะนำทีสิ…〞
พอได้ยินคำพูดเชิงขอร้องจากกร ฟรังซ์จึงแอบชื่นชมความเด็ดเดี่ยวของกรอีกครั้ง ก่อนที่จะพยักหน้าให้กับกรครั้งนึงแล้วจึงเริ่มอธิบายถึงสิ่งที่ต้องทำต่อจากนี้
〖ครับ… หลังจากที่เคลียร์ดันเจี้ยนแห่งนี้ได้ คุณอุษณกรคงพอรู้แล้วใช่ไหมครับถึงสิ่งสำคัญในการพิชิตมหาดันเจี้ยน〗
〝หืม? อา… เพราะมอนสเตอร์และบอสมันเติบโตตามสเตตัสของคนที่แข็งแกร่งที่สุดได้… เพราะงั้นตัวแปรที่สำคัญในการคว้าชัย ถึงขึ้นอยู่กับสกิล ความสามารถพิเศษของฉายา ผลพิเศษของอาวุธและชุดเกราะ สินะ〞
ฟรังซ์ที่เกริ่นเรื่องดันเจี้ยนขึ้นมาก่อนเนื้อหาหลัก ทำให้กรสับสนนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ถามฟรังซ์
กรตอบคำถามของฟรังซ์กลับไปทันที นั่นทำให้ฟรังซ์พยักหน้าให้เขาอีกครั้ง
〝จำนวนคนกับกลยุทธ์ด้วย…〞
〝อะ อา…〞
แล้วเมอร์ลินที่อยู่ข้างๆ ทั้งสองคน ก็ช่วยเสริมคำตอบของกรส่วนที่จำเป็นเข้าไปอีก… กรจึงตอบกลับไปอย่างเก้ๆ กังๆ เพราะคิดถึงจุดนี้ไม้ถึง เรนื่องจากแต่เดิม กรคิดที่จะลุยคนเดียวเป็นทุนเดิม บวกกับไม่คิดพาเพื่อนไปเสี่ยง… ครั้นจะหาพรรคพวกคนอื่น กรก็ไม่สามารถเชื่อใจได้ ก็ถึงไม่มีความคิดเรื่องพรรคพวกอยู่ในหัวเลยจนกระทั่งเมอร์ลินบอก
แล้วพอตัวแปรดังกล่าวถูกเพิ่มเข้าไปในหัวของกรเป็นที่เรียบร้อย ฟรังซ์จึงเริ่มอธิบายต่อ…
〖ตามนั้นแหล่ะครับ… แล้วเมื่อเคลียร์มหาดันเจี้ยนต่างๆ ที่เหล่า『มหานักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่』สร้างได้แล้ว… ก็จะได้รับความสามารถพิเศษกับสกิลเฉพาะมาด้วย…〗
〝หืม? นี่จะบอกให้ฉันไปไล่เคลียร์ดันเจี้ยนที่เหลืออีก 5 ที่งั้นเหรอ? 〞
〖เข้าใจถูกแล้วครับ〗
ฟรังซ์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจังในทันที กรจึงยกมือซ้ายขึ้นมือกุมคางพลางใช้ความคิดบางอย่างอยู่ในหัว
ที่ฟรังซ์พูดเองก็มีเหตุผลในระดับนึง… เป็นเรื่องปกติ ที่เมื่อความสามารถยังไม่ถึง ก็ต้องฝึกฝนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะแข็งแกร่งขึ้น…
เพียงแต่วิธีนี้มันจะไม่ใช้เวลานานไปหน่อยหรอกเหรอ?
ไม่สิ… เรื่องนี้หมอนี่ต้องคิดไว้อยู่แล้วหล่ะ ถ้างั้นทำไมกันหล่ะเนี่ย?
〝บอกดันเจี้ยนมาสเตอร์แต่ละที่ ให้เอาสกิลมาให้ฉันเลยไม่ได้งั้นเหรอ? 〞
〖สกิลทั้งหมดเป็นทักษะเฉพาะตัวของมหานักปราชญ์แต่ละคนครับ จึงต้องได้รับการสอนจากเจ้าตัวเท่านั้น แล้วสกิลที่ว่ายังเป็นแบบเทคนิคที่ไม่ได้แสดงในหน้าต่างสเตตัส… พูดง่ายๆ คือ มันไม่อยู่ในฐานะสกิล แต่เหมือนเป็นพลังที่คิดขึ้นเองซึ่งอยู่นอกเหนือระบบสกิลและเวทย์มนต์ตามปกติหน่ะครับ 〗
〝…………..〞
ฉันก็มีสกิลคัดลอกอยู่นี่นา?
ก็อยากจะพูดแบบนั้นอยู่หรอก… แต่มันไม่ง่ายแบบนั้นแน่นอน
เหมือนกับการคัดลอกเอกสาร… ถึงจะเหมือนกับต้นฉบับเกือบ 100% แต่ก็ไม่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ตามแต่สถานการณ์ได้… เพราะถูกกำหนดรูปแบบตายตัวไว้แล้ว…
เพราะงั้นถึงต้องเรียนรู้และเข้าใจเองสินะ…
ถึงจะยุ่งยากและเสี่ยงมากก็จริง… แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ก็คงมีพลังไม่มากพอจะโค่นจอมมารหรอก
แล้วเดิมที… ถ้าเราไม่สามารถผ่านบททดสอบของทั้ง 6 มหานักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ได้…
แล้วเราจะเอาชนะจอมมารที่ร้ายกาจถึงขนาดว่าทั้ง 6 คนทำได้แค่ผนึกไว้ ได้ยังไงกันหล่ะจริงไหม… นี่คือยังไงก็ต้องเคลียร์มหาดันเจี้ยนของมหานักปราชญ์ให้ได้ทั้งหมดก่อนใช่ไหมเนี่ย?
〝แล้วนอกจากนั้น ถ้านายไม่หาพรรคพวกเพิ่มแล้วพากันเวลหน่อยหล่ะก็… ไม่มีทางเคลียร์ได้แน่นอน เพราะงั้นขอบอกตอนนี้ตรงๆ เลยว่า… ที่ผ่านมานายมันโชคดีสุดๆ แค่นั้นแหล่ะ ถึงผ่านมาได้หรอกนะ 〞
〝แทงใจดำน่าดูนะเนี่ย〞
เมอร์ลินพูดแทรกฟรังซ์ในเชิงสนับสนุนอีกเสียงขัดจังหวะความคิดของกร และแอบจิกกัดกรเล็กน้อย กรจึงทำได้แค่หัวเราะแหะๆ กลับไป ก่อนที่เมอร์ลินจะเริ่มพูดต่อ
〝เพราะงั้นถ้ามีกันแค่นี้หล่ะก็ ยังไงก็เอาชนะไม่ได้แน่นอน… นายก็รู้หนิว่าจำนวนขั้นต่ำในการปราบบอสของมหาดันเจี้ยนคือพันคน〞
〝พันคนเยอะไป… แบบนั้นเกะกะมากกว่า〞
กรนั้นไม่ต้องการกองทัพที่ไม่สามารถปฏิบัติตามคำสั่งของเขาได้ นั่นคือสิ่งที่เขาคิด
〖งั้นร้อยคนหล่ะครับ? 〗
〝พอใช้ได้… แต่ก็ยังเยอะอยู่ดี…〞
กรบ่นถึงจำนวนที่มากเกินไปอีกครั้ง จึงโดนเมอร์ลินแขวะเข้าอีก
〝หึ! นายเนี่ย… เกลียดการเข้าสังคมจริงนะ〞
〝เรื่องนั้นไว้ทีหลังดีกว่าน่า… สรุปแล้ว เป้าหมายของฉันในตอนนี้คือ สะสมขุมกำลังพร้อมกับเคลียร์มหาดันเจี้ยน สร้างปาร์ตี้ที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อไปสังหารจอมมารตามสไตล์หนังแฟนตาซีหล่ะสินะ〞
〖พูดเหมือนง่ายเลยนะครับ 〗
ก็นั่นสินะ… เพราะความเป็นจริงแล้วมันค่อนข้างน่ากลัวทีเดียว ทั้งเวลาที่เหลือกับความอันตรายของบอสมอนสเตอร์ของมหาดันเจี้ยนเนี่ย…
ถึงจะหงุดหงิดที่เอาพลังมาให้ในทันทีไม่ได้… แต่ทางเลือกนี้คงดีที่สุดแล้ว…
〝แล้วพลังของอีก 5 มหาดันเจี้ยนหล่ะ ใช้ทำอะไรได้บ้างงั้นเหรอ? 〞
〖อืม… เท่าที่ผมรู้มีแค่『ลบตัวตนสมบูรณ์』กับ『บัญญัติพันประการ』 แล้วก็『เคลื่อนย้ายไร้ระยะ』เท่านี้ครับ ส่วนอีกสองคนนั้นน่าเสียดายที่พวกเขาสร้างดันเจี้ยนก่อนผม… เลยไม่ได้ติดต่อกันเลยเพราะผมไม่รู้ตำแหน่งของทั้งสองคน… 〗
ฟรังซ์เปลี่ยนสีหน้าเป็นเหงาหงอยชั่วพริบตานึง แต่ก็มากพอให้กรสังเกตได้ กรจึงเริ่มถามคำถามต่อไปราวกับช่วยมองผ่านเรื่องที่ฟรังซ์ไม่อยากคิดถึง
〝หืม? ลบตัวตนกับเคลื่อนย้ายงั้นเหรอ? อย่าบอกนะว่าพวกนี้เป็นอันที่ใช้ลบความทรงจำกับเคลื่อนย้ายพวกฉันมาที่ต่างโลกนี่ 〞
〖ครับ! เข้าใจถูกแล้ว 〗
ได้รู้อะไรมากขึ้นอีกแล้ว… ทั้งสองสกิลเนี่ยมีประโยชน์สุดเลยๆ
ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะเคลียร์ทั้งสองดันเจี้ยนนี้ก่อนนั่นแหล่ะ เพราะถ้ากลับโลกเดิมได้ อะไรจะสะดวกขึ้นโขเลยหล่ะ…
แถมเป็นเพราะข้อมูลนี้… เราถึงเพิ่มตัวเลือกและโอกาสชนะในการโค่นจอมมารมากขึ้นอีก…
หึหึ! แค่คิดก็สั่นไปหมดแล้วหล่ะ!
〝เข้าใจแล้วหล่ะ… เออนี่เมอร์ลิน… ขอถามอะไรนอกเรื่องหน่อยได้รึเปล่า? 〞
〝หืม? ว่ามาสิ 〞
เมอร์ลินเอียงคอสงสัยต่อคำขอร้องของกร แต่แล้วก็ต้องเบิกตาโพลงเมื่อได้ยินคำถามที่ออกมาจากปากของกร
〝ในโลกเดิมของฉันเนี่ย… ประธานาธิบดีของสห*อเม*กากับ*เซียคนปัจจุบันเนี่ย มีลูกหรือเปล่า? 〞
ไม่แม้แต่เมอร์ลินที่ตกใจ แม้แต่ฟรังซ์เองก็ยังเบิกตาโพลงเพราะเข้าใจเจตนาที่ของคำถามกร จะมีก็แต่เคลเบรอสกับมีอาเท่านั้นที่ไม่รู้จักแม้กระทั่งว่าประธานาธิบดีคืออะไร ถึงได้ไม่เข้าใจเลยซักนิด
แต่แม้จะตกใจ เมอร์ลินก็ปรับอารมณ์ได้แทบจะทันที เธอจึงตอบคำถามของกรโดยเข้าใจเจตนาของกรล่วงหน้าเสียอีกว่าเขาจะทำอะไร?
〝ถูกต้องแล้ว… ทั้งสองคนมีลูกชายลูกสาวอายุ ประมาณ 14-15 ปี อย่างละคน…〞
เมื่อได้ยินคำตอบ กรจึงยิ้มออกมาเสียกว้างอย่างมีเลศนัยพลางหัวเราะอยู่ในลำคอ แต่ด้วยคนละความหมายกับก่อนหน้านี้จนเคลเบรอสถึงกับรู้สึกหลอน…
หึหึ! น่าสนใจ… ต้องแบบนี้แหล่ะถึงน่าสนุก…
ถ้าไม่นับที่เมอร์ลินว่ามา… จริงๆ แล้วในหมู่นักเรียนผู้กล้าเอง ก็มีตัวหมากที่สามารถใช้งานแทนกันได้อยู่หรอก…
แต่น้ำหนักคงไม่เท่ากับชาติมหาอำนาจแน่นอน… แถมคำตอบของเมอร์ลินยังช่วยยืนยัน ไม่สิ… ทำให้แผนการในอนาคตของเราอีกหนึ่งอย่างมีโอกาสเกิดขึ้นจริงได้อีก…
และแน่นอนว่านั่นคือการ『ขอความร่วมมือ』จากคนของโลกเดิมยังไงหล่ะ…
ก็จอมมารเจ้าปัญหาหน่ะ มันไม่ได้คิดแค่จะทำลายโลกใบนี้อย่างเดียวนี่นา… ถ้าผนึกคลายแล้วเอาไม่อยู่ขึ้นมา แล้วจักรวาลล่มสลาย โลกที่เราจากมาเองก็ต้องโดนผลกระทบไปด้วยอย่างแน่นอน สรุปคือเป็นปัญหากันทุกฝ่ายนั่นแหล่ะ
แต่ก็แน่นอนว่าถ้าไม่หาแบคอัพบิ๊กๆ แบบนี้ ยังไงก็คงไม่มีใครเชื่อเราอยู่ดี… แต่พอเมอร์ลินบอกออกมาแบบนั้น โอกาสในการเจรจาและขอความร่วมมือมันต้องสำเร็จพันเปอร์เซนต์อย่างแน่นอน…
เอ๋! ทำไมถึงมั่นใจได้ขนาดนั้นหน่ะเหรอ? ก็เพราะในความทรงจำของเราหน่ะนะ……
ประธานาธิบดีทั้งสองคน… ไม่เคยมีลูกมาก่อนเลยยังไงหล่ะ…
❖❖❖❖❖
แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก….
หลังจากที่กรได้เป้าหมายใหม่ในการเคลียร์มหาดันเจี้ยนที่เหลือทั้งหมด… ฟรังซ์ที่ฝึกทักษะเฉพาะตัวของตัวเองให้กับกรอย่างหนักหน่วงและต่อเนื่องมากว่า 4 ชั่วโมง กรจึงไม่พ้นที่จะหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหอบในขณะที่นอนแผ่หลา และยืดแขนขาจนสุดเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่อ่อนล้า…
〝หนะ เหนื่อยชะมัด… หิวน้ำ… 〞
กรพูดแบบนั้นออกมาด้วยเสียงที่แหบแห้งทั้งที่ยังนอนแผ่อยู่ พร้อมกับออร่าสีขาวที่ค่อยๆ จางหายไปเพราะพลังเวทย์เริ่มที่จะหมดลง…
จากคำอธิบายของสกิล『ออโต้รีไวฟ์ (ต้นฉบับ) 』 หากอุณหภูมิของร่างกายหรือสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปจากปกติ ก็จะสามารถทำให้กลับมาอยู่ในสภาวะปกติได้ราวกับร่างกายของสัตว์เลือดเย็น แม้กระทั่งการสูญเสียเลือด ก็ยังสามารถคืนปริมาณเลือดที่เสียไปให้กลับมาเท่าเดิมได้ในพริบตา…
แต่สกิลนี้ก็ยังมีข้อจำกัดใหญ่หลวงอยู่ นั่นคือ ไม่สามารถสร้างน้ำและสารอาหารเองได้… นั่นคือยังต้องดื่นน้ำและทานอาหารตามปกติอยู่ดี ไม่งั้นก็ยังคงรู้สึกหิวได้ แต่ระยะห่างระหว่างแต่ละมื้อจะแตกต่างไปจากมนุษย์ปกติ เพราะผ่านการจุติมาแล้วถึง 4 ครั้ง ร่างกายจึงถูกปรับสภาพให้ดำรงอยู่ได้เป็นเวลานโดยที่ไม่จำเป็นต้องรับสารอาหาร ดังนั้นถ้ารู้สึกหิวขึ้นมาหล่ะก็ มันคงเป็นปัญหาในแง่ของจิตใจมากกว่า…
〖งั้นวันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกันนะครับ… คุณนี่พัฒนาเร็วจนน่ากลัวเลยนะครับเนี่ย…〗
〝ยังหรอกน่า… ถ้าพักเสร็จ เดี๋ยวมาต่ออีกยก! 〞
กรปฏิเสธเสียงแข็งอย่างดื้อรั้น โดยไม่ฟังคำเตือนแฝงความเป็นห่วงของฟรังซ์
〝พักเถอะนะกร! ก่อนหน้านี้ก็ฝึกมาแล้วตั้งสามรอบไม่ใช่เหรอ? 〞
〝มีอา… 〞
คนที่สนับสนุนฟรังซ์อีกเสียงก็คือมีอาที่นั่งดูการฝึกของกรอยู่ห่างๆ มาตลอด เธอพูดออกมาด้วยสีหน้าเป็นกังวลแบบสุดๆ พอกรเห็นสีหน้าแบบนั้นของมีอาเข้า จึงไม่พ้นที่จะทำสีหน้าลำบากใจแบบเดียวกัน…
〝ร่างกายนายไม่เป็นไรก็จริง… แต่การ『สร้างอิมเมจ』โดยใช้『จินตนาการ』มันมีขีดจำกัดอยู่นะ ถ้าฝืนใช้ ผลลัพธ์ก็มีแต่จะแย่ลง… ไปพักเถอะ〞
〝หะห่ะ! เธอก็ด้วยเหรอเนี่ย…〞
กรหัวเราะออกมาพลางก่นด่าตัวเองที่ทำตัวอ่อนแออยู่ในใจต่อคำพูดของเมอร์ลินซึ่งแสดงสีหน้าเป็นห่วงไม่ต่างจากมีอา ทำให้กรรู้สึกสมเพชตัวเองอย่างบอกไม่ถูก…
แต่ก็เป็นอย่างที่ทั้งสามคนว่านั่นแหล่ะ… การฝึกนี่ไม่ใช่การใช้ความอึด ที่เน้นลูกบ้าแล้วจะสำเร็จซะที่ไหน…
ถ้าเทียบกันแล้ว มันคือ การฝึกสมาธิขณะต่อสู้ดีๆ นี่เอง… ทั้งที่มั่นใจว่าเรื่องนี้เราไม่มีปัญหาแท้ๆ เพราะหลังจากผ่านนรกนั่นมา ฉันคิดจากใจเลยว่า จิตใจตัวเองแข็งแกร่งขึ้น (มั้ง?)
แต่ทำไงได้… เพราะที่ฉันฝึกอยู่หน่ะมันคือ『การเพิ่มขีดจำกัดด้วยออร่า』หน่ะสิ!
นั่นเป็นตอนหลังจากที่เราอ่านสกิลทั้งหมดและรู้เป้าหมายก่อนที่จะโค่นจอมมารคือ การพิชิตมหาดันเจี้ยนที่เหลือ แล้ว…
นี่คือสิ่งที่ฟรังซ์ ออลเดลบอกฉันมา… ออร่านั้นคือ เวทย์พิเศษที่สามารถจำลองสิ่งของหรือสิ่งต่างๆ ได้จากจินตนาการให้เป็นรูปธรรมขึ้นมาได้…
เหมือนกับที่เราสร้างเครื่องยนต์ไอพ่นหรือขยายใบดาบได้จากออร่าสีทองนั่นแหล่ะ…
แล้วจากนั้น ฟรังซ์มันก็ถามฉันว่า… ขีดจำกัดของเวทย์นี้คือ สามารถสร้างออกมาได้แต่สิ่งที่เป็นรูปธรรม เพราะมันเข้าใจได้ อธิบายได้อย่างมีหลักการ และมีตัวตนอยู่จริงจึงจินตนาการและสร้างออกมาได้โดยง่าย…
แต่ถ้าเรา… จะใช้ออร่านั่นในการทำสิ่งที่เป็นนามธรรมได้หล่ะจะสุดยอดขนาดไหน…
ถ้าสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งทางด้านจิตใจ โดยมีจุดประสงค์เพื่อ『ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง』 ได้หล่ะก็ นั่นจะเป็นการใช้ออร่าให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างแท้จริง มากกว่าการพึ่งพาอุปกรณ์ภายนอกเหมือนที่ผ่านมาโขเลย…
นั่นแหล่ะคือสิ่งที่มันบอก…
แล้วไอ้『การเพิ่มขีดจำกัดด้วยออร่า』นี่เองแหล่ะ… คือทักษะพิเศษเฉพาะตัวของฟรังซ์ เห็นว่าคิดจะสอนกันอยู่ตั้งแต่แรกแล้วหล่ะ… ก็เราเคลียร์ดันเจี้ยนได้นี่นา แสดงว่าเรามีความเข้ากับทักษะนี้สูงพอแล้วสินะ…
แล้วพอมาคิดดูดีๆ … ทุกๆ การต่อสู้ตั้งแต่ที่จุติ เราต้องพึ่งพาพลังของออร่ามาตลอดเลย… ไม่ว่าทั้งออร่าสีทองหรือสีขาวก็ตาม… สีดำก็ด้วย…
เรื่องนี้จะเป็นเพราะบังเอิญหรือยังไงก็ตามแต่ แต่ก็ช่วยให้เราผ่านขั้นแรกในการควบคุมออร่าได้โดยง่าย
แต่ที่ยากก็คือการ『สร้างอิมเมจ』นี่แหล่ะ… มนุษย์ทุกคนมีตรรกะและความเชื่อผูกมัดจินตนาการและความคิดตัวเองไว้อยู่… มันจึงไม่ง่ายเลยที่จะทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในหมู่คนปกติส่วนใหญ่
ยกตัวอย่างเช่นว่า… มนุษย์บินไม่ได้… มนุษย์ไม่มีทางวิ่งด้วยขาตัวเองได้เร็วกว่าเสียง… มนุษย์ไม่มีอวัยวะที่ใช้กรองอ็อกซิเจนในน้ำเหมือนปลา จึงหายใจในน้ำด้วยร่างกายตัวเองไม่ได้… เป็นสามัญสำนึกทั่วไปประมาณนี้แหล่ะ
เพราะงั้นไอ้ที่ฟังดูเหมือนง่ายนี้ ถึงพัฒนาได้ไม่ค่อยดังใจนึกเท่าไหร่… ถึงฟรังซ์มันจะบอกว่าเราพัฒนาเร็วแล้วก็เถอะ…
แต่อย่างว่าแหล่ะนะ… ตั้งแต่ตอนนั้นก็ผ่านมาแล้วตั้งสัปดาห์นึง
วิธีฝึกของเราคือ เราจะปรับสเตตัสของตัวเองลงเหลือแค่อย่างละ 10,000 จุด เพื่อดูว่าจะสามารถหลบหลีกและโจมตีฟรังซ์ ออลเดลที่มีช่องว่างสเตตัสมากกว่าตั้งหลายพันเท่าได้รึเปล่า…
แน่นอนว่าในช่วงแรกโดนอัดปลิวตลอดเลย… ก็แน่หล่ะ『สเตตัสห่างกันตั้งขนาดนี้มันจะไปชนะได้ไง』
นั่นแหล่ะ… ทำยังไงก็ลบตรรกะความเป็นจริงนี้ออกจากหัวไม่ได้… นี่คือหนึ่งในเรื่องที่เราทำไม่ได้และพัฒนาช้าจนหงุดหงิดในช่วงแรก
แต่พอนานเข้า… เราก็ดันเริ่มโต้ตอบได้บ้างแล้ว… ด้วยการพยายาม『จินตนาการ』 โดยไม่นึกถึงเรื่องสเตตัสหรือนึกให้น้อยที่สุด
จากจุดนั้นที่โดนอัดจนปลิวมาตลอดถึงตอนนี้ ต้องใช้เวลาถึงหนึ่งสัปดาห์กว่าจะโต้ตอบกับฟรังซ์ได้เป็นชิ้นเป็นอันแบบนี้
ตอนนี้ถึงจะยังลบความคิดที่ว่า『สเตตัสห่างกันตั้งขนาดนี้มันจะไปชนะได้ไง』ออกไปไม่ได้ทั้งหมด แต่พอมาคิดดูอีกที มันก็ถือว่าสุดยอดแล้วหล่ะ…
ทำเอานึกถึงตอนที่ถูกไอ้เสือมันทิ้งตอนอยู่ที่ชั้น 23 แล้วจัดการพวกมอนสเตอร์เวรพวกนั้นจนตายเกลี้ยงได้เลยแฮะ…. ถึงตอนนั้นเราจะยังไม่มีออร่าเลยซักนิดก็เถอะ แต่มันผ่านมาแล้วนี่นา ช่างมันเถอะ คงมีเหตุผลอะไรซักอย่างหรือตัวแปรอื่นที่เราไม่รู้อีกนั่นแหล่ะ…
เพราะตอนนี้เราต้องโฟกัสที่การฝึกก่อน———
〝ขอร้องหล่ะกร วันนี้พักก่อนเถอะ… นะ〞
〝คร้าบบบบบบบ!!!! 〞
ท่าทางขอร้องของมีอาที่กำมือทั้งสองข้างไว้ใต้คาง พลางเอียงคอส่งสายตาราวกับลูกสุนัขขออาหารนั้นขัดความคิดของกร ทำให้กรรีบลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิและตอบกลับเธอไปอย่างเร็วด้วยใบหน้ายิ้มแย้มออกแนวเคลิบเคลิ้ม (แบบสุดๆ) เพราะเหตุผลทุกอย่างปลิวออกจากสมองของกรเข้ากลีบเมฆไปแล้วอย่างรวดเร็ว
อนึ่ง ท่าไม้ตายลับ『ขอร้องหล่ะ! 』ของมีอา นั้น ได้รับการเสี้ยมสอนมาจากเมอร์ลิน และแน่นอนว่ากรเองก็รู้ แต่ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ต่อต้านได้… อานุภาพของมันร้ายแรงถึงขนาดที่ว่า หลังจากที่โดนท่าไม้ตายนี้ของมีอา เขาก็ต้องมนต์สะกดความน่ารักนั่นในทันที กว่าจะรู้สึกตัวก็เป็นตอนที่อยู่ในห้องอาบน้ำไปซะแล้ว…
ด้วยเหตุนี้ ฉากละครของกรจึงถูกย้ายไปยังห้องอาบน้ำของคฤหาสน์…
❖❖❖❖❖
ห้องอาบน้ำของคฤหาสน์ฟรังซ์ ออลเดลนั้น กว้างถึงห้องเรียนมาตรฐานของประเทศไทย 2 ห้องรวมกัน ส่วนอ่างอาบน้ำทรงครึ่งวงกลมที่ติดอยู่กับผนังห้องด้านหนึ่งเองก็กินพื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของห้อง
ด้านซ้ายและขวายังมีรูปปั้นสิงโตพ่นน้ำโดยมีฐานเป็นเสาแบบโรมัน พื้นห้องและผนังทั้งหมดเป็นหินอ่อน โคมระยาที่ติดอยู่กลางห้องเปล่งแสงสีเหลืองอ่อนลงมาทำให้ทั้งห้องมีบรรยากาศดูอบอุ่น เพราะเป็นสีโทนร้อนจึงเข้ากันกับบ่อน้ำร้อนที่กรกำลังแช่อยู่เป็นอย่างดี
มีคนเคยพูดไว้ว่า ก่อนที่คนเราจะชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ ก็ต้องเริ่มจากการชำระร่างกายให้สะอาดเอี่ยมอ่องซะก่อน…
เรื่องนั้นไม่รู้ว่าจริงรึเปล่า เพราะทางนี้ไม่ค่อยเชื่อเรื่องจิตใจ… แต่ถ้าบอกว่าการชำระร่างกาย ทำให้จิตใจผ่อนคลางหล่ะก็ อันนี้เชื่อแน่นอน…
ถือเป็นรางวัลหลังฝึกหนักเลยก็ได้มั้งเนี่ย… วันนึงมี 24 ชั่วโมง เราก็ฝึกซะวันละ 15 ชั่วโมงเลย…
เราหน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่ก็เหมือนกับที่ทุกคนบอก… ถ้าไม่พักซะบ้าง ฝึกไปก็แย่ลงเปล่าๆ …
เพราะงั้นการยึดห้องน้ำที่หรูโคตรๆ นี่หลังเหนื่อยไว้คนเดียวนี่… สวรรค์ชัดๆ เลย〜
〝ฮ่า〜 ฟู่〜〜〞
กรสูดไอน้ำที่ลอยไปลอยมาในห้องอาบน้ำเสียจนเต็มปอดราวกับจะซึมซับมันไว้ ก่อนที่จะปล่อยลมหายใจออกมายาวเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ หลังจากนั้นก็นั่งชันเข่ากับพื้นบ่อเหม่อมองเพดานอย่างสบายใจเฉิบ แต่แล้ว…
ครืด!!!
〝!!!!!! 〞
เสียงประตูเลื่อนของห้องอาบน้ำดังขึ้นมาขัดจังหวะความคิดของกร จนตัวเขายืนขึ้นมาอยู่ในท่าตั้งรับ แต่ก็ต้องรีบย่อตัวลงด้วยความเขินอายทันทีที่รู้ว่าใครเป็นคนเปิดประตูเข้ามา…
〝กะ กร… ขอเข้าไป… หน่อยนะ〞
〝มะ ไม่ต้องถามหรอก… เข้าไปกันเลย…〞
เจ้าของเสียงตามลำดับก็คือมีอาและเมอร์ลินที่สวมแค่ผ้าเช็ดตัวตัวเดียว ทั้งคู่เดินเข้ามาอย่างกล้าๆ กลัวๆ ด้วยความเขินอาย
มีอานั้นแน่นอนอยู่แล้วเพราะเป็นนิสัยของเจ้าตัว ท่าทางเก้อเขินของเธอที่ปิดหน้าอกของตัวเองพลางค่อยๆ เดินเข้ามาอย่างกล้าๆ กลัวๆ นั้น ยิ่งเสริมความเซ็กซี่ให้มากยิ่งขึ้นไปอีก ราวกับกล่องแพนโดร่าที่ไม่ควรไปแตะต้องยังไงอย่างงั้น
ส่วนเมอร์ลินที่ไม่ได้ใส่แว่นอย่างปกตินั้นแม้จะพูดได้อย่างชัดเจนทุกคำพูด แต่ใบหน้าของเธอก็แดงระเรื่อไม่แพ้มีอาเลย ในขณะที่มีอาเดินเข้ามา เธอเองก็เดินตามเข้ามาเหมือนกัน แม้จะไม่เก้ๆ กังๆ เหมือนกับมีอา แต่ท่าเดินของเธอก็ยังเกร็งจนดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไหร่บวกกับท่ากอดใต้หน้าอก ที่ไม่รู้ว่าจงใจรึเปล่า แต่นั่นทำให้อาวุธของผู้หญิงของเมอร์ลินถูกดันออกมาจนแทบจะล้นออกมาจากผ้าเช็ดตัวอยู่แล้ว
กรที่เห็นท่าทางของทั้งสองคนแบบนั้นแต่ยังคงไม่พุ่งเข้าไปจับกด ต้องเรียกว่าโชคช่วยขนานแท้ เพราะปฏิกิริยาของเขามาจากความสนิทสนมที่คุ้นเคยจากลูปอันยาวนานนั่น พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือการที่เห็นทั้งคู่ในสภาพนี้ สำหรับกรแล้วมันไม่ใช่ครั้งแรกนั่นเอง แต่ถึงแบบนั้น ก็ใช่ว่าจะทนได้ซะที่ไหน… สติของกรนั้นต้องหลุดกระเจิงเป็นแน่หากทั้งสองคนยังดึงดันเดินเข้ามาแบบนี้
〝เดี๋ยวก่อนๆ! ฉันจะออกแล้ว… อย่าเพิ่งเข้ามา! 〞
〝เหๆ อะไรออกเหรอจ๊ะ! 〞
〝จะออกจากห้องเฟ้ย! ยังมาเล่นมุกสองแง่สองง่ามอีก! 〞
กรตบมุกเมอร์ลินทั้งที่มือของตัวเองสะบัดไปมาอย่างไร้หลักเกณฑ์เพื่อห้ามพวก แต่นั่นกลับไม่มีประโยชน์อะไรเลย ทั้งมีอาและเมอร์ลินต่างก็เมินคำพูดของกรจนเดินมาหยุดอยู่ที่ขอบบ่อไปแล้ว
แย่แล้วๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ!!!
อย่าเข้ามานะขอร้องหล่ะ! อีแบบนี้กระผมทนไม่ไหวแน่เลย
มีอาก็ว่าไปอย่าง แต่ทำไมเมอร์ลินถึงเข้ามาด้วยหล่ะเนี่ย!!!
พวกเธอคิดอะไรอยู่เนี่ย! กระผมเป็นผู้ชายนะขอรับ… เห็นพวกเธอในสภาพแบบนี้ใครมันจะทนได้กัน!!!
ชึบ!
〝ดะ เดี๋ยวก่อนสิทั้งสองคน! ก็บอกว่า———!!!! 〞
กรพยายามลุกขึ้นในจังหวะเดียวกับที่ทั้งสองคนบรรจงหย่อนร่างลงในบ่อน้ำร้อน จะระดับสายตาของพวกเธออยู่ต่ำกว่ากรที่ยืนอยู่ นั่นเลยทำให้กรไม่สามารถลุกขึ้นได้…
ทำไมงั้นเหรอ? ก็ถ้าเป็นแบบนั้นหล่ะก็ทั้งสองคนก็เห็นตูหมดหน่ะสิเฮ้ย หมดเปลือกเลย!!!
ทำไมถึงบุกเข้ามากระทันหันอย่างงี้หล่ะเฮ้ย! ไม่เห็นจะเข้าใจเหตุผลเลยซักกะติด!
ทั้งสองคนค่อยๆ แทรกตัวผ่านน้ำใสๆ ของบ่อน้ำร้อน คลืบคลานเข้ามาหากรอย่างช้าๆ ด้วยใบหน้าแดงก่ำยิ่งกว่าเดิม กรจึงทำได้แค่ถอยทัพกลับไปยังขอบบ่ออีกด้าน แต่น่าเสียดายที่บ่อเป็นแบบครึ่งวงกลม… นั่นหมายความนอกจากทางที่มีอาและเมอร์ลินลงมาจากบ่อแล้ว ไม่มีทางออกที่อื่นอีกเลย…
〝มะ ไม่ได้ยินรึไงเนี่ย! ฉันแช่เสร็จแล้ว รอฉันออกจากห้องก่อนสิค่อย———〞
〝แบบนั้นก็ไม่มีความหมายสิ! 〞
〝อะ อืม…〞
เพราะบ่อน้ำร้อนค่อนข้างตื้น แม้มีอาและเมอร์ลินจะนั่งพับเพียบกับก้นบ่อ แต่ผิวน้ำก็ยังอยู่แค่ที่ไหปลาร้า
ทั้งสองคนค่อยๆ เขยิบเข้ามาใกล้กรมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะน้ำในบ่อนั้นใสมาก กรถึงมองเห็นร่างของพวกเธอได้อย่างชัดเจนทุกส่วน จะมีก็แต่ไอน้ำที่ลอยขึ้นไปเท่านั้นที่บดบังทัศนวิสัยบางส่วน แต่ถึงกระนั้นกรก็ยังมองเห็นผ้าเช็ดตัวของพวกเธอชุ่มไปด้วยน้ำจนติดผิวกาย ช่างดูเร้าอารมณ์เสียนี่กระไร…
มีอาและเมอร์ลินถึงตัวของกรในเวลาไม่นานเพราะกรไม่อาจหนีไปไหนได้
มีอาที่นั่งพับเพียบอยู่ด้านขวาของกรเอาตัวเข้ามาเบียดเสียดแขนขวาของเขาเหมือนทุกที เพียงแต่ในสถานการณ์ที่ชายหญิงอยู่ในห้องอาบน้ำด้วยกันแถมฝ่ายชายยังเปลือยแบบนี้ คงเรียกไม่ได้ว่าปกติ
〝อึก! นี่เธอ….〞
〝แค่นี้ก็ทนไม่ไหวซะแล้วเหรอ? 〞
เมอร์ลินที่เข้ามาที่หลังก็คลานเข้ามานั่งพับเพียบลงด้านซ้ายของกรและเบียดตัวซุกกับแขนซ้ายของเขาเช่นกัน จากนั้นก็จัดการลูบไล้และเล้าโลมร่างของกร โดยเริ่มจากกล้ามอกของกรผ่านมายังซิกแพคที่เพิ่มขึ้นมากกว่าก่อนเพราะผ่านการจุติมาถึง 4 ครั้ง เรียกได้ว่าหุ่นของกรในตอนนี้คือร่างของนักรบที่ผ่านศึกมาอย่างโชกโชนก็ไม่ปาน แต่ประเด็นสำคัญในตอนนี้หาใช่เรื่องนั้นไม่…
〝คิดจะทำอะไรหล่ะเนี่ยพวกเธอ〞
〝ทำให้รู้สึกผ่อนคลายยังไงหล่ะ! 〞
〝เครียดกว่าเดิมอีกครับคุณเธอ!!! 〞
กรตะโกนแบบนั้นออกมาดังลั่นกลบเกลื่อนความเขิน (หื่น?) ของตัวเอง แต่ก็ไม่ได้ผลอยู่ดี…
〝ถ้าไม่ชอบก็หนีไปซะสิ! 〞
〝การหนีพวกเธอ ก็เท่ากับไม่ยอมรับพวกเธอนั่นแหล่ะ! ไม่เอาด้วยหรอก! 〞
〝ย้อนแย้งจังน้านายเนี่ย….〞
〝มะ ไม่รู้ด้วยแล้ว! มีอา! ทำอะไรซักอย่างทีสิ! 〞
เมอร์ลินยังคงรุกล้ำอธิปไตยของกรมากขึ้นเรื่อยๆ จนจะถึงลิมิตที่กรทนไหวอยู่แล้ว กรจึงหันไปขอร้องคนที่คุยง่ายกว่าอย่างมีอาแทน…
〝มีอา!? 〞
〝กรหน่ะ… พยายามมากเลยนี่นา…〞
〝คุณมีอาครับ!? 〞
〝นายหน่ะ ชอบฝืนตัวเองตลอดเลย… ต้องเหนื่อยมากแน่ๆ แต่ฉันหน่ะช่วยอะไรนายไม่ได้ซักอย่าง…〞
〝……….〞
มีอาทำใบหน้ารู้สึกผิดออกมาขณะที่พูดด้วยเสียงกระเส่าราวกับจะหลั่งน้ำตาได้ทุกเวลา แน่นอนว่ามีอาไม่ได้ร้องไห้ออกมา แต่นั่นก็ทำให้กรเจ็บที่หน้าอกอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน
ทั้งที่คิดว่าแค่พยายามแล้วผลมันย่อมออกมาดี มันจึงเป็นอีกครั้งที่คิดง่ายไปว่ามีอาคงเข้าใจในสิ่งที่เขาทำ กรเองก็รู้ว่ามีอาพยายามไม่พูดอะไรมากเพราะจะทำให้เขากังวล แต่การที่เธอไม่พูดอะไรออกมาเลยมันน่ากังวลยิ่งกว่า กรที่ทั้งเจ็บปวดแต่ก็ดีใจที่มีอายอมเปิดใจบอกเขาอีกครั้ง เลยสรรหาคำพูดมาเพื่อปลอบโยนเธอเหมือนอย่างเคย แต่ว่า…
〝ไม่ใช่แบบนั้นเลย… ฉันหน่ะ เพื่อเธอแล้ว… แค่ได้เห็นรอยยิ้มของเธอก็———〞
〝แบบนั้นมันจะไปพอได้ยังไง! 〞
〝อึก! 〞
มีอายื่นหน้าเข้ามาใกล้กรจนห่างเพียงแค่หนึ่งฝ่ามือ จนกรร่างกระตุกเบาๆ ด้วยความตกใจ
〝ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ ซักวันมันจะพังเอานะ〞
〝……….〞
มีอายกมือขึ้นมาทาบที่อกของกรอย่างอ่อนโยน กรจึงเข้าใจเหตุผลนั้นได้ในทันที เพราะตำแหน่งที่ว่าคือกลางหน้าอกเยื้องไปทางซ้ายของกรเล็กน้อย… นั่นคือตำแหน่งของหัวใจของกรนั่นเอง กรจึงพูดไม่ออกไปเลยเมื่อมีอาพูดแบบนั้นออกมาราวกับอ่านใจเขาออก
โทษทีนะมีอา… แต่มันพังไปแล้วหล่ะ…
ฉันบอกเธอไม่ได้หรอก… แต่ถ้ายังคิดแบบนี้ได้อยู่ ก็คงยังเหลือซากอยู่หน่อยนึงล่ะมั้ง… จิตใจของฉันหน่ะ
〝เพราะงั้น… ฉันถึงจะทำสิ่งที่ฉันทำได้! 〞
〝เอ๋!? 〞
สีหน้าจริงจังของมีอาเปลี่ยนเป็นแดงก่ำอีกครั้ง ทำให้กรตกใจยิ่งกว่าเดิม แถมพอหันไปมองเมอร์ลิน เธอก็ดันทำหน้ายิ้มแย้มเหมือนกับตาแก่ลามก แถมหัวเราะอยู่ในลำคอดัง หุหุ! อีก ก่อนที่กรจะได้ยินคำพูดด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบาของมีอาว่า…
〝กะ กรหน่ะ… ชอบเรื่อง ละ ลามกหรือเปล่า——〞
〝เมอร์ลิน!!!! 〞
กรรีบตัดมีอาก่อนที่จะพูดอะไรออกมามากกว่านี้ พร้อมกับตะโกนชื่อของบุคคลอันตรายที่เป็นสาเหตุของเรื่องนี้
〝ชิ! ความแตกแล้ว〞
〝ไม่ต้องมาเดาะลิ้นเลย! 〞
โถ่เอ้ย! เธอนี่มันจริงๆ เลยให้ตายสิ!
นึกว่าจะเข้าอารมณ์ดราม่าแล้วนะเนี่ย… แล้วมีอายังไปบ้าจี้เล่นกับเขาด้วย…
ไม่สิ… ในกรณีของมีอาหน่ะ ต้องจริงจังอยู่แล้ว…
นี่มีอา… คงไม่ได้หวังอยู่ใช่ไหมเนี่ย? ความไร้เดียงสานี่น่ากลัวจริงๆ แฮะ…
กรหันควับกลับไปหามีอาที่อยู่ห่างแค่หนึ่งฝ่ามืออีกครั้งเพื่อหวังจะได้คำตอบของสิ่งที่สงสัย และเหมือนว่ามีอาจะเข้าใจ เธอจึงถอยใบหน้าออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะตอบว่า
〝กะ ก็ผู้ชายหน่ะ… ชอบเรื่อง… ลามกไม่ใช่เหรอ…〞
〝ใครเป็นคนบอกเธอเนี่ย!!! 〞
〝เมอร์ลินไง〞
〝เมอร์ลิ้นนนนน!!!! 〞
กรตะโกนเสียงแหลมเรียกชื่อของตัวต้นเหตุอีกครั้ง แต่เพราะเกร็งไปหน่อย หัวเลยไปกระแทกกับผนังด้านหลังเข้าอย่างน่าขัน ซึ่งก็แน่นอนว่าเมอร์ลินนั้นแอบขำอยู่ในลำคอ ส่วนมีอาก็รีบขยับเข้าไปดูอาการกรเหมือนอย่างเคย
〝อ้าวๆ! แล้วจะปฏิเสธรึไงว่าไม่ชอบ〞
〝ไม่ปฏิเสธครับ! 〞
กรพูดแบบนั้นออกมาด้วยใบหน้าตายด้านอย่างจริงจัง แถมยังเสียงดังฟังชัดจนดูตลกไม่ใช่น้อย…
〝โห้! เถรตรงจนน่าตกใจเลยนะเนี่ย… สมกับเป็น〘ไอ้หื่น〙จริงๆ เลยน้า〜〞
〝อึก! สถานการณ์ตอนนี้มันไม่เหมือนกันนี่〞
〝โห้! ตรงไหนหล่ะที่ไม่เหมือน…〞
〝อึก! 〞
หนนี้เมอร์ลินที่เริ่มเป็นฝ่ายรุกกรอย่างจริงจัง ก็จัดการลูบกรจากไหปลาร้าลงมาอีกครั้งจนถึงสะดือ ส่วนกรก็ทำได้แค่ถูกทั้งสองคนประกบเป็นแซนด์วิช และถูกเบียดเสียดลูบไล้จนรู้สึกดีแบบสุดๆ ทรมาน… จนตกเป็นเบี้ยล่างพวกเธอทั้งสองคนโดยที่ขัดขืนไม่ได้ไปเสียแล้ว…
ทนไม่ไหวแล้วครับโว้ยยยยย!!!!!!!!!!
〝ว้าย! 〞〝อึ๋ย! 〞
กรที่ร่ำร้องแบบนั้นอยู่ในใจเพราะความอดทนมาถึงจุดขีดสุด ก็จัดการโอบเอวแล้วรวบตัวทั้งสองคนเข้ามาแนบตัวเอง (อย่างแนบแน่น) ทำให้ทั้งสองคนตกใจจนร้องเสียงแปลกๆ ออกมา
〝หึ! แกล้งกันแบบนี้จบไม่สวยแน่! 〞
〝มะ ไม่ใช่นะกร… ฉันจริงจังนะ〞
〝ละ แล้วอยากจะจบแบบไหนหล่ะ หืม? 〞
คำพูดของทั้งสองคนต่างก็ติดๆ ขัดๆ เพราะดึงตัวพวกเธอเข้ามาแนบกับตัวเองแน่นกว่าเดิม
〝จะสอนให้เข็ดเลย… ว่าทำแบบนี้กับผู้ชายแล้วจะจบยังไง…〞
ใบหน้าทั้งสองคนแดงก่ำราวกับลูกเชอร์รี่ ดวงตาของทั้งสองเปล่งประกายและหรี่ลงเล็กน้อยราวกับเคลิบเคลิ้มเมื่อกรจัดการเอาคืนพวกเธอบ้าง…
จากเอวของทั้งสองคน กรบรรจงลากมือของตัวเองจากจุดนั้นขึ้นมาถึงไหล่ กลับไปที่เอวของทั้งสองคนอีกครั้งพร้อมๆ กัน
ระหว่างที่ลูบไล้ราวกับจะโลมเลียไปทั่ว กรสัมผัสได้ถึงผิวกายที่ถูกทำความสะอาดมาก่อนแล้วของพวกเธอ มันได้กระตุ้นความหื่นกระหายในตัวของเด็กหนุ่มนามอุษณกรให้ถึงขีดสุด ทั้งสองคนเริ่มเม้มตาแน่นในจังหวะที่มือของกรลามจากสะโพกไปถึงขาอ่อนของพวกเธอจากทางด้านหลัง (-///-) สัมผัสแรกที่กรได้รับคือความยืดหยุ่นและนุ่มนิ่มราวกับสายไหมที่แทบจะอยากเข้าไปตะครุบแทนที่จะบรรจงทำอย่างระมัดระวัง
แต่ในช่วงเสี้ยววินาทีก่อนที่กรจะจัดการทานทั้งสองคนอย่างเปรมปรีดิ์ และทั้งสามคนกำลังจะเติมเต็มความรักและความปรารถนา? ให้แก่กัน ก็…
ปัง!!!!
〖จ๊าง!!! น้ำร้อนดีไหมครับคุณอุษณกร!!! 〗
〝〝〝!!!!! 〞〞〞
ราวกับเดจาวูเมื่อครั้งที่กรตื่นขึ้นมาครั้งแรกที่คฤหาสน์ ผู้ที่เปิดประตูห้องอาบน้ำเข้ามาอย่างกระทันหัน ทั้งที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มก็คือ ฟรังซ์ ออลเดลเจ้าเดิม (เพิ่มเติมคือความจุ้น)
กรและมีอาถอนหายใจออกมาพร้อมกับด้วยความรู้สึกหลายๆ อย่าง ส่วนเมอร์ลินก็มองค้อนไปยังฟรังซ์ ออลเดลเหมือนเดิมไม่มีผิด
กรทั้งโล่งใจแล้วก็เสียดายที่พลาดโอกาสวู้ฮู้ในครั้งนี้ไป… เพราะกรนั้นแช่น้ำเสร็จนานแล้วเขาจึงรีบคาดผ้าเช็ดตัว และอาศัยจังหวะที่มีอาและเมอร์ลินสับสนแทรกตัวออกมาจากด้านในสุดของบ่อ แล้วเดินออกจากห้องสวนกับฟรังซ์ แต่แล้วกรก็กลับได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของเด็กน้อยขี้เล่นคนนี้ อนึ่งเพราะไอน้ำนั้นหนาพอควร ตอนที่อยู่ในบ่อกรจึงไม่ได้สังเกตุ แต่หากสังเกตดูดีๆ ชุดของฟรังซ์ ออลเดลนั้นยังคงเป็นชุดฝึกอยู่เลยด้วยซ้ำ ก็หมายความว่าเขาไม่ได้คิดจะแช่น้ำแต่แรกแล้วนั่นเอง กรจึงรู้ว่าทั้งหมดที่ฟรังซ์ ออลเดลทำนั่นเป็นการจงใจ
และด้วยเหตุนี้… ฉากละครอันบ้าคลั่งและเร่าร้อน สุขเศร้าเคล้าน้ำตาเล็ดในห้องอาบน้ำของทั้งสามคน (บวกตัวจุ้นอีกหนึ่ง) จึงจบลงด้วยประการฉะนี้แล…
❖❖❖❖❖
〝เฮ้อ! เกือบไปแล้วเชียว… ในหลายๆ ความหมาย〞
หลังจากที่ออกมาจากห้องอาบน้ำ ซึ่งในตอนนี้มีเพียงแค่มีอาและเมอร์ลินที่แช่อยู่เท่านั้น ส่วนฟรังซ์นั้นดูเหมือนพอโผล่มาที่ห้องอาบน้ำก็เปลี่ยนชุดแล้วไปนั่งจิบน้ำชาเหมือนเคยโดยมีเคลเบรอสตามไปรับใช้
เหนื่อยชะมัด…. เมื่อกี้ใช้พลังงานสำหรับทั้งวันไปเลยมั้งเนี่ย… อันตรายจริงๆ เลยให้ตายสิ…
ผ่านมา 10 นาทีแล้วหลังจากเหตุการณ์ในห้องอาบน้ำ ตอนนี้กรที่อยู่ในชุดลำลองหลังอาบน้ำ กำลังมุ่งตรงไปยังห้องสมุดของคฤหาสน์ซึ่งเป็นกิจกรรมยามว่างของกรในการศึกษาสามัญสำนึกของโลกใบนี้ให้มากยิ่งขึ้น… ดังคำพูดที่ว่า ข้อมูลคืออาวุธที่ดีที่สุด…
〝หืม? 〞
ระหว่างทางเดินไปห้องสมุดดังเช่นทุกวัน มีประตูห้องๆ หนึ่งถูกเปิดแง้มเข้าไปข้างใน
ประตูถูกประดับด้วยลวดลายวิจิตรต่างจากห้องอื่น ทั้งยังมีสีสันออกโทนมืด ต่างจากสีกรมท่าของประตูในคฤหาสน์ ราวกับเชื้อเชิญให้กรเข้าไป แต่กรที่เห็นแบบนั้น ก็ทำเพียงแค่เดินเข้าไปและพำยายามจะปิดมันลงเท่านั้น เพราะว่าห้องที่ว่านั่น…
คือห้องส่วนตัวของเมอร์ลินนั่นเอง…
〝!!!? 〞
ในจังหวะที่กรจับล็อคประตูแบบในปัจจุบันเพื่อหวังจะปิดประตู แล้วเผลอมองเข้าไปในห้องของเมอร์ลิน บนโต๊ะไม้สี่เหลี่ยมที่มีหนังสือวางเรียงอยู่ขอบโต๊ะนั่น ได้มีหนังสือเล่มนึงว่างอยู่กลางโต๊ะจนเด่นสะดุดตา หากกรไม่ได้เห็นหนังสือเล่มนั้นก็คงปิดประตูแล้วเดินออกจากตรงนี้ไปแล้ว เพราะไม่อยากจะโดนเมอร์ลินเขม่นหลังจากนี้นั่นแหล่ะ
แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ปนความสงสัยที่กรอยากรู้มาตลอด มันได้ถูกสลักไว้เป็นชื่อของหนังสือเล่มนั้นที่ทั้งเรียบง่ายและได้ใจความ กรจึงได้พูดชื่อของหนังสือเล่มนั้นออกมาเบาๆ …
“แม่ทัพคนที่ 7 ผู้ซึ่งปิดผนึกจอมมาร
『Poker Face Princess』”
❖❖❖❖❖