ชีวิตบัดซบเพราะถูกส่งมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้สุดโหดไปตบเกรียน - ตอนที่ 43 คนจนจะยิ่งจน คนรวยจะยิ่งรวย
- Home
- All Mangas
- ชีวิตบัดซบเพราะถูกส่งมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้สุดโหดไปตบเกรียน
- ตอนที่ 43 คนจนจะยิ่งจน คนรวยจะยิ่งรวย
หลังจากที่กรสามารถเคลียร์หนึ่งในมหาดันเจี้ยนโบราณ ที่มีระดับความยากสูงที่สุดในโลกได้สำเร็จ กรจึงได้รับรู้ถึงความจริงของโลก…. ไม่สิ ของจักรวาลจากปากของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์โดยตรงซึ่งก็คือฟรังซ์ ออลเดลที่เป็นดันเจี้ยนมาสเตอร์ของมหาดันเจี้ยนแห่งนี้
จอมมารยังคงมีชีวิตอยู่ และถูกผนึกไว้เท่านั้น แถมผนึกที่ว่ายังอยู่ได้อย่างน้อยอีกแค่ 6 เดือน…
นั่นคือ ความเป็นจริงที่น่าหวาดหวั่น… พลังของจอมมารนั้น มีมากมายมหาศาลถึงขนาดที่ว่าทำให้ดวงดาวหลายสิบดวงแตกสลาย รวมถึงยังทำให้ดาวของพวกเทพล่มสลายลงได้อีก…
แทบจะไม่ต้องคิด… เมื่ออยู่ในสถานการณ์ดังกล่าว กรจึงตัดสินใจที่จะปกป้องสิ่งสำคัญที่อยู่ในมือก่อนเหนือสิ่งอื่นใด และตัดสินใจเป็นคนรับหน้าเพื่อปราบจอมมารในทันที เพราะหากไม่เป็นเช่นนั้น ทุกอย่างที่สำคัญรวมถึงจักรวาลแห่งนี้ คงจะล่มสลายลงด้วยน้ำมือของจอมมารเป็นแน่…….
ผั๊ว! ผั๊ว! ผั๊ว! ผั๊ว! ———————
เสียงแปลกๆ ที่เกิดจากวัตถุบางอย่างกระทบกัน ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องมาจากชั้นใต้ดินของคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางชั้นที่ 101 ซึ่งเป็นอยู่พักอาศัยของฟรังซ์ ออลเดล
ชั้นใต้ดินของคฤหาสน์… มันคือห้องสี่เหลี่ยมทรงลูกบาศก์สีขาวเทาลายตารางขนาดใหญ่พอจะบรรจุคนได้ถึง 500 คน แต่กลับไม่มีเครื่องเรือนหรืออุปกรณ์ใช้สอยใดๆ อยู่เลยซักชิ้น
การออกแบบที่เรียบง่ายของห้องไม่ได้มีไว้เพื่อแสดงถึงความสวยงาม และแน่นอนว่านี่ไม่ใช่ห้องที่เอาไว้ผ่อนคลายหรือรับแขกด้วยเช่นกัน… เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เป็นว่าเพราะห้องนี้…
…..ก็คือห้องฝึกฝนนั่นเอง
ผั๊ว! ผั๊ว! ผั๊ว! ผั๊ว! ————
〖คุณอุษณกรเร็วได้แค่นี้เองเหรอครับ!!! 〗
〝พูดแบบนั้น ระวังจะหน้าแหกตอนโดนต่อยเอานา!!! 〞
แล้วคนที่กำลังแลกหมัดกันอยู่กลางห้องฝึกฝนขนาดใหญ่มาตลอดตั้งแต่เมื่อครู่ก็ไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็นฟรังซ์ ออลเดลกับกรที่อยู่ในชุดรัดรูปสำหรับฝึกนั่นเอง…
ที่คลอบคลุมร่างของทั้งสองคนนั้นก็คือ ออร่าสีขาวบริสุทธิ์ สัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเผ่าเทพเจ้าในขณะที่ทำการฝึก… ทั้งสองคนจะต้องใช้ออร่านี้อยู่ตลอด เหตุผลนั่นก็คือ… เพื่อยกระดับความสามารถจินตนาการของกร ให้ใช้ออร่าได้อย่างอิสระ เหมือนกับฟรังซ์นั่นเอง
และที่ทั้งสองคนกำลังฝึกอยู่ก็คือ… การก้าวข้ามขีดจำกัดของสเตตัสด้วยการคลุมร่างด้วยออร่าไว้ทั้งตัว แล้วอิมเมจว่าตัวเองทั้งแข็งแรงและรวดเร็วที่สุดนั่นเอง
〖อิมเมจถึงความเร็วกับพลังในขณะโจมตีให้มากกว่านี้หน่อยครับ! 〗
〝ทำอยู่! แต่แกมันจะเร็วไปหน่อยแล้ว! 〞
ในขณะที่กำลังปะทะกัน ฟรังซ์ก็แนะนำบางอย่างกับกรในขณะที่กรชกหมัดซ้ายมาที่สีข้างของเขาอย่างแรง แต่ก็หวดลมไป กรจึงเล็งไปที่กลางลำตัวบ้าง แต่ก็โดนปัดป้องออกไปได้ ในจังหวะเดียวกันกรก็ถูกหมัดของฟรังซ์ที่ย่นระยะเข้ามาที่ใบหน้าด้วยความคล่องตัวที่มากกว่าเนื่องมาจากขนาดตัวที่แตกต่างกัน แต่เขาก็สามารถปัดป้องออกไปได้เช่นเดียวกัน….
〖แหม! ก็โดนต่อยมันเจ็บนี่ครับ〗
〝เออ! จะต่อยให้โดนจังๆ ซักหมัดแน่! 〞
〖หึหึ! มันต้องแบบนี้สิครับ! 〗
ฟรังซ์ยังคงล้อเล่นกับกร แม้จะถูกกรระดมหมัดใส่ด้วยความเร็วและจำนวนที่สุดยอดก็ตาม
แต่แม้กรจะโจมตีไปมากและรุนแรง ถึงขนาดสร้างภาพติดตาได้มากกว่าสามสิบหมัดในครั้งเดียว แต่ก็ยังไม่สามารถโจมตีโดนฟรังซ์จังๆ เสียที กรจึงเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อยทั้งที่ใบหน้ายังคงนิ่งอยู่เช่นเคย
〖โอ๊ะ! เกือบไปๆ 〗
ในการระดมการโจมตีเป็นระลอกที่สาม กรพยายามโจมตีหลอกล่อถึง 10 ครั้งซ้อน นั่นทำให้หมัดซ้ายของกรแฉลบผ่านแก้มของฟรังซ์ได้สำเร็จ แม้จะเกิดแค่รอยถากเล็กๆ แต่ก็ถือเป็นการพัฒนาครั้งใหญ่เลยทีเดียวสำหรับสิ่งที่กรกำลังฝึกฝนอยู่…
〖คิดถูกจริงๆ นะครับเนี่ยที่สอนวิชานี้ให้คุณ〗
〝แน่อยู่แล้ว! ความสามารถในการจินตนาการ คือพลังพิเศษของโอตาคุยังไงหล่ะ! 〞
〖หะห่ะ! คุณนี่น่าสนุกจริงๆ เลยนะครับให้ตายสิ! 〗
เมื่อโจมตีผ่านไปแล้ว กรจึงเริ่มกระหน่ำหมัดเข้าใส่เป็นระลอกที่สี่และห้าต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดพัก เพื่อที่จะฝึกฝนวิชาใหม่ที่ฟรังซ์เป็นคนแนะนำให้สำเร็จในเร็ววันให้ได้
และเช่นเคย… แม้ทั้งสองคนจะกระหน่ำโจมตีและหลบการโจมตีของกันและกันอยู่จนเหงื่อไหลไคลย้อยไปทั่วร่างมากว่า 2 ชั่วโมงแล้วก็ตาม แต่ทั้งสองคนยังคงหยอกล้อกันในขณะที่ฝึกฝนการต่อสู้อยู่ตลอดการเข้าปะทะ ด้วยความสนิทสนมที่มากขึ้นจากการร่วมมือกันเป็นพันธมิตรในการโค่นจอมมารนั่นเอง….
.
.
.
หลังจากที่ฉันรู้เรื่องที่จอมมารยังไม่ตายแต่ยังถูกผนึกไว้นั่น ตอนนี้ก็ผ่านมาได้สัปดาห์นึงแล้ว…
ฉันกับฟรังซ์ ออลเดลในตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงฝึกฝนเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนจะออกเดินทาง…
หืม? กำลังงงว่าเรื่องมันเป็นไงมาไงอยู่งั้นเหรอ?
แต่ก็แน่หล่ะนะ…. เพราะงั้นเพื่อให้เข้าใจตรงกัน จะขอเล่าย้อนความกลับไปตอนหลังจากที่คุยกันที่โต๊ะน้ำชาเสร็จเมื่อสัปดาห์ที่แล้วหน่อยแล้วกัน…
จะว่าไปแล้ว… เมื่อตอนนั้นพวกเราเองก็อยู่ที่ห้องฝึกนี่ด้วยนี่นา…
เพราะงั้นเลยทำให้เรานึกย้อนกลับไปนี่แหล่ะนะ… ตัวเราเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในตอนที่ค้นพบความแข็งแกร่งหลังจากการจุติครั้งที่ 4 เป็นครั้งแรกหน่ะ…
❖❖❖❖❖
หลังจากที่ทุกคน ตัดสินใจได้ว่าเป้าหมายสุดท้ายคือ การโค่นจอมมารที่จะตื่นขึ้นมาอีกครั้งในอีกครึ่งปี… คนที่ขอตรวจสอบพลังของตัวเองในตอนนี้ก็คือกรที่เพิ่งผ่านการจุติครั้งที่ 4 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายมาได้ แถมกรยังเป็นคนแรกที่สามารถทำแบบนั้นได้อีกด้วย
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น… ทั้งฟรังซ์ เคลเบรอสและเมอร์ลินต่างก็อยากตามมาด้วย และแน่นอนว่ากรไม่ได้ห้ามเมอร์ลินกับเคลเบรอส ส่วนฟรังซ์นั้น หากเขาไม่ได้เป็นคนตระเตรียมห้องฝึกฝนขนาดใหญ่ที่ว่าไปในตอนแรกนั่นให้กรใช้ได้หล่ะก็ เขาคงไม่ได้ลงมาดูด้วยเพราะถูกกรปฏิเสธอย่างแน่นอน…
แล้วพอห้องฝึกฝนถูกเปิดให้ใช้งานโดยฟรังซ์ ทั้ง 4 คนจึงรีบลงไปยังห้องที่ว่าอย่างรวดเร็วโดยที่ยังคงใส่ชุดเดิม เหมือนเมื่อตอนดื่มน้ำชา…
〝โกง! 〞
〖โกงจริงๆ เลยนะครับเนี่ย… แต่ในอีกแง่หนึ่ง คุณยิ่งทำให้ผมคาดหวังได้มากขึ้นอีกนะครับเนี่ย! 〗
〝เจ้าหนูเอ้ย! แกนี่มันโกงได้โล่จริงๆ พับผ่าสิ! 〞
〝กร สุดยอดไปเลย! 〞
นั่นคือคำพูดแรก ที่ออกมาจากปากของเมอร์ลิน ฟรังซ์ เคลเบรอสและมีอา เมื่อมองเห็นหน้าต่างสเตตัสของฉันในตอนนี้….
ฉันเองก็ทำได้แค่หัวเราะแห้งๆ เท่านั้น เพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้า มันช่างเหนือคำบรรยายเสียเหลือเกิน…
ถ้าเป็นเราเมื่อก่อนคงต้องรู้สึกหดหู่และหวาดกลัวที่จะได้รับพลังมามากเกินไปจนนั่งกอดเข่าไปแล้วมั้ง…
แต่พอฉันเห็นหน้าต่างของตัวเองในตอนนี้ถึงกลับยิ้มออกมาที่มุมปากเสียจนกว้าง หลังจากที่อ่านรายละเอียดถี่ถ้วนหมดแล้ว ทำไมงั้นเหรอ?
นั่นเพราะหลังจากที่เคลียร์มหาดันเจี้ยนโบราณได้… มันก็ทำให้รู้ถึงความอ่อนแอของตัวเองหน่ะสิ…
ตอนนี้ฉันถึงดีใจสุดๆ ที่มีพลังมากมาย… มากพอที่จะไม่ต้องกลัวการสูญเสียสิ่งสำคัญเหมือนกับในลูปนรกเวรนั่นไงหล่ะ!
แล้วถ้าถามว่าหน้าต่างสเตตัสของฉันในตอนนี้มันสุดติ่งขนาดไหนหล่ะก็… ดูด้วยตาของตัวเองจะเข้าใจง่ายกว่านะ….
ข้อมูลสเตตัส
『อุษณกร วัชรวิรุฬห์ 』เพศ ชาย อายุ 17 เผ่าพันธุ์ เจ้าแห่งสรรพสิ่ง
『อาชีพ』 เลเวล 1
เทพนักดาบ (LV-5) ผู้ใช้ปืนขั้นสุดยอด (LV-4) จอมเวทย์ผู้เหนือล้ำ (LV-4)
『ฉายา』
【ทั่วไป】〘การใช้ชีวิตที่ผิดพลาด〙,〘ไอ้หื่น〙 ,〘นักดาบไร้พ่าย〙,〘เทพนักแม่นปืน〙,〘จอมเวทย์บรรพบุรุษ〙,〘อัพคลาสอาชีพขั้นสูง〙,〘เทพนักดาบ ระดับ 5〙,〘ผู้ใช้ปืนขั้นสุดยอด ระดับ 4〙,〘จอมเวทย์ผู้เหนือล้ำ ระดับ 4〙,〘ที่สุดแห่งเวทย์มนต์〙
【พิชิต】〘ราชาผู้พิชิต〙,〘ไจแอนท์สเลเยอร์〙,〘พิชิตมหาดันเจี้ยนโบราณ《 เด็กหนุ่มผู้โดดเดี่ยว 》〙
【จุติ】〘จุติแบบพิเศษขั้นสุดยอดที่หาได้ยากยิ่ง〙,〘จุติยักษาแบบพิเศษขั้นสุดยอด〙,〘จุติเทพเจ้าแบบพิเศษที่หาได้ยากยิ่ง〙,〘จุติเจ้าแห่งสรรพสิ่งแบบพิเศษขั้นสุดยอดที่หาได้ยากยิ่ง〙,〘ก้าวแรกสู่หนึ่งในจักรวาล〙
【เฉพาะตัว】〘Give me Your Everything? 〙 ,〘กฎของชั้นก็คือกฎของนาย กฏของชั้นก็คือกฏของชั้น〙,〘ผู้ก้าวล้ำสรรพสิ่ง〙,〘จิตวิญญานเหล็กกล้า〙,〘เหนือฟ้าใต้หล้า ทนทานทุกสิ่ง〙,〘กายาเหล็กไหล〙,〘แขนยักษาแห่งการทำลายล้าง〙,〘Ogre Armor Form〙,〘ออร่าแห่งทวยเทพ〙,〘ผู้หยั่งรู้〙,〘Sacred God Armor Form〙,〘ออร่าแห่งจอมมาร〙,〘เนตรแห่งจอมมาร〙,〘ผู้ไม่ยอมตาย〙,〘ผู้ใช้ออร่า〙,〘กลืนกิน (พัฒนา) 〙,〘ฝ่ามือพลิกกระดานกฏ〙
【????? 】〘The arks enDs〙,〘ความเป็นจริง? 〙
《พลังโจมตี》 7,500,000 + 3,750,000
《พลังป้องกัน》 7,200,000 + 2,880,000
《พลังเวทย์》 7,400,000 + 3,700,000
《ความต้านทานเวทย์》7,400,000 + 3,700,000
《ความว่องไว》 7,500,000 + 3,750,000
《พละกำลัง》 7,500,000 + 3,750,000
〝ก่อนที่จะตกใจ เรามาไล่ดูทุกๆ อันก่อนดีกว่ามั้ง! 〞
กรพูดแบบนั้นหลังจากที่เห็นสเตตัสของตัวเองในตอนนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นส่วนบุคคลก่อนที่จะเปลี่ยนมานั่งขัดสมาธิ เมอร์ลินเองก็เปลี่ยนมานั่งขัดสมาธิแบบเดียวกันลงทางด้านซ้ายของกรพร้อมกับฟรังซ์ และในขณะเดียวกัน มีอาเองก็นั่งพับเพียบลงทางด้านขวาของกรเช่นเดียวกัน ส่วนเคลเบรอสนั้นกำลังยืนดูกรอยู่จากทางด้านหลัง
พอทั้งมีอาและเมอร์ลินนั่งลงเรียบร้อย กรจึงได้ไล่ใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่ฉายาทีละอัน เพื่อเปิดขึ้นมาอ่านรายละเอียดของทุกฉายา ที่ได้รับมาใหม่ในทีเดียว…
〝โห้! ….น่าสนใจจริงๆ 〞
〖จะว่าไงดี… หล่ะครับเนี่ย〗
เมอร์ลินและฟรังซ์ต่างก็ทำหน้าตะลึงไปหมดกับหน้าต่างเล็กๆ ที่แสดงรายละเอียดฉายาของกร แตกต่างจากเคลเบรอสที่ชินกับสถานการณ์นี้ไปแล้ว กับมีอาที่ยังคงสงบอยู่และขยับเข้ามาจนชิดกับแขนของกร จนกรรู้สึกประหม่าเล็กน้อย กรจึงเริ่มอ่านรายละเอียดของฉายาที่ว่าเพื่อกลบเกลื่อนอารมณ์ดังกล่าวในทันที…
〘ที่สุดแห่งเวทย์มนต์〙
《คำอธิบาย : ฉายาของผู้ที่ได้รับเวทย์มนตร์ครบทุกประเภท มีผลพิเศษทำให้เมื่อโจมตีด้วยเวทย์มนตร์ จะลดพลังเวทย์ที่ใช้ลงครึ่งหนึ่งและลดความต้านทานเวทย์มนตร์ของเป้าหมายลงครึ่งหนึ่ง 》
〘ไจแอนท์สเลเยอร์〙
《คำอธิบาย : ฉายาของผู้ที่สังหารบอสมอนสเตอร์ระดับ SSS ประเภทยักษ์ได้ มีผลพิเศษทำให้สเตตัสพลังโจมตีของผู้ใช้เพิ่มขึ้นเท่าตัวเมื่อต่อสู้กับเป้าหมายที่มีขนาดตัวสูงกว่าผู้ใช้ 2 เท่าขึ้นไป 》
〘พิชิตมหาดันเจี้ยนโบราณ《 เด็กหนุ่มผู้โดดเดี่ยว 》〙
《คำอธิบาย : ฉายาของผู้ที่เคลียร์มหาดันเจี้ยนโบราณ《 เด็กหนุ่มผู้โดดเดี่ยว 》ได้สำเร็จ มีผลพิเศษทำให้ผู้ใช้และสมาชิกในปาร์ตี้มีสเตตัส พลังชีวิต??? และความสามารถในการฟื้นฟูเพิ่มขึ้นในระดับสูงมาก 》
ดูเหมือนจะเป็นเพราะตรงกับเงื่อนไขบางอย่างเข้า เลยทำให้ฉายาประเภท【พิชิต】ถูกแยกออกมาแล้วแฮะ….
แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่แค่ตรงนั้นซักหน่อย….
สองอันแรกเป็นฉายาที่เพิ่มสเตตัสอย่างที่คิด เลยไม่น่าแปลกใจ… แต่ไอ้ฉายาที่คิดว่าคงจะได้มาเพราะเคลียร์มหาดันเจี้ยนแห่งนี้ได้… ฉายา〘พิชิตมหาดันเจี้ยนโบราณ《 เด็กหนุ่มผู้โดดเดี่ยว 》〙นี่แหล่ะที่น่าสงสัย
สเตตัสพลังชีวิตงั้นเหรอ? จำไม่เห็นได้เลยนะว่ามีสเตตัสแบบนั้นอยู่ด้วย…
ไม่สิ จะว่าไม่มีมันก็ไม่ถูกซะทีเดียว… นั่นเพราะนูเมรัลดิสเพลย์ ที่เป็นหนึ่งในหน้าต่างของสกิลตั้งค่าเอง ก็มีการแสดงผลพลังชีวิตเป็นตัวเลขอยู่เหมือนกัน…
แสดงว่าสเตตัสพลังชีวิตเองก็มีอยู่จริงๆ สินะ… แต่ดูเหมือนจะมีรายละเอียดยิบย่อยเยอะมาก
เอาเถอะ… อย่างน้อยก็รู้ว่าพลังชีวิตเป็นสเตตัสที่ไม่แสดงผลแหล่ะนะ แค่นี้ก็คุ้มกับค่าข้อมูลแล้ว…
กรยังคงนั่งอ่านรายละเอียดของฉายาแต่ละอันอย่างสงบเสงี่ยม นั่นเพราะเขาไม่ได้ตกตะลึงกับผลพิเศษของฉายาแต่อย่างใด เห็นทีคงจะเป็นเพราะความชินชาที่ได้แต่สกิลโกงๆ หลังจุตินั่นแหล่ะ
แล้วจากนั้น กรก็ทำการเปิดหน้าต่างรายละเอียดเพิ่มขึ้นและไล่อ่านฉายาใหม่ต่อๆ ไป โดยทิ้งฟรังซ์และเคลเบรอสที่ยังทำหน้ามึนงงอยู๋ใกล้ๆ ไปก่อน แล้วมุ่งความสนใจไปยังหน้าต่างแสดงผลเล็กๆ แทน…
〘จุติเจ้าแห่งสรรพสิ่งแบบพิเศษขั้นสุดยอดที่หาได้ยากยิ่ง〙
《 คำอธิบาย : ฉายาของผู้ที่ผ่านเงื่อนไขการจุติจุติเจ้าแห่งสรรพสิ่งแบบพิเศษขั้นสุดยอดที่หาได้ยากยิ่ง โดยการผ่านเงื่อนไขจำนวนมากที่ผลเกี่ยวเนื่องกัน มีผลทำให้สเตตัสพื้นฐานเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างยิ่งยวดตามเงื่อนไขที่ผ่านการตรวจสอบ เพิ่มสเตตัสทุกด้านขึ้นอย่างมหาศาล และเพิ่มสเตตัสด้านพลังโจมตีและความว่องไวเป็นพิเศษ ได้รับสกิลต้นฉบับที่ไม่เหมือนใครมาครอง สุดท้ายคือขีดจำกัดของสกิลและเวทย์มนต์ที่มีในครอบครอง (เฉพาะสายปกติ) จะถูกปลดล็อคจากระดับสูงสุดจาก ขั้นเทพเจ้า ไปเป็น ขั้น??? (การแสดงขั้นของสกิลและเวทย์หลังจากขั้นเทพเจ้าจะถูกแสดงเป็นตัวเลขแทนเพื่อความสะดวก โดยที่ขั้นเทพเจ้าอยู่ที่ ขั้นที่ 7 *อนึ่งการพัฒนาสกิลและเวทย์นั้นสามารถเลื่อนขั้นขึ้นได้อย่างไม่จำกัด) 》
〘ก้าวแรกสู่หนึ่งในจักรวาล〙
《 คำอธิบาย : ฉายาของผู้ที่ผ่านการจุติครั้งที่ 4 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายได้เป็นคนแรก ทำให้ความสามารถอยู่นอกเหนือหลักการทางธรรมชาติโดยส่วนใหญ่จะขึ้นกับความรู้สึกของผู้ใช้ มีผลพิเศษทำให้พลังเฉพาะตัวอยู่นอกเหนือกฎธรรมชาติ ไม่เหมือนบุคคลอื่น นั่นคือระบบการอัพเลเวลของผู้มีฉายานี้ จะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง โดยใช้คนละระบบกับของบุคคลอื่น 》
เผ่าเปลี่ยนไปแล้วแฮะ กลายเป็น เจ้าแห่งสรรพสิ่ง ไปแล้ว!
นี่มันไม่น่าเรียกว่าเผ่าแล้วมั้ง… น่าจะเป็นฉายามากกว่า…
แต่ถึงมันจะแปลกโคตรก็เถอะ… แต่ถ้านี่จะช่วยยืนยันความแข็งแกร่งของฉันในตอนนี้ได้หล่ะก็…
จะมองผ่านไปให้ก็แล้วกัน…
〝!!!? 〞
แล้วกรก็ค่อนข้างตกตะลึงในจังหวะที่กวาดสายตาผ่านๆ ไปยังหน้าต่างของฉายา〘ก้าวแรกสู่หนึ่งในจักรวาล〙เพราะอ่านรายละเอียดมันเข้าไป และที่กรสะดุดก็คงไม่พ้นข้อความที่เขียนว่า…
《 …..ระบบการอัพเลเวลของผู้มีฉายานี้ จะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง โดยใช้คนละระบบกับของบุคคลอื่น 》
กรไม่รอช้าที่จะพิสูจน์ความสามารถดังกล่าวนี้ พอเพ่งสมาธิไปยังฉายา ก็ได้ความว่า หากอยากจะเปิดวิธีอัพเลเวลของตัวเองในตอนนี้ดู ก็จำเป็นต้องกดที่ตัวเลขแสดงผลเลเวลของตัวเขา กรจึงไม่รอช้าที่จะทดสอบดู แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ทำให้คนที่อยู่รอบข้างกรตกตะลึง…
ที่เห็นนี่ยังไม่ใช่ทั้งหมดหรอกนะ เพราะดูเหมือนว่าพอเลื่อนลงไปอีก ก็จะเจอเงื่อนไขอีกเยอะเลย ซึ่งในกรณีที่เลเวลหนึ่งอัพขึ้นไปเป็นเลเวล 2 นี่ก็มีเกือบ 10 เงื่อนไขให้เลือกเลยทีเดียว….
แถมดูเหมือนว่าทุกครั้งที่ผ่านเงื่อนไข ก็จะเสริมความสามารถในด้านนั้นๆ มาด้วย…
แล้วเท่าที่ลองตรวจสอบดู… ระบบอัพเลเวลใหม่ของฉันเนี่ย ไม่มีระบบสะสมค่าประสบการณ์เลยหล่ะ… พูดง่ายๆ คือ ขอแค่ผ่านเงื่อนไขใดเงื่อนไขหนึ่ง ก็สามารถอัพเลเวลได้เลย…
จากที่พูดมามันก็ฟังดูสะดวกที่ไม่ต้องเก็บเวลแหล่ะนะ… แต่จริงๆ แล้ว ไอ้ที่เป็นเงื่อนไขแบบนี้หน่ะ ยุ่งยากกว่าการฟาร์มเวลแบบปกติโขเลยหล่ะ
ทำไมงั้นเหรอ? นั่นเพราะมันไม่มีหลักการที่แน่นอน ในการคาดเดาการอัพเลเวลแต่ละครั้งหน่ะสิ…
แถมการทำเงื่อนไขมาให้แบบนี้ เหมือนกับมันจะบอกเป็นนัยๆ เลยว่า….
ทางเดินต่อจากนี้จะถอยกลับไม่ได้แล้วนะ ถ้าเลือกเส้นทางไหนก็ต้องไปทางนั้นเท่านั้น…. ประมาณนั้นเลย
เส้นทางการบิลตัวละครให้เกิดความสมดุลคงจะยาก เพราะการมีระบบเงื่อนไขแบบนี้ ทำให้อิสระในการรับโบนัสสเตตัสน้อยลง… ถึงแต่เดิมมันจะเยอะอยู่แล้ว แต่เราก็ไม่อยากประมาทอีกนี่นา…
แต่ยังไงก็เถอะ… เรื่องการเลือกว่าจะเน้สเตตัสแบบไหนเดี๋ยวค่อยคิดก็ได้…
เพราะงั้นก็ต่อไป….
〘ออร่าแห่งจอมมาร〙
《คำอธิบาย : ฉายาของผู้ที่ผ่านเงื่อนไขการจุติเจ้าแห่งสรรพสิ่งแบบพิเศษขั้นสุดยอดที่หาได้ยากยิ่ง ซึ่งชนะการต่อสู้สุดท้ายมาได้โดยใช้ออร่าสายความมืดเป็นตัวแปรหลัก รวมถึงได้รับถ่ายทอดออร่าแห่งความมืดที่มีความบริสุทธิ์สูงจากบุคคลอื่นในช่วงก่อนการจุติ มีผลทำให้สามารถสร้างออร่าซึ่งเป็นสกิลเฉพาะของเผ่าปีศาจ ในระดับจอมมารออกมาใช้งานได้ สามารถประยุกต์ใช้ได้ตามแต่ความชำนาญและเลเวลของผู้ใช้ ซึ่งการใช้ผลพิเศษนี้จะไม่เสียพลังเวทย์แต่อย่างใด 》
〘เนตรแห่งจอมมาร〙
《คำอธิบาย : ฉายาของผู้ที่ผ่านเงื่อนไขการจุติเจ้าแห่งสรรพสิ่งแบบพิเศษขั้นสุดยอดที่หาได้ยากยิ่ง ซึ่งในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายสามารถอ่านวงจรเวทย์ของบอสมอนสเตอร์ได้อย่างสมบูรณ์ และสามารถคัดลอกสกิลและเวทย์ของบอสมอนสเตอร์ได้ มีผลทำให้ได้รับสกิลเนตร 2 แบบข้างต้น *ผลพิเศษนี้ไม่มีคำร่าย จึงต้องสั่งใช้งานจากการนึกคิดผ่านระบบสกิลเท่านั้น **ความสามารถขึ้นอยู่กับตัวผู้ใช้เอง โดยไม่อิงจากสเตตัสใดๆ ของผู้ใช้ทั้งสิ้น 》
〘ผู้ไม่ยอมตาย〙
《คำอธิบาย : ฉายาของผู้ที่ผ่านเงื่อนไขการจุติเจ้าแห่งสรรพสิ่งแบบพิเศษขั้นสุดยอดที่หาได้ยากยิ่ง ซึ่งในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายสามารถจำลองและรักษา ร่างกายของตัวเองได้ มีผลทำให้ได้รับสกิลรักษา? เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร 》
〘ผู้ใช้ออร่า〙
》คำอธิบาย : ฉายาของผู้ที่ผ่านเงื่อนไขการจุติเจ้าแห่งสรรพสิ่งแบบพิเศษขั้นสุดยอดที่หาได้ยากยิ่ง ซึ่งในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายสามารถใช้งานการประยุกต์ออร่าได้อย่างหลากหลาย และได้รับออร่าอีกหลายแบบและหลายแหล่งก่อนที่จะจุติ มีผลพิเศษทำให้สามารถใช้งานออร่าทั้งหลายที่รับมานั่นได้อย่างอิสระ 》
〘กลืนกิน (พัฒนา) 〙
《คำอธิบาย : ฉายาของผู้ที่ได้รับออร่าแห่งความมืด แล้วผสานเข้ากับสกิลเฉพาะของตัวเอง จนเกิดความสมารถใหม่สำเร็จ ทำให้สกิลดูดซับทุกสิ่งได้รับการพัฒนาให้สูงขึ้น 》
〘ฝ่ามือพลิกกระดานกฏ〙
《คำอธิบาย : ฉายาของผู้ที่มีความสามารถในการสร้างและผสานศาสตร์หลากแขนงเข้าด้วยกันได้ในระดับสุดยอด ทำให้ผู้ที่ได้รับฉายานี้ ได้รับสกิลสายผลิตขั้นสูงสุด 》
อืม… มีแต่ฉายาสุดยอดทั้งนั้นเลยนะเนี่ย… แต่ก็ยังไม่รู้ความสามารถที่แน่ชัดจนกว่าจะได้ดูสกิลใหม่นั่นแหล่ะนะ
เพียงแต่มีอยู่เรื่องนึงที่ติดใจ… เรื่องออร่าแห่งความมืดนั่นแหล่ะ….
มันเขียนว่าเราได้รับความสามารถนี้มาจากการถ่ายทอด… เหมือนกับตอนมีอา… เราคงได้พลังมาจากที่เมอร์ลินช่วยรักษาเราละมั้ง
แต่ตอนนั้น… เราจำได้ว่า ได้ใช้ออร่าแห่งความมืดผสานเข้ากับ ดูดซับทุกสิ่ง จนสกิลเปลี่ยนไป… ก็แสดงว่าเราได้รับออร่าแห่งความมืดมาก่อนที่เมอร์ลินจะถ่ายทอดซะอีกไม่ใช่เหรอ?
ในขณะที่คิดแบบนั้นด้วยความสงสัย กรเองก็คิดอีกเช่นกันว่าถ้าอ่านไปเรื่อยๆ จนครบทุกอัน เดี๋ยวก็คงรู้อะไรเพิ่ม ดีกว่ามานั่งตีความไปเอง กรจึงเปิดฉายาอีกสองอันที่เหลือในทันที แต่ผลลัพธ์กลับทำให้เขางงงวยยิ่งขึ้นกว่าเดิม
〝!? 〞
〝มีอะไรเหรอกร? 〞
〝…..หน้าต่างแสดงผลมันไม่เด้งขึ้นมา〞
〝〝〝!!!!!? 〞〞〞
มีอาถามกรออกมาด้วยความเป็นห่วงในทันทีที่กรพยายามเอานิ้วจิ้มฉายา〘The arks enDs〙และ〘ความเป็นจริง? 〙 เพื่อเปิดหน้าต่างแสดงรายละเอียดขึ้นมา แต่ทำยังไงก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับเลยซักนิด นอกเสียจากซาวน์เอ็ฟเฟ็คที่ดัง 〝อ๊อออด! 〞 คล้ายกับเสียงในเกมยามที่กดใช้สกิล แต่ MP ดันหมด หรือไม่ก็เป็นเสียงยามเมื่อระบบปฏิเสธการเข้าถึง เพื่อเป็นการบ่งบอกว่ากรไม่ได้กดผิด เพียงแต่มันไม่แสดงผลให้เท่านั้นเอง นั่นเลยทำให้ทุกคนงงงวยกันไปหมด
〖มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอครับเนี่ย? ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย〗
〝แถมแท็กที่เป็นหัวข้อใหญ่ของฉายาพวกนี้ ยังมีแต่เครื่องหมายคำถามอีก… นี่มันยังไงกันเนี่ย? 〞
〝ถามฉันไป ฉันก็ไม่รู้หรอกนะ〞
ฟรังซ์แสดงความสงสัยออกมาพร้อมกับเมอร์ลิน กรจึงตบมุขเมอร์ลินครั้งนึงด้วยอารมณ์หยากแกล้งเฉพาะกิจ ก่อนที่จะหันกลับมาพินิจพิเคราะห์เรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้
แสดงผลไม่ได้แบบนี้มันอะไรกันเนี่ย… ทั้งน่าสงสัยแล้วก็ยังน่าหงุดหงิดอีก…
แถมความหมายของทั้งสองอัน…. 〘ความเป็นจริง? 〙 ทำไมฉายาดันเป็นคำถามหล่ะ คนที่จะถามหน่ะคือทางนี้ต่างหาก?
ชิ ว่าจะไม่ตบมุกแล้วเชียว…
ส่วนอีกอัน…〘The arks enDs〙ถ้าแปลความหมายตรงๆ หล่ะก็… เรือแห่งจุดจบ งั้นเหรอ?
ไม่เห็นเข้าใจเลยว่าจะสื่ออะไร… แถมทำไมต้องขีดทับด้วย… แล้วตัว D ที่อยู่เกือบหลังสุดยังเป็นตัวพิมพ์ใหญ่อีก แบบนี้มันผิดหลักไวยากรณ์นะคร้าบ เดี๋ยวฟ้องครูเอเลนซะเลย…
….เผลอตบมุกอีกแล้ว
……………
อะ อา… แต่เท่าที่พอคิดได้ ก็เดาได้สามอย่างหล่ะนะ…
หนึ่งคือ ฉายาพวกนี้ มีระดับสูงกว่าที่เราจะอ่านได้… แต่ข้อนี้คงเป็นไปได้ยาก นั่นเพราะถ้าเรามีพลังไม่ถึง มันก็ไม่ควรได้ฉายาพวกนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว…
สองคือ สกิลยังไม่ปลดล็อค… ข้อนี้ก็ยากอีกเหมือนกัน เพราะเราไม่รู้เงื่อนไขนี่นา…
สามคือ สกิลพวกนี้ ไม่อยู่ในข้อมูลของสาระบบ… คงไม่หรอกมั้ง… จะบอกว่าฉายาพวกนี้ฉันเป็นคนสร้างขึ้นมาเองก็ไม่ใช่… คิดว่านะ…
〝ให้ตายสิ ไม่เข้าใจเลย…〞
〝เป็นอีกครั้งที่ต้องปวดหัวกับตัวเองสินะเจ้าหนูเอ๋ย〞
〝ฮึ่ม…〞
เคลเบรอสที่อยู่ในชุดพ่อบ้านหยอกล้อกรที่ค่อนข้างไม่สบอารมณ์ แต่นั่นกลับทำให้ตัวเขาผ่อนคลายลงเสียอย่างงั้น กรจึงเลิกคิดหาเหตุผล เพราะคิดมากไปก็เท่านั้น แล้วก็จัดการเลื่อนหน้าต่างสกิล เข้ามาอยู่ตรงกลางเพื่อเริ่มอ่านรายละเอียดต่อไป
และแน่นอนว่านี่เป็นอีกครั้งที่ทำให้ทุกคนตกตะลึง…
สกิล
『สกิลโจมตี』
【วิชาดาบ】อัลติเมทเฮอริเคนแสลช (พัฒนา) (ต้นฉบับ) , มัลติไพล์แอตซอลต์ (ต้นฉบับ) , เอนลาจซอร์ด (ต้นฉบับ)
【วิชาดาบคู่】คอมบิเนชั่นคอมโบ (ต้นฉบับ) , อัลติเมทโซนิคเบลด (ต้นฉบับ)
【วิชามือเปล่า】วันพ้านนนนช์ (ต้นฉบับ) , หมัดสว่าน (ต้นฉบับ)
『สกิลป้องกัน』กายาเพชร (ต้นฉบับ)
『เวทย์มนต์』
【เวทย์ธาตุ】เวทมนต์น้ำขั้นที่ 9, เวทมนต์ลมขั้นที่ 9, เวทมนต์ไฟขั้นที่ 9, เวทมนต์ดินขั้นที่ 9, เวทมนต์น้ำแข็งขั้นที่ 9, เวทมนต์สายฟ้าขั้นที่ 9, เวทมนต์พฤกษาขั้นที่ 9, เวทมนต์โลหะขั้นที่ 9, เวทมนต์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 9, เวทมนต์ความมืดขั้นที่ 9
【เวทย์เสริม】เวทมนต์รักษาขั้นที่ 9, เวทมนต์แปรธาตุขั้นที่ 9, เวทมนต์ไร้ธาตุขั้นที่ 9, เวทมนต์พันธะขั้นที่ 9, เวทมนต์วิญญาณขั้นที่ 9, เวทมนต์สนับสนุนขั้นที่ 9, เวทมนต์ลวงตาขั้นที่ 9, เวทมนต์มิติขั้นที่ 9, เวทมนต์อัญเชิญขั้นที่ 9
【เวทย์พิเศษ】ออร่าเทพเจ้า (ต้นฉบับ) , แสงแห่งการชำระล้าง (ต้นฉบับ) , ออร่าจอมมาร (ต้นฉบับ) , แสงแห่งการทำลายล้าง (ต้นฉบับ) , ออร่า??? (ต้นฉบับ)
『สกิลเสริมพลัง』เพิ่มพลังกาย,เพิ่มพลังเวทย์, เคลื่อนไหวความเร็วแสง (ต้นฉบับ) , Ogre Arm (ต้นฉบับ) , ปักษาสวรรค์ (ต้นฉบับ) , ปักษาทมิฬ (ต้นฉบับ)
『สกิลติดตัว』กลืนกิน (พัฒนาจากดูดซับทุกสิ่ง) (ต้นฉบับ) , โจมตีอย่างแม่นยำ (ต้นฉบับ) , เรียกหน้าต่างสเตตัส, เข้าใจภาษาขั้นที่ 8, เร่งการฟื้นฟูพลังเวทย์ขั้นที่ 9, เร่งการฟื้นฟูบาดแผลขั้นที่ 9, เติบโตยิ่งยวดขั้นที่ 9, ตาเหยี่ยวขั้นที่ 9, มองเห็นในที่มืดขั้นที่ 9, ก้าวไร้เสียงขั้นที่ 9, ลบตัวตนขั้นที่ 9
『สกิลสายผลิต』ผลิตยาขั้นที่ 7, ผลิตอาวุธขั้นที่ 7, สร้างแบบอาวุธขั้นที่ 7, ดัดแปลงคุณสมบัติแร่ขั้นที่ 7, หัตถ์ผสมผสาน (ต้นฉบับ) , หัตถ์สรรค์สร้าง (ต้นฉบับ)
『สกิลพิเศษ』ตั้งค่าขั้นสูงสุด (ต้นฉบับ) , ตรวจสอบขั้นที่ 9, ตั้งปาร์ตี้ขั้นที่ 9, Ogre Armor Form (ต้นฉบับ) , Sacred God Armor Form (ต้นฉบับ) , เนตรทวิกาล (ต้นฉบับ) , รีดดิ้งอาย (ต้นฉบับ) , ไรท์ติ้งอาย (ต้นฉบับ) , ออโต้รีไวฟ์ (ต้นฉบับ)
อ่า… มีแต่สกิลต้นฉบับเพิ่มขึ้นมาเหมือนเดิมเลยแฮะ…
『อัลติเมทเฮอริเคนแสลช (พัฒนา) (ต้นฉบับ) 』ก็เป็นสกิลที่พัฒนาจากเดิม… ส่วน『หมัดสว่าน (ต้นฉบับ) 』ก็คือ สกิลที่เราคิดขึ้นด้วยตัวเอง…
จะมีก็แต่สกิลโจมตี 2 อันหลัง กับสกิลป้องกันที่มีแค่อันเดียวนี่แหล่ะที่เพิ่งได้มาใหม่จริงๆ …
『เอนลาจซอร์ด (ต้นฉบับ) 』
《คำอธิบาย : เมื่อใช้สกิล จะทำให้ใบดาบขยายใหญ่ขึ้นตามแต่พลังเวทย์ที่ใช้ และได้รับโบนัสดาเมจเพิ่มขึ้นตามพลังเวทย์ที่ใส่เข้าไปด้วยเช่นกัน 》
『อัลติเมทโซนิคเบลด (ต้นฉบับ) 』
《คำอธิบาย : สกิลจะทำงานได้ก็ต่อเมื่อใช้ดาบสองเล่มในการเข้าปะทะเท่านั้น มีผลทำให้ความเร็วเริ่มต้นในการโจมตีครั้งแรกเท่ากับความเร็วเหนือเสียง และจะเพิ่มขึ้น 1 มัคเมื่อโจมตีครบ 10 ครั้งจนกระทั่งจบคอมโบต่อเนื่องนี้ 》
『กายาเพชร (ต้นฉบับ) 』
《คำอธิบาย : เมื่อสั่งใช้งาน จะสามารถสร้างเกราะป้องกันมาคลุมร่างไว้ได้ ซึ่งมีผลพิเศษทำให้รับความเสียหายแทนได้เท่ากับค่าพลังป้องกันและค่าพละกำลังรวมกัน 》
โอ้ะ! สองสกิลนี้ได้มาจากตอนที่เราฟันถ่วงเวลาทศกัณฑ์ แน่เลยแฮะ…
ถ้าใช้ทั้งสองสกิลควบกันหล่ะก็ ก็จะเหวี่ยงดาบยักษ์ได้ โดยที่ความเร็วต้นอยู่ในระดับสูง… แบบนี้แหล่ะที่เราต้องการ…
ส่วนสกิลป้องกันนี่ ก็ใช้ประโยชน์ได้เหมือนกัน… แต่จะว่าไปนี่ก็เป็นสกิลป้องกันแรกของเราเลยนี่นา
น่าสนใจแฮะ… แบบนี้ชักจะอดใจรอสกิลต่อไปไม่ไหวแล้วสิเนี่ย…
〝หืม? กร เวทย์ของนายแสดงผลเป็นขั้นงั้นเหรอเนี่ย? 〞
ไม่ใช่แค่กรทั้นที่กำลังอ่านสกิลของตัวเอง แต่ทั้งมีอา ฟรังซ์ เคลเบรอส และเมอร์ลินต่างก็จ้องตาเป็นมันเหมือนกัน… นั่นเลยทำให้เมอร์ลินที่สังเกตเห็นการแสดงผลเวทย์ของกรเปลี่ยนไป เริ่มถามออกมาด้วยจุดประสงค์บางอย่าง
〝อา… อย่างที่เห็นแหล่ะเมอร์ลิน ทำไมเหรอ? 〞
〝เหมือนฉันเลยหล่ะ〞
〝เอ๋ จริงดิ? 〞
〝ก็จริงหน่ะสิ! 〞
เมอร์ลินขยับเข้ามาเบียดเสียดกรอย่างจงใจ ในขณะที่กรกำลังเขิน (และเมอร์ลินเองก็หน้าแดงอยู่หน่อยๆ เช่นกัน) ก่อนที่เธอจะเปิดหน้าต่างสกิลของตัวเองให้กรดูเพื่อยืนยันคำพูด
แล้วพอเมอร์ลินเลื่อนหน้าต่างมาให้กรเห็น กรก็สังเกตุแค่ตรงส่วนของเวทย์มนต์เท่านั้น แล้วก็รู้ความจริงที่น่าตกใจเข้า…
〝อึก! ระดับ… 12 งั้นเหรอ? 〞
ใช่แล้ว… ระดับของเวทย์เมอร์ลินก็คือ 12 ซึ่งหมายความว่ามากกว่ากรที่จุติครั้งที่ 4 ถึง 3 ขั้น กรเลยเผลอกลืนน้ำลายในจังหวะที่อ่านมัน
จะเป็นเพราะเผ่าดั้งเดิมของเธอก่อนจุติสูงอยู่แล้วหรือเพราะเน้นการบิลสเตตัสให้เป็นแบบสายเวทย์ล้วนก็ตามแต่ พอกรคิดย้อนกลับไปในตอนที่สู้กับเมอร์ลิน มันทำให้กรเสียวสันหลังวาบอย่างบอกไม่ถูกเลยที่ไปสู้กับสัตว์ประหลาด ที่ถึงเขาจะจุติถึง 4 ครั้ง แต่ก็ยังระดับน้อยกว่าแบบนี้…
〝ฟุฟุ! สุดยอดเลยใช่ม้า〞
〝หึ! เธอเนี่ยน้า…〞
เมอร์ลินที่หัวเราะอย่างสนุกสนานเพราะได้รับปฏิกิริยาที่ต้องการจากกร รวมถึงมีเพื่อนที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน และในขณะเดียวกัน กรที่ตอบออกไปแบบนั้นก็ลูบหัวเธอด้วยความเคยชินเช่นเคย แต่เมอร์ลินก็ไม่ได้โกรธอะไร ทั้งยังยิ้มออกมาอย่างร่าเริงเสมือนรอรางวัลนี้มาตั้งแต่แรกอยู่แล้วยังไงอย่างงั้นเลย ถึงกับทำให้กรที่เห็นเมอร์ลินร่าเริงผิดกับความเงียบขรึมที่เจอกันตอนแรกแบบนี้ คิดอยู่ในใจเลยว่า〝เดเระแตกแล้วรึไงครับคุณเธอ? 〞เลยทีเดียว
มีอาและอีกสองคนที่เหลือพอเห็นแบบนี้ก็ไม่พ้นที่จะอมยิ้มตาม ก่อนที่กรจะผละมืออกจากศีรษะของเมอร์ลิน แล้วเอานิ้วจิ้มไปที่สกิลที่เหลือเพื่ออ่านรายละเอียดต่อ…
『ออร่าจอมมาร (ต้นฉบับ) 』
《 คำอธิบาย : เป็นเวทย์พิเศษที่ได้รับจากฉายา〘ออร่าแห่งจอมมาร〙มีผลทำให้สามารถสร้างออร่าซึ่งเป็นสกิลเฉพาะของปีศาจ แต่มีระดับสูงกว่าที่ว่าออกมาใช้งานได้ สามารถประยุกต์ใช้ได้ตามแต่ความชำนาญและเลเวลของผู้ใช้ นอกจากนี้บริเวณที่ถูกคลอบคลุมโดยออร่าดังกล่าวจะมีคุณสมบัติสลายสสารได้ในระดับโมเลกุลขึ้นกับความสามารถของผู้ใช้ และความต้านทานของเป้าหมาย *หากใช้กับสิ่งมีชีวิต จะเป็นการสร้างความเสียหายทางจิตใจ และสร้างความทรมานให้กับอวัยวะภายในแทน **สกิลนี้ไม่มีการใช้พลังเวทย์แต่อย่างใด ***ผลพิเศษนี้ไม่มีคำร่าย จึงต้องสั่งใช้งานจากการนึกคิดเท่านั้น 》
『แสงแห่งการทำลายล้าง (ต้นฉบับ) 』
《 คำอธิบาย : เมื่อใช้งานจะสร้างแสงสว่างโอบล้อมบริเวณที่ผู้ใช้อยู่เป็นจุดศูนย์กลางโดยมีรัศมี 500 เมตร มีผลทำให้ผู้ที่ผู้ใช้กำหนดให้เป็นศัตรู ซึ่งอยู่ในรัศมีของเวทย์พิเศษนี้ จะถูกลดสเตตัสลงเหลือเพียงครึ่งเดียว อัตราการฟื้นฟูของศัตรูจะลดลง (ไม่สามารถรักษาแผลฉกรรจ์ได้) และโอกาสติดสถานะผิดปกติของศัตรูจะเพิ่มขึ้น โดยอัตราดังกล่าวจะขึ้นกับเลเวลของผู้ใช้ 》
『ออร่า??? (ต้นฉบับ) 』
《 คำอธิบาย : เป็นเวทย์พิเศษที่ได้รับจากฉายา〘ผู้ใช้ออร่า〙 มีผลทำให้สามารถสร้างหรือดูดซับออร่าแบบต่างๆ เข้ามาใช้งานได้ดังเช่นของตัวเอง โดยความสามารถขึ้นกับชนิดของออร่า *ผลพิเศษนี้ไม่มีคำร่าย จึงต้องสั่งใช้งานจากการนึกคิดเท่านั้น **สกิลนี้ไม่มีการใช้พลังเวทย์แต่อย่างใด》
『ปักษาทมิฬ (ต้นฉบับ) 』
《 คำอธิบาย : เมื่อใช้งานจะสร้างปีกสีดำขึ้นกลางหลังของผู้ใช้ มีผลทำให้บินได้อย่างอิสระตามความนึกคิดของผู้ใช้ เพิ่มพลังป้องกันขึ้น 50% และเพิ่มสเตตัสด้านความว่องไวและพลังเวทย์ขึ้น 2 เท่า 》
คราวนี้ก็เป็นสกิลจำพวกเดิม แต่เปลี่ยนสายจากเทพเจ้าไปเป็นจอมมารแทน… นับวันเรานี่ยิ่งกลายเป็นตัวร้ายเข้าทุกทีแล้วแฮะ…
แต่นับในแง่ผลประโยชน์ นี่ถือว่าเยี่ยมเลย… โดยเฉพาะ『แสงแห่งการทำลายล้าง (ต้นฉบับ) 』นี่ ถ้าใช้คู่กับ『แสงแห่งการชำระล้าง (ต้นฉบับ) 』หล่ะก็ จะสร้างดาเมจได้มากถึง 4 เท่าเลย…
ที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ 『ออร่า??? (ต้นฉบับ) 』 นี่แหล่ะ…
〝มีอา มีเรื่องจะขอร้องแหน่ะ…〞
〝ได้อยู่แล้ว! อะไรงั้นเหรอกร? 〞
〝ช่วยใช้แองเจิ้ลโหมด ให้หน่อยได้รึเปล่า〞
〝ได้อยู่แล้ว! 〞
มีอาที่นั่งพับเพียบอยู่ด้านขวาของกร ตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่นในทันทีที่ได้ยินคำขอร้องของกรและจัดการใช้แองเจิ้ลโหมดจนกระทั่งทั่วทั้งร่างถูกคลุมด้วยออร่าสีชมพูอ่อน โดยที่ไม่ยังไม่ได้ยินเหตุผลของกรด้วยซ้ำ
〝งั้นก็… ขอลองดูดซับดูหน่อยนึงแล้วกัน…〞
มีอาเองก็สังเกตมาตั้งแต่แรก เลยพอเข้าใจการกระทำของกรหลังจากที่อ่านสกิล『ออร่า??? (ต้นฉบับ) 』นั่น
ในเวลาเดียวกับที่กรยื่นมือขวาออกไปข้างมีอา เธอก็กุมมันกลับด้วยมือทั้งสองข้างในทันที แล้วชั่วพริบตาที่กรสั่งใช้งานสกิลด้วยความคิด ออร่าสีชมพูอ่อนของมีอาก็ดูดเข้ามาในร่างกายของกร
〝อือ〜〜〞
〝เป็นอะไรรึเปล่ามีอา!!! 〞
กรตะโกนแทบจะสุดเสียงด้วยความตกใจเมื่อมีอาครางออกมา เพียงแต่ว่า…
〝มะ ไม่ใช่นะกร… คะ แค่ว่ามัน… เหมือนจะรู้สึกดี ไปหน่อยหน่ะ ก็เลย…〞
〝อ้าว!? 〞
เอ๋! จะว่าไป เธอก็ทำหน้าแดงๆ บิดตัวไปมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ….
ไอ้สกิลบ้านี่มันอะไรว๊ะเนี่ย เอ็งทำอะไรมีอากันแน่ฟ่ะ——
〝!!!!!! 〞
การดูดซับเสร็จสิ้นลงด้วยเวลาอันสั้นในขณะที่กรยังคงพร่ำพรรณนาบางอย่างอยู่ในใจ แล้วผลลัพธ์ก็คือ ทั่วทั้งตัวของกรเองก็มีออร่าแบบเดียวกันกับมีอาคลุมร่างอยู่เหมือน… เพียงแต่ที่แตกต่างจากในอดีตที่กรยืมพลังของมีอาก็คือ ตอนนี้เขาสามารถสร้างออร่าชนิดนี้เองได้แล้ว…
อืม…. ดีเหมือนกันนะเนี่ย! ดูเหมือนความเร็วและความคล่องตัวจะเพิ่มขึ้นมากเลย…
ก็ความเร็วคือจุดแข็งของมีอานี่นา… งั้นที่ว่า《 ความสามารถขึ้นกับชนิดของออร่า 》 นี่ ก็หมายความว่าขึ้นกับเจ้าของเดิมด้วยสินะ…
แต่เหมือนจะอันตรายในหลายๆ ความหมายกับมีอา… เพราะงั้นกับเมอร์ลินก็คงไม่ใช้ด้วยแน่ๆ … งั้นสกิลพวกนี้เอาไว้แค่นี้แหล่ะ
งั้นคร่าวๆ คงประมาณนี้สินะ… ถ้างั้นต่อไปก็…
『กลืนกิน (พัฒนาจากดูดซับทุกสิ่ง) (ต้นฉบับ) 』
《 คำอธิบาย : สกิลพัฒนาแล้วของ ดูดซับทุกสิ่ง??? เป็นสกิลจากการได้รับฉายา〘กลืนกิน (พัฒนา) 〙สามารถกลืนกินสสารและพลังงานทุกอย่างยกเว้นสิ่งมีชีวิตได้ และสามารถนำคุณสมบัติของสิ่งนั้นมาเป็นของตัวเองได้ *อนึ่งไม่สามารถใช้กับสิ่งที่มีระดับสูงกว่าตัวเองได้ **วิธีใช้ ใช้อัญมณีที่ติดอยู่หลังมือซ้ายเป็นตัวกลางในการดูดซับ โดยเพียงแค่สัมผัสและนึกคิดเท่านั้น》
『หัตถ์ผสมผสาน (ต้นฉบับ) 』
《 คำอธิบาย : เป็นสกิลจากการได้รับฉายา〘ฝ่ามือพลิกกระดานกฏ〙 สกิลที่สามารถนำสกิล เวทย์มนตร์และสิ่งต่างๆ มาผสมผสานกันเพื่อให้ได้สิ่งใหม่ที่มีคุณสมบัติเดิมของทั้งสองสิ่งคงอยู่ทั้งคู่อย่างสมบูรณ์ โดยไม่ทำให้ผลพิเศษเสื่อม *อนึ่งไม่สามารถใช้กับสิ่งที่มีระดับสูงกว่าตัวเองได้ **วิธีใช้ ต้องทำการถ่ายพลังเวทย์ลงไปที่อักขระเวทย์ที่ฝ่ามือขวา เพื่อให้สกิลเริ่มทำงาน ***การทำงานของสกิลนี้ใช้จินตนาการของผู้ใช้เป็นสำคัญ 》
『หัตถ์สรรค์สร้าง (ต้นฉบับ) 』
《 คำอธิบาย : เป็นสกิลจากการได้รับฉายา〘ฝ่ามือพลิกกระดานกฏ〙 สกิลที่สามารถสร้างสกิล เวทย์มนตร์และสิ่งต่างๆ ขึ้นได้ หากมีสิ่งจำเป็นในแต่ละอย่าง (กรณีสกิลและเวทย์มนต์คือหลักการ กรณีของเครื่องมือใช้สอยคือส่วนประกอบและวัสดุ) *อนึ่งไม่สามารถใช้กับสิ่งที่มีระดับสูงกว่าตัวเองได้ **สร้างได้เฉพาะสิ่งที่ผู้ใช้เข้าใจโครงสร้าง หลักการและส่วนประกอบของสิ่งที่จะสร้างเท่านั้น ***วิธีใช้ ต้องทำการถ่ายพลังเวทย์ลงไปที่อักขระเวทย์ที่ฝ่ามือซ้าย เพื่อให้สกิลเริ่มทำงาน ****การทำงานของสกิลนี้ใช้จินตนาการของผู้ใช้เป็นสำคัญ 》
คราวนี้เป็นสกิลโคตรโกงที่สามารถผสานหรือสร้างอะไรก็ได้งั้นเหรอ? นี่มันจะเกินไปหน่อยแล้วมั้งเนี่ย
แล้วพออ่านเจ้าสกิลนี่ก็เพิ่งจะสังเกตเห็นแฮะ.. ว่ามีรอยสักอยู่ที่ฝ่ามือทั้งสองข้างเลย… ถึงลายจะไม่เหมือนกัน แต่ก็เป็นรูปแบบเดียวกัน…
แต่อีแบบนี้ เราก็ต้องศึกษาพวกสกิลกับเวทย์เพิ่มอีกสิเนี่ย… ก็เพื่อศึกษาหลักการ แล้วเอาไปสร้างสกิลหรือเวทย์ใหม่นั่นแหล่ะ แต่ยังดีนะที่ต้องเข้าใจหลักการก่อนถึงจะสร้างได้
เพราะถ้ามันสามารถสร้างอะไรก็ได้ทันทีหล่ะก็ คงควบคุมไม่ได้กันพอดี… สมดุลธรรมชาติเสียพอดีนะแบบนั้นหน่ะ… เพราะงั้นก็เลยยังพอมีเหตุผลอยู่บ้างแหล่ะนะ ที่ต้องเข้าใจหลักการก่อนสร้างหน่ะ
งั้นก็เหลือแค่สกิลพิเศษแล้วสินะ….
『รีดดิ้งอาย (ต้นฉบับ) 』
《 คำอธิบาย : เป็นสกิลจากการได้รับฉายา〘เนตรแห่งจอมมาร〙 มีผลทำให้ได้รับความสามารถในการอ่านวงจรเวทย์และการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตจากสกิลและอื่นๆ ที่เกิดการเคลื่อนไหวโดยละเอียดได้ ซึ่งจะช่วยในการคาดเดาสกิลและเวทย์มนต์ รวมทั้งประเภท จำนวน ฯลฯ จากการอ่านวงจรเวทย์ โดยความสามารถขึ้นกับความชำนาญและความสามารถเฉพาะตัวของผู้ใช้ *วิธีใช้ สั่งใช้งานสกิลด้วยความนึกคิดพร้อมกับถ่ายพลังเวทย์ลงไปยังตาขวาเพื่อเริ่มใช้งาน 》
『ไรท์ติ้งอาย (ต้นฉบับ) 』
《 คำอธิบาย : เป็นสกิลจากการได้รับฉายา〘เนตรแห่งจอมมาร〙 มีผลทำให้ได้รับความสามารถในการคัดลอกสกิล เวทย์มนต์และการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตจากสกิลและอื่นๆ ที่เกิดการเคลื่อนไหวโดยละเอียดได้ อนึ่ง จำเป็นต้องมีข้อมูลของสกิล เวทย์ การเคลื่อนไหวนั้นๆ ก่อน แนะนำให้ใช้ควบคู่กับรีดดิ้งอายเพื่อให้สามารถอ่านและคัดลอกได้ในทันที *วิธีใช้ สั่งใช้งานสกิลด้วยความนึกคิดพร้อมกับถ่ายพลังเวทย์ลงไปยังตาซ้ายเพื่อเริ่มใช้งาน 》
『ออโต้รีไวฟ์ (ต้นฉบับ) 』
《 คำอธิบาย : เป็นสกิลจากการได้รับฉายา〘ผู้ไม่ยอมตาย〙มีผลพิเศษที่เป็นแบบติดตัว 2 อย่าง『รีคัฟเวอร์』➾ ร่างกายจะคืนดุลยภาพที่ดีที่สุดเมื่อถึงจุดที่ร่างกายเสี่ยงต่ออันตรายเสมอ โดยมีผลเฉพาะสิ่งที่ร่างกายสามารถผลิตได้ด้วยตัวเอง เช่นเลือด ฮอร์โมนหรือการควบคุมอุณหภูมิเท่านั้น ดังนั้นทั้งสารอาหาร เกลือแร่และน้ำในร่างกายจะไม่สามารถคืนสภาพให้ได้เมื่อถึงจุดวิกฤต『รีไวฟ์』➾ เมื่อร่างกายบาดเจ็บสาหัสหรือถึงแก่ความตาย ต่อให้ไม่เหลือชิ้นส่วนหรือเซลล์ซักเซลล์เดียว ก็ยังสามารถฟื้นกลับมาจากความว่างเปล่าในสภาพสมบูรณ์เหมือนก่อนหน้าได้เสมอ *สกิลทั้งสองเป็นแบบติดตัวไม่ต้องสั่งใช้งาน แต่ยังสามารถสั่งใช้งานด้วยตัวเองได้ทุกเมื่อเช่นกัน **การควบคุมพลังเวทย์ในส่วนนี้ถูกแบ่งโดยอัตโนมัติและจะถูกแบ่งมาใช้ในสกิลนี้ก่อนเป็นอันดับแรกเหนือสกิลอื่น 》
〝หึหึ! 〞
〖แบบนี้มัน… ถึงจะโกงก็เถอะ… แต่ก็เห็นความหวังอยู่ไม่ไกลเลยนะครับเนี่ย? 〗
กรหัวเราะออกมาด้วยความดีใจ พลางโดนฟรังซ์แซวในเชิงคาดหวัง หลังจากอ่านสกิลพิเศษอันใหม่ทั้ง 3 นี้ นั่นทำให้ทุกคนที่อยู่ข้างๆ ตกตะลึงอีกครั้ง ที่มีสกิลมหาโกงอยู่ในกำมือของกรอีกแล้ว…
หึหึ! สกิลที่ไม่มีวันตายงั้นเหรอ หึ! ฮะฮ่ะฮ่ะฮ่ะฮ่ะฮ่ะ!!!
มันต้องแบบนี้สิ… นี่เราคงได้มาตอนที่ฟื้นสภาพจากที่ไอ้ทศกัณฑ์มันตัดร่างเราเป็นชิ้นๆ นั่นสินะ…
แต่ผลลัพธ์นี่เกินคาดมาก…. ขนาดจอมมารบู ถ้าไม่เหลือซากก็คือตายแท้ๆ
แต่เราเนี่ยสิ… ต่อให้ถูกระเบิดไม่เหลือซาก ก็ยังฟื้นมาจากความว่างเปล่าได้งั้นเหรอ… นี่มันโกงขั้นเทพ ไม่สิ… สุดยอดขั้นเทพต่างหาก…
แล้วยังมีสกิลที่สามารถอ่านวงจรเวทย์ได้…
เห็นว่าเป็นสกิลเนตร ฉันเลยถามมีอาดูว่าตาของฉันตอนนี้เป็นยังไงบ้าง… เพราะจำได้ว่าครั้งล่าสุด ถูกสกิลของไอ้ยักษ์เวรนั่นทำลาสยตาทั้งสองดวงไปแล้ว… เพราะงั้นที่ได้สกิลเนตรมานั่นก็ต้องเกี่ยวด้วยแน่
แล้วคำตอบของมีอาก็คือ…
ตาของฉันยังคงมีลักษณะเหมือนเดิม… เพียงแต่แสงที่สะท้อนออกมาจากดวงตา ไม่ใช่สีใสๆ แบบเดิมอีกต่อไปแล้ว…
ตาดำซ้ายเป็นสีดำสนิท แต่เมื่อสะท้อนกับแสงอาทิตย์กลับสะท้อนสีแดงสดของเลือดออกมาแทน… งั้นสีตาดำของฉันในตอนนี้ แทนที่จะเป็นดำมันน่าจะเป็นแดงที่เข้มมากจนเกือบจะดำเสียมากกว่า
ส่วนตาดำขวาเองก็เป็นแบบเดียวกัน เพียงแต่สีที่สะท้อนออกมาเป็นสีม่วงเข้มเท่านั้น… นี่เรากลายเป็นพวกตาสองสีไปแล้วงั้นเหรอเนี่ย?
แต่มันก็สะดวกสุดๆ ไปเลยหล่ะ สำหรับไว้ตรวจกับดักกับเล่ห์เหลี่ยมของจอมเวทย์ แถมยังสามารถก๊อปสกิลกับเวทย์เฉพาะได้อีก….. เพราะงั้นแค่สีตาคงไม่เป็นไรหรอก แถมถ้าไม่สังเกตก็ไม่เห็นด้วย…
ถึงมีอาจะบอกว่าสังเกตเห็นตั้งแต่ที่ฉันตื่นขึ้นมาแล้วก็เถอะ… เก็บรายละเอียดดีจังแฮะ…
ไม่สิ เพราะเป็นฉันเลยสังเกตุก่อนสินะ… น่าดีใจจนอยากพุ่งเข้าไปกอดมีอาซะตอนนี้เลยจริงๆ ให้ตายสิ!
อา… แต่ก็นะ ยังไงๆ พวกนี้มันก็น่าตกใจจริงๆ นั่นแหล่ะ… ก็ถึงกับทำให้เมอร์ลินกับเคลเบรอสพูดไม่ออกไปเลยนี่นา
〝หึหึ! อย่าพึงตะลึงกันสิ… เพราะของจริงฉันว่าน่าจะอยู่ที่ไอ้นี่ต่างหากหล่ะ〞
〝〝!!!!! 〞〞
กรไม่พูดพร่ำทำเพลง แล้วก็จัดการสั่งใช้งานอีกหนึ่งสกิลที่เป็นตัวหลักให้ทุกคนได้ชม นั่นก็คือ『ตั้งค่าขั้นสูงสุด (ต้นฉบับ) 』 ที่ถูกเพิ่มระดับขึ้นเป็นสูงสุดไปแล้วนั่นเอง…
กรนั้นรู้อยู่แล้วว่าสกิลนี้แสดงผลยังไงเลยไม่ได้เปิดคำอธิบาย… กรจึงสั่งใช้งาน หน้าต่างตั้งค่าทั้งหมดกว่า 20 หน้าต่างออกมาลอยอยู่รอบๆ ตัวเขาที่นั่งขัดสมาธิอยู่เพื่อไม่ให้เสียเวลาในทันที เพียงแต่ว่า….
อ้าว! แปลกจังแฮะ… หน้าต่างเหมือนเดิมทุกอย่างเลยนี่หว่า…
หืม? ไม่สิ…. ที่มุมขวาบนนั่น มีสัญลักษณ์บางอย่างอยู่….
แล้วพอกรสังเกตหน้าต่างทั้งหมด ก็พบจุดร่วมใหม่ของทุกหน้าต่าง นั่นคือมีสัญลักษณ์อยู่สองอย่าง
เรียงจากซ้ายไปขวา… หนึ่งคือเครื่องหมายไมโครโฟน ที่ไม่เข้าใจว่าเอาไปทำอะไร… ต่อไปคือเครื่องหมายคำถามที่อยู่ตัดมุมหน้าต่างของทุกๆ หน้าต่าง กรจึงคิดเป็นอย่างแรกเลยว่าเครื่องหมายคำถามนั่นคือตัวช่วยแก้ปัญหา จึงเอานิ้วจิ้มไปที่มัน แล้วจากนั้นก็มีหน้าต่างเล็กๆ เด้งขึ้นมาในทัศนวิสัย
《 *หมายเหตุ เมื่อกดเครื่องหมายไมโครโฟน จะเปลี่ยนเป็นระบบรับคำสั่งด้วยเสียง แล้วจากนั้นหน้าต่างตั้งค่าแต่ละอันจะแสดงส่วนเสริมดังที่ได้รับคำสั่ง แล้วจึงสามารถใช้งานได้อย่างในทุกขอบข่ายที่มีความเกี่ยวข้องกับผู้ใช้โดยตรง 》
เดี๋ยวสิ! งั้นก็หมายความว่า….
〝ผะ แผนที่โลก… จงแสดงผลแบบ 3 มิติ! 〞
【รับทราบ! 】
เสียงตอบกลับแบบโมโนโทนไม่ทราบเพศอันคุ้นเคย ดังขึ้นในสติของกร
ทันใดนั้น หน้าต่างตั้งค่าในส่วนการแสดงแผนที่ ที่เคยแสดงได้แค่แบบ 2 มิติ ก็หงายขึ้นมา ที่เป็นสัญลักษณ์สิ่งก่อสร้างก็งอกขึ้นมาจากภาพสองมิติ กลายสภาพเป็นแท่งและขยายออกเป็นรูปร่างสามมิติแบบต่างๆ แล้วยังคงความละเอียดไว้ในระดับสูง ถึงขนาดที่ซูมเข้าไปได้ถึงขอบโต๊ะเล็กๆ ในปราสาทของบางประเทศได้เลยทีเดียว
〝เจ้าหนู… ข้าหมดคำพูดแล้วจริงๆ เฮ้อ! 〞
〝นี่มันยิ่งกว่าคำว่าโกงแล้วนะ! 〞
〝เอ๋! นี่มันออกจะสุดยอดแท้ๆ 〞
〖ฮะฮ่ะ… น่าแปลกที่ผมเห็นด้วยกับคุณมีอานะครับ〗
ต่างคนก็ต่างมีปฏิกิริยาต่างๆ กันไป แต่กรสนใจแค่มีอากับเมอร์ลินเป็นพิเศษ แต่ก็เห็นว่าไม่ได้ตกใจจนเกินควร กรจึงไล่ดูหน้าต่างทั้งหมดต่อไปอีก…
งั้นก็หมายความว่า สามารถควบคุมหน้าต่างทั้งหมดได้เลยงั้นสิ… สามารถปรับค่าด้วยเสียงได้แบบนี้ก็เหมือนกับจะบอกอ้อมๆ เลยแฮะว่า
อยากจะให้ทำอะไร ก็เชิญสั่งมาได้เลยค่ะนายท่าน… ไรเงี้ย
เพราะงั้นก็ต้องลองดูขอบเขตสูงสุดก่อน ว่าเรามอบคำสั่งได้แค่ไหน…… หืม?
และในขณะที่กรกำลังเลื่อนหน้าต่างไปเรื่อยพลางคิดนู่นนี่นั่นอย่างเรื่อยเปื่อย เพราะกำลังเบื่อที่มีแต่หน้าต่างเดิมๆ … เขาก็พบเข้ากับหน้าต่างอันใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งด้วยความหมายที่ไม่เข้าใจ แต่พอคลับคล้ายคลับคลาว่าคืออะไร… เขาจึงพึมพำชื่อของหน้าต่างนั้นออกมาเบาๆ ด้วยความสงสัยและงงงวยแบบสุดๆ
〝อะไรเนี่ย… ไอ้『หน้าต่างค่าสิทธ์』 เนี่ย? 〞
คำพูดพึมพำเบาๆ ของกร ทำให้ทุกคนหันมาสนใจกันหมด
แล้วพอหลังจากที่กรรู้ว่าหน้าต่างนั้น… มันช่างคล้ายกับ หน้าต่างที่ใช้ปรับสิทธ์การเข้าถึงของแอดมินหรือ GM เขาก็ตกตะลึงยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ที่ของพรรค์นี้กลายมาเป็นหนึ่งในสุดยอดความสามารถของตัวเอง….
❖❖❖❖❖