ชีวิตบัดซบเพราะถูกส่งมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้สุดโหดไปตบเกรียน - ตอนที่ 33 เพราะไม่มีใครคาดคิด มันจึงเรียกได้ว่าเป็น〖อุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน〗
- Home
- All Mangas
- ชีวิตบัดซบเพราะถูกส่งมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้สุดโหดไปตบเกรียน
- ตอนที่ 33 เพราะไม่มีใครคาดคิด มันจึงเรียกได้ว่าเป็น〖อุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน〗
〝ต่อจากนี้จะไม่มีการออมมือแล้วนะ…〞
〝ฮะฮ่ะ! พูดเหมือนกับว่าก่อนหน้านี้ไม่ได้กะเอาให้ตายเลยนะ〞
หลังจากที่ผู้ประกาศเปลี่ยนแปลงลักษณะภายนอกไปจากเดิม โดยมีอักขระสีแดงสดปรากฏขึ้นทั่วร่างอย่างสลับซับซ้อน รวมถึงน้ำเสียงที่เรียบเฉยและเย็นชาของเธอเองก็เปลี่ยนไปจากครั้งแรกเช่นกัน นั่นจึงทำให้กรที่ตอบเธอกลับไปด้วยน้ำเสียงปกติแบบนั้น แต่กลับมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเขาหลายต่อหลายหยดอย่างต่อเนื่องจนถึงขั้นไหลลงไปถึงลำคอ และทำได้แค่หัวเราะแห้งๆ กลบเกลื่อนกลับไปเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าตัวเขาค่อนข้างกระวนกระวายกับสถานการณ์ในตอนนี้มากเลยทีเดียว
แย่แล้ว! แย่แล้วไหมหล่ะ! ปีศาจงั้นเหรอ?
งั้นนี่ก็คือเผ่าที่ พวกนักเรียนผู้กล้าทุกคน ต้องสู้ในอนาคตงั้นสิ? จะบอกว่าซักวันพวกรินจะต้องเผชิญหน้ากับตัวตนแบบนี้งั้นเหรอ?
ตัวเราเองยังไม่มั่นใจ 100% เลยว่าจะชนะยัยนี่ได้
พวกรินหน่ะไม่ไหวหรอก! ไม่ได้ดูถูกนะ แต่ยังไงก็ไม่ไหวชัวร์ๆ ——
〝รับมือ!!! 〞
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! —————————
〝!!!!!! 〞
หลังจากการสนทนาพอเป็นพิธีจบลง ผู้ประกาศสาวก็ทำการยิงศรสีดำแดงออกมาจากทางด้านหลังโดยที่ไม่ได้ร่ายเวทย์อีกครั้ง แต่หนนี้มีจำนวนมากถึง 200 ดอกต่อวินาทีเลยทีเดียว กรจึงตอบสนองกลับทันทีด้วยการสร้างโล่สีขาวที่มีลวดลายอันวิจิตรและงดงาม ด้วยสกิล『Sacred God Armor Form』ขึ้นมา 6 อันโดยทำเป็นสองขั้น ขั้นละ 3 อัน จากนั้นก็สร้างแบบเดียวกันอีกครั้งนึงจนกลายเป็นโล่ 2 ชั้น รวมทั้งสิ้นแล้ว กรได้สร้างโล่จากสกิลนี้ถึง 12 อันในเวลาเพียงเสี้ยววินาที
จากนั้นลูกศรสีดำแดงจำนวนมหาศาลก็พุ่งตรงมายังจุดที่กรยืนอยู่เป็นห่าฝนเลยทีเดียว การโจมตีส่วนใหญ่ไม่สามารถทะลุไปถึงโล่ชั้นที่ 2 ของกรได้ แต่ก็มีบ้างที่โล่ถูกการโจมตีมากกว่าหนึ่งครั้งซ้อนกัน จนสามารถเล็ดรอดเข้าไปได้ และแทงลึกมาจนถึงจุดที่กรยืนอยู่ข้างหลัง กรจึงสร้างโล่เพิ่มขึ้นอีกชั้นหนึ่งเป็นทั้งหมด 18 อัน
ชั่วพริบตาที่กรสร้างโล่ขึ้นมาถึง 3 ชั้นนี้ ก็ทำการใช้สกิล『เนตรทวิกาล』อีกครั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้ที่กรทำการปลดมันออกเป็นเพราะ พลังเวทย์ของกรในตอนนั้นเหลือ 70% จากการคำนวณล่วงหน้า นี่คือจุดปลอดภัยที่กรต้องเก็บพลังเวทย์ไว้ใช้
แต่หลังจากที่กรดูดพลังเวทย์มาจากผู้ประกาศก่อนหน้านี้ ซึ่งเรียกได้เลยว่าเป็นจำนวนที่มากมายมหาศาล หากจะตีเป็นตัวเลขก็คงประมาณ 500 ล้านจุดเลยทีเดียว นั่นจึงทำให้กรไม่เข้าใจยิ่งกว่าเดิม ที่ผู้ประกาศสาวสามารถเติมเต็มช่องว่างอันมหาศาลนี้จนเต็มได้ในเสี้ยววินาทีนั้นทำได้อย่างไร
〝 【แอคเซลาเรชั่น!!! 】〞
ทันทีที่กรได้ยินเสียงประกาศใช้เวทย์จากผู้ประกาศอีกครั้ง ก็ทำการเปลี่ยนเนตรทวิกาลให้อยู่ใน『คอมมอนโหมด』 เพื่อมองทะลุโล่ทั้งสามชั้นของตัวเองไปยังผู้ประกาศ แล้วสิ่งที่กรเห็นก็คือ ศรทั้งหมดของผู้ประกาศถูกโอบล้อมด้วยออร่าสีส้มเข็ม แล้วความเร็วของพวกมันก็เพิ่มขึ้นกว่าเดิมโข แม้จะไม่เท่ากับกระสุนของกร แต่ก็มากกว่า 10 มัคเลยทีเดียว (1มัค ประมาณ 1,200 กม./ชม.)
บ้าเอ้ย! อีแบบนี้ไม่จบไม่สิ้นแหงๆ เลย พลังเวทย์ของยัยนี่ไม่มีวันหมดรึไงกันฟ่ะ!
ยังไม่รู้เหตุผลที่ยัยนี่ฟื้นพลังเวทย์ได้ในเสี้ยววิเลยด้วย… คงเป็นเพราะสกิลหรือฉายามั้งนะ ถ้างั้นก็คงยากที่จะรับมือหล่ะนะ ตอนนี้ที่เราทำได้ก็คงมีแต่การเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง
ผลของ『แสงแห่งการชำระล้าง』ของเราก็ยังอยู่ สเตตัสเลยเพิ่มเป็นสองเท่า… ฉายา〘จอมเวทย์บรรพบุรุษ〙 เองก็เพิ่มความเสียหายทางเวทย์ได้อีก 2 เท่า
〘ผู้ก้าวล้ำสรรพสิ่ง〙เองก็เพิ่มอีก 2 เท่าเหมือนกัน… รวมแล้วอย่างน้อยก็จะเพิ่มสเตตัสถึง 6 เท่า
แต่การใช้แขนยักษาในสถานการณ์แบบนี้ก็เสี่ยงมากเกินไป… แผนเข้าปะทะก็ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเท่าไหร่
การดับเครื่องชนลุยนี่ก็ไม่ได้อีก… ยัยนี่เป็นประเภทใช้หัวคิดนี่นา การทำแบบนั้นมันไม่ต่างกับการหลับตาเล่นหมากล้อมเลย …ฆ่าตัวตายชัดๆ!
จริงอยู่ที่การเข้าไปโจมตีมันเสี่ยง แต่การเอาแต่ตั้งรับและปล่อยให้กลายเป็นศึกยืดเยื้อนี่แหล่ะที่เสี่ยงที่สุด
ก็ยัยนั่นเติมพลังเวทย์ได้นี่นา นูเมรัลดิสเพลย์ยังคำนวณออกมาเลยว่าโอกาสแพ้ในศึกยืดเยื้อคือ 100%
ถ้างั้นก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว ต้องเข้าไปโจมตีให้รู้ผลเท่านั้นแหล่ะ!!!
.
.
ตู้ม!!! ตู้ม!!! ตู้ม!!! ตู้ม!!! ——————
〝【ฟลายอิ้งจั้มพ์! 】【แคสติ้งลิมิตเตอร์! 】【มัสเคิลเบิร์ส! 】———〞
เสียงระเบิดจากการที่ศรจำนวนมหาศาลเข้าปะทะกับโล่ของกร เกิดขึ้นจนเกิดเสียงและการสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณโดยเฉพาะกรที่อยู่ข้างหลังโล่นั้น สัมผัสถึงแรงปะทะได้เป็นอย่างดี แต่กรก็ยังคงตั้งสมาธิ และทำการใช้เวทย์สนับสนุนที่ตัวเองมีแทบจะทั้งหมดเพื่อเพิ่มศักยภาพทั้งหมดให้เพิ่มขึ้นมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อเตรียมการสำหรับเข้าปะทะในอีกไม่กี่วินาที จนตอนนี้ทั่วทั้งร่างของเขาถูกคลุมด้วยออร่าสีต่างๆ ราวกับรุ้งกินน้ำเลยทีเดียว
〝เอาหล่ะนะ! 【ปักษาสววรค์!!! 】〞
ทันทีที่ประกาศใช้สกิล ปีกสีขาวอันเป็นสัญลักษณ์ของเทพก็งอกออกมาจากบริเวณกระดูกสะบักของกร พอกรทำการกระพือปีก ตัวเขาก็พุ่งตัวขึ้นเหนือพื้นดินถึง 10 เมตรในครั้งเดียว
〝โง่รึเปล่าห๊ะ นายหน่ะ!!! คิดจะเป็นเป้านิ่งให้ฉันรึไง? 〞
〝แล้วเธอคิดว่ามันจะง่ายแบบนั้นรึไงเล่า! 〞
〝 【ดับเบิ้ลแอคเซล!!! 】〞
〝 【ดับเบิ้ลแอคเซล!!! 】〞
ทันทีที่ทั้งสองคนตะโกนแบบนั้น ทั่วร่างของทั้งสองคนก็ถูกโอบล้อมไปด้วยออร่าสีส้มแดง แล้วผู้ประกาศก็ทำการสั่งให้ศรทั้งหมดพุ่งไปยังกรที่ลอยอยู่กลางอากาศในทันที ด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิมถึง 2 เท่า
แต่กรเองก็ไม่น้อยหน้า ทันทีที่ศรจำนวนพันกว่าดอกถูกซัดเข้ามา กรก็สามารถกระพือปีกและหมุนตัวเองราวกับสว่านพร้อมกับที่พุ่งเข้าไปทางผู้ประกาศและหลบเลี่ยงศรได้ทั้งหมด แม้จะเฉียดลำตัวเขาบ้างจากจำนวนที่มากเกินไป แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเข้าปะทะแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้สเตตัสด้านความเร็วของเขาเองก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากสกิลปักษาสวรรค์ รวมถึงเวทย์ที่ใช้เร่งความเร็วของร่างกายที่ร่ายไปเมื่อครู่ ความเร็วของกรในตอนนี้เกือบจะเทียบเท่ากับกระสุนปืน 30 มัคที่เขาสร้างเองแล้วด้วยซ้ำ
〝ชิ! ถ้าความเร็วแค่นี้ใช้กับนายไม่ได้หล่ะก็!!! 〞
ทันใดนั้น ด้านหลังของผู้ประกาศก็ปรากฏบอลสายฟ้าสีเหลืองทองขนาดเท่าลูกบาสเก็ตบอล จำนวนมากกว่า 500 ลูกในพริบตาเดียว
〝【หอกแห่งเทพเจ้าสายฟ้า•มหาวายุคลั่งวัชระโตมร!!!! 】〞
ลูกบอลสายฟ้าเปลี่ยนรูปร่างเป็นหอกซัดขนาดยาวเกือบ 2 เมตรในพริบตา ก่อนที่ทั้งหมดจะพุ่งเข้าไปหากรทั้งที่เขาเองก็กำลังลอยตัวมาทางนี้เช่นกัน แตกต่างจากครั้งก่อนที่แม้จะถูกเพิ่มความเร็วจนมากกว่าความเร็วเสียงไปเกือบ 20 เท่า แต่ก็ไม่อาจทำให้กรลำบากได้ ครั้งนี้หอกทั้งหมดเป็นสายฟ้า ซึ่งก็แน่นอนว่าทั้งหมดถูกซัดออกไปด้วยความเร็วที่เทียบเท่าแสงราวกับฟ้าผ่า เธอจึงค่อนข้างมั่นใจว่ากรจะไม่สามารถหลบมันได้ แต่ทว่า…
〝บะ บ้าชัดๆ!!!!!! 〞
แล้วภาพที่ปรากฏต่อหน้าของผู้ประกาศก็คือกรที่กำลังพุ่งเข้ามา เพียงแต่ที่น่าตกใจจนทำให้เธอตะโกนออกมาดังลั่นก็คือ กรที่กำลังพุ่งเข้ามานั้นมีถึง 7 คน นั่นเองแต่ทั้งหมดปรากฏเป็นเพียงภาพเบลอๆ สั่นไหวไปมาเท่านั้น และแน่นอนว่ากรไม่ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีที่ละเอียดและรุนแรงราวกับอยู่ใต้น้ำตกนี้เลยแม้แต่น้อย
〝ไม่เห็นต้อง…〞〝…ตกใจ…〞〝…เลยนี่นา〞
ร่าง 3 ใน 7 ของกรพูดต่อๆ กัน ทั้งที่ลอยเข้ามาทางผู้ประกาศ แต่ด้วยความเร็วที่ช้าลงเล็กน้อยจากเดิมเพื่อต้องการเยาะเย้ยเธออย่างจงใจ
หึหึ! แค่บินแบบสไลด์ด้านข้าง แล้วสร้างภาพติดตาขึ้นมาก็ให้ผลลัพธ์ขนาดนี้เลย ถึงจะไม่รู้ว่าสร้างได้ขนาดไหนก็เถอะนะ
แต่ก็แน่หล่ะนะ… แค่นั้นคงหลบสายฟ้าที่มีความเร็วเทียบเท่าแสงไม่ได้หรอก
แต่ตอนนี้ฉันหน่ะสามารถมองเห็นอนาคตได้เชียวนะ!!!
แถมเรายังมีสุดยอดการประมวลผลอยู่ด้วย ถึงเห็นสายฟ้าล่วงหน้าแค่ 2 วินาที ตัวเราตอนนี้ก็สามารถหลบได้อยู่แล้ว ถึงจะมีเฉียดๆ ไปบ้างก็เถอะ แต่ขอแค่ไม่โดนตรงๆ ซะอย่างก็โอเค
.
.
หลังจากที่เธอทำการโจมตีกรอย่างต่อเนื่องกว่า 30 วินาที แต่กลับไม่ได้ผลเลยซักนิด เธอจึงเลิกโจมตีด้วยวิธีดังกล่าว และคิดแผนการใหม่ในทันที
ด้วยความที่เธอถือไพ่เหนือกว่ากรในด้านข้อมูล ซึ่งสิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งที่กรต้องการรู้ เธอจึงเริ่มการสนทนาอีกครั้งในขณะเดียวกับที่เร่งความคิดให้เร็วขึ้นพร้อมกับคิดแผนการนับร้อยอยู่ในหัว แต่ก็ไม่พ้นที่จะตั้งท่าตั้งรับและสร้างเวทย์โจมตีไว้ล่วงหน้าด้านหลังเหมือนปกติ
ส่วนกรที่เห็นเธอเปลี่ยนท่าทีกะทันหันก็ทำแค่ลอยคว้างอยู่ในอากาศ ด้วยร่างทั้ง 7 แต่ก็ยังคงระแวงผู้ประกาศไม่หายและค่อยๆ เข้าหาอย่างช้าๆ พร้อมกับร่ายเวทย์สนับสนุนเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
〝ถึงฉันจะอยู่ในร่างนี้ แต่ก็ยังสร้างความห่างชั้นกับนายไม่ได้เลยงั้นเหรอ… สมกับที่ผ่านการจุติมาแล้วถึง 3 ครั้งเลยนะ〞
〝หืม… นี่แอบดูมาตลอดเลยงั้นเหรอ? 〞
〝…..ทำไมถึงตอบคำถามด้วยคำถามหล่ะหืม! 〞
ฟุบ!
ฟุบ!
จากนั้นทั้งสองคนก็ยื่นมือข้างซ้ายของตัวเองไปข้างหน้าราวกับจะคว้าอีกฝ่ายมาอยู่ในมือ แล้วด้านหลังของทั้งสองคนก็เกิดวงเวทย์หลากหลายรูปแบบ ซึ่งทั้งหมดต่างก็มีความสลับซับซ้อน จะมีก็แต่ขนาด สี รูปร่างและลวดลายของมันเท่านั้นที่ต่างกัน
วงเวทย์ทั้งหมดเพิ่มจำนวนขึ้นด้านหลังของทั้งสองคนจนนับไม่หวาดไม่ไหว เพียงแต่ของผู้ประกาศมีอัตราเร็วในการเพิ่มขึ้นมากกว่ากรเกือบๆ เท่าตัว นั่นเพราะแม้กรจะถูกบัฟด้วยเวทย์สนับสนุนมากมายก็ตาม แต่ก็ต้องประกาศใช้เวทย์ก่อนอยู่ดี ซึ่งต่างจากตัวผู้ประกาศสาวที่ไม่จำเป็นต้องร่าย กรจึงต้องทดแทนด้วยพลังแทนที่ความเร็วที่ด้อยกว่าเธอแทน
〝ย้า!!!!! 〞
〝ย้า!!!!! 〞
วงเวทย์ทั้งหมดเปล่งแสงสว่างขึ้นจนทั่วลานประลองฉายแสงหลากสีราวกับกำลังทำการแสดงบนเวทีอยู่ยังไงอย่างงั้น แล้วจากนั้นศรแสงก็พวยพุ่งออกมาจากวงเวทย์ด้านหลังของทั้งสองคนอย่างต่อเนื่องหลายต่อหลายครั้ง พุ่งเข้าไปเพื่อหวังปลิดชีพคนที่อยู่ตรงข้ามตนเองเพื่อตอบสนองเสียงตะโกนของทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว
ตู้ม!!! ตู้ม!!! ตู้ม!!! ตู้ม!!! ——————
ตู้ม!!! ตู้ม!!! ตู้ม!!! ตู้ม!!! ——————
ลูกศรทั้งสองฝั่งเข้าปะทะกันตรงจุดกึ่งกลางระหว่างทั้งสองคนอย่างรุนแรง จนเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งห้อง
〝อึก! 〞
〝หนอย! 〞
แต่ก็แน่นอนว่าศรทั้งหมดไม่อาจเข้าปะทะกันได้ ส่วนที่ไม่เข้าปะทะกัน ก็พุ่งผ่านจุดปะทะตรงกลางของทั้งสองคน และพุ่งไปยังจุดที่ทั้งสองคนอยู่บ้าง แต่ก็แค่เฉียดๆ เท่านั้น ทำให้ตอนนี้อีกฝ่ายเต็มไปด้วยบาดแผลและรอยฟันมากมายทั่วร่างและมีเลือดไหลออกมามากพอสมควร
แต่ถึงกระนั้นทั้งคู่ก็ไม่ได้ขยับออกจากจุดที่ยืนอยู่เลยแม้แต่น้อย ไม่ใช่ว่าไม่ขยับ แต่ขยับไม่ได้ต่างหาก เพราะวงเวทย์ที่ทั้งสองคนกำลังใช้อยู่นั้น เป็นเวทย์แบบต่อเนื่องที่ทำงานในระยะยาว ไม่ใช้แบบใช้แล้วทิ้งเหมือนทุกที จึงต้องใช้สมาธิในการควบคุมมากทีเดียว แถมจำนวนก็ยังมากกว่า 200 อันอีกต่างหาก เรียกได้ว่าหากเสียสมาธิไปเพียงเสี้ยววินาที ก็สามารถทำให้วงเวทย์หยุดทำงานได้เลย
〝【เอ็กซ์โพลชั่น!!! 】〞
〝【ไฟเยอร์บอมบ์!!! 】〞
ตู้ม!!! ตู้ม!!!
และแน่นอนว่าทั้งสองคนไม่ปล่อยให้ตัวเองบาดเจ็บมากไปกว่านี้ แม้จะโดนแค่เฉียดๆ แต่จะโดนจุดสำคัญตอนไหนก็ขึ้นอยู่กับเวลา กรและผู้ประกาศสาวจึงใช้เวทย์เพื่อขัดจังหวะอีกฝ่ายพร้อมๆ กันขึ้นมาในทันที
ทันใดนั้นตรงพื้นจุดที่ผู้ประกาศยืนอยู่ก็เกิดระเบิดขนาดใหญ่ขึ้น จนถึงขนาดที่แรงระเบิดถูกส่งไปถึงมีอาที่อยู่บนอัฒจันทร์ได้เลยทีเดียว จนเพลิงสีดำทมิฬบริเวณเท้าของเธอเองก็ถูกแรงระเบิดพัดหายไปพร้อมๆ กันด้วย
ส่วนทางด้านของกรเองก็ถูกขัดจังหวะโดยบอลเพลิงของผู้ประกาศเช่นกัน ซึ่งมันได้โผล่ขึ้นมาอย่างกระทันหันบริเวณกึ่งกลางระหว่างร่างทั้ง 7 ของกรที่ลอยอยู่กลางอากาศ แล้วเกิดระเบิดขึ้นเช่นกัน และระเบิดขนาดใหญ่นี้ก็มาพร้อมกับไฟสีส้มแดงพวยพุ่งออกมาจากศูนย์กลางของระเบิด คลอบคลุมครึ่งหนึ่งของลานประลองเลยทีเดียว
❖❖❖❖❖
แฮ่ก! แฮ่ก! แฮ่ก! แฮ่ก! แฮ่ก! ——————
หลังจากการปะทะกันอย่างหนักหน่วงและต่อเนื่องเมื่อครู่ ทั้งคู่จึงทำได้แค่หาใจหอบออกมาเพราะร่างกายและจิตใจใกล้จะถึงขีดจำกัดเข้าทุกที ตอนนี้กรยังสามารถคงสกิลทุกอย่างไว้อยู่เช่นเคยและกำลังยืนอยู่ในท่าตั้งการ์ดของนักมวยแต่หย่อนเข่าต่ำกว่าปกติมากเพราะอ่อนแรงเต็มที เช่นเดียวกับผู้ประกาศที่สามารถยืนอยู่ได้ด้วยขาที่อ่อนแรงลงมากราวกับจะล้มลงไปนั่งแบะขาได้ทุกเมื่อ แต่ก็ยังคงฝืนใช้ไม้เท้าของตัวเองค้ำพื้นอยู่ได้ แถมอักขระที่อยู่บนร่างเธอเองก็ถึงกับจางหายไปบางส่วนอีกด้วย
ที่เหมือนกันคือ ทั่วทั้งตัวของทั้งสองคนเต็มไปด้วยบาดแผลและรอยฟันเล็กๆ ไปทั่วร่าง รวมถึงมีรอยไหม้และยังคงมีควันเกิดขึ้นตามตัวเขาจนคลุ้งอยู่เลย อนึ่งด้วยแรงระเบิดและการปะทะเมื่อครู่เลยทำให้เวทย์เพลิงแห่งความมืดของผู้ประกาศที่ใช้มาตั้งแต่แรกหายไปแล้ว
〝เหนื่อย… แฮ่ก! เกินไป… แล้ว! 〞
〝ก็เธอ… แฮ่ก! ดันอยากเอาจริง… แฮ่ก! เองนี่หว่า 〞
ตอนนี้แม้ทั้งสองจะระวังอีกฝ่ายอยู่ตลอด ท่าทางก็ไม่ได้ระวังตัวและเปิดช่องว่างเต็มไปหมด แต่กลับทำให้อีกฝ่ายเห็นว่าเป็นกับดักไปเสียอย่างงั้น ทั้งที่ความจริงแล้วทั้งคู่ต่างก็แค่เหนื่อยหอบและไร้เรี่ยวแรงเต็มทนเท่านั้นเองแท้ๆ ทั้งคู่จึงยังระแวงอีกฝ่ายไม่หายทั้งที่พูดตอบกลับอีกฝ่ายด้วยเสียงที่เหนื่อยล้าเต็มที
แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้ปล่อยให้เวลาและการสนทนาผ่านไปอย่างสูญเปล่า เพราะในขณะที่คุย ต่างฝ่ายต่างก็ปรับลมหายใจและสภาพร่างกายของตัวเองให้กลับมาปกติอีกครั้งไปพร้อมๆ กัน
〝นายนี่มัน… จะหน้าด้านหน้าทน… ไปถึงไหนกัน? 〞
〝ธะ เธอเองก็เหมือนกันนั่นแหล่ะ… 〞
〝ถึงจะยังไม่ได้เอาจริงจนหมดก็อก… แต่ก็ทำให้นายเจ็บหนักไม่ได้เลย… 〞
〝จะบอกว่า ตัวเองยังออมมืออยู่งั้นสิ? 〞
〝นายเองก็ยังไม่ได้ใช้สกิลทั้งหมดเลย… ไม่ใช่รึไงกัน? 〞
〝รู้ดีจังนะเธอเนี่ย! คงไม่ใช่ว่าแอบตามดูอยู่ตลอดหรอกนะ 〞
〝ต้องให้ชดใช้เรื่องที่พังประตูห้องบอสชั้นที่ 25 ด้วย… เพราะงั้นเตรียมใจไว้ได้เลย〞
〝นี่แอบดูอยู่จริงๆ หล่ะสินะยัยนี่! 〞
เข้าใจหล่ะ! เหตุผลที่ยัยนี่รู้เรื่องของเรามากเกินไป
สาเหตุนึงก็น่าจะเป็นเพราะแอบดูเราอยู่ตลอดนั่นแหล่ะ เป็นพวกโรคจิตรึไง? สตอล์คเกอร์หรืออะไรเนี่ย
จะบอกว่าเป็นผู้ประกาศแล้วจะแอบดูได้รึไง! แต่คาแรคเตอร์ก็ให้อยู่นา
ถ้าให้ยัยนี่นั่งอยู่หน้าจอคอมที่มีหลายๆ หน้าต่าง เหมือนกับพวกรักษาความปลอดภัยเนี่ยใช่เลย!
ไม่สิ! นี่มันเสียเปรียบสุดๆ เลยไม่ใช่เหรอ!? ทางนั้นถือไพ่เหนือกว่าทั้งในด้านข้อมูลและพลัง สกิลและเวทย์มนต์เองก็เหนือกว่าด้วย
แล้วมาเป็นเอาช่วงตัดสินอย่างตอนใกล้จบศึกเนี่ยนะ ฝันร้ายชัดๆ …อีแบบนี้ปิดบังพลังไปก็ไม่มีผลเลยหน่ะสิ
〝แล้วที่ไม่ใช้แขนขวานั่น… ปอดแหกรึไง? 〞
〝ชิ! ถ้าแอบดูอยู่ก็รู้ไม่ใช่รึไงว่ามันมีความเสี่ยง! 〞
〝หึ! เริ่มกลัวขึ้นมาแล้วสินะ ที่จะต้องฆ่าคนหน่ะ! 〞
〝…………〞
กรที่ได้ยินผู้ประกาศพูดแทงใจดำไปแบบนั้นตรงๆ ก็ถึงกลับพูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียว แต่ถึงแบบนั้นก็ยังไม่คลายท่าทีระแวงต่อเธอลงเลยซักนิดเดียว
〝เธออ่อนแอจนถึงขนาดที่ฉันจะฆ่าได้เลยรึไง… นี่ยอมรับแล้วรึเปล่าว่าตัวเองกากกว่าหน่ะ! 〞
〝เฮอะ! ถึงได้บอกไงว่านายมันน่ารำคาญ… คนครึ่งๆ กลางๆ แบบนายหน่ะ! 〞
〝ฮึ่ม! เธอเองก็เถอะ ปากบอกจะฆ่า แต่จิตสังหารของเธอนอกจากครั้งแรกที่ใช้ขู่แล้ว ก็ไม่ปล่อยออกมาอีกเลยไม่ใช่รึไงกัน? โอ๊ะโอ๋! หรือไม่มีปัญญาทำตามที่พูดออกมากันเอ่ย? 〞
〝นายนี่มันน่าโมโหจริงๆ! แต่ก็นะ… เพราะเป็นแบบนี้แหล่ะฉันถึงรู้ว่านายเป็นคนยังไง〞
〝เธอเองก็เถอะ คิดว่าฉันไม่รู้รึไงว่าเธอต้องการอะไรหน่ะ? 〞
กฎแรงดึงดูดมันคือแบบนี้เองสิน! ที่เขาว่ากันว่าพวกเดียวกันจะถูกดึงดูดเข้าหากันนี่ท่าจะจริงแฮะ
ทำไมถึงมั่นใจได้งั้นเหรอ? ก็แน่หล่ะสิ
【นั่นเพราะเราสองคน… เป็นคนประเภทเดียวกันยังไงหล่ะ! 】
【นั่นเพราะนายกับฉัน… เป็นคนประเภทเดียวกันยังไงหล่ะ! 】
แล้วทั้งสองคนก็พูดแบบนั้นออกมาในลำคอเบาๆ แต่ก็แน่นอนว่าอีกฝ่ายต่างก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน
เป้าหมายของยัยนี่! มันค่อนข้างชัดเจนมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว…
ง่ายๆ ก็คือยัยนี่หน่ะ… ต้องการที่จะทดสอบเรานั่นแหล่ะ เหตุผลอื่นก็นึกไม่ออกแล้ว
ไม่งั้นคงไม่ปล่อยสกิลออกมา ทีละอันสองอันให้เรารับมือหรอก
ถึงจะดูรำคาญ แต่จริงๆ แล้วก็คงกำลังทดสอบอะไรเราอยู่นั่นแหล่ะ… ไม่สิ เรื่องรำคาญนี่คงมาจากใจจริงมากกว่า
ถ้าถามว่ารู้ได้ไง… ก็ตอบเลยว่าถ้าฉันเป็นยัยนี่ ก็จะทำแบบเดียวกันอย่างไม่ลังเลไงหล่ะ!
.
.
〝เพราะงั้นแหล่ะถึงได้หงุดหงิด! ถ้าเป็นนายเมื่อตอนที่ชนะเคลเบรอสได้… คงสามารถฆ่าฉันคนนี้ได้อย่างไม่ลังเลแท้ๆ 〞
〝หมายความว่าไง? 〞
〝หึ! ตัดสินใจไปแล้วไม่ใช่รึไง… ว่าจะกำจัดทุกอย่างที่ขวางทางหน่ะ〞
พอกรได้ยินผู้ประกาศพูดเหมือนรู้ทุกอย่างของตัวเองดีอีกครั้ง กรเลยยกมือขวาขึ้นมาเกาศีรษะเบาๆ แก้เขินเล็กน้อย
〝นี่ฉันเคยพูดอะไรแบบนั้นออกไปด้วยรึไง? 〞
〝ไม่จำเป็น… สายตาของนายในตอนที่ถูกทรยศนั่น มันเหมือนกับฉันยังไงหล่ะ〞
〝แต่สายตาเธอไม่เห็นบอกแบบนั้นเลยนี่น่า… แล้วถึงจะเหมือนกัน แล้วทำไมฉันต้องคิดแบบนั้นด้วยหล่ะ〞
〝ทำไม… งั้นเหรอ? ไม่แค้นบ้างรึไง!? นายหน่ะ… ถูกทรยศและปล่อยให้ตายคนเดียวในความมืดมิดเชียวนะ…〞
แค้น…. เหรอ?
หลังจากที่กรได้ยินผู้ประกาศพูดแบบนั้น เขาก็ก้มหน้าลงมองพื้นราวกับครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ แต่ไม่นานก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วก็ตอบกลับผู้ประกาศกลับไปด้วยเสียงเรียบๆ ราวกับไม่ใส่ใจ
〝ไม่เลยอ่ะ! 〞
〝เอ๋! 〞
〝ถ้าเป็นตอนนี้หล่ะก็… ฉันไม่ได้สนเรื่องการแก้แค้นเลยซักนิด〞
〝หืม!? เหตุผลหล่ะ? 〞
อืม… นี่เราต้องตอบคำถามยัยนี่ทุกข้อเลยรึไงเนี่ย
นี่เราคงไม่ได้กำลังถูกชักจูงใช่ไหมเนี่ย!? แต่เราก็ปฏิเสธทุกอย่างนี่นา คงไม่มั้ง
แต่ก็มีเหตุผลที่จะไม่ตอบซะด้วยสิ… ยังไงอีกฝ่ายก็รู้อยู่แล้วว่าเราจะทำอะไร การเปิดเผยความคิดของตัวเองไปแบบนี้ก็ไม่มีผลเสียหรอก
〝แค้นแล้วได้อะไรงั้นเหรอ? 〞
〝!!! 〞
ไอ้เรื่องแบบที่ว่ามานี้หน่ะ ไม่ใช่เพิ่งมาเป็นหรอกนะ
ตั้งแต่ที่พ่อกับแม่เสียไปแล้วด้วยซ้ำ
เรายังคงจำได้… ตัวเราร้องไห้ฟูมฟายอย่างหนักในวันที่พวกท่านจากไป
แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้ร้องอีกเลย… ตอนงานศพเองก็ไม่ได้ร้องด้วย ทำไมงั้นเหรอ?
เพราะมันเหนื่อยเปล่ายังไงหล่ะ? ร้องไห้แล้วได้อะไร? เสียใจแล้วได้อะไร?
ถ้าเกิดร้องไห้ทั้งวันทั้งคืนแล้วพวกท่านฟื้นขึ้นมาได้หล่ะก็ ฉันจะร้องมันไม่หยุดเลยเอ้า
แต่ก็แน่นอนว่าเรื่องแฮปปี้เอนด์แบบนั้น มันไม่มีทางเป็นไปได้… ตัวเราตระหนักถึงเรื่องนี้ได้ตั้งนานแล้ว
เพราะงั้นการทำแบบนั้นไปมันไม่มีประโยชน์เลยซักนิด…
〝ทำแบบนั้นมันเหนื่อยเปล่าน่า… ถ้ามันเปลี่ยนอะไรไม่ได้ก็ไม่เห็นต้องเพิ่มเรื่องยุ่งยากให้ตัวเองเลยนี่นา〞
อารมณ์อย่างความเศร้าสลดหรือแค้นใจ มันก็แค่ตัวล่อเท่านั้น ถ้าไม่ปลดปล่อยมันออกไปก็จะกลายเป็นทำให้จิตใจหนักอึ้ง ทุกคนจึงต้องปลดปล่อยมันออกมาในรูปแบบของการหลั่งน้ำตาและแก้ปมแค้น
เพียงแต่เราหน่ะไม่เหมือนกัน… จิตใจของเราในด้านนั้น… มันทั้งเหนื่อยหน่าย รำคาญ แล้วก็ด้านชาไปแล้ว
พูดเองก็เศร้าใจนะเนี่ย… แต่แบบนี้มันก็ไม่เลวนักหรอก…
เพราะอย่างน้อยเราก็ยังมีพวกริน… แถมตอนนี้ก็มีมีอาเพิ่มมาอีกคนแล้วด้วย
แค่นี้ก็พอแล้วหล่ะ… ไม่เห็นต้องคิดมากเลยนี่นา…
〝เรื่องแบบนั้นมันน่ารำคาญออก… ไม่คิดเหมือนกันรึไง? 〞
〝…………〞
.
.
.
.
.
.
〝หึหึ! ฮะฮ่ะฮ่ะฮ่ะฮ่ะ!!! 〞
แล้วทันทีที่ผู้ประกาศฟังคำตอบของกรจนจบ เธอก็หัวเราะออกมาแทบจะทันที แต่เธอก็ยังเอามือข้างที่ว่างจากการจับไม้เท้าขึ้นมาป้องปากไปพร้อมกันอยู่อย่างมีมารยาท จนดูน่ารักและงดงามราวกับภาพวาดเลยทีเดียว กรที่โดนเธอหัวเราะใส่ก็หน้าแดงนิดหน่อย เพราะคิดว่าช่วงนี้ตัวเขาโดนหัวเราะใส่บ่อยเกินไปนั่นแหล่ะ
หึหึ! เค้าคนนี้… อย่างที่คิด… เป็นคนอย่างที่เราคิดจริงๆ นั่นแหล่ะ
ผู้ประกาศคิดแบบนั้นอยู่ในใจในขณะที่หัวเราะยังไม่หยุด ก่อนที่ใช้มือข้างที่ป้องปากนั่นเช็ดน้ำตาที่เล็ดออกมาเล็กน้อยในตอนที่หัวเราะ แล้วก็ใช้คฑายันพื้นขึ้นมาให้ตัวเองยืนขึ้นจนตัวตรงอีกครั้ง
〝เข้าใจหล่ะๆ … เป็นอย่างงี้เอง〞
〝เฮ้ยๆ! ทำไมพวกเธอถึงชอบเข้าใจไปเองคนเดียวแบบนั้นกันฟ่ะเนี่ย〞
กรที่เห็นผู้ประกาศยืนตัวตรงแล้ว เขาก็เลิกยืนหย่อยเข่าแล้วกลับมาอยู่ในฟอร์มพร้อมสู้อีกครั้ง แต่ก็เพราะบรรยากาศที่ผ่านมา กรจึงดูผ่อนคลายลงมากทีเดียว
〝ถ้างั้นก็… มาตัดสินกันเถอะ! 〞
〝อ้าวๆ! ปกติแล้ว หลังจากที่บอสถามนู่นถามนี่ก็จะซึ้งใจในคำตอบ แล้วก็ยอมแพ้พวกพระเอกเองไม่ใช่รึไงกัน? 〞
〝บ้ารึเปล่านายหน่ะ! กินอนิเมะเป็นอาหารจนสมองเพี้ยนไปแล้วรึไง? 〞
〝อึก! 〞
ขณะที่ทั้งสองคนพูดแบบนั้น ก็ตั้งท่าตั้งรับให้รัดกุมขึ้นไปพร้อมกันและจ้องตาอีกฝ่ายตรงๆ แต่หาใช่สายตาที่จ้องมองศัตรูไม่ เพราะมันเหมือนกับเป็นสายตาที่มองคนที่ตัวเองยอมรับมากกว่า จะว่าไปแล้วมันก็เหมือนกับครั้งที่กรสู้กับเคลเบรอสนั่นแหล่ะ
〝งั้นก็… มาตัดสินด้วยพลังที่รุนแรงที่สุดเลยดีกว่า… นี่คงเร็วและง่ายที่สุดแล้ว〞
〝เดี๋ยวนะ! ขอค้านๆ! เรื่องที่วิธีนี้ตัดสินได้เร็วก็เห็นด้วยอยู่ แต่ว่า———〞
〝กลัวว่าคนนอกจะโดนลูกหลง… งั้นสินะ!!! 〞
ฟิ้ว!
〝เฮ้ย!!! 〞
ทันทีที่คุณผู้ประกาศสาวพูดออกไปแบบนั้น ก็ทำการปล่อยลูกศรสีดำแดงแบบเดียวกับตอนแรก พุ่งไปยังจุดที่มีอานั่งอยู่บนอัฒจันทร์อย่างกะทันหัน กรที่แม้จะงงงวยก็เตรียมพุ่งตัวไปด้วยสัญชาตญาณ มีอาเองก็มีปฏิกิริยาโต้ตอบโดยการเอี้ยวตัวหลบทังที่ยังนั่งอยู่เช่นกัน เพียงแต่ศรที่ผู้ประกาศยิงออกไปนั้นไม่ได้ถึงตัวมีอาแต่อย่างใด เพราะทันทีที่มันลอยพุ่งเข้าไปจนถึงจุดที่อยู่เหนือกำแพงขึ้นไป ก็เหมือนกับถูกบล็อคไว้ด้วยสิ่งที่มองไม่เห็นแล้วก็ปักคาอยู่อากาศทั้งอย่างงั้น
〝ไม่ต้องห่วง… ล้อมรอบลานประลองมีบาเรียป้องกันการโจมตีทุกชนิดอยู่นะ การโจมตีในแนวราบจะไม่มีทางออกไปนอกบาเรียได้แน่นอน จะมีก็แต่แนวตั้งหล่ะนะที่ป้องกันไม่ได้ แต่ยังไงทั้งชั้นนี้ก็อยู่ในการควบคุมของฉันอยู่แล้ว เรื่องนั้นจึงไม่มีปัญหา〞
〝ยัยบ้าเอ้ย! เมื่อกี้หัวใจแทบวายเลยนะโว้ย!!! จะชดใช้ไงว่ะเนี่ย! 〞
〝แค่แกล้งนิดหน่อยทำเป็นหัวเสียไปได้! กะแล้วเชียว… คนที่เปลี่ยนนายคือเธอคนนั้นสินะ〞
〝อึก! นะ หนวกหูน่า!!! จะโจมตีตัดสินไม่ใช่รึไง เริ่มกันได้แล้วมั้ง〞
〝อา… นั่นสินะ! 〞
ฮ่า ฟู่——
แล้วทั้งสองคนก็หายใจเข้าและออกยาวๆ หนึ่งครั้งเพื่อเรียกสติของตัวเอง แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้รักษาบาดแผลที่มีอยู่ทั่วตัวแต่อย่างใด นั่นเพราะทั้งสองคนอยากจะเก็บพลังเวทย์ของตัวเองไว้สำหรับการโจมตีสุด้ายเพิ่มขึ้นแม้เพียง 1 จุดก็ยังดี
〝【สัญลักษณ์แห่งความยิ่งยโสที่สลักอยู่บนร่างของข้าเอ๋ย จงกลืนกินเลือดเนื้อของข้า แล้วจงมอบพลังที่จักทำลายล้างศัตรูของข้าให้สิ้นเสีย!!!!!! 】〞
ทันทีที่กรร่ายสกิลเสร็จ แขนขวาของกรก็ปรากฏแสงสีแดงสดขึ้นมาเป็นรูปร่างอันสลับซับซ้อนขึ้นเป็นแนวยาวจากมือจนเกือบถึงหัวไหล่ ทะลุออกมาจากแขนเสื้อ อันเป็นตัวบ่งบอกว่าสกิลแขนยักษาของเขาได้ทำงานแล้วนั่นเอง
〝【เวทย์สายฟ้าระดับเทพเจ้า•สายฟ้าแห่งซุส!!!! 】
【เวทย์ไฟระดับเทพเจ้า•เตาหลอมแห่งเฮฟเฟสตุส!!!! 】
【เวทย์น้ำระดับเทพเจ้า•ตรีศูรแห่งโพไซดอน!!!! 】————〞
ทางด้านผู้ประกาศที่ทำการร่ายเวทย์ต่างจากทุกทีที่ข้ามขั้นตอนการร่ายไป ก็ทยอยส่งเวทย์ธาตุต่างๆ ออกมามากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับที่ลอยตัวขึ้นเหนือพื้นดินสูงกว่า 10 เมตร แล้วจากนั้นการร่ายเวทย์ของเธอก็ปรากฏเป็นศาสตราต่างๆ ตามที่ร่ายออกมา และสีก็เป็นไปตามธาตุนั้น อาทิเช่นสายฟ้าสีเหลืองลอยอยู่ด้านหลัง ตรีศูรสีฟ้าอยู่ในมือมือซ้าย รากไม้ขนาดใหญ่สีน้ำตาลพัวพันร่างของเธอ ฯลฯ จนตอนนี้มีศาสตราเวทย์ระดับเทพเจ้าอยู่ถึง 9 ชิ้นเลยทีเดียว
〝【เลือดข้าจงแปรเปลี่ยนเป็นสายฟ้า•ธันเดอร์บลัด!!!! 】
【กายาแกร่งดุจเหล็กกล้า•แทงค์แมน!!!! 】————〞
ทางฝั่งกรเองหลังจากที่สเตตัสถูกเพิ่มด้วยแขนยักษาแล้วก็ทำการสร้างเวทย์คลุมหมัดของเขาไว้ รวมถึงใช้สกิลต่างเสริมความแข็งแกร่งให้กับหมัดขวาและบริเวณใกล้เคียงด้วยเกราะยักษาและเกราะเทพ รวมถึงบัฟด้วยเวทย์ธาตุและเวทย์สนับสนุนมากมาย
〝【 หลอมรวมศาตร์เวทย์!!!! 】【 ผสานธาตุปฏิปักษ์!!!! 】【 เร่งปฏิกิรยาเวทย์】————〞
ทางด้านผู้ประกาศเอง ก็ทำการหลอมรวมศาสตร์เวทย์ระดับเทพเจ้าทั้ง 9 ชิ้น เป็นหนึ่งเดียว แต่พลังเวทย์ที่ใช้ก็มหาศาลจนก่อให้เกิดความเข้มข้นมากเกินไปจนควบคุมรูปร่างไม่ได้ มันจึงอยู่ในสภาพของลูกบอลขนาดยักษ์โปร่งแสงที่คำนวณดูแล้วมีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 100 เมตรเลยทีเดียว แถมเธอยังทำการอัดแน่นเข้าไปอีกจนเหลือ 50 เมตร จนลูกบอลแทบจะทรงรูปร่างไม่ได้และสั่นไหวไปมาราวกับจะปะทุได้ทุกเมื่อเลยทีเดียว
〝เรียบร้อย! 〞
〝เหมือนกัน! 〞
ทั้งสองคนพูดขึ้นมาพร้อมๆ กัน เพื่อเป็นสัญญาณก่อนเริ่มการปะทะครั้งสุดท้ายอย่างยุติธรรมที่สุด จากนั้นกรก็เงื้อมหมัดของตัวเองที่กลายเป็นอาวุธทำลายล้างอันประกอบไปด้วยศาสตราต่างๆ มากมายไปข้างหลัง ผู้ประกาศเองก็เลื่อนลูกบอลเวทย์ขนาดใหญ่โปร่งแสงมาไว้ข้างหน้าตัวเองเช่นกัน
〝〝ถ้างั้นก็!!! 〞〞
ทั้งสองคนพูดแบบนั้นขึ้นมาพร้อมกัน เพื่อให้อีกฝ่ายเตรียมพร้อม กรยึดเท้ากับพื้นไว้แน่น แล้วกำหมัดของตัวเองจนเลือดออกและกระตุกมันเล็กน้อยเพื่อเพิ่มแรงส่งครั้งสุดท้าย
〝【มหาเวทย์สังหารเทพ•แสงแห่งลองกินุส!!!! 】〞
〝【อินฟินิท พันช์!!!! 】〞
ตู้ม!!!
การโจมตีของทั้งสองคนถูกปล่อยออกมาจากจุดกำเนิด โดยหมัดและบอลเวทย์อย่างรุนแรงจนทำให้ทั้งดันเจี้ยน ไม่สิ… ทำให้แผ่นดินที่อยู่ข้างบนเกิดแผ่นดินไหวได้เลยทีเดียว
จุดปะทะเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจนบริเวณนั้นเกิดการสั่นสะเทือนของบรรยากาศเลยทีเดียว ขณะที่ทั้งคู่ผลักคลื่นพลังเวทย์ของอีกฝ่ายออกไป พลังเวทย์โดยรวมตรงจุดปะทะก็จะพวยพุ่งออกมาจากจุดปะทะไปทั่วทั้งลานประลอง รวมถึงความร้อนและกระแสไฟฟ้าสปาร์คเองก็แผ่ออกมาจากจุดปะทะ และทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง จนผืนดินและอากาศของลานประลองเกิดการเผาไหม้อย่างรุนแรง แต่ทั้งคู่ก็ยังไม่ได้หยุดโมตีแต่อย่างใด ทั้งยังเพิ่มพลังเวทย์ในการโจมตีมากขึ้นไปอีก
〝〝ย้าาาาาาาาาาา!!! 〞〞
การปะทะกันของคลื่นพลังเวทย์รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยแม้แต่น้อย ด้วยพลังเวทย์ที่ทั้งสองคนเติมใส่เวทย์มนต์ใหม่ของตัวเองอย่างต่อเนื่อง จนถึงขนาดที่พลังเวทย์ของทั้งสองคนทำปฏิกิริยากัน และเพิ่มจำนวนมากขึ้นจนเกิดความหนาแน่นที่ห้องนี้ไม่อาจต้านทาน เลยทำให้ชั้นบนและล่างจำนวนมากของดันเจี้ยนพลอยโดนลูกหลงไปด้วยเลยทีเดียว
เพดานที่ถูกถล่มก็พังลงมา แต่พื้นนั้นถูกซ่อมแซมทันทีเพราะพลังเวทย์ของผู้คุมชั้นอย่างผู้ประกาศยังคงมีอยู่ แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็อยู่ในสภาพที่ใกล้จะบุบสลายเต็มทีเพราะการโจมตีอันหนักหน่วงของทั้งสองคน
วูม!!!
แต่แล้วไม่นานทั้งสองคนก็ถึงขีดจำกัดในเวลาไม่นาน พลังเวทย์ของทั้งสองคนลดลงอย่างรวดเร็วจนคลื่นพลังเวทย์ที่ใช้ซัดกัน มีพลังลดลงอย่างมาก จดคิดว่าจะสามารถซัดออกไปได้อีกไม่นาน
แต่พริบตาที่เป็นแบบนั้น ทั้งคู่กลับคิดเหมือนกันก็คือ การรวบรวมพลังเวทย์ที่เหลืออยู่ทั้งหมด แล้วซัดออกไปทีเดียวเพื่อตัดสินแทนที่จะผลักไปผลักมาอยู่แบบนี้
ตู้ม!!!
ทั้งสองคนซัดมหาเวทย์ของตัวเองออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วพอปะทะกันก็เกิดเสียงระเบิดที่ดังที่สุดที่กรเคยได้ยินมา แล้วสิ่งที่ตามมาก็คือแสงสว่างจนแสบตา จุดกำเนิดพลังของทั้งสองคนสูญเสียพลังเวทย์ไปหมด อาวุธมากมายที่ติดอยู่กับหมัดของกรสลายหายไปและกลับเป็นปกติ ส่วนบอลเวทย์โปร่งแสงขนาดใหญ่ของผู้ประกาศเองก็อันตรธานหายไปด้วยเช่นกัน ซึ่งก็แน่ชัดแล้วว่า ผลลัพธ์จากการปะทะกันครั้งสุดท้ายออกมาเป็น เสมอ! นั่นเอง
พื้นและเพดานทั้งหมดถูกเป่าให้หายไปอย่างสิ้นเชิงโดยทั้งสองคน แต่ทั้งหมดนั่นกลับไม่ฟื้นฟูขึ้นมา กรจึงเปลี่ยนมาลอยบนอากาศด้วยพลังเวทย์ที่เหลืออยู่น้อยนิดแทน แล้วถามผู้ประกาศออกไปถึงสิ่งที่ตัวเองสงสัย
〝นี่เธอ… แฮ่ก! ทำไมถึงไม่… แฮ่ก! แฮ่ก! เติมพลังเวทย์ของตัวเองหล่ะ〞
ไม่สิ…. ไม่ใช่แค่หลังสู้
แต่ถ้าเติมระหว่างที่ปะทะเมื่อกี้ เราคงแพ้แน่นอน
〝ก็… แฮ่ก! แฮ่ก! ถ้าทำ… อย่างงั้น แฮ่ก! แฮ่ก! การต่อสู้ของเรา… จะสูญเปล่า〞
〝หะห่ะ! อะไรกัน…. แฮ่ก! ทิฐิสูงเหมือนกันไม่ใช่รึไงเธอหน่ะ…〞
ทั้งสองคนตอบกลับกันอย่างอ่อนแรง ด้วยเพราะพลังใจที่ดับมอดลงเพราะพลังเวทย์ถึงจุดวิกฤติ แต่ถึงกระนั้นทั้งคู่ก็ยังครองสติไว้ได้ แต่ก็แน่นอนว่าไม่สามารถทำได้ตลอดรอดฝั่งแน่นอน
〝โทษทีนะ… แต่ฉันไม่ไหว… แล้วหล่ะ〞
〝อุ๊ก! นะนายนี่… กะ กระจอกจริงนะ… อา———〞
แล้วทั้งคู่ก็ปล่อยให้มนต์แห่งภวังค์เข้าครองความคิดของตัวเองแทนสติ และผลอยหลับไปทั้งอย่างงั้น ทั้งที่ลอยอยู่กลางอากาศเลยทีเดียว แล้วพอทั้งคู่พลังเวทย์หมดลง อักขระทั่วทั้งตัวของผู้ประกาศก็หายไปทั้งหมด ตาเองก็กลับมาเป็นปกติ สกิลแขนยักษาของกรเองก็ถูกคลายลงเช่นกัน ทั้งคู่จึงร่วงลงสู่พื้นตามแรงโน้มถ่วงและลงไปยังพื้นของลานประลอง….
ใช่แล้ว ทั้งที่ความจริงมันควรจะเป็นแบบนั้น…
ฟิ้ว! ————————
〝กร!!!!!!! 〞
แต่ร่างของทั้งสองคนที่ไร้สติกลับตกลงไปยังดันเจี้ยนชั้นต่อไป และต่อๆ ไป และต่อๆ ไป ราวกับกำลังกระโดดตึกสูง 30 ชั้นอยู่ยังไงอย่างงั้น มีอาที่เห็นกรร่วงลงไปต่อหน่าต่อตาจึงถีบตัวเองไปพร้อมกับเคลเบรอส แล้วกระโดดพุ่งตัวไปยังกรในทันทีโดยที่ไม่ต้องคิดเลยแม้แต่น้อย
ทั้งนี้ก็เป็นเพราะพลังเวทย์ของผู้คุมเช่นผู้ประกาศได้หมดลงแล้วนั่นเอง พื้นลานประลองที่ถูกทำลายจึงไม่ได้ฟื้นฟู ส่วนดันเจี้ยนชั้นล่างๆ นั้นไม่ได้ถูกซ่อมในทันทีเพราะใช้ระบบคนละอย่าง ซึ่งก็เหมือนกับตอนที่กรฝึกใช้แขนยักษานั่นแหล่ะ ซึ่งหากดันเจี้ยนมาสเตอร์ไม่มาจัดการเอง ชั้นนั้นๆ ก็จะคงสภาพแบบนั้นไปตลอด
แล้วเพราะเหตุที่ว่าไปทั้งสามคนจึงดิ่งพสุธาลงไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่รู้จุดหมายปลายทางเลยแม้แต่น้อย…
❖❖❖❖❖
〝กร!!! ได้ยินไหม ตื่นทีสิ ขอร้องหล่ะ!!!! 〞
〝อือ〜〞
หลังจากที่ทั้งสามคนดิ่งพสุธาลงมาจาดชั้นที่ 75 โดยไม่อาจทราบได้ว่าปลายทางคือที่ไหน ก็ผ่านไปเพียง 10 นาทีเท่านั้น
พอมีอาตะโกนเรียกกรที่สลบอยู่ กรจึงได้สติขึ้นมาในทันที แล้วพอพบว่าตัวเขากำลังนอนหนุนตักมีอาอยู่ กรจึงดีดตัวขึ้นมานั่งขัดสมาธิในเสี้ยววินาทีเพราะความอายเลยทีเดียว
〝อะไรกันเนี่ย ที่นี่มันที่ไหนกัน? 〞
เสียงของกรที่ถามแบบนั้นออกไปค่อนข้างก้องพอสมควรราวกับอยู่ในถ้ำที่สูงเกือบ 200 เมตรยังไงอย่างงั้นเลย แต่หากสังเกตดีๆ แล้วสถานที่แห่งนี้ก็มีลักษณะคล้ายคลึงกับที่กรเคยเจอมาแล้วนั่นแหล่ะ
〝เวลาแบบนี้ยังมัวมานอนสบายใจเฉิบอีกนะ〞
〝!!!? 〞
แล้วที่อยู่ถัดออกไปเพียง 2 เมตรก็คือ คุณผู้ประกาศที่กำลังนั่งพับเพียบอยู่นั่นเอง
〝เวลา… จริงสิ! ตั้งแต่ตอนนั้นผ่านมานานขนาดไหนแล้วมีอา〞
〝10 นาทีหน่ะกร… ว่าแต่ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม!!! บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า!!! 〞
〝อย่าห่วงเลยน่ามีอา ไม่เป็นไรหรอก… 〞
แล้วกรก็ยกมือขวาขึ้นมาเพื่อบอกว่าสบายดี มีอาพอเห็นว่าไม่เป็นไรจริงๆ ก็ถอนหายใจออกมาครั้งนึงด้วยความโล่งอก
〝จริงสิ! นี่เธอหน่ะ… เป็นผู้ประกาศสินะ… งั้นก็ต้องรู้ใช่ไหมว่าที่นี่ที่ไหน? 〞
〝…………〞
ผู้ประกาศที่ได้ยินกรถามออกมาแบบนั้น ก็ก้มหน้าลงเล็กน้อยราวกับรู้สึกผิด ก่อนที่จะตอบคำถามกรออกไป
〝โทษทีนะ แต่ความรับผิดชอบของฉัน… มีจนถึงชั้นที่ 75 เท่านั้นแหล่ะ〞
〝โกหกน่า!!! จะบอกว่า ไอ้เด็กนั่นไม่ได้ให้ข้อมูลเธอเลยงั้นเหรอ? 〞
〝ถูกต้อง! แต่ก็ยังอยู่ในดันเจี้ยนนั่นแหล่ะ… แค่เดินทางต่อไปเรื่อยๆ ก็น่าจะรู้———〞
ตึง! ——————
〝〝〝!!!!!!!!!!! 〞〞〞
เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังขึ้นในระยะที่ห่างออกไปเล็กน้อย แต่เพราะเงามืดของสภาพแวดล้อมเลยทำให้ไม่สามารถมองเห็นตัวต้นเสียงได้ แต่พอทั้งสามคนได้ยินเสียงฝีเท้านี้ ทุกคนก็ดีดตัวขึ้นยืนตรงและตั้งท่าเตรียมพร้อมต่อสู้ในทันที
ตึง! ——————
ตึง! ——————
ตึง! ——————
ตึง! ——————
〝บะ บ้าหน่ะ!!!!! 〞
〝เป็นไปไม่ได้ นี่ลงมาถึงนี่เชียวเหรอ? 〞
เสียงฝีเท้าดังขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดร่างของต้นเสียงก็เผยให้ทุกคนในที่นี้ได้เห็น มันคือสิ่งที่เรียกว่ายักษ์ผิวสีเขียวสูงเกือบ 150 เมตร ราวกับภูผา ร่างกายดูกำยำอันดูจากกล้ามเนื้อที่เผยให้เห็นอย่างชัดเจนจากชุดที่ดูเปิดเผย นั่นจึงทำให้กรและผู้ประกาศตกใจออกมา หากแต่เป็นคนละความหมายกัน
สังวาล… ตาบทิศ… กำไลแผง… พวงประคำคอ… ชฎาก็ด้วย…
ทำไมไอ้ยักษ์ตัวนี้มันถึงสวมของแบบนี้ได้ฟ่ะ!!!
ไม่สิๆ!!! ตั้งสติไว้ก่อน
ตัวเรารู้ดีอยู่แล้วว่าไอ้เจ้านี่มันคือใคร? เพียงแต่กำลังงงเท่านั้นเอง
ก็ชุดที่ไอ้นี่มันใส่อยู่ มันขัดกับวัฒนธรรมในแบบแฟนตาซียุคกลางของโลกแบบสุดๆ ไปเลยหน่ะสิ
แถมแขนกับหัวก็อีก… ฟังแล้วอย่าตกใจหล่ะ
เพราะไอ้ยักษ์ตัวนี้หน่ะ มันมีถึง 10 หน้า 20 มือ เลยยังไงหล่ะ!!!
ฟังดูคุ้นๆ เหมือนเป็นตัวละครในวรรณคดีหล่ะสิ… แต่ถ้าเป็นฉันที่ยืนเผชิญหน้ามันอยู่นี่จะไม่สงสัยอะไรเลยหล่ะ เพราะดูยังไงนี่มันก็ตัวจริงเสียงจริงชัดๆ เลยนี่หว่า!!!!
〝ถึงจะรู้คำตอบอยู่แล้วก็เถอะนะ… แต่ช่วยยืนยันหน่อยได้ไหมว่าตอนนี้พวกเราอยู่ที่ชั้นไหนกันแน่! 〞
กรที่เห็นภาพของยักษ์หน้าตาน่าหวาดหวั่นโผล่ออกมาจากเงามืดเพียงใบหน้า (ถ้าอยากให้เห็นภาพก็คือ ภาพของไททันตัวที่กินแม่เอเรนนั่นแหล่ะ) ก็ทำได้แค่กลืนน้ำลายเสียงดัง และพยายามครองสติของตัวเองไว้เท่านั้น ก่อนที่จะถามกับผู้ประกาศทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว
〝อย่างที่นายคิดนั่นแหล่ะ… ตอนนี้พวกเรากำลังอยู่ในชั้นที่ลึกที่สุดของดันเจี้ยน… กำลังเผชิญหน้ากับบอสที่แข็งแกร่งที่สุดในดันเจี้ยน……〞
ต่อจากกรที่กลืนน้ำลาย คราวนี้ก็กลับเป็นมีอาที่ยืนบังหน้ากรเอาไว้อยู่เป็นคนกลืนน้ำลายเสียงดัง เอี๊อก! บ้างราวกับหวังให้คำตอบของผู้ประกาศเปลี่ยนไป ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้
แล้วพอผู้ประกาศเปิดปากของตัวเองเพื่อยืนยัน หลังจากนั้นทุกคนรวมถึงผู้ประกาศก็ถึงกับเหงื่อซึมออกมาทั่วทั้งตัว และตกใจหัวใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มได้เลยทีเดียว ซึ่งก็เหมาะสมดีอยู่แล้วกับคำตอบที่แสนจะสิ้นหวังของผู้ประกาศสาวนี้
〝ตอนนี้พวกเรากำลังอยู่ต่อหน้า… บอสประจำชั้นที่ 100——————〞
❖❖❖❖❖