ชีวิตบัดซบเพราะถูกส่งมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้สุดโหดไปตบเกรียน - ตอนที่ 31 แว่นตาคือหน้าต่างของหัวใจ
- Home
- All Mangas
- ชีวิตบัดซบเพราะถูกส่งมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้สุดโหดไปตบเกรียน
- ตอนที่ 31 แว่นตาคือหน้าต่างของหัวใจ
หลังจากที่กรและมีอา เข้ามาในห้องบอสของชั้นที่ 75 และพบเข้ากับหญิงสาวซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ปรกาศมาโดยตลอดตั้งแต่ที่กรลงดันเจี้ยนมาเข้า ก็เกิดประหลาดใจที่เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น และเกิดอาการหงุดหงิดอย่างแรงที่คิดไปเองคนเดียวว่า เรื่องที่การคาดการณ์ของตัวเองผิดพลาดนี้จะทำให้ตัวเขาดูโง่ในสายตาของมีอาขึ้นมา
นั่นเลยทำให้กรที่ตอนนี้เกิดอาการหงุดหงิดปนตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก บวกกับสาวแว่นจอมเวทย์ที่อ้างว่าตัวเองเป็นบอสประจำชั้นเองที่แสดงความรำคาญออกมา เนื่องด้วยความเบื่อหน่ายที่ไม่ต้องการมารับการทดสอบกรด้วยตัวเอง นั่นเลยทำให้ทั้งคู่สร้างบรรยากาศไร้เสียงขึ้นมาโดยรอบตัวเองเป็นวงกว้าง จนไม่มีใครกล้าเปิดการสนทนาต่อเลยซักคน…
〖โอ๊ะ! สายัณห์สวัสดิ์คุณนาย〗
〝……….…ไงเคลเบรอส สภาพดูไม่จืดเลยนะนั่นหน่ะ〞
แล้วคนที่เป็นคนเปิดการสนทนาก็คือคนกลางเช่นเคลเบรอสนั่นเอง และดูเหมือนสาวแว่นคนนี้เองก็ตามน้ำไปกับเคลเบรอสด้วยเช่นกัน อาจเป็นเพราะเธอรำคาญจากสภาพแบบนี้หรืออยากจะจบการทดสอบโดยเร็วก็แล้วแต่
แต่เสียงตอบกลับเรียบๆ ของเธอนั่นก็ทำให้บรรยากาศปั้นหน้ายากของทุกคนหายไปอย่างสิ้นเชิง และกลับเข้าสู่บรรยากาศเตรียมพร้อมรบอีกครั้งหนึ่งในทันที รวมถึงกรที่แสดงอาการหงุดหงิดออกมาอย่างเปิดเผยก่อนหน้านี้เอง ก็ดึงสติของตัวเองกลับมาได้ และดึงความเยือกเย็นของตัวเองกลับมาได้ในทันทีพร้อมๆ กับที่เธอคนนั้นตอบเคลเบรอสกลับไป
〖เฮอะ! เพราะข้าดันไปอยู่กับเจ้านายแปลกๆ เข้านั่นแหล่ะ! 〗
〝เฮ้ยๆ พูดแบบนี้หมายความว่าไงฟ่ะเจ้าหมา… ไหนแกบอกว่าฉันเป็นเจ้านายไง? มีที่ไหนฟ่ะมาด่าเจ้านายงี้หน่ะ! 〞
〖ขออภัย ด้วย-ขอ-รับ-เจ้า-นาย อาจเป็นเพราะกระผมไม่ระวัง เลยทำให้ติดเชื้อบ้ารักษาไม่หายมาจากนายท่านเข้า… ก็-เป็น-ได้〗
〝นี่ยังมากวนประสาทกันในเวลาแบบนี้อีกงั้นเหรอ! เฮ้อ ให้ตายสิ…. 〞
แล้วเคลเบรอสก็หยอกล้อกับกรเหมือนเช่นทุกที แต่กรก็ตอบกลับเคลเบรอสด้วยเสียงเรียบๆ ต่างจากทุกที อันเป็นเครื่องบ่งบอว่ากรในตอนนี้กลับมาเยือกเย็นแล้วนั่นเอง
และแน่นอนว่าที่เคลเบรอสแกล้งกรแบบที่ว่าไป ก็เพื่อเป็นการดึงสติกรทางอ้อม กรที่ใจเย็นลงแล้วเข้าใจเจตนาแฝงของเคลเบรอสได้เป็นอย่างดี กรจึงได้ตอบกลับไปแบบไม่คิดอะไรมากนักนั่นเอง
〝กลายเป็นพี่เลี้ยงไปแล้วงั้นสิ… รู้สึกนายจะเปลี่ยนไปหน่อยๆ นะเนี่ย〞
〖อย่าพูดแบบนั้นเลยน่าคุณนาย คนเรามันก็เปลี่ยนกันได้ตลอดเวลานั่นแหล่ะ〗
〝อาๆ เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ…. แต่ฉันว่าน่าจะได้เวลาทำหน้าที่ของผู้ประกาศซักทีแล้วไม่ใช่เหรอ? 〞
และดูเหมือนจะไม่ได้มีแค่กรที่รู้เจตนาของเคลเบรอสเท่านั้น แต่สาวแว่นที่คุยอย่างสนิทสนมกับเคลเบรอสราวกับรู้จักกันมานานเองก็รู้ได้เช่นกัน แต่กรที่เห็นว่าหากคุยออกนอกทะเลมากกว่านี้จะกลับเข้าฝั่งไม่ได้เสียที จึงได้รีบตัดบททั้งสองคนโดยเร็ว
〝….นายนี่มันน่าโมโหซะจริง〞
〝เอาเถอะน่า เอาจริงๆ ฉันก็ไม่อยากเสียเวลามากไปกว่านี้ด้วยสิ เพราะงั้นก็ถือว่าช่วยๆ กันหน่อยน่า เธอเองก็เบื่อเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? 〞
〝ชิ! 〞
และดูเหมือนที่กรพูดขัดจังหวะไปนั่นจะเป็นการยั่วโมโหเธอเข้าให้แล้ว หากแต่ว่านั่นเป็นสิ่งที่กรจงใจเพื่อให้เธอสูญเสียความเยือกเย็นไปแทน เหมือนกับเขาตอนแรกนั่นเอง
กรนั้นได้รับบทเรียนมาแล้วว่า การไปแหย่หนวดเสือเข้านั้นเป็นการขุดหลุมฝังตัวเองดีๆ นี่เองจากครั้งของเคลเบรอส แต่แน่นอนว่านั่นไม่ใช่กับคนที่มีระดับพลังใกล้เคียงกัน นั่นเพราะกรในตอนนี้แข็งแกร่งขึ้นจากตอนนั้นมากถึงมากที่สุดไปแล้ว การใช้ลูกเล่นอย่างจิตวิทยาจึงเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวสำหรับเขา แต่ปฏิกิริยาของสาวแว่นคนนี้ดูจะน้อยกว่าที่คาด กรจึงระวังเธอมากยิ่งขึ้นเมื่อเธอคนนี้เป็นประเภทที่เคี้ยวยากกว่าที่กรเห็นภายนอก
〝เฮ้อ! เข้าใจแล้วๆ ฉันเองก็เหนื่อยเหมือนกัน ถือซะว่าพบกันครึ่งทางก็แล้วกัน…. 〞
〝อืม… แบบนั้นช่วยได้มากเลย แล้วก็… ขอโทษเรื่องที่ตะโกนเมื่อกี้ด้วยหล่ะ ไม่ได้ตั้งใจหรอกนะครับผม〞
〝เอาเถอะ… จะให้มาถือสามดปลวกชั้นต่ำไร้มารยาทที่คืบคลานอยู่บนผืนดินแบบนั้น มันก็เป็นเรื่องแปลกอยู่แล้วนี่นา… ฉันไม่คิดมากหรอกวางใจได้〞
〝………….〞
หลังจากที่กรขอโทษสาวแว่นคนนี้อย่างจริงใจ กับการกระทำที่ไร้มารยาทของตัวเขาเมื่อครู่ เธอคนนี้กลับตอบกลับกรกลับมาด้วยประโยคประชดประชันสุดเจ็บแสบ แถมเธอคนนี้ยังดันแว่นตัวเองขึ้นพลางส่งสายตาเฉียบคมกลับมาทางกรราวกับจะบอกว่าการกระทำของตัวเองเป็นการยั่วโมโหอย่างจงใจ เพื่อพลิกให้กรเป็นฝ่ายไขว้เขวเสียเอง มีอาที่ยืนอยู่ข้างหลังกรเอง พอได้ยินคำด่าทอส่งมายังคนรักของตัวเองอย่างรุนแรงก็กลับเป็นฝ่ายโมโหแทนกรแบบสุดๆ เสียอย่างงั้น เพียงแต่ว่า….
〝….โห๋! แล้วถ้าเกิดมีคนโดนมดปลวกที่ว่าเหยียบย่ำจนจมดินซะเองเนี่ย จะไม่เรียกว่าน่าสมเพชยิ่งกว่าหนอนแมลงชั้นต่ำอีกงั้นเหรอ? 〞
〝………….〞
แต่กรกลับไม่ได้ตะคอกเธอกลับไปแต่อย่างใด กลับกันแล้ว เขายังตอบกลับเธอไปด้วยประโยคประชดประชันเช่นเดียวกัน ด้วยเสียงเรียบๆ และสายตาเฉียบคมที่มองสาวแว่นคนนั้นกลับ มีอาที่เห็นแบบนั้นจึงสงบใจลงไปได้หน่อยนึง และนั่นเลยทำให้สาวแว่นคนนี้ตะลึงเล็กน้อย
แต่เธอที่โดนกรจ้องกลับก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองที่สังเกตได้มากเกินความจำเป็นเลยซักนิด นั่นแสดงให้ทั้งคู่เห็นว่าไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายไขว้เขวด้วยการะปะทะทางวาจาซึ่งเป็นของถนัดของตัวเองได้สำเร็จเลยซักนิด ทั้งคู่จึงยังคงความเยือกเย็นและท่าเตรียมพร้อมไว้ตลอดเพื่อทันทีที่การต่อสู้เริ่มขึ้จะได้เป็นฝ่ายเปิดฉากนั่นเอง
〝ให้ตายสิ! ดูเหมือนต่อให้ปะทะฝีปากกันไปก็เสียเวลาเปล่าสินะ〞
〝นายนี่บ้ารึเปล่าเนี่ย? ปกติมีใครที่ไหนมายืนคุยกับศัตรูอยู่แบบนี้กัน? 〞
〝แหมๆ ก็ฉันมันเป็นพวกบ้านนอกหน่ะ ไม่รู้กฎพื้นฐานอะไรแบบนั้นหรอกนะ… เพราะงั้นก็เริ่มกันซักทีเถอะ! วิธีปกติที่เขาทำกันเวลาเจอศัตรูหน่ะ〞
จิตวิทยาได้ผลน้อยกว่าที่คิดแฮะ….
ดูเหมือนเธอคนนี้เองจะเป็นประเภทขยับสมองก่อนร่างกายซะด้วย… แถมยังระวังตัวแบบสุดๆ อีก
จริงๆ ก็เป็นเพราะนิสัยรำคาญง่ายนั่นแหล่ะ ที่น่าจะเป็นสาเหตุ… เริ่มยุ่งยากขึ้นมาแล้วสิ
〝เฮ้อ! ก็ได้… งั้นจะเริ่มอธิบายแล้วนะ〞
〝อา….. รบกวนด้วย〞
หลังจากที่กรตอบรับเธอด้วยคำพูด หญิงสาวก็กระแอมครั้งนึงเบาๆ ก่อนที่จะเริ่มอธิบายหฎอย่างจริงจังอีกครั้ง
〝อย่างที่บอกไปแล้ว บอสก็คือฉันคนนี้นี่แหล่ะ!!! 〞
ในเวลาเดียวกับที่เธอประกาศออกมาแบบนั้น มีอาก็ตั้งท่าเตรียมที่จะโจมตีเธอทันที แต่กรก็เอามือไปขวางไว้ก่อน นั่นเลยทำให้มีอาชะงักและหยุดเคลื่อนที่ในทันที แต่สาวแว่นที่เป็นสาเหตุกลับไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อยทั้งยังฉีกยิ้มออกมาที่ริมฝีปากนิดหน่อยไปพร้อมกันอีก นั่นเลยทำให้กรคิดว่าเธอคนนี้จะต้องมีไพ่ตายอะไรซักอย่างสองอย่างซ่อนอยู่แน่ จึงไม่อยากให้มีอาเข้าไปเสี่ยงนั่นเอง
แล้วจากนั้นเธอก็อธิบายกฎต่อในทันทีราวกับไม่สนการกระทำของมีอาเลยแม้แต่น้อย จนดูสมเป็นผู้ประกาศมืออาชีพขึ้นมาเลย
〝….. เงื่อนไขในการลงไปสู่ชั้นถัดไปมีเพียงข้อเดียว นั่นคือ การ』 ชนะ 『ฉันคนนี้ให้ได้เท่านั้น…
หากผ่านเงื่อนไขดังกล่าวได้ การทดสอบจะถือเป็นอันเสร็จสิ้น แล้วทางลงไปชั้นต่อไปก็จะเปิดออกโดยอัตโนมัติ—— 〞
〝โทษที ขอถามอะไรหน่อย〞
〝อะไรอีกหล่ะ? 〞
หลังจากการอธิบายของผู้ประกาศเสร็จสิ้น กรก็เริ่มถามอีกครั้ง แน่นอนว่านั่นก็เพื่อขัดจังหวะเธออีกนั่นแหล่ะ ทั้งยังจ้องตาเธอกลับพลางส่งแรงกดดันทางสายไปยังเธอก่อนที่จะถามอีกด้วย แต่ก็อย่างที่คาดสาวแว่นผู้ประกาศคนนี้ไม่มีปฏิกิริยาตกใจหรือหวั่นไหวอะไรกลับมาเลย
〝ถึงจะบอกให้『ชนะ』เธอก็เถอะ…. แต่จะให้ทำไงหล่ะ? 〞
〝เฮ้อ! …..ไม่ยังไงทั้งนั้นแหล่ะ ไม่มีกฎเพิ่มเติมอะไรทั้งนั้น… จะเข้ามาสู้พร้อมกันเลยก็ได้ ทั้งสองคนนั้นแหล่ะ! 〞
ยัยนี่จะขี้รำคาญไปถึงไหนฟ่ะ… ที่ถามหน่ะหมายถึง ชนะด้วยวิธีไหน? ต่างหากเฟ้ย
แต่ตีความจากที่บอกว่าเข้ามาทั้งสองคนเลยเนี่ย… อย่างที่คิด คือต้องทำให้เธอคนนี้ยอมแพ้ ไม่ก็หมดสภาพในการต่อสู้ หล่ะมั้งนะ
แต่ถึงจะบอก ให้เข้ามาทั้งสองคนเลยก็ได้ ก็เถอะนะ… แต่ยังไงเรื่องแบบนั้นก็——
〝ไม่เอาด้วยหรอก! 〞
〝อะไร? 〞
〝ฉันขอสู้คนเดียวจะดีกว่า…. มีอาเธอไปดูอยู่ข้างบนนั้นก็แล้วกันนะ〞
〝เอ๋!!!!! 〞
แล้วพอกรตอบเธอคนนั้นกลับไปและบอกจุดประสงค์ของตัวเองแล้ว คุณผู้ประกาศก็แสดงอาการประหลาดใจออกมาเล็กน้อย พอสมกับที่กรคาดไว้อยู่บ้าง เพียงแต่คนที่ตกใจที่สุดกลับเป็นคนที่กรไม่อยากให้ตกใจออกมาเสียอย่างงั้น และแน่นอนว่าคนๆ นั้นก็คือ มีอา นั่นเอง แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่กรคาดเอาไว้แล้วเช่นกัน ตัวกรเองจึงไม่ได้แสดงท่าทีตกใจอะไรออกมา
〝ทะ ทำไมหล่ะกร!!!? ฉันต่อสู้ได้นะ! เป็นกำลังให้นายได้! ระ หรือว่าไม่เชื่อใจฉัน——!!! 〞
ฟุบ!
ทันทีที่มีอาพูดแบบนั้นออกมาด้วยสีหน้าเหมือนกับจะร้องไห้ กรก็เอามือขวาของตัวเองวางบนหัวของเธอและลูบไปมาอย่างอ่อนโยนเพื่อให้เธอผ่อนคลายลงในทันที
〝มันต้องไม่ใช่อย่างงั้นอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? ฉันต้องเชื่อใจเธอที่สุดอยู่แล้วไม่ใช่รึไง〞
〝ถ้างั้นก็ให้ฉันช่วยด้วยสิ! ฉันอยากให้นายพึ่งพานะ! อยากจะช่วยแบ่งเบาภาระของนายนะ! 〞
แล้วเธอก็โน้มตัวเข้ามาทางกรทั้งที่กรยังวางมืออยู่ ก่อนที่จะช้อนตามองขึ้นมาทางกรเพื่อขอร้องกรราวกับลูกสุนัขที่กำลังหาอาหารอยู่ยังไงอย่างงั้น
〝ขอบคุณนะมีอา… แต่อย่ากังวลไปเลย…. ฉันไม่เป็นไรหรอกน่า〞
กรพูดแบบนั้นออกไปพลางเลื่อนมือของตัวเองลงมาบริเวณแก้มของมีอา
〝แล้วอีกอย่าง… ฉันหน่ะแข็งแกร่งนะ! เธอเองก็รู้ไม่ใช่เหรอ…. เพราะงั้นคราวนี้ก็ช่วยเชื่อใจฉันด้วยได้รึเปล่า? 〞
〝!!! 〞
หลังจากที่กรพูดแบบนั้นออกไปด้วยน้ำเสียงหนักๆ ที่สื่อถึงความจริงจังของตัวเองไปแล้วทั้งที่ยังลูบแก้มของมีอาอย่างอ่อนโยนอยู่ เลยทำให้มีอาที่ได้ยินแบบนั้นมองตาของกรแวบนึงและเห็นสายตาจริงจังของกรเขาไปอีก เลยทำให้เธอต้องจำใจทำตามที่กรบอกแต่โดยดี
〝ขอบคุณนะมีอา〞
〝ห้ามตายเด็ดขาดเลยนะ…. ถ้าไม่งั้นฉันจะ… กัดลิ้นตัวเองแล้วตายตามนายไปด้วยเลย〞
〝นะ นั่นไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหมมีอา? 〞
〝ฉันเอาจริงแน่ๆ หล่ะ… ถ้าไม่มีนายอยู่ ฉันก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องมีชีวิตอยู่ซักหน่อย〞
〝เฮ้ยๆ! ไม่เอาน่ามีอา ไอ้แบบนั้นมัน——〞
〝เพราะงั้นก็ชนะให้ได้สิ〞
แล้วหนนี้มีอาก็กลับเป็นฝ่ายกดดันกรกลับแทนจนกรตกตะลึงแต่ก็ยังไม่ได้ชักมือที่แนบอยู่กับแก้มของมีอาออกแต่อย่างใด และนั่นเลยทำให้กรจำต้องลบความเป็นไปได้ที่ตัวเองแพ้ออกจากหัวของตัวเองไปจนหมดสิ้นเมื่อได้ยินสิ่งที่มีอาพูดออกมาอย่างจริงจังนั่น
ก็นะ… ถ้าเป็นแบบที่มีอาพูดออกมาจริงหล่ะก็
ต่อให้เราโชคดีจุติอีกครั้ง แต่ตอนที่ตายไป มีอาเกิดฆ่าตัวตายขึ้นมาหล่ะก็…
หวา… เวรแล้วไง!!! แบบนั้นโคตรปวดตับเลย ถ้าเธอทำแบบนั้นไปจริงๆ หล่ะก็ บางทีฉันอาจจะทำแบบเดียวกัน…
ไม่สิ… ถ้าเราตายไป แล้วพวกรินหล่ะ… สัญญากับอลิซหล่ะ! การตามหาพี่มารีก็ด้วย!
แน่นอนว่าคงไม่มีโชคดีอย่างการจุติเกิดขึ้นมาอีกแล้วหล่ะ
ถึงจะไม่คิดจะตายอีกแล้วก็เถอะ… แต่คุณผู้ประกาศคนนี้ดูก็รู้แล้วว่าแข็งแกร่ง แถมยังน่าจะกดกันไม่ลงง่ายๆ อีกด้วย
แล้วทำไมสถานการณ์มันถึงได้กดดันขึ้นมาซะได้เนี่ย! …อ่อ คงเพราะทิฐิบ้าๆ ของเราหล่ะสินะ
แต่เพราะงั้นแหล่ะเลยทำให้เราตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้… ให้ตายสิไม่น่าเลยเรา
แต่ยังไงเราก็แพ้ไม่ได้อยู่แล้วไม่ใช่รึไงน้า… งั้นก็เลิกคิดมากได้แล้วมั้ง!?
.
.
〝เฮ้อ! ดูเหมือนหนนี้จะแพ้ไม่ได้จริงๆ แล้วสิเนี่ย เธอนี่ร้ายจริงๆ เลยนะ〞
〝หิหิ! ถ้างั้นก็พยายามเข้านะ〞
〝อา ไว้ใจฉันได้เลย! 〞
แล้วจากนั้นกรก็ผละมือของตัวเองออกมา แล้วมีอาก็เดินไปทางอัฒจันทร์เพื่อเตรียมที่จะถีบตัวขึ้นไปนั่งข้างบนทันที
〝อ๊ะ! แล้วก็นะมีอา เอาไอ้นี่ไปด้วย!! 〞
〝!!!!! 〞
ฟุบ!
〝อ๊ะ! หวาๆ ๆ 〞
หลังจากที่มีอาหันไปทางตรงข้าม และเดินจากกรไปเพียง 3 ก้าว กรก็ถอดดาบที่สะพายอยู่ข้างหลังของตัวเองออกในทันทีแล้วจากนั้นก็โยนไปทางมีอา แม้มีอาจะตกใจที่ถูกเรียกและโยนของให้อย่างกะทันหัน แต่เธอก็สามารถรับได้อย่างคล่องแคล่วเหมือนกับที่กรโยนรองเท้าบูทให้มีอาครั้งแรกไม่มีผิดเพี้ยนเลย
หลังจากนั้นมีอาก็หันหน้ามาทางกรและทำแก้มป่องใส่เขาครั้งนึงอย่างน่ารักน่าชัง หากเป็นเธอก่อนหน้านี้คงไม่มีทางทำแบบนี้เพราะเกรงใจกรเป็นแน่ เพียงแต่ตอนนี้ทั้งคู่เป็นคนรักที่ผ่านศึกเสี่ยงตายกันมามากมายจนเรียกได้ว่า ทั้งคู่ได้เกิดความเชื่อและเข้าใจกันและกันจนหมดสิ้นแล้วเลยทีเดียว เลยทำให้ทั้งคู่สนิทสนมกันมากถึงมากที่สุดหากเปรียบเทียบกับครั้งแรกที่ทั้งคู่เจอกัน
พอมีอารับดาบของกรไปแล้วก็ส่งสายตามาทางกรให้ พยายามเข้า! อีกครั้ง ก่อนที่จะถีบตัวขึ้นไปข้างบนด้วยแรงกายและขึ้นไปนั่งดูกรและผู้ประกาศอยู่บนอัฒจันทร์หินอ่อนกับเคลเบรอสกันสองคน
ในด้านของกรพอส่งดาบให้มีอาและรับกำลังใจอันเต็มเปี่ยมมาจากเธอเรียบร้อยแล้ว ก็เดินเข้าไปใกล้สาวแว่นที่เป็นผู้ประกาศคนนั้นอย่างช้าๆ จนยืนอยู่ห่างจากเธอเพียง 10 เมตรเท่านั้น
〝นายหน่ะ ขอถามเหตุผลที่สู้คนเดียวหน่อยได้ไหม…〞
〝ก็ไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษหรอกนะ ก็แค่… ทิฐิบ้าๆ ของฉันเท่านั้นเอง〞
〝ทิฐิ? 〞
〝ก็… ฉันเองก็เป็นลูกผู้ชาย คงทำเรื่องอย่างการตะลุมบอนผู้หญิงตัวเล็กๆ แค่คนเดียวแบบเธอไม่ได้หรอกนะ〞
〝!!!!! 〞
ปึด!
หลังจากที่กรพูดแบบนั้นออกไป กรก็รู้สึกเหมือนกับว่าจะได้ยินเสียงเส้นเลือดผุดออกมาบริเวณศีรษะของหญิงสาวยังไงอย่างงั้น รวมถึงต้นเหตุเช่นหญิงสาวก็แสดงใบหน้าไม่พอใจออกมาเช่นกัน
〝พะ ผู้หญิงตัวเล็กงั้นเหรอ!? ฉันเตี้ยกว่านายแค่ 5 เซนต์เองนะ! 〞
〝ก็แค่เปรียบเทียบเท่านั้นเองน่า! 〞
〝ฮึ่ย! 〞
อ้าวเฮ้ย! นี่คิดมากด้วยเหรอฟ่ะเนี่ย!
นี่เราเผลอไปเปิดสวิตซ์แปลกๆ เข้าแล้วรึเปล่า?
〝ขอโทษครับ〞
〝ไม่ให้อภัย! 〞
ทันทีที่กรขอโทษ เธอก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงโมโหแบบสุดๆ แต่ก็ยังแสดงท่าทีเงียบขรึมไว้อยู่ และเพราะใบหน้าของเธอคนนี้น่ารักสุดๆ นั่นแหล่ะเลยทำให้ดูน่าขบขันมากกว่าน่ากลัวไปเสียอย่างงั้น
แต่เพราะเธอยังคงท่าทีเยือกเย็นไว้ได้อยู่ กรจึงเลิกล้อเล่นกับเธอแต่เพียงเท่านี้ และหายใจเข้า-ออก ครั้งหนึ่งแรงๆ เพื่อตั้งสติ และทำการรวบรวมสมาธิเพื่อทำการสังเกตคู่ต่อสู้ตรงหน้าด้วยความเยือกเย็นเช่นเดียวกัน
หญิงสาวเองพอเห็นกรเปลี่ยนท่าทีอย่างกะทันหันก็หายใจเข้าจนเต็มปอด และหายใจออกแรงๆ ครั้งนึงเช่นเดียวกัน ก่อนที่จะเลื่อนคฑาที่ดูน่าเกรงขามอันประดับไปด้วยลวดลายหัวมังกร ซึ่งอยู่ในมือขวาของตัวเองไปข้างหน้าในทันที ส่วนกรเองก็เลื่อนเท้าซ้ายไปข้างหน้านิดหน่อยและปรับสมดุลทั่วร่างไปพร้อมกันด้วยเช่นกัน นั่นก็เพื่อตอบสนองการเตรียมพร้อมของคุณผู้ประกาศก่อนหน้านั่นเอง
〝ขอถามเพื่อความแน่ใจก่อนนะ… ถ้าฉันชนะเธอได้ ต่อให้มีอาไม่ต้องมาสู้ด้วย ก็สามารถลงไปยังชั้นต่อไปด้วยกันได้ใช่ไหม? 〞
〝แน่นอน… จะยกให้เป็นกรณีพิเศษก็แล้วกัน〞
〝หืม! ทำไมหล่ะ? 〞
〝ก็เพราะพวกนาย.. เป็นพวกแรกที่สามารถลงมาถึงห้องนี้ได้ยังไงหล่ะ มันก็ต้องตบรางวัลกันหน่อยหล่ะ 〞
〝เห๋! ไม่ใช่ว่าจริงๆ แล้วก็แค่ขี้เกียจสู้หลายๆ รอบหรอกเหรอ? 〞
〝ชิ! อย่าพูดเหมือนรู้ดีไปหน่อยเลย〞
แล้วจากนั้นทั้งคู่ก็กลับมาพูดคุยกันอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ทั้งคู่คุยโต้ตอบกันไป ในขณะที่เลื่อนตำแหน่งไปมาเป็นวงกลมโดยมีอีกฝ่ายอยู่ทิศตรงกันข้ามอย่างช้าๆ ไปพร้อมกัน เพื่อดูท่าทีและหาช่องว่างของอีกฝ่ายในการเปิดศึกนั่นเอง
〝เรื่องนั้นต้องขอโทษด้วย! ก็แค่ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันก็จะทำแบบเดียวกันหน่ะนะ〞
〝โห๋! จะบอกว่าเข้าใจฉันงั้นเหรอ? 〞
〝แน่นอน! ถ้าให้เลือกทำงานระหว่างบนโต๊ะกับบนเตียง ฉันจะเลือกที่จะนอนบนเตียงอย่างไม่ลังเลเลย และแน่นอนว่าจะไม่ทำงานด้วย〞
〝หืม! งั้นเองหรอกเหรอ? เพื่อนร่วมอุดมการณ์อยู่ใกล้แค่นี้เอง… แต่ที่พูดแบบนั้น คงไม่ใช่ต้องการให้ฉันเขวหรอกใช่ไหม… ไม่สิเมื่อกี้พูดจากใจเลยสินะ〞
〝ก็ส่วนหนึ่งหน่ะนะ… ไอ้เรื่องการเคลียร์ดันเจี้ยนนี่เองก็ด้วย ถ้าไม่ติดว่าเจ้าเด็กนั่นช่วยฉันไว้หล่ะก็… ฉันก็ไม่คิดที่จะลงมาถึงนี่หรอกนะ ก็ฉันไม่อยากติดหนี้ใครนี่นา〞
〝ทิฐิสูงชะมัดเลยนะนายเนี่ย! 〞
〝เข้าใจผิดแล้ว ฉันแค่ไม่อยากถูกทวงบุญคุณทีหลังเท่านั้นเอง….〞
จนถึงตอนนี้ ทั้งคู่ก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะเข้าปะทะกันเลยซักนิดเดียว แต่ทั้งคู่กลับยังคงเคลื่อนไหวไปรอบๆ อย่างช้าๆ รวมถึงใช้คำพูดต่างๆ นานากับอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่องทั้งที่รู้ว่าแทบไม่ได้ผล นั่นเพราะทั้งคู่ระวังตัวอีกฝ่ายเป็นอย่างมากพอๆ กัน รวมถึงทั้งคู่นั้นระวังและกลัวอีกฝ่ายมากเกินไปด้วยนั่นแหล่ะ
ซ้ำร้าย ทั้งคู่พยายามที่จะโจมตีอีกฝ่ายตลอดทั้งที่พูดอยู่ด้วยซ้ำ กรเองพอพูดจบในทุกๆ ประโยคก็จะยึดเท้าขวาไว้กับพื้นและเตรียมถีบตัว ส่วนผู้ประกาศพอพูดจบในทุกประโยคก็จะชี้หัวคฑามาทางกรเช่นกัน แต่ทั้งหมดก็ถูกอีกฝ่ายตั้งท่าตั้งรับไว้ได้หมด แม้จะยังไม่ได้โจมตีแต่ต่างฝ่ายต่างก็รู้ได้ด้วยสัญชาตญาณว่าการโจมตีของตัวเองทำอะไรอีกฝ่ายไมได้ นั่นจึงทำให้ไม่มีใครเริ่มโจมตีเสียที
บ้าชิบ ยัยนี่! ไม่มีช่องว่างเลย แถมดูเหมือนจะมีกับดักอยู่ด้วย ถ้าเข้าไปซัดตรงๆ มีหวังซวยแหงๆ
จะระวังตัวไปไหนฟ่ะ! แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่โจมตี แสดงว่าเราเองก็แสดงเนียนอยู่เหมือนกันสินะ
แต่ถ้าเป็นแบบนี้คงไม่ได้เริ่มกันพอดี ถึงจะไม่อยากยอมรับเท่าไหร่ แต่เราทั้งคู่ดูคล้ายกันหน่อยๆ แฮะ
ถ้างั้นเห็นทีเราคงต้องเปิดก่อนสินะ
〝แล้วที่นายไม่ใช้ดาบสู้เองก็เป็นทิฐิเหมือนกันเหรอ? หรือว่ากำลังดูถูกกันอยู่〞
〝? ไม่เลยๆ เรื่องประมาทหน่ะไม่มีทางหรอก〞
〝หืม! แล้วทำไมหล่ะ? 〞
〝…บอกตามตรง ทั้งดาบและปืน ฉันเพิ่งเคยใช้เมื่อไม่นานมานี้เอง… แต่กลับกันแล้ว! 〞
ชึบ!
〝!!! 〞
พริบตาที่กรพูดแบบนั้น เขาก็หยุดอยู่กับที่พลางกำหมัดขวาและยื่นมันมาทางผู้ประกาศในทันทีแต่ก็ยังไม่ได้เข้าไปโจมตีแต่อย่างใดเพราะเธอยังคงระวังตัวแจ ผู้ประกาศเองก็ยื่นลูกแก้วที่อยู่บนคฑาขึ้นมาแล้วชี้ไปทางกรในทันทีเช่นเดียวกัน
〝หมัดหน่ะ มันถนัดกว่ากันเยอะ! 〞
〝……แปลก! ทั้งที่ดูจากภายนอกแล้ว นายน่าจะเป็นพวกเลือกที่จะหนีมากกว่าสู้แท้ๆ 〞
〝เรื่องนั้นไม่ปฎิเสธ ถึงเห็นตัวฉันแบบนี้ก็เถอะนะ… แต่เมื่อก่อนฉันคนนี้หน่ะ เคยถูกเรียกว่า『ยักษ์สวมฮู้ด』เลยเชียวนะ〞
〝หืม! ก็ฟังดูดีนี่นา… ว่าแต่ว่า——〞
ก๊อง!
จากนั้นสาวแว่นผู้ประกาศก็กลับเอาปลายไม้เท้าเคาะกับพื้นอย่างแรงจนมันตั้งฉากกับพื้น กรก็ตอบสนองด้วยการยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาตั้งการ์ดแล้วกำหมัดทั้งสองไว้แน่นราวกับนักมวยอาชีพ แล้วผู้ประกาศสาวที่ทิ้งช่วงคำพูดของตัวเองไปก็ดันแว่นตาขึ้นอีกครั้งพร้อมกับส่งสายตาเฉียบคมไปยังกร ก่อนที่จะพูดสิ่งที่ทำให้กรตกตะลึงอย่างที่สุดออกมา
〝นั่นเป็นเรื่องตอนที่อยู่โลกนี้หรือว่าเป็นเรื่องตอนที่อยู่ที่โลกเดิม… ที่『ดาวโลก』ของนายนั่นกันหล่ะ? 〞
〝!!!!!!!!!! 〞
โลกเหรอ? บ้าหน่ะ!!! นี่มันบ้าชัดๆ!!!!
ถึงจะรู้ว่ามาจากต่างโลก แต่รู้ได้ยังไงกันว่ามาจากที่ไหนหน่ะ หา!!!?
ไม่สิ! เดิมทีไม่น่าจะรู้ด้วยซ้ำว่าเรามาจากต่างโลก แล้วทำไม!!!
〝นี่เธอ!!! ทำไมถึง——〞
〝มีช่องว่าง!!! 〞
〝กร!!!!! 〞
ฟิ้ว!!!!
ตู้ม!!!!
ทันทีที่เธอพูดออกไปแบบนั้น ร่างของกรก็กระตุกและสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ผู้ประกาศคนนี้จึงไม่ปล่อยโอกาสที่กรหวั่นไหวนี้หลุดมือ พริบตาที่เธอตะโกนแบบนั้นดังลั่น ก็มีศรแสงสีขาวพวยพุ่งออกมาจากเงามืดของกำแพง จำนวน 5 ดอก พุ่งมายังจุดที่กรยืนอยู่อย่างรวดเร็ว มีอาเองก็ยืนขึ้นอย่างรวดเร็วและตะโกนเรียกกรจากข้างบนเช่นกัน แต่ก็สายไปเสียแล้ว พอศรแสงทั้งหมดกระทบเข้ากับตัวของกรโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว ก็ได้เกิดเสียงระเบิดขึ้นจนดังลั่นไปทั่วลานประลองเลยทีเดียว
〝จนได้สินะ! ขี้โกงนี่หว่าเธอหน่ะ〞
〝!!!!! 〞
และทันทีที่ฝุ่นควันจางหายไป ก็ปรากฏภาพของกรที่ทั่วทั้งร่างถูกห่อหุ้มไปด้วยออร่าสีขาว พร้อมทั้งสร้างโล่สีขาวบริสุทธิ์ประดับด้วยลวดลายอันสง่างามทั้ง 2 อันไว้ได้ทันเวลาพอดี นั่นเลยทำให้การโจมตีด้วยศรแสงทั้งหมดปักเข้าที่โล่ของเขา และพอกรสั่ง โล่และศรทั้งหมดก็จางหายไปในทันที พอมีอาที่นั่งอยู่บนนั้นเห็นว่ากรยังปลอดภัยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและนั่งลงบนอัฒจันทร์เช่นเดิม
〝ขี้โกงงั้นเหรอ! พูดออกมาได้นะ ทั้งที่นายเองก็รอจังหวะแบบเดียวกันแท้ๆ! 〞
〝กะแล้วเชียว เธอเองก็เหมือนกันสินะ? 〞
〝เพราะงั้นคงมัวแต่ดูท่าทีกันไม่ได้แล้วหล่ะ! 〞
ทันทีที่เธอพูดแบบนั้น ด้านหลังของเธอก็เกิดวงเวทย์ขนาดเท่าลูกบอลแบนๆ ขึ้นมากกว่า 50 จุด แล้วจากนั้นก็มีศรสีต่างๆ มากมายออกมาจากจากวงเวทย์นั่นโดยโผล่มาแค่ส่วนปลายเท่านั้น จากนั้นคฑาเวทย์ของเธอก็ลอยมาอยู่ตรงหน้าเธอโดยที่เธอไม่ได้สัมผัส ก่อนที่ผู้ประกาศสาวคนนี้ก็ยืนกอดอกและวางท่าราวกับราชาที่ไหนซักแห่งพลางหัวเราะ หึหึ และยิ้มที่ริมฝีปากเล็กน้อยราวกับจะเย้ยหยันตัวกร ก่อนที่จะพูดประโยคต่อไปออกมาและทำให้กรตกใจแบบสุดๆ อีกครั้งหนึ่ง…
〝รับไปซะ นี่คือ โฮกุ ระดับต่อต้านศัตรู เกทออฟบาบิ (ตื้ด!) ยังไงหล่ะ!!! 〞
〝หา!!! วะ ว่าไงนะ!!! 〞
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ตู้ม!!! ตู้ม!!! ตู้ม!!! ตู้ม!!!
แล้วจากนั้นลูกศรจำนวนมากก็พุ่งออกมาจากวงเวทย์เหล่านั้นพุ่งมายังจุดที่กรยืนอยู่ โดยไม่สนกรที่อยู่ในสถานะตกตะลึงแบบสุดๆ เลยซักนิด เพราะผู้ประกาศคนนี้ดันพูดประโยคที่อยู่ในอนิเมะ (และผู้อ่านน่าจะทุกท่าน) ที่เขารู้จักออกมา แต่ถึงแบบนั้นกรก็ยังคงวิ่งซิกแซกไปมาเพื่อหลบศรสีต่างๆ ได้หมดโดยไม่เฉียดตัวเขาเลยซักดอกเดียว
เฮ้ยๆ! นี่ยังเงิบกันไม่พออีกงั้นเหรอ?
นี่รู้จักโลกเดิมของเรายังไม่พอ… แถมยัยนี่ยังรู้จักอนิเมะอีก!!!
แล้วทำไมต้องเป็น เฟท (ตื้ด!) ไนท์ ด้วยหล่ะฟ่ะ! นึกว่าป๋ากิลมาเองซะอีก!!!
แหมๆ แต่เราดันรู้สึกเหมือนได้เจอเพื่อนคุยซะงั้นอ่ะ… ไอ้เรานี่ก็แปลกดีเนอะ!?
ไม่สิ! เกือบหลงประเด็นไปอีกแล้ว
ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วยัยนี่… ไม่ได้ร่ายเวทย์หรือพูดชื่อเวทย์ก่อนโจมตีเลยไม่ใช่รึไงกัน?
〝เฮ้ย! เธอหน่ะ ทำไมถึงใช้เวทย์ได้โดยที่ไม่ต้องพูดชื่อกันฟ่ะ! ไม่สิ… แล้วรู้เรื่องโลกเดิมของฉันได้ยังไงกันหา! 〞
〝โง่รึเปล่าห๊ะ นายหน่ะ! คนที่พล่ามเรื่องพลังของตัวเองให้ศัตรูฟังหน่ะ มีแต่ตัวร้ากากๆ ยกับพระเอกโง่ๆ ในอนิเมะกับมังงะเท่านั้นแหล่ะ! 〞
〝เกรียนโคตรเลยเธอ!!! 〞
ชัดเลย! นอกจากจะรู้จักโลกเดิมแล้ว ยังรู้จักวัฒนธรรมจากโลกเดิม——
ว่าแต่… ทำไมถึงพูดแต่เรื่องอนิเมะกันล่ะฟ่ะ พูดเรื่องอื่นไม่เป็นรึไงเฮ้ย!
〝อ้าวๆ! เสียสมาธิอีกแล้วนะนายหน่ะ〞
〝อะ อะไรอีกฟ่ะเนี่ย! 〞
พริบตาที่คุณผู้ประกาศพูดแบบนั้นออกมาด้วยเสียงเรียบๆ ก็เกิดวงเวทย์ขนาดใหญ่กว่าตัวของเธอ และใหญ่กว่ากำแพงที่อยู่ข้างหลังเธอไปอีกขึ้นมา 2 อันทางซ้ายและขวาของเธอ แล้วจากนั้นก็วัตถุปริศนาทรงกรวยขนาดใหญ่ก็ได้โผล่พ้นวงเวทย์ออกมา แล้วพอมันออกมาได้ราวๆ ครึ่งหนึ่งของทั้งหมด กรก็รู้ได้ในทันทีว่ามันคือ สว่านสีดำสนิทนั่นเอง
〝ดูให้ดีหล่ะ! นี่หน่ะ คือสว่านที่จะทะลวงไปให้ถึงสวรรค์เลยเชียวนะ! 〞
〝ว่าไงนะ!!! นี่เธอ! เป็น* (ตื้ด!) มอนนักขุด รึไงกัน!!!! 〞
〝ไปหล่ะนะลูกพี่! 〞
〝ใครเป็นลูกพี่หล่อนกันฟ่ะ!!! 〞
〝* (ตื้ด!) ก้าาาาาาา!!!! ดริลลลลล!!!! เบรค!!!! ————〞
〝อย่าพูดแบบนั้นด้วยน้ำเสียงจริงจังสิฟ่ะ!!!! แล้วทำไมต้องลากเสียงด้วยหล่ะเฟ้ยเฮ้ยยยย!!!! 〞
ยัยนี่คิดจะยั่วโมโหกันอย่างงั้นรึไง? ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ!!!
บ้าชิบ! นี่เราถูกอีกฝ่ายคุมไว้อยู่หมัดเลยไม่ใช่เรอะ!
.
.
〝อย่าคิดว่าทุกอย่างจะเป็นไปอย่างที่ตัวเองหวังหมดสิเฟ้ย!!! 〞
ให้มันน้อยๆ หน่อยยัยแว่น!!! ขอฉันเอาคืนบ้างก็แล้วกัน!!!
ในขณะที่กรพูดแบบนั้น สว่านขนาดใหญ่ทั้งสองก็เจาะผ่านอากาศรอบๆ และตรงมายังจุดที่กรอยู่อย่างรวดเร็วราวกับไม่สนใจคำพูดของกรเลยซักนิด แต่กรก็ไม่ได้หวั่นไหวกับมันเลยซักนิด ก่อนที่เขาจะหายใจเข้าและออกแรงๆ อีกครั้งหนึ่งเพื่อนำความเยือกเย็นก่อนหน้านี้กลับมา จากนั้นก็ถีบพื้นจนแตกระแหงไปทั่ว และพุ่งตัวเป็นเส้นตรงเข้าไปหายอดแหลมของสว่านทั้งสองในทันทีแล้วจากนั้น
〝【วันพ้านนนนช์!!!! 】【 วันพ้านนนนช์!!!! 】〞
ตู้ม!!! ตู้ม!!!
ทันทีที่หมัดทั้งสองของกรสัมผัสเข้ากับปลายของจุดยอดของสว่าน มันก็เกิดรอยปริแตกจากจุดนั้นไปจนถึงส่วนปลาย แต่กลับไม่ได้แตกสลายและกระเด็นกลับไปในทันที และเพราะความเร็วที่ลดลงนั่นเลยทำให้กรจับปลายของสว่านไว้ได้ทั้งสองอัน
〝เอาคืนไปซะ!!!!!! 〞
ฟิ้ว!!! ฟิ้ว!!!
ตู้ม!!!
กรจึงไม่รอช้าที่จะเขวี้ยงสว่านที่อยู่ในมือของตัวเองทั้งสองอันกลับไปยังจุดที่ผู้ประกาศสาวคนนั้นยืนอยู่ในทันที ทั้งที่ตัวเองยังคงลอยอยู่กลางอากาศ แล้วในตอนที่กรลงมายังพื้นและตั้งท่าเตรียมตั้งรับไว้ก่อนแล้วนั่น กลุ่มควันที่ปกคลุมจุดตกที่เขาขว้างสว่านทั้งสองไปก็หายไปพอดิบพอดี
〝อย่างที่คิด! เธอหน่ะ มีบาเรียอยู่จริงๆ ด้วยสินะ แถมดูเหมือนจะไม่ได้มีไว้เพื่อป้องกันอย่างเดียวซะด้วยสิ〞
แล้วภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของกรก็คือ คุณผู้ประกาศสาวที่ยืนอยู่บนพื้นดินตรงกลางระหว่างซากสว่านของเธอเองโดยที่รอบๆ เธอเหมือนกับมีโดมรูปทรงกลมสีฟ้าใสครอบเธอเอาไว้อยู่ เพียงแต่ที่น่าตกใจก็คือ สว่านที่อยู่ข้างๆ เธอ บริเวณที่มันสัมผัสกับทรงกลมที่กรเรียกว่า บาเรีย ของเธอเข้า เนื้องานบริเวณของตัวสว่านนั้นก็อันตรธานหายไปทั้งอย่างงั้นราวกับมันไม่มีอยู่ตั้งแต่แรกเลยทีเดียว
〝อย่างที่คิดงั้นเหรอ? แสดงว่ารู้อยู่ก่อนแล้วเลยไม่โจมตีเข้ามาหล่ะสินะ〞
〝ก็พอรู้แค่ว่าเธอมีของไว้ป้องกันอยู่บ้างเท่านั้นแหล่ะ… แต่คิดไม่ถึงว่าจะขนาดนี้〞
แย่เลยแฮะ! อีแบบนี้จะโจมตีผ่านบาเรียนั่นยังไงหล่ะ
การโจมตีทุกอย่างหายไปหมด! ถึงจะไม่รู้หลักการแต่เราก็ไม่ควรจะเสี่ยง
ยิ่งสู้ก็ยิ่งหินขึ้นเรื่อยๆ เลยแฮะ! อีแบบนี้ต่อให้ใช้ดาบรึปืนก็ฝ่าไม่ได้เลยมั้ง——
〝แล้วจะเอาไงดีหล่ะ? ถ้าไม่เข้ามาก็ไม่ชนะหรอกนะ〞
〝อ๋อเหรอ? 〞
วูม!!!
ทันทีที่กรพูดประชดคำสบประมาทของคุณผู้ประกาศสาวกลับไป บริเวณหน้าผากของเขาก็มีดวงตาสีทองอร่ามโผล่นูนขึ้นมา และเบิกเนตรออกมาจนเห็นสัญลักษณ์ของนาฬิกาแบบเข็มอยู่ตรงกลางอันเป็นตัวบอกว่า กรได้เปิดใช้สกิลเนตรทวิกาล『เอ็กซ์ตร้าโหมด』ไปเรียบร้อยแล้วนั่นเอง
แกร็ก!
จากนั้นกรก็ทำการเรียก『Taurus』 ปืนคู่ใจของตัวเองมาอยู่ในมือขวาแล้วทำการเปลี่ยนกรัสุนให้เป็นแบบหัวกลมมนเพื่อเน้นการเจาะทะลุ เพราะหากใช้กระสุนแบบหัวรู หากมันเข้ากระทบกับตัวเธอเข้ามีหวังเธอคนนั้นได้กลายเป็นเศษเนื้อแบบเดียวกับมอนสเตอร์อย่างแน่นอน แต่หากใช้แบบหัวกลมมนก็จะสร้างความเสียหายได้น้อยกว่า แต่ถึงแบบนั้นก็ทำให้เธอหมดสภาพได้เหมือนกัน ส่วนที่กรไม่คิดฆ่าเธอไปเลยนั้นก็เป็นเพราะเขาต้องการเค้นถามข้อมูลเรื่องโลกเดิมของตัวเองนั่นแหล่ะ เขาจึงต้องทำให้เธอขยับไม่ได้เสียก่อน แล้วหลังจบศึกและถามตอบกันแล้วจึงค่อยว่ากันอีกที
〝【ไดเรคชั่นเลส!!!! 】〞
เปรี้ยง!!!
แล้วพอกรทำการเปลี่ยนกระสุนเรียบร้อย ก็ทำการเพิ่มเวทย์อีกแบบหนึ่งใส่บริเวณปากกระบอกปืนของตัวเองก่อนที่หันปากกระบอกปืนลงพื้น 45 องศาไปทางจุดที่ผู้ประกาศสาวยืนอยู่ในโดม แล้วจากนั้นก็ลั่นไกออกไปหนึ่งนัด แต่ดูเหมือนเรื่องปืนเองก็อยู่ในขอบเขตความรู้ของเธอคนนี้เหมือนกัน เพราะเธอคนนี้ไม่มีท่าทีแปลกใจและตกใจเสียงปืนเลยซักนิด
แกร็กๆ!
〝!!!!!! 〞
แล้วจากนั้นบริเวณเท้าของสาวผู้ประกาศก็สั่นเล็กน้อย เป็นเฉพาะจุดเล็กเท่านั้น จากนั้นเพียงเสี้ยววินาที ก็มีวัตถุเล็กๆ พุ่งออกมาจากพื้นดินและพุ่งตรงเข้ามาบริเวณหัวไหล่ซ้ายและต้นขาขวาของเธออย่างรวดเร็ว และไม่ต้องสงสัย เพราะวัตถุที่พุ่งเข้าหาเธออยู่นี้ก็คือกระสุนของกรเองนั่นแหล่ะ
ใช่แล้ว จากที่ดูมันเหมือนกับว่าลูกกระสุนที่กรยิงนั้นมุดดินลงไป และทะลุเข้ามาทางด้านล่างมายังสาวแว่นผู้ประกาศราวกับตัวตุ่นเลยทีเดียว นั่นเพราะเวทย์ที่กรใช้ก่อนหน้านี้ เป็นเวทย์ไร้ธาตุที่มีผลทำให้วัตุที่ถูกร่ายใส่มีทิศทางดั้งเดิมไม่แน่นอนและสามารถควบคุมทิศทางของมันได้ด้วยความคิดอย่างอิสระ นั่นจึงทำให้กรสามารถควบคุมลูกกระสุนทั้งสองผ่านเข้าไปทางใต้ดินได้แนอย่างดีเลยนั่นเอง
อย่างที่คิดเลย!!! บริเวณส่วนเท้าไม่ได้มีบาเรียคลุมอยู่ ก็เพราะมันคลุมเฉพาะส่วนที่พ้นพื้นออกมานี่นา
รู้สึกว่าเราจะชนะพนันหล่ะสินะ! ดีหล่ะ แบบนี้ชนะแน่!
ถึงจะคิดเข้าข้างตัวเองไปหน่อย แต่ยังไงยัยนี่ก็หลบไม่พ้นแน่นอน
ก็เธอเป็นจอมเวทย์ระยะกลางถึงไกลนี่นา ไม่ใช่สายต่อสู้ประชิดตัวซะหน่อย การโจมตีแบบสายฟ้าแลบระยะเผาขนอย่างรวดเร็วแบบนี้จะไปหลบได้ยัง——
ซู่ม!
〝!!!!!! 〞
เพียงแต่เสียงที่กรได้ยินและสิ่งที่กรเห็นนั้น กลับเป็นกระสุนของตัวเองที่พุ่งขึ้นจากพื้นไปกระทบเข้ากับบาเรียจากภายในแล้วก็หายไปทั้งอย่างงั้นแทนเสียอย่างงั้น และแน่นอนว่าเหตุผลที่เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดเช่นนี้ก็คือ…
〝บ้าหน่ะ!!!!!! 〞
หลบได้!!! หลบได้เฉยเลย!!! ได้ยังไงฟ่ะ!!!
เมื่อกี้ใช้เนตรมองอนาคตในอีก 3 วินาทีข้างหน้าไปแล้วแท้ๆ แต่ตำแหน่งของเธอก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยซักนิดเดียว ต่อให้ผ่านไป 3 วินาที เธอก็ยังอยู่จุดที่ลูกกระสุนผ่านอย่างแน่นอน
〝ชิ! เวรเอ้ย!!! 〞
เปรี้ยง!!! เปรี้ยง!!! เปรี้ยง!!! เปรี้ยง!!! เปรี้ยง!!!
แล้วจากนั้น กรก็ทำการกระหน่ำยิงกระสุนออกจากปากกระบอกปืนเรื่อยๆ ใสพื้นจุดที่เคยยิงใส่จนกระทั่งซองกระสุนหมดเลยทีเดียว
แล้วพอกระสุนผ่านทะลุพื้นขึ้นมา กรก็ทำการควบคุมกระสุนทั้งหมดให้พุ่งชนเธอจากทิศทางต่างๆ แต่เธอก็กลับเอี้ยวตัวหลบได้ทั้งหมด ทั้งที่กรใช้เนตรในการมองอนาคตควบคู่ไปด้วยแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถโจมตีเธอคนนี้ให้โดนได้เลยซักนิด
แต่กรก็ไม่ได้ปลอยให้กระสุนทั้งหมดกระทบเข้ากับบาเรีย ทันทีที่กระสุนพุ่งผ่านตัวของสาวแว่นคนนี้ไปโดยที่เธอหลบมันได้ กรก็จะเปลี่ยนทิศทางกลับมายังตัวเธอเรื่อยๆ แต่ก็เหมือนเดิม เธอสามารถหลบมันได้ทั้งหมดด้วยการเคลื่อนไหวที่น้อยที่สุดเหมือนกับตอนที่กร….
นี่มัน… ไอ้เรื่องที่สามารถหลบสิ่งที่มีความเร็วเหนือประสาทสัมผัสของตัวเองได้ทั้งหมดอย่างแม่นยำ
เรื่องเป็นไปไม่ได้ที่มักเกิดขึ้นกับตัวเราอยู่เสมอๆ ในตอนที่คับขัน…
ไม่มีทาง!!! เป็นไปไม่ได้!!!
แต่ไม่สิ! ถึงโอกาสจะน้อย แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริง มันก็สามารถอธิบายเรื่องนี้ได้ไม่ใช่รึไง?
แล้วถ้าเป็นงั้นก็สามารถอธิบายเรื่องที่อ่านอนาคตไม่ออกได้อีกด้วย… ก็ถ้าเปลี่ยนอนาคตในอีก 1 วินาทีข้างหน้าได้หล่ะก็ เราที่มองล่วงหน้าไป 3 วินาทีก็ประมาทไปจริงๆ!
ให้ตายสิ… เพราะกลัวเกินไปนั่นแหล่ะไอ้บ้าเอ้ย
〝หึหึ!!! 〞
〝!!! 〞
ในระหว่างที่กรกำลังครุ่นคิดถึงความผิดแปลกที่อยู่ตรงหน้า ผู้ประกาศสาวก็หันหน้ามายิ้มให้กรด้วยสีหน้าเยาะเย้ย และหยอกล้อเขาเล่นโดยฉีกยิ้มออกมาเสียจนกว้าง ทั้งที่กำลังหลบห่ากระสุนอยู่ในบาเรียของตัวเองได้อย่างสบายๆ นั่นจึงทำให้กรเข้าใจได้ถึงความลับในพลังของเธอได้ในที่สุด นั่นเพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเขา มันก็คือสิ่งที่กรทำมาตลอดด้วยพลังพิเศษเฉพาะตัวของเขานั่นเอง
ชิ! ไม่ผิดแน่แล้วหล่ะแบบนี้!!!
ถึงจะยอมรับไม่ได้ ก็คงมีแต่ต้องยอมรับเท่านั้นแล้ว!!!
คนที่ทำเรื่องอย่าง การก้าวข้ามความสามารถของคนปกติได้อย่างไม่ยากเย็นโดยไม่ใช้เวทย์มนต์หรือสกิลไหนๆ
แถมยังอยู่ในระดับที่เรียกว่าเหนือมนุษย์…. มันเหมือนกับความสามารถที่ติดตัวมาแต่เกิดของเราไม่มีผิด…
ตัวเราที่มีความสามารถนั้นมั่นใจได้เลย…
เหมือนกับตอนที่เรา… หลบไอ้มอนสเตอร์เวรตะไลทั้ง 5 ตัวในตอนที่ไอ้เสือมันทิ้งเราไว้ไม่ผิด ทั้งที่สเตตัสห่างกันเกือบ 300 เท่า… ยัยนี่เองก็หลบกระสุนที่ประชิดตัวแถมเร็วเกือบ 30 มัคได้เหมือนกัน!
สัมผัสถึงการใช้เวทย์ของยัยนี่นอกเหนือจากบาเรียนั่นไม่ได้เลย… แสดงว่านั่นเป็นการหลบโดยใช้ร่างกายตัวเองล้วนๆ เลย…
ไม่ผิดแน่ๆ … ยัยนี่หน่ะ… เหมือนกันกับตัวเรา…
.
.
.
…..มีความสามารถ『สุดยอดการประมวลผล』เหมือนกัน!
❖❖❖❖❖