ชีวิตบัดซบเพราะถูกส่งมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้สุดโหดไปตบเกรียน - ตอนที่ 21 เด็กสาวและการต่อสู้ร่วมกันครั้งแรก
- Home
- All Mangas
- ชีวิตบัดซบเพราะถูกส่งมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้สุดโหดไปตบเกรียน
- ตอนที่ 21 เด็กสาวและการต่อสู้ร่วมกันครั้งแรก
〝—— สรุปแล้วก็คือ …ไม่มีทางออกดันเจี้ยนได้ นอกจากจะใช้เวทย์มิติ ประเภทเซฟพิกัดเท่านั้นสินะ〞
〝อื้ม… ใช่แล้วหล่ะ!〞
〝แล้วเวทย์มิติที่ว่าเนี่ย หายากรึเปล่า?〞
〝อืม….. อย่าว่าแต่เวทย์มิติเลย ปกติแล้ว มนุษย์ที่มีคุณสมบัติในการเป็นจอมเวทย์หน่ะ หายากสุดๆไปเลยด้วยซ้ำ ถึงจะไม่น้อยขนาดนั้นก็เถอะ แต่ใน 1,000 คน ก็มีแค่ประมาณ 150 คนเท่านั้นแหล่ะ เพราะงั้นเวทย์มิติก็เลยหายากกว่านั้นซะอีก…. แต่เพราะงั้นก็เลยมีคนทดลองลงตราเวทย์จุดเซฟที่ว่า ลงไปในหินเวทย์มนต์ ผลก็คือ ทำให้เกิดไอเทมเวทย์มนต์ชนิดใหม่ที่สามารถใช้แทนเวทย์มิติได้ ชื่อของมันก็คือ 『ศิลาเวทย์เคลื่อนย้าย』 แล้วนอกจากจะใช้วาร์ปเข้า-ออกดันเจี้ยนในชั้นต่างๆ ได้ตามใจแล้ว ถ้าเป็นคณะเดินทางที่มีใบอนุญาตก็จะสามารถใช้เดินทางข้ามเมืองได้ด้วยนะ….〞
.
.
หลังจากที่กรยอมรับ『มีอา』เด็กสาวที่เขาช่วยเหลือไว้ได้ด้วยความบังเอิญในครั้งก่อน ให้เดินทางไปด้วยกันได้ โดยแลกกับข้อมูลของมอนสเตอร์และดันเจี้ยนแห่งนี้ ก็ผ่านมาได้ประมาณ 1 ชั่วโมงแล้ว
ตลอดการเดินทางที่ผ่านมา กรได้ถามข้อมูลจากมีอามาโดยตลอด แต่ถึงแบบนั้นเธอก็ไม่ได้แสดงท่าทีเหนื่อยใจเพราะโดนยิงคำถามอย่างต่อเนื่องแต่อย่างใด ทั้งยังตอบทุกคำถามของกรกลับได้อย่างคล่องแคล่วและร่าเริง จนกรแทบจะเป็นฝ่ายรำคาญเสียเอง แต่กรก็ไม่ได้ต่อว่าเธอในจุดนั้นแต่อย่างใด และแม้จะเดินเท้ามาเกือบ 1 ชั่วโมงแล้วก็ตาม แต่พวกกรก็ยังไม่ได้เข้าปะทะกับมอนสเตอร์เลยซักครั้งเดียว สาเหตุเป็นเพราะกรต้องการที่จะทราบข้อมูลทั้งหมดให้แน่ใจเสียก่อนเพื่อวางแผนการรบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เลยใช้สุดยอดการประมวลผลกับสกิลทั้งหมดหลีกเลี่ยงมอนสเตอร์มาโดยตลอด
และจากข้อมูลที่กรสอบถามมาจากมีอา ดูเหมือนว่าดันเจี้ยนในโลกนี้เองก็ถูกแบ่งระดับเช่นเดียวกับไอเทมเช่นเดียวกัน โดยดันเจี้ยนโดยทั่วไปนั้นจะอยู่ในระดับ B ซึ่งเหมาะกับนักผจญภัยทั่วไปที่มีกำลังทรัพย์ อาวุธและจำนวนคนพอสมควร ส่วนระดับ A ที่สูงกว่านั้น จะเหมาะกับนักผจญภัยที่มีกำลังอาวุธและความแข็งแกร่งระดับสูงขึ้น จำนวนคนที่ใช้ก็ต้องครบจำนวนคนสูงสุดในปาร์ตี้ที่เป็นไปได้ หรือก็คือส่วนใหญ่มักจะลุยกันเป็นปาร์ตี้ 7 คนนั่นเอง
แต่นอกจากสองระดับที่ว่ามานั้น ยังมีระดับที่สูงกว่านั้นก็คือ ระดับ S ที่แม้จะเป็นนักผจญภัยมือฉมังก็ยังไม่สามารถไปด้วยปาร์ตี้เดี่ยวๆได้ และจากที่กรถามมีอามาจนถึงตรงนี้ เลยทำให้กรทราบถึงการมีอยู่ของสิ่งที่เรียกว่า『กิลด์』 ซึ่งหากเปรียบเทียบให้เข้าใจโดยง่าย มันก็คล้ายๆกับปาร์ตี้ ที่มีความซับซ้อนและจำนวนคนมากกว่ากันโขนั่นเอง ปาร์ตี้ที่สร้างได้จากสกิล『ตั้งปาร์ตี้ขั้นสูง』นั้น สามารถมีสมาชิกได้มากสุดเพียง 7 คนรวมคนสร้างปาร์ตี้ด้วยเท่านั้น แต่กิลด์ที่ว่าสามารถสร้างกองกำลังได้มากกว่านั้นก็คือ สูงสุด 100 คนเลยทีเดียว เห็นได้ชัดเลยว่าแค่ความแข็งแกร่งนั้น ยังไม่เพียงพอที่จะเอาตัวรอดในดันเจี้ยนระดับสูง
เพียงแต่ว่า นอกจากดันเจี้ยนระดับ S ที่ต้องใช้กลุ่มคนที่มีความแข็งแกร่งขนาดนั้นเข้าลุยแล้ว ยังมีดันเจี้ยนระดับ SS ที่ต้องใช้นักผจญภัยระดับ S ถึง 50 คน ในการบุกตะลุยอีกด้วย ทั้งยังต้องมีไอเทม อาวุธและเครื่องป้องกันในการเอาตัวรอดครบครันอีกด้วย
กรเองก็สงสัยอยู่บ้างว่า ถ้าต้องใช้คนจำนวนมากขนาดนี้ในการเข้าดันเจี้ยน มันจะไม่ดูวุ่นวายแย่เหรอ แต่จากที่มีอาเล่า ปกติแล้วในชั้นปกติก็จะใช้ปาร์ตี้ 7 คนในการปะทะกับมอนสเตอร์ เก็บเลเวลเท่านั้นแหล่ะ แต่หากมีการค้นพบห้องบอสใหม่ๆในดันเจี้ยนระดับ S ขึ้นไป ก็จะเป็นหน้าที่ของกิลด์ที่ต้องรวบรวมคนให้ได้มากที่สุดในการล้มบอส พอถึงตรงนี้กรก็เข้าใจได้ในทันที นั่นเพราะกรเจอเรื่องส่วนต่างความแข็งแกร่งของบอสมากับตัวเอง ทั้งที่มอนสเตอร์ปกติในดันเจี้ยนนั้นมีสเตตัสไม่ถึงล้านแท้ๆ แต่บอสมอนสเตอร์อย่างเคลเบรอสกับมีสเตตัสมากถึง 10 ล้าน เห็นได้ชัดเลยว่า มันไม่ใช่สิ่งที่จะเข้าปะทะได้ด้วยตัวคนเดียว กรเองนั้นถ้าไม่ได้สกิล『จิตวิญญานเหล็กกล้า』ช่วยในตอนสุดท้าย ก็คงจะตายอย่างสูญเปล่าไปเพราะเข้าปะทะกับบอสโดยไม่คิดไปแล้ว
แต่ไม่ใช่แค่นั้น…. เพราะจากที่มีอาเล่า ระดับความยากสูงสุดของดันเจี้ยนในโลกนี้ มันไม่ใช่ระดับ SS แต่ยังมีระดับสูงกว่านั้นอีก นั่นก็คือระดับ SSS ที่เป็นระดับความยากสูงที่สุดในโลก ซึ่งรู้จักกันโดยทั่วไปในชื่อ『มหาดันเจี้ยนโบราณทั้ง 8』ตามตำราและตำนานที่สืบทอดกันมา ตอนนี้แม้จะถูกค้นพบแล้วเพียงครึ่งหนึ่งคือ 4 ใน 8 แห่งจากทั้งหมด แต่ตลอดเวลาตั้งแต่อดีตอันไกลโพ้นมาจนถึงปัจจุบันนี้ยังไม่มีดันเจี้ยนใดใน 4 แห่งที่ถูกค้นพบแล้วนี้ ถูกเคลียร์ไปแล้วซักแห่งเดียว
พอกรรู้ว่ายังมีดันเจี้ยนระดับที่สูงกว่าอีก เขาเลยตะลึงเล็กน้อย ในขณะเดียวกัน กรก็สงสัยว่าขนาดดันเจี้ยนระดับ SS ยังต้องใช้คนถึง 50 คน ในการสู้กับบอส แล้วระดับ SSS ที่สูงกว่าจะต้องใช้คนขนาดไหนในการเข้าปะทะ มีอาจึงเล่าให้ฟังว่า ในการเข้าปะทะกับบอสของดันเจี้ยนระดับ SSS นั้นต้องใช้กิลด์หลายแห่งรวมตัวกันเพื่อเข้าปะทะเลยทีเดียว เธอยังเล่าให้ฟังอีกว่า เมื่อ 10 ปีก่อน มีการค้นพบห้องบอสของมหาดันเจี้ยนโบราณแห่งหนึ่ง ในครั้งนั้น ได้เกิดการรวมตัวของกิลด์ขนาดใหญ่ทั่วราชอาณาจักร มากกว่า 10 กิลด์ ผลก็คือในการเข้าปะทะกับบอสต้องใช้คนมากถึง 1,000 คนเลยทีเดียว แต่ถึงแบบนั้นก็ยังเสียคนไปถึง 1 ใน 5 หรือเกือบๆ 200 คน เลยด้วยซ้ำ
พอมาถึงตรงนี้ กรเลยเกิดสงสัยขึ้นมาว่า ดันเจี้ยนแห่งนี้มีระดับความยากเท่าไหร่กันแน่ ทั้งที่เกรงกลัวคำตอบอยู่หน่อยๆเพราะลางสังหรณ์บ้าๆทำงานไม่ถูกเวลา แล้วพอมีอาบอกว่า ดันเจี้ยนแห่งนี้ มีระดับความยากอยู่ในระดับ SSS หรือก็คือดันเจี้ยนแห่งนี้ เป็นหนึ่งใน『มหาดันเจี้ยนโบราณทั้ง 8』 นั่นเอง กรก็ตกใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด พลางบ่นอยู่ในลำคออย่างหน่ายๆว่า【ทำลงไปซะแล้วแฮะ…】เพราะตัวเองเพิ่งจัดการอัดบอสที่ต้องใช้นักผจญภัยระดับสูงในการเข้าปะทะถึง 1,000 คน ด้วยตัวคนเดียวนั่นเอง
และเพราะถามข้อมูลเกี่ยวกับดันเจี้ยนแห่งนี้ กรจึงถามเกี่ยวกับที่ตั้งของดันเจี้ยนแห่งนี้กับมีอาไปพร้อมกันก็ได้ความว่า ดันเจี้ยนแห่งนี้อยู่ห่างจากตัวอาณาจักรอาลันที่กรถูกส่งมาถึง 250 กิโลเมตรเลยทีเดียว ทั้งที่ยังสงสัยอยู่ว่าทำไมถึงต้องวางกับดักวาร์ปไว้ไกลจากตัวดันเจี้ยนขนาดนี้ แต่กรก็คิดว่าถึงอยากรู้ก็ไม่มีใครตอบได้นอกจากฟรังซ์ ออลเดล ก็เลยหันไปถามเรื่องอื่นในทันที
แล้วจากนั้นกรก็ไม่พ้นที่จะถามเรื่องของมอนสเตอร์ในดันเจี้ยน มีอาก็เล่าว่า มอนสเตอร์ในดันเจี้ยนทุกแห่งนั้นจะความแข็งแกร่งขึ้นตามสเตตัสของคนที่เข้าปะทะเป็นคนแรก หรือไม่ก็จะยึดสเตตัสในตอนที่คนๆนั้นลงมายังชั้นใหม่สลับกันไปอย่างไร้หลักการ
และหากเข้าปะทะเป็นปาร์ตี้ ความแข็งแกร่งของมอนสเตอร์ก็จะเพิ่มขึ้นตามคนที่แข็งแกร่งที่สุดในปาร์ตี้ และถึงแม้จะเข้าปะทะแบบธรรมดาโดยไม่ได้จัดปาร์ตี้ มอนสเตอร์ก็ยังแข็งแกร่งขึ้นตามคนที่มีสเตตัสสูงที่สุดในบริเวณนั้นๆอยู่ดี นั่นเลยทำให้มีแต่คนจัดปาร์ตี้เข้าสู้ทั้งนั้น นั่นเพราะนอกจากจะรู้ตำแหน่งของสมาชิกแล้ว ยังสามารถได้รับผลพิเศษบางอย่างอีกด้วย
และจากที่บอกไป มอนสเตอร์ในดันเจี้ยนนั้นแตกต่างจากมอนสเตอร์ที่อยู่นอกดันเจี้ยน เพราะมอนสเตอร์ประเภทนั้นจะมีค่าสเตตัสและความแข็งแกร่งคงที่นั่นเอง และดูเหมือนว่าจะมีเคสที่มอสเตอร์ในดันเจี้ยน มีสติปัญญาสูงขั้นตามด้วยเช่นกัน กรเองก็สะกิดใจถึงสติปัญญาของมันอยู่แล้วจากที่เจอการตั้งค่ายกลหลายๆแบบของกลุ่มมอนสเตอร์อยู่บ่อยๆ ก็เลยไม่ค่อยแปลกใจตรงจุดนี้นัก
แต่ช่วงห่างของความแข็งแกร่งกับขีดจำกัดสูงสุดของสเตตัสมอนสเตอร์เองก็ขึ้นกับระดับความยากของดันเจี้ยนเช่นเดียวกัน ตัวอย่างเช่น ในดันเจี้ยนระดับ B มอนสเตอร์จะสามารถมีสเตตัสสูงสุดอยู่ที่ 1,000 จุดเท่านั้น หมายความว่าถ้าคนที่เข้าปะทะมีสเตตัสน้อยกว่านั้นมันก็จะแข็งแกร่งขึ้นตามได้ หากแต่คนที่มีสเตตัส 5,000 จุดเป็นคนเข้าไปปะทะ สเตตัสของมอนสเตอร์ก็จะอยู่ที่ 1,000 เช่นเคย ส่วนในกรณีของดันเจี้ยนที่สูงกว่าระดับ S นั้น ยังไม่มีใครสามารถวัดขีดจำกัดได้ ทั้งนี้ก็คงเป็นเพราะยังไม่มีบุคคลที่สเตตัสสูงพอกับค่าสูงสุดของมอนสเตอร์ในดันเจี้ยนนั่นเอง
แม้เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นมาตั้งแต่โบราณ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถอธิบายได้ว่าทำไม มอนสเตอร์ถึงได้แข็งแกร่งขึ้นตามคนที่เข้าปะทะ แต่ก็เคยมีคนเสนอทฤษฎีที่ว่า บางทีมอนสเตอร์ในดันเจี้ยนอาจจะมีแกนเวทย์บางอย่างอยู่ภายในตัว โดนในแกนเวทย์จะมีพลังเวทย์สะสมอยู่ โดยปริมาณขึ้นกับอายุของดันเจี้ยน บ้างก็ว่ามันเป็นการล่อให้คนเข้ามาในดันเจี้ยนก็มี นั่นเพราะถ้ามอนสเตอร์แข็งแกร่งเกินไปก็คงไม่มีใครอยากเข้ามาในดันเจี้ยนแน่อยู่แล้ว ถึงยังไงก็ตามแต่….เพราะทั้งหมดที่ว่ามา มันไม่มีข้อพิสูจน์ ทั้งหมดจึงเป็นได้แค่ข้อสันนิษฐานเท่านั้น…..
.
.
.
〝 เป็นไงบ้าง ข้อมูล…เป็นประโยชน์รึเปล่า?〞
〝หืม… อา…ก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อดีอยู่หรอก〞
〝งะ งั้นเหรอ! ค่อยยังชั่วหน่อย….〞
หลังจากที่มีอาได้เวลาพักครึ่ง จากที่กรยิงคำถามมาตลอดทางทั้งที่ยังเดินกันอยู่ เธอกลับเป็นฝ่ายถามกรเพื่อยืนยันว่าข้อมูลที่เธอให้สามารถใช้ประโยชน์ได้ด้วยใบหน้าที่ดูกังวลเล็กน้อย เห็นได้ชัดเลยว่าที่เธอถามกรออกไปแบบนั้น เป็นเพราะเธอกังวลที่จะโดนกรทิ้งอีกครั้งนั่นเอง พอกรบอกว่าข้อมูลของเธอมีประโยชน์เธอเลยทำสีหน้าโล่งอกออกมาอย่างชัดเจน ก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเบาๆครั้งนึง
〝……เธอนี่ ….จะขี้กังวลไปถึงไหนกัน〞
〝กะ…ก็มัน!〞
แน่นอนว่ากรเองก็สังเกตเห็นความกังวลนั่นได้ มีอาที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งหวั่นไหวเข้าไปใหญ่
〝 เฮ้อ! ฉันไม่ผิดคำพูดของตัวเองหรอกน่า มีแต่เรื่องนี้เท่านั้นที่ฉันบอกเธอได้อย่างมั่นใจ เพราะงั้น…ถ้าเธอไม่มาขัดแข้งขัดขาตอนสู้ ยังไงฉันก็ไม่ทิ้งเธอหรอก…..〞
〝!!!〞
แล้วกรก็ถอนหายใจอย่างหน่ายๆครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะบอกมีอาไปแบบนั้น พอได้ยินคำพูดของกรเข้าไปแบบนั้นมีอาก็ตกใจเล็กน้อยพลางหน้าแดงขึ้นมาหน่อยๆ แน่นอนว่าเพราะความดีใจที่ถูกบอกว่าตัวเองจะไม่ถูกทิ้งอีก
แต่ที่กรพูดแบบนั้นออกไป ไม่ใช่เพื่อตัวมีอาเสียทีเดียว นั่นเพราะกรไม่อยากให้เธอกังวลจนวิตกจริตเกินไป ….เมื่อพบเจอเข้ากับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน ตัวเธอที่มัวแต่กังวลก็มีแต่จะทำให้ทุกอย่างแย่ลงและพลาดพลั้งไปในที่สุด
『ความเยือกเย็นจำเป็นสำหรับทุกสถานการณ์』อันเป็นคติประจำใจของกรในตอนนี้ไปเสียแล้ว มันได้คอยย้ำเตือนกรอยู่เสมอว่า ตัวแปรรอบตัวทุกอย่างคือสิ่งสำคัญที่จะพลิกหมากบนกระดานได้อยู่เสมอ เพราะงั้นกรจึงต้องทำให้เธอสบายอกสบายใจ เมื่อถึงเวลาสำคัญที่ว่า จะได้เชื่อฟังที่ตัวเองบอกโดยที่ไม่หวั่นไหวไปกับสภาพแวดล้อมนั่นเอง
〖โห้! อะไรกันเนี่ยเจ้าหนู….พูดเรื่องดีๆก็เป็นเหมือนกันนี่!〗
〝 อย่าบ้าน่าเจ้าหมา! ฉันทำเพื่อตัวเองหรอกน่า〞
〖หึ….ปากไม่ตรงกับใจเอาซะเลยนะเจ้าหนู〗
〝 ชิ! หนวกหูน่า!〞
แต่ผลลัพธ์จากที่กรพูดออกไปแบบนั้นจากมุมมองของคนอื่นแล้ว ดูยังไงมันก็เป็นการปลอบใจมีอาอย่างเห็นได้ชัด นั่นเลยทำให้เคลเบรอสชื่นชมกรออกมา กรเองแม้จะแก้ตัวไปแบบนั้นก็ยังถูกเคลเบรอสหยอกกลับเช่นเคย เพราะเขาไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่า ถ้าตัวเองไม่ห่วงมีอาจริงๆ ก็สามารถใช้คำพูดเย็นชาเป็นเชิงออกคำสั่งแทนก็ได้ แต่ที่ไม่ทำเช่นนั้นก็เป็นเพราะในเบื้องลึกของจิตใจ กรนั้นต้องการปลอบโยนมีอาที่เจอสถานการณ์คล้ายๆกันนั่นเอง เคลเบรอสที่เข้าใจจุดนั้นจึงได้ชอบหยอกล้อกรอยู่เรื่อย
〝อึก!〞
แล้วในขณะที่กรกับเคลเบรอสหยอกล้อกันตามปกติอยู่นั้น มีอาก็ร้องออกเบาๆ ด้วยน้ำเสียงสั่นๆเล็กน้อย เพราะความเจ็บปวดที่เท้า แล้วการเดินของเธอก็กระตุกลงเล็กน้อย เลยทำให้กรหยุดเดินแล้วหันกลับมาหาเธอทันที
〝หืม… มีอะไร?〞
〝ปะ…. เปล่า〞
〝…………〞
แล้วกรก็ถามมีอาด้วยน้ำเสียงเย็นชาเช่นเคย เพียงแต่เจตนาของเขาคือความเป็นห่วง? และแม้มีอาจะบอกว่าตัวเองไม่เป็นไร แต่ท่าทางกลับไม่ใช่แบบนั้น กรจึงสังเกตเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าก็พบว่ารองเท้าหนังหุ้มส้นที่เธอใส่มาตั้งแต่แรกมันขาดซะไม่เหลือชิ้นดีจนเธอแทบจะเดินเท้าเปล่าอยู่แล้ว
〝เฮ้อ!〞
แล้วจากนั้น กรก็ถอนหายใจอย่างหน่ายๆออกมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ก่อนที่จะหยิบรองเท้าบูทที่เป็นไอเทมดรอปจากมอนสเตอร์ระหว่างทางก่อนหน้านี้จาก『ดูอัลไดเมนชั่นริง』 เป็นจำนวน 1 คู่ออกมาพร้อมๆกัน
ชึบ!
〝 เดี๋ยวก่อน ว้ายๆ!〞
แล้วจากนั้น กรก็โยนรองเท้าที่ว่าไปทางมีอาในทันที นั่นเลยทำให้มีอาตกใจเพราะมีของลอยเข้ามาอย่างกะทันหัน แต่ก็ยังรับไว้ได้ทั้งสองข้าง ดูเหมือนปฏิกิริยาของเธอเองก็สูงพอสมควร กรที่เห็นแบบนั้นก็ดีใจนิดหน่อยที่เธอไม่ใช่ประเภทที่เฉื่อยชาเกินควร เพราะถ้าเป็นแบบนั้น ในอนาคตคงแย่แน่ถ้าเกิดเธอตอบสนองคำสั่งของกรที่มีสุดยอดการประมวลผลไม่ทัน
〝…..ใส่ซะ〞
〝เอ๋!?〞
พอเธอรับรองเท้าบูทที่กรโยนให้แบบงงๆ เธอก็สงสัยในทันทีแต่ก็ไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองว่ากรจะเอาให้เธอสวมแต่อย่างใด เพราะเห็นแต่นิสัยที่เย็นชาของกรมาตลอดทางนั่นเอง แต่พอกรดันบอกให้เธอใส่เข้าจริงๆ นั่นเลยทำให้เธอตกใจมากยิ่งขึ้นไปอีก
〝ไม่ได้ยินรึไง….〞
〝ตะ แต่ว่า〞
〝นี่เป็นคำสั่ง….. ถ้าเกิดเธอเดินเท้าเปล่าก็มีแต่จะทำให้การเดินทางล่าช้า….. บอกแล้วนี่ ว่าอย่าขัดแข็งขัดขา…..〞
〝….เข้าใจแล้ว〞
และเพราะเห็นว่ามีอาไม่ใส่มันเสียที กรเลยบอกย้ำอีกครั้ง และดูเหมือนมีอาจะยังตะลึงไม่หาย กรก็เลยย้ำกับเธออีกครั้ง ว่าถ้าเป็นตัวถ่วงจะโดนทิ้ง เธอจึงรีบใส่มันในทันที
นะ นี่มัน สุดยอดเลย !
แล้วพอเด็กสาวสวมมันเสร็จแล้ว เธอก็ตกใจแบบนั้นอยู่คนเดียวในใจ นั่นเพราะพอสวมมันแล้ว เท้าของเธอดูนุ่มสบาย ทั้งยังเดินได้สะดวกขึ้นอีกมากโข แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือ แผลถลอกและช้ำจากการเสียดสีที่เท้าของเธอ เพราะรองเท้าหุ้มส้นก่อนหน้าขาด เริ่มทำการรักษาตัวเองจนแผลของเธอแทบจะหายสนิทดี เห็นได้ชัดเลยว่า นั่นเป็นผลมาจากรองเท้าบูทของกรนั่นเอง
〝 ขอบคุณมากเลยนะ! 〞
〝………〞
แล้วเธอก็บอกขอบคุณกรในทันทีด้วยใบหน้ายิ้มแย้มจนดูน่ารักน่าชังไม่น้อยเลยทีเดียว แต่กรที่เห็นมีสวมรองเท้าเสร็จแล้วก็ไม่ได้ตอบเธอกลับไปแต่อย่างใด จากนั้นก็หันหลังให้เธอแล้วก็เดินต่อไปข้างหน้าในทันทีเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
〝【….ก็เป็นคนดีเหมือนกันนี่นา】〞
และถึงกรจะทำตัวเย็นชาแบบนั้นเช่นเคย แต่เพราะกรให้รองเท้าแก่เธอ ทั้งยังรักษาแผลถลอกให้โดนไม่ได้บอกเธอเพื่อทวงบุญคุณแต่อย่างใด จะเพราะเก้อเขินหรือไม่จำเป็นก็แล้วแต่ แต่นั่นก็ทำให้ทัศนคติของมีอาที่มีต่อกร เริ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย จาก『กรเป็นคนเย็นชา』 กลายเป็น 『กรอาจจะเป็นคนที่พยายามทำตัวเย็นชา』 เธอจึงพูดแบบนั้นอยู่ในลำคอเบาๆ ด้วยความดีใจพลางยิ้มออกมาที่มุมปากเล็กน้อย เพราะคิดว่าคนๆ นี้ไว้ใจได้จริงๆ นั่นเอง ก่อนที่จะรีบตามกรที่เดินไปก่อนหน้าในทันที แต่ทว่า
〝หยุดก่อน!!!〞
〝!!!〞
แต่ในขณะที่มีอากำลังวิ่งเข้าไปหากร กรกลับตะโกนขัดเสียก่อน มีอาที่แม้จะยังตกใจอยู่ แต่ก็ยังกดเท้าลงที่พื้นอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองคำสั่งของกรอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
〝กร! มะ มีอะไรเหรอ?〞
〝ทางข้างหน้า มีมอนสเตอร์ 5 ตัว ไม่มีทางเลี่ยงเลย…. มีแต่…ต้องเข้าปะทะอย่างเดียว〞
〝……………..〞
แล้วมีอาที่ยังตกใจกับคำสั่งกะทันหันของกร ก็ถามเหตุผลกับกรด้วยเสียงสั่นๆเล็กน้อย แต่พอได้ยินคำตอบจากกร เธอกลับไม่ได้แสดงท่าทีตกใจเท่าที่ควร ทั้งยังเปลี่ยนสีหน้าเป็นขริงจังขึ้นมาพร้อมกับขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยอีกด้วย พอกรเห็นแบบนั้นก็ชื่นชมและยินดีเล็กน้อยที่มีอาไม่ได้ตกใจจนเกินควร แต่จะว่าไปแล้วเธอคนนี้ ก่อนหน้าที่จะมาเจอกับกร ก็เข้าปะทะกับมอนสเตอร์มาหลายครั้งพอสมควร เพราะงั้นนี่คงเป็นปฏิกิริยาปกติของเธอละมั้ง กรที่พอจะเข้าใจเหตุผล ก็เลยเลิกคิดถึงเรื่องนั้น แล้วหันมาสนใจในตัวมอนสเตอร์ที่อยู่ข้างหน้าแทนในทันที
อืม…. คองโซลเยอร์ 3 ตัว เกรทแอนท์ 2 ตัว…..
ถ้าแค่นี้ เราคงพอไหวอยู่หรอกมั้ง…..
แล้วพอกรใช้สกิล『ตาเหยี่ยว』กับ『มองเห็นในที่มืด』 ไปยังจุดที่ตัวเองสัมผัสถึงมอนสเตอร์ได้ ก็พบเข้ากับคองโซลเยอร์ ที่เป็นลิงสวมชุดเกราะเช่นเคย แต่ที่อยู่ด้วยกันนั้น เป็นมอนสเตอร์ชนิดใหม่ที่กรไม่เคยเจอมาก่อน นั่นก็คือ『เกรทแอนท์』 ซึ่งหากจะอธิบายให้เห็นภาพ มันก็เหมือนกับเซนทอร์ที่มีร่างกายท่อนบนเป็นคน ท่อนล่างเป็นม้า ส่วนเกรทแอนท์ที่ได้บอกไปข้างตนนั้นแตกต่างกับเซนทอร์ก็ตรงที่ร่างกายท่อนล่างเป็นมดสีแดงขนาดใหญ่นั่นเอง ท่อนบนก็คล้ายๆกับคองโซลเยอร์ เพียงแต่มีหัวเป็นมด และมีผิวสีแดงมันวาวเท่านั้นเอง
และเพราะจำนวนศัตรูมีน้อยกว่าที่คิด กรก็เลยคิดที่จะเข้าไปลุยเดี่ยวกับพวกนั้นเอง เพราะแม้มอนสเตอร์จะมีสติปัญญาสูงและสเตตัสจะสูงกว่ากร แต่กรก็สามารถทดแทนสิ่งเหล่านั้นด้วยสุดยอดการประมวลผลได้ ที่ผ่านมากรจึงสามารถสู้กับศัตรูที่มีโอกาสชนะน้อยๆมาได้ตลอก ทั้งที่ปกติกรควรจะแพ้ไปแล้วด้วยซ้ำ และพอกรตัดสินใจได้แบบนั้น เข้าจึงจะบอกกับมีอาให้รออยู่แถวๆนี้ในทันที
〝งั้นก็ช่วยไม่ได้…. เธอหน่ะ คอยอยู่ข้างหลังฉันซะ ไอ้พวกนั้นหน่ะเดี๋ยวฉัน—— 〞
〝ฉันจะสู้ด้วย!!!〞
แต่กรยังบอกกับมีอาได้ไม่ทันจบประโยคดี มีอาก็ตะโกนขัดจังหวะของกรเสียแล้ว
〝เฮ้ยๆ …..ก็บอกแล้วไง เธอหน่ะ…เป็นแค่ตัวถ่วงซะเปล่าๆ แล้วอีกอย่าง….เธอบอกเองนี่ ว่ามอนสเตอร์จะแข็งแกร่งขึ้นตามคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มที่เข้าปะทะ เพราะงั้นสเตตัสของพวกนั้น…..มันมากกว่าไอ้ลิงที่ฉันอัดไปครั้งก่อนเกือบสิบเท่าเลยนะ〞
แล้วกรก็ชี้แจงให้เธอฟังอย่างละเอียดอีกที ถึงความแข็งแกร่งของมอนสเตอร์ เพื่อไม่ให้มีอาดื้อรั้นไปสู้กับพวกนั้น พร้อมกับพูดตัดพ้อมีอาแบบทุกที แต่ว่า…..
〝ฉัน…. ต่อสู้ได้!〞
แต่กรก็ผิดคาดไปอย่างหนึ่ง เพราะลืมคิดไปว่า มีอาตามตัวเองมาตลอดก่อนหน้า ทั้งที่ไล่ยังไงก็ไม่ยอมไป เพราะนึกถึงความดื้อรั้นในตอนนั้นก็เพิ่งมาสังเกตเห็นว่า เธอคนนี้หัวแข็งจนใช้เหตุผลเข้าสู้ไม่ได้ และคิดจะดุเธอกลับในทันที
เพียงแต่… เมื่อกรมองไปที่ดวงตาของมีอา ดวงตาของเธอนั้นดูมุ่งมั่นยิ่งกว่าที่ตัวเธอสื่อออกมาด้วยคำพูดเสียอีก แววตาของเธอไม่สั่นไหวและลอกแลกแม้แต่น้อยในขณะที่ตอบกรไปแบบนั้น เนื้อตัวก็ไม่ได้สั่นกลัว บวกกับความดื้อรั้นที่บอกไปข้างต้น กรเลยถอนหายใจออกมาหนักๆครั้งหนึ่งเพราะคิดว่าคงห้ามคนที่กำลังทำสีหน้าและท่าทางจริงจังและมุ่งมั่นแบบนี้ไม่ไหว
〝เฮ้อ! ให้ตายสิ… เธอนี่เอาแต่ใจชะมัด ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจะทำยังไง!〞
〝นาย… จะปกป้องฉัน…〞
〝!!!〞
แล้วกรก็ตกใจอีกครั้งหลังจากที่มีอาตอบมาแบบนั้น พลางคิดอยู่ในใจอย่างหงุดหงิดเพราะถูกพูดเหมือนกับว่ารู้ใจตัวเองไปแบบนั้น และคิดอยู่ว่า ยัยนี่เอาอะไรมามั่นใจแบบนั้นฟ่ะ
แต่พอกรคิดดูดีๆ ก็เลยนึกขึ้นมาเล็กน้อยถึง ฉายา〘พลังแฝงเทพเจ้า〙กับ〘พรสวรรค์เทพเจ้าแห่งดาบ〙ที่สุดอลังการทั้งสองนี้ของมีอา กรเลยคิดว่าจะลองเสี่ยงกับยัยนี่ดูดีไหม
〖เจ้าหนู… ทำตามที่คุณหนูคนนี้บอกเถอะ〗
〝 คุณหมา 〞
แล้วพอเคลเบรอสที่เงียบมาตลอดพูดสนับสนุนมีอาออกมา เลยทำให้เธอตอบกลับเคลเบรอสด้วยน้ำเสียงสนิทสนม ทั้งยังเรียกเคลเบรอสด้วยชื่อเล่นว่า “คุณหมา” เสียจนน่ารักอีกต่างหาก เพราะก่อนหน้าที่กรถามข้อมูลกับมีอา กรก็ได้แนะนำกับเธอไปบ้างแล้วว่า เคลเบรอสเป็นอินเทเลเจนท์ซอร์ดที่มีจิตใจเป็นของตัวเอง และพอบอกว่ามันเคยเป็นบอสมาก่อนก็ยิ่งทำให้เธอตกใจเข้าไปใหญ่ แต่เพราะความเข้ากับคนง่ายของเคลเบรอส กับความร่าเริงของมีอา เลยทำให้ทั้งสองคนดูเหมือนจะถูกคอกันไม่น้อย
〖ถ้าคุณหนูคนนี้อยู่ในอันตรายก็ปกป้องซะสิ! ไม่มีอะไรต้องห่วงซักนิด〗
〝เฮ้ยๆ! นี่แกก็เอากับเขาด้วยเหรอ!?〞
แล้วกรที่ถูกขัดความคิดกระทันหันก่อนหน้านี้ก็ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ แต่ที่กรหงุดหงิดที่สุดก็คงเป็นตรงที่บอกว่า เขาจะปกป้องมีอาจากอันตรายแน่นอนนั่นแหล่ะ กรเลยไม่ค่อยสบอารมณ์นักที่ถูกทำตัวสนิทสนมและพูดเหมือนรู้จักตัวกรดีนั่น แต่ก็อย่างว่า… ทั้งเพราะไม่มีเวลาบวกกับเถียงไปก็ไม่ชนะทั้งสองคน กรเลยต้องปล่อยเลยตามเลย
〝เฮ้อ! เอางั้นก็ได้… เธอหน่ะ ต้องทำตามคำสั่งของฉันทุกอย่างนะ… เข้าใจไหม!!!〞
〝แน่นอน! ได้อยู่แล้ว!〞
〝อา! งั้นก็ ….เธอหน่ะเป็นนักดาบสินะ บอกแบบที่อยากได้มาเลย …แล้วไม่ต้องเกรงใจด้วย มันเสียเวลา เอาแบบที่เข้ากับตัวเอง จะได้มีประสิทธิภาพที่สุด〞
〝งะ งั้น ดาบบางๆที่เน้นความเร็ว….. เอาเป็น『ดาบเอสต็อค』ก็แล้วกัน〞
แล้วกรก็ไม่พ้นต้องถอนหายใจหนักๆอีกครั้ง จนอากาศในปอดจะไม่เหลือให้หายใจอยู่แล้ว จากนั้นก็รวบรัดตัดความในทันที เพราะไม่อยากเสียเวลามากไปกว่านี้แล้ว จึงได้บอกให้เธอขอในอาวุธที่เข้ากับตัวเองที่สุดในทันที มีอาเองก็ตอบกลับกรไปด้วยเสียงที่หนักแน่นเพื่อตอบสนองความจริงจังของกรเช่นกัน พอกรได้ยินแบบนั้นก็รีบเอาดาบแบบเดียวกับที่ว่าและที่มีพลังมากที่สุดออกมาจากแหวนแล้วมอบมันให้กับเธอในทันที
『เอสต็อคแห่งเจ้าสายลม』【S】
《 คำอธิบาย : ดาบเอสต็อคที่มีใบดาบเรียวบางลู่ลม เมื่อสวมใส่จะมีคุณสมบัติเพิ่มค่าสเตตัสพลังโจมตีและความว่องไวขึ้น 50% 》
〝เอาหล่ะ! เตรียมพร้อมได้แล้ว อีก 7 วินาทีจะเข้าปะทะ!〞
〝เอ๋! ขะ เข้าใจแล้ว〞
และพอกรเอา『เอสต็อคแห่งเจ้าสายลม』ออกมาให้กับมีอาในเวลาไม่ถึงวินาทีหลังจากที่เธอขอไป พอมีอาได้รับดาบจากกรก็ตกใจกับความวิจิตรของมัน ทั้งใบดาบที่มีขนาดความกว้างเพียง 10 เซนติเมตร ทั้งด้ามจับและที่กั้นดาบเองก็มีลวดลายอันงดงามสลักอยู่เช่นเดียวกัน แต่ที่มีอาตกใจนั้นเป็นเพราะคุณภาพของมันทั้งที่มองด้วยตาเปล่าก็ยังรู้ว่าสุดยอดต่างหาก
〝ฟังดูอ่อนแอชะมัด พูดใหม่ซะ!!!〞
〝รับทราบค่า!!!〞
และเพราะพูดติดๆขัดระหว่างตกใจ กรจึงกระตุ้นมีอาอีกครั้งด้วยการให้เธอตอบกลับมาอย่างแข็งขัน และนั่นก็ได้ผลดีทีเดียว แต่ถึงจะตะโกนแบบนั้นไปก็ดูเหมือนจะดังไม่มากพอให้มอนสเตอร์ที่อยู่ห่างออกไปมาสนใจเลยแม้แต่น้อย
〝ดีมาก!〞
แล้วกรก็พูดตอบด้วยเสียงเรียบๆ จากนั้นกรก็เริ่มทำการ『ตัดความรู้สึก』 อันเป็นกิจก่อนสู้ปกติของตัวเองในทันที
ชึบ!
〝!!!〞
แล้วจากนั้นกรก็ไม่รอช้าที่จะเรียกหนึ่งในอาวุธที่ตัวเองทำขึ้นมาเพื่อเริ่มการเข้าปะทะกับพวกมอนสเตอรืในทันที และที่กรเอาออกมาจากแหวนก็คือ ปืนไรเฟิลซุ่มยิง『Barrett』นั่นเอง
〝นั่นมันอะไรกัน…. ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย〞
แล้วมีอาที่ยังตกใจกับดาบเอสต็อคในมือไม่หาย ก็ยังต้องตกใจกับปืนไรเฟิลของกรอีกครั้ง ทั้งนั้นก็เป็นเพราะของที่กรถืออยู่ในมือนั้น เป็นของที่ไม่มีอยู่ในโลกนี้นั่นเอง
ชึบ!——— แกร็ก!
〝อา! มันเป็นของ…. ที่ฉันสร้างเอง〞
ในขณะเดียวกับที่ตอบมีอากลับด้วยเสียงเรียบๆ กรก็เรียกแมกกาซีนบรรจุ『กระสุนเวทย์มนต์ประเภทเน้นการทำลายล้าง』ซึ่งเป็นแบบหัวรู นั่นก็เพื่อกำหนดเป้าหมายได้แน่นอนเพียงเป้าเดียว และก็เพื่อไม่ให้ไปโดนมีอาที่จะต้องเข้าปะทะด้วยกันนั่นเอง พอใส่มันเข้าไปในช่องใส่แล้วจัดการส่งกระสุนเข้ารังเพลิงเรียบร้อย กรก็นั่งลงในท่ายอง พร้อมกับเล็งไปที่ขาของคองโซลเยอร์ตัวที่อยู่ใกล้ที่สุด ซึ่งมีระยะอยู่ที่ประมาณ 200 เมตรในทันที แล้วจากนั้น….
เปรี้ยง!
พอกรทำการลั่นไกปืน กระสุนที่หลับไหลอยู่ในรังเพลิงก็ควงสว่านออกมาจากปากกระบอกปืนด้วยความเร็วเหนือเสียง 30 เท่า จนเกิดเสียงดังสนั่นไปทั่ว มีอาที่ได้ยินเสียงนั้นใกล้ๆก็ตกใจจนถึงกับต้องปิดหูแน่นเลยทีเดียว
ตู้ม!!!
เจี๊ยก!!!
แล้วเสียงที่ตามมาก็คือ เสียงร้องของคองโซลเยอร์ที่ถูกลูกกระสุนแบบหัวรูกระทบเข่าไปที่ข้อเท้าซ้ายด้วยความเร็วสุดยอด ผลลัพธ์ก็คือบริเวณที่ถูกกระทบนั่นเกิดระเบิดขึ้นมาเสียงดัง จนเท้าซ้ายของมันระเบิดเป็นเศษเนื้อหายไปเลย แล้วคองโซลเยอร์ตัวนั้นก็ล้มลงกับพื้นทั้งอย่างงั้นเพราะเสียสมดุลกระทันหัน
ชึบ!——— แกร็ก!
〝ยังได้อีกนัด! เตรียมตัวซะ อีก 4 วินาที!〞
〝เข้าใจแล้ว!〞
และแน่นอนว่าพอกรทำการลอบโจมตีสำเร็จ มอนสเตอร์ในกลุ่มก็พุ่งความสนใจมายังตำแหน่งที่กรอยู่ในทันที แต่เพราะระยะที่มากกว่า 200 เมตรเลยทำให้ยังพอมีเวลายิงอีกซักนัด พอกรบอกเวลาที่เหลือในการเข้าปะทะกับมีอาอีกครั้ง กรก็ดีดปลอกกระสุนออก แล้วป้อนกระสุนอีกลูกเข้าไปในรังเพลิง จากนั้นก็เล็งคองโซลเยอร์ที่กำลังวิ่งเข้ามาเป็นตัวแรกในทันที แต่ทว่า….
เปรี้ยง!
〝ชิ!〞
แต่โลกนี้ไม่มีอะไรง่ายดาย ในจังหวะเดียวกับที่กรกำลังจะลั่นไกปืน คองโซลเยอร์ตัวนั้นกลับเบี่ยงตัวหลบได้ราวๆ 2 เซนติเมตร และเพราะระยะห่างที่มากกว่า 150 เมตร นั่นเลยทำให้มันมีเวลามากพอจะหลบกระสุนได้ กรเองก็คิดว่ามันบ้าชัดๆ ที่หลบกระสุนเหนือความเร็วเสียง 30 เท่าได้ แต่เพราะในดันเจี้ยนมันมีแต่เรื่องเกินคาด กรก็เลยคิดเสียว่า เป็นปัญหาด้านสเตตัสที่พวกนั้นมีสูงกว่าตน
จากนั้นกรก็เก็บ『Barrett』 แล้วเอาปืนพก『Taurus』ออกมาถือในมือซ้ายพร้อมกับใส่แมกกาซีนไปพร้อมกันในทันที แล้วก็ชักเคลเบรอสซอร์ดที่อยู่ข้างหลังออกมาจากฝักพร้อมๆกัน
〝ฉันจะบุกเข้าไปก่อน!〞
〝เข้าใจแล้ว!〞
ตู้ม!!!
แล้วพอกรตะโกนบอกมีอาเสร็จ กรก็ถีบพื้นเพื่อเข้าประชิดตัวคองโซลเยอร์ตัวแรกในทันที พอกรก็ป้อนกระสุนเข้ารังเพลิงด้วยเวทย์มนต์เสร็จ กรก็ใช้ปืนพกในมือซ้ายเล็งไปที่บริเวณลำตัวที่มีโอกาสโดนสูงที่สุดในทันที และไม่รอช้าที่จะลั่นไกในทันที
ปัง!
แต่กระสุนกลับแฉลบผ่านสีข้างด้านซ้ายที่มีชุดเกราะคลุมอยู่ของคองโซลเยอร์ไปอย่างน่าเสียดาย เพราะแม้กระสุนของปืนพกจะเร็วกว่าปกติโข แต่ก็ไม่เท่ากับไรเฟิลที่มีความเร็วกว่า 30 มัค แต่ถึงเทียบกันแล้วมันก็ยังเป็นความเร็วที่ไม่น่าจะหลบได้อยู่ดี กรเลยคิดว่าถ้าไม่เข้าประชิดในระยะ 10 เมตรบวกลบ ก็คงไม่สามารถยิงโดนได้ แต่ที่กรยิงเฉียงไปทางขวาของตัวเอง หรือทางซ้ายของคองโซลเยอร์ เป็นสิ่งที่กรคาดไว้แล้ว นั่นจึงทำให้ตอนนี้คองโซลเยอร์ที่เบี่ยงหลบกระสุนเสียสมดุลเล็กน้อยจนอยู่ในแนวเดียวกับมือซ้ายของกรพอดี กรที่พุ่งตัวมาตั้งแต่เมื่อครู่ก็ใช้เวลามานานพอสมควรแล้วจนเข้าประชิดตัวกับคองโซลเยอร์ในระยะ 5 เมตรในที่สุด กรจึงไม่รอช้าที่จะยิงกระสุนอีกนัดใส่ลำตัวของมันอีกครั้ง
ปัง!
ตู้ม!!!
และเพราะกรยิงมันในระยะประชิดจนแทบจะเผาขน คองโซลเยอร์ก็ไม่พ้นที่จะหลบได้จากระยะเท่านี้ คองโซลเยอร์ที่โดนกระสุนของกรเข้าไปที่กลางลำตัว จังหวะที่ลูกกระสุนกระทบ ตัวมันก็ระเบิดออกกลายเป็นเศษเนื้อในพริบตาจนไม่มีเวลาร้องออกมาเหมือนกับตัวก่อนเลยด้วยซ้ำ
〝สุดยอด…〞
แล้วมีอาที่เห็นการต่อสู้ของกรเข้าไป ก็ทำได้แค่พูดออกมาแบบนั้นด้วยสีหน้าชื่นชมจากใจเท่านั้น และแม้จะเห็นภาพที่กรทำให้มอนสเตอร์กลายเป็นเศษเนื้อ แต่เธอก็ไม่ได้แสดงอาการหวาดกลัวออกมาเลยด้วยซ้ำ แสดงให้เห็นว่าเธอผ่านเรื่องแบบนี้มามากพอสมควร
〝ตามมา! เธอจัดการลิงที่เหลืออีก 2 ตัวซะ!〞
〝อืม เข้าใจแล้ว!!!!!〞
แล้วพอกรพูดแบบนั้นออกไป มีอาก็ตอบสนองด้วยการออกวิ่งมาหากรในทันที แล้วกรที่เห็นว่ามีอาวิ่งมาแล้วก็วิ่งหลบผ่านคองโซลเยอร์สภาพดีที่วิ่งเข้ามาพร้อมกับตัวที่กรฆ่าไปก่อนหน้า จนมายืนเผชิญหน้ากับเกรทแอนท์ในระยะ 10 เมตร ซึ่งตัวกรไม่เคยสู้มาก่อน
และแม้เกรทแอนท์ที่ว่ามีอาจะเคยปะทะมาบ้างแล้ว แต่อย่างที่เคยบอกว่าเธอไม่ได้ต่อสู้จนจบ เธอเพียงแค่หาช่องว่างเพื่อหลีกพวกนั้นออกมาเท่านั้น นั่นเลยทำให้กรเองต้องสู้กับเกรทแอนท์เป็นครั้งแรก ทั้งที่ไม่มีข้อมูล แต่ถึงแบบนั้นก้ไม่ได้ทำให้ตัวกรที่『ตัดความรู้สึก』ไปแล้วกังวลได้ แล้วกรก็ไม่รอช้าที่จะลองของ โดยเล็งปืนพกที่อยู่ในมือซ้ายไปที่ตัวมันในทันที
ปัง!
กี้ๆ!!!
แต่ไม่รู้ว่ากรกังวลไปเองรึเปล่านั่นเพราะพอยิงมันไปนัดนึงที่ลำตัวท่อนบนของมัน มันก็ร้องโหยหวนออกมาและล้มลงไปอย่างง่ายดาย…
ปุด!!!!
แต่หลังจากที่มันล้มลง และร่างของมันหลอมละลายกลายเป็นของเหลวสีเขียวอมเหลืองน่าสะอิดสะเอียน สิ่งที่เหลืออยู่นั้นก็คือ สิ่งที่มีรูปทรงวงรีสีขาวขุ่นผิวเรียบมันวาว ขนาดเท่ากันกับลำตัวท่อนล่างของมัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่านั่นคือ ไข่ของเกรทแอนท์นั่นเอง
แกร็ก!!!!
กี้ๆๆๆ!!!!!!!
กี้ๆๆๆ!!!!!!!
〝!〞
แล้วในเวลาไม่นาน ไข่สีขาวขุ่นนั่นก็ถูกกะเทาะออกมาจากภายในในทันที แล้วสิ่งที่ปรากฏออกมาก็คือ เกรทแอนท์ จำนวน 2 ตัวที่มีขนาดเท่ากับตัวแม่ราวกับถอดแบบกันออกมา
ตึงๆๆๆ!!!!!!
และไม่ปล่อยให้หยุดพัก เกรทแอนท์ทั้ง 3 ก็กรูกันเข้ามายังตำแหน่งที่กรอยู่โดยพลัน กรในตอนนี้ก็คิดถึงความเป็นไปได้ในการล้มเกรทแอนท์หลายๆอย่าง แต่ที่เข้าที่สุดคือ การใช้ดาบแทนปืนในการสู้ เพราะถึงแม้จะใช้ปืนยิงมันไปก่อนก็ตาม ก็จะเหลือไข่อีก ซึ่งกรก็ไม่รู้ว่าถ้ายิงเข้าไปในไข่ทั้งแบบนั้น เกรทแอนท์ที่อยู่ข้างในทั้งสองตัวจะตกลูกมาอีกอย่างละ 2 กลายเป็น 4 ตัวรึเปล่า ทั้งนี้เพราะไม่มีเวลาทดลองกับมีความเสี่ยงมากเกินไป กรเลยเลือกที่จะใช้ดาบที่ตัวเองถนัด และนั่นก็เพื่อที่จะใช้เวทย์ของเคลเบรอสนั่นเอง
【กรดเดือดหลอมละลาย!!!!!!!】
ก๊าซซซซ!!!!!!!
แล้วกรก็ไม่รอช้าที่จะใช้สกิลที่น่าจะได้ผลมากที่สุดออกไป และนั่นทำให้เกรทแอนท์ทั้ง 3 ตัวที่โดนกรดที่ปล่อยออกมาจากดาบเคลเบรอสไปเต็มๆ จนร้องโอดครวญออกมาดังลั่นไปทั่ว และไม่นานเสียงของพวกมันก็แน่นิ่งไป? อันเป็นสัญญานว่าพวกมันได้หมดสภาพเรียบร้อยแล้ว
และพอกรจัดการภาระของตัวเองเสร็จสิ้นในเวลาไม่ถึง 30 วินาที กรจึงรีบหันกลับไปดูฝั่งของมีอาที่กำลังต่อสู้อยู่กับคองโซลเยอร์อีกตัวก็ต้องตกตะลึงเธอขึ้นมาในหลายๆความหมาย
ในจังหวะเดียวกับที่คองโซลเยอร์วาดดาบไปข้างหลัง ในขณะที่พุ่งตัวเข้าหามีอา มีอาก็เงื้อดาบของเธอไปข้างหลังเช่นเดียวกัน และพอทั้งสองเข้าประชิดกัน ดาบของคองโซลเยอร์ที่มีสเตตัสมากกว่าจึงควรจะเข้าถึงตัวของมีอาก่อน
แต่ทว่า… ที่ได้รับบาดเจ็บดันเป็นคองโซลเยอร์เสียเอง นั่นเพราะจังหวะที่เข้าปะทะกันเพียงชั่วพริบตา มีอาเอี้ยวตัวหลบดาบของคองโซลเยอร์ได้อย่างฉิวเฉียด ระยะห่างของตัวเธอกับดาบของมันนั้นมีช่องว่างน้อยกว่ากระดาษแผ่นเดียวเสียอีก แล้วพอมีอาหลบการโจมตีนั่นได้อย่างคล่องแคล่ว เธอก็ทำการโจมตีด้วยดาบของเธอกลับในทันที ทั้งด้วยการฟันและแทงไปที่กลางลำตัวของมัน แต่ที่น่าตกใจไม่ใช่ปฏิกิริยาตอบสนองที่สุดยอดของเธอเท่านั้น นั่นเพราะการโจมตีของเธอ มันรวดเร็วมากจนคล้ายกับกระสุนปืนเลยทีเดียว เพราะเท่าที่กรสังเกตจากการใช้สุดยอดการประมวลผล เธอก็โจมตีเข้าไปแล้วเกือบๆ 50 ครั้งในเวลาเพียง 1 วินาทีเท่านั้นเอง
แต่น่าเสียดาย เพราะการกระหน่ำโจมตีราวกับพายุคลั่งที่ว่านั่น ยังไม่มากพอที่จะล้มคองโซลเยอร์ได้ ในทันทีที่ถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง มันก็เงื้อดาบไปข้างหลังอีกครั้งเพื่อเตรียมฟันมีอาในแนวขนานกับพื้น กรที่เห็นแบบนั้นเลยคิดว่าเธอต้องหลบไม่พ้นแน่ๆ ก็เลยเตรียมที่จะยิงไปที่หัวไหล่ของคองโซลเยอร์ในทันที เพียงแต่ในเวลาเดียวกับที่กรกำลังจะยิง มีอาก็ย่อตัวลงพร้อมกับดีดตัวเองขึ้นบนอากาศ เพื่อผ่านไปข้างหลังและหมุนตัวไปพร้อมกันราวกับล้อเกวียนที่กำลังหมุนอยู่ยังไงอย่างงั้น แต่ที่มีอาทำมันไม่ใช่แค่นั้น นั่นเพราะจังหวะที่ลอยผ่านศีรษะของคองโซลเยอร์ เธอก็จัดการฟันต้นคอของมันไปด้วยจากแรงเหวี่ยงเลยสร้างความเสียหายให้มันได้มากพอสมควร แล้วพอเธอลงถึงพื้นเรียบร้อย เธอก็หันหลังกลับไปทางคองโซลเยอร์อีกครั้ง จากนั้นก็ใช้ดาบเอสต็อคในมือกระหน่ำแทงเข้าไปที่ลำคอของมันจากด้านหลัง จนคอหนาๆของมันเกิดรูโหว่เล็กๆมากมายจนคล้ายกับรังผึ้งไปเลย แล้วคองโซลเยอร์ที่โดนแบบนั้นเข้าไป ก็ไม่พ้นต้องล้มลงไปนอนหมดสภาพทั้งแบบนั้น แล้วมีอาที่เห็นแบบนั้นก็ทำสีหน้าโล่งอกขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินเข้าไปทางคองโซลเยอร์ที่เท้าขาดเพราะกรในตอนแรก แล้วจัดการบั่นคอมันด้วยการโจมตีหลายๆครั้ง จนขาดกระเด็นในทันที และเพราะคิดว่าการต่อสู้ทั้งหมดจบลงแล้ว เลยทำให้กรนำความรู้สึกกลับมาโดยอัตโนมัติ แล้วเก็บเคลเบรอสเข้าฝักในทันที
เด็ดเดี่ยว แต่ก็…งดงาม
ไม่มีคำไหนเหมาะกับมีอาในตอนนี้อีกแล้ว…
ทั้งที่คิดว่ายัยนี่เป็นแค่ ผู้หญิงซื่อบื้อและเซ่อซ่าแท้ๆ …แต่พอเวลาสู้จริงแล้วยังกับคนละคน
ทั้งเยือกเย็นแล้วก็ไร้ความปราณี….
แล้วที่น่าตกใจกว่าก็คือ…ความเร็วในการตอบสนอง ความเร็วในการโจมตีที่เหนือกว่าของคองโซลเยอร์ที่สเตตัสน่าจะมากกว่าตัวเธอเองถึง 10 เท่า แล้วยังเชิงดาบกับความชำนาญนั่นอีก….
〝แฮ่ก! แฮ่ก! แฮ่ก! ……กร สะ…สำเร็จแล้ว〞
และพอเธอทำตามคำสั่งของกร ในการจัดการมอนสเตอร์ทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย เธอก็รีบตะโกนบอกกรที่ทำการต่อสู้เสร็จไปก่อนแล้วในทันที ทั้งที่ยังเหนื่อยหอบ และใบหน้าแสดงความเหนื่อยอ่อนออกมาอย่างชัดเจน
〝อา…. พยายามได้ดีมาก〞
〝งะ…งั้นเหรอ ฮะฮ่ะ!〞
กรที่เห็นสภาพเหนื่อยอ่อนของเธอ ก็ตระหนักได้ในทันทีว่าที่เธอทำทั้งหมด เป็นการฝืนเกินตัวอย่างเห็นได้ชัด นั่นเลยทำให้กรรู้สึกขอบคุณและดีใจอยู่นิดหน่อย มีอาเองที่ได้ยินกรชมตัวเองก็ยิ้มออกมาอย่างร่าเริง ประกอบกับที่พูดแบบนั้นออกพลางหัวเราะออกมาเบาๆไปพร้อมกันด้วยใบหน้าที่น่ารักน่าเอ็นดู ราวกับจะลืมความเหนื่อยอ่อนก่อนหน้าไปชั่วขณะยังไงอย่างงั้น และเพราะกรคิดว่าการต่อสู้จบลงแล้ว เลยจะเดินเข้าไปหามีอาเพื่อตรวจสอบสภาพของเธออยู่นั้น
แกร็ก!
ในขณะที่กรเดินเข้าไปทางมีอา ก็ได้มีเสียงปริศนาดังขั้นมาจากทิศตรงข้าม หรือก็คือ มันมาจากทิศที่กรทำการกำจัดเกรทแอนท์ไปนั่นเอง กรจึงรีบหันหน้าไปทางนั้นอย่างรวดเร็ว
〝!!!!!!!!!!〞
แล้วสิ่งที่กรพบเข้า เมื่อมองไปยังแหล่งกำเนิดเสียงปริศนานั่นก็คือ ไข่ของเกรทแอนท์จำนวน 1 ใบถ้วน กำลังตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับที่พวกมันตายไป แต่ที่กรตกใจยิ่งกว่าก็คือ ไข่ที่ว่ามันไม่ได้มีสีขาวขุ่นแบบเดียวกับก่อนหน้า แต่มันมีสีแดงโลหิตราวกับเลือด แถมผิวของไข่ทั่วทั้งใบ ยังมีหนามแหลมๆสีเดียวกันโผล่พ้นขึ้นมาจากผิวมากมาย
แกร็ก!
แล้วพอเสียงที่ว่าดังขึ้นอีกครั้ง หนามที่อยู่บนผิวของมันก็โผล่ขึ้นมาอีกจนแทบจะหลุดออกมาอยู่แล้ว กรที่เห็นภพอันแปลกประหลาดนั่นเข้า จึงเกิดลางสังหรณ์แย่ๆขึ้นมาอีกครั้ง
〝หลบเร็วเข้า!!!!!!!!〞
แล้วกรที่เห็นแบบนั้นก็เกิดตอบสนองไปด้วยสัญชาตญาน โดยการตะโกนเตือนมีอาที่อยู่ห่างออกไป 10 เมตร และในขณะเดียวกันกรก็วิ่งไปทางที่มีอาอยู่ด้วยความรีบร้อนในทันที แต่ทว่า…..
แกร็ก!!!!
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
กรยังวิ่งไปไม่ทันที่จะถึงมีอา หนามที่ฝังอยู่กับไข่สีแดงนั่น ก็หลุดออกมา… ไม่สิ…มันพุ่งออกมาจากตัวไข่ทั้งอย่างงั้นเลยต่างหาก จำนวนก็เกินกว่า 100 แท่ง มาทางที่กรและมีอายืนอยู่
〝เวรเอ้ย! 【Ogre Shield Form!!!!!!!】〞
แล้วทันทีที่กรประกาศใช้สกิล ก็มีโล่สีแดงฉานถูกสลักด้วยลวดลายอันงดงามออกมา อันเป็นหนึ่งในชิ้นส่วนของสกิล『Ogre Armor Form』นั่นเอง ซึ่งขนาดของมันใหญ่พอๆกับตัวของกรเองเลยทีเดียว
แต่ทิศที่กรนำโล่ไปวางเพื่อป้องกันไม่ใช่ตัวเอง แต่เป็นตัวมีอาต่างหาก ทั้งนี้นั่นเพราะตัวกรมีฉายา〘เหนือฟ้าใต้หล้า ทนทานทุกสิ่ง〙 ที่ทำให้สถานะผิดปกติทุกอย่างไร้ผลเลยไม่จำเป็นต้องป้องกันตัวเองซักนิด เลยเลือกที่จะใช้มันเพื่อปกป้องมีอาก่อนตัวเอง แต่กรที่ความคิดกำลังหมุนอยู่อย่างรวดเร็วเพราะอยู่ในช่วงหน่าสิ่วหน้าขวานก็ไม่ได้สังเกตเลยว่า ความคิดที่ว่ามีอาจะเป็นอันตรายจึงต้องปกป้องเธอก่อนนั้น มันมาก่อนความคิดที่ตัวเองสามารถป้องกันสถานะผิดปกตินั่นเสียอีก
แต่เพราะระยะห่างระหว่างโล่ของกรกับจุดที่ปล่อยหนามพวกนั้นออกมามีอยู่มาก เลยทำให้หนามเหล่านั้นกระจายออกมาเป็นวงกว้างจนเล็ดลอดไปได้บางส่วน มีอาเองก็สามารถหลบได้บางส่วนเช่นเดียวกัน แต่มันก็มากเกินไปสำหรับเธอที่กำลังเหนื่อยหอบ เลยทำให้มีหนามแท่งหนึ่งแฉลบผ่านต้นขาขวาของเธอไปจนเสื้อคลุมของเธอบริเวณนั้นขาดออกไปเลย
〝อ้าย!!!!!〞
〝มีอา!!!!!!!〞
แล้วพอกรเห็นแบบนั้น ก็รีบวิ่งไปหามีอาที่อยู่ในท่านอนหงายในทันที โดยไม่สนเลยว่าหนามพวกนั้นมาโดนตัวเองและไม่สังเกตุเลยว่าพวกมันหยุดพุ่งมาเมื่อไหร่ เลยทำให้มาถึงตัวมีอาอย่างรวดเร็ว
〝อึก! กร..ฉัน รู้สึก….ร้อน!!!〞
〝ร้อนงั้นเหรอ! หรือว่า…จะเป็นพิษจากเหล็กใน〞
แล้วพอกรเข้าถึงตัวมีอาก็ใช้มือพยุงท้ายทอยเธอขึ้นมา จากนั้นมีอาก็บอกสภาพของตัวเองใก้กรรับรู้ในทันที นั่นเลยทำให้กรวินิจฉัยอาการและหาเวทย์ขจัดพิษในหัวอย่างรวดเร็ว
〝ตรงที่โดนคือต้นขาตรงนี้สินะ!〞
〝อะ…เอ๋! กร… อย่าพึ่ง! หยุดก่อน!!!〞
〝อย่าพึ่ง อะไรกันฟ่ะ! …นี่มันไม่ใช่เวลามาอายนะเฟ้ย!!!〞
แล้วพอกรชี้ตำแหน่งที่มีอาถูกพิษเข้าไป มีอาที่ยังโดนพิษจนปวดแสบปวดร้อนและทรมานไปทั้งตัวกลับตอบกลับกรว่า ห้ามตรวจสอบบริเวณที่ว่าด้วยความร้อนรนและกังวลอย่างที่สุดราวกับจะไม่สนความเจ็บปวดที่ตัวเองได้รับอยู่ กรที่คิดว่าบางทีเธอคงจะอาย ก็ไม่ได้รู้เลยว่า การที่ทำแบบนั้นลงไปจะทำให้เธอรู้สึกแย่และสลดขึ้นมาด้วยสาเหตุอื่น
แคว็ก!!!
〝เอาหล่ะนะ!!! 【Poison Break!!!】〞
แล้วจากนั้นกรก็ทำการฉีกผ้าบริเวณต้นขาของเธอออก จนเห็นผิวอันเนียนนุ่มของเธอ แต่กรในตอนนี้สนใจเพียงแต่แผลกับพิษของเธอเท่านั้น ก็รีบร่ายเวทย์ให้เธอทันทีที่เห็นแผล
พอกรร่ายเวทย์แก้พิษขั้นสูงกับมีอาแล้ว บริเวณที่ต้นขาของเธอที่ถูกพิษก็มีแสงสีเหลืองอ่อนเข้าปกคลุม แล้วแผลก็เริ่มสมานกันอย่างรวดเร็ว สีหน้าของมีอาที่แสดงอาการเจ็บปวดจนถึงเมื่อครู่เองก็หายไปแล้ว ดูยังไงก็รู้ว่าการรักษานั้นได้ผล
〝เรียบร้อย! เป็นไงบ้าง!〞
〝อืม…. คิดว่า…น่าจะหายแล้วหล่ะ!〞
แล้วหลังจากการรักษาจบลง กรก็ถามอาการมีอาในทันที แต่พอเธอคลายสีหน้าเจ็บปวดลง เธอกลับทำสีหน้าเศร้าๆและดูกังวลใจขั้นมาแทน ทั้งที่ยังถูกกรประคองขึ้นมาให้อยู่ในท่านั่งพับเพียบ พร้อมกลับตอบกรด้วยน้ำเสียงที่สั่นไหวราวกับจะร้องไห้ออกมาได้ทุกเมื่อ
〝ให้ตายสิ! อย่าทำให้เป็นห่วง—— 〞
แล้วพอการรักษาผ่านไปแล้ว กรเองก็เป็นฝ่ายเริ่มคลายความกังวลบ้าง เลยทำให้กรที่จนถึงตอนนี้ใช้สมาธิไปกับแผลของมีอา เริ่มที่จะสังเกตเห็นสิ่งที่อยู่ตรงต้นขาขวาของเธอเข้าเพราะเหลือบไปมองที่ๆเคยมีแผลอีกครั้งเพื่อดูอาการซ้ำอีกครั้งเข้า
〝เอ๋ …..นี่มัน ตราเวทย์? สัญลักษณ์? …..〞
〝………….〞
และที่อยู่บนต้นขาของมีอาก็คืออักขระที่คล้ายกับวงเวทย์สีแดงสดขนาดเท่าฝ่ามือ รูปร่างและการจัดเรียงก็ดูซับซ้อน นั่นเลยทำให้กรสงสัยขึ้นมาว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่กรที่ถามมีอาไปแบบนั้นก็ไม่ได้คำตอบแต่อย่างใด เพราะตอนนี้ความคิดของเธอที่ถูกกรเห็นสัญลักษณ์นั่น มันแทบจะขาวโพลนจนมองไม่เห็นอะไรไปแล้ว
〖คุณหนู…. นี่มัน!〗
〝เจ้าหมา….. แก….รู้จักงั้นเหรอ!?〞
แต่เสียงที่ตอบกรกลับมาแทนก็คือ ดาบที่กรเก็บเข้าฝักไปแล้วอย่างเคลเบรอสนั่นเอง แล้วพอเคลเบรอสพูดออกมาเหมือนกับรู้ตัวจริงของวงเวทย์นั่น เลยทำให้มีอามีน้ำตาปริ่มออกมาเล็กน้อย
〖………………..〗
〝เฮ้ยเจ้าหมา!!! สรุปแล้วยังไงกันแน่!?〞
แล้วเพราะเคลเบรอสไม่พูดออกมาซักที เหมือนกับกำลังครุ่นคิดอะไรบ้างอย่างอยู่ เลยทำให้กรที่สงสัยอยู่แล้วยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่
〝ฮึก!〞
〝มีอา!?〞
แล้วมีอาก็กลั้นน้ำตาที่อัดอั้นอยู่นี้ไม่ไหว จนสะอื้นออกมาในที่สุดแต่เธอก็รีบใช้มือทั้งสองข้างเช็ดในทันทีทั้งที่กำลังถูกกรประคองในท่านั่งพับเพียบเช่นเดิม โดยที่ไม่รู้เลยว่าการทำแบบนั้นจะยิ่งทำให้น้ำตามันไหลออกมามากยิ่งกว่าเดิม กรที่รอฟังคำตอบจากเคลเบรอสก็ยิ่งสงสัยและงงเข้าไปใหญ่เมื่อเกิดสถานการณ์ที่ตัวเองไม่เข้าใจ แต่กรเองก็รู้ว่าเวลาแบบนี้ไม่ควรพูดอะไรจึงได้แต่เรียกชื่อเธอ
〖เจ้าหนู…. ตรานี่หน่ะ มันเป็น….ตราเวทย์ของ…..〗
〝………..〞
แล้วกรที่ได้ยินคำตอบเข้าหลังจากนี้ ก็ทั้งตกใจและโทษตัวเองเป็นอย่างมาก เพราะว่านั่น…มันเป็นการทำให้ มีอาหลังจากนี้ต้องนึกถึงความหลังอันแสนเจ็บปวดที่เธอตัดสินใจว่าจะลืมมันให้ได้ อีกครั้ง….
.
.
.
.
.
〖คนที่เป็น….『ทาส』ยังไงหล่ะ…〗
❖❖❖❖❖